แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - cartoon_2

หน้า: [1]
1
พระอาจารย์จะใช้เข็มจารย์ที่หน้าและลิ้นครับ แล้วปิดทองให้ เสร็จแล้วก็รอรดน้ำมนต์ครับ น้ำมนต์พระอาจารย์ติ่งเข้มขลังมาก ยืนยันเลยครับ ศิษย์ที่สักมาทุกคนมีอาการหลายคนเลยครับ

2
เมื่อไหร่ที่พร้อมก็ไปสักได้เลยครับ ศรัทธาจะทำให้เราไม่เจ็บ สังเกตุดูยันต์ที่เราอยากได้ เราก็จะไม่เจ็บ เพราะอยากได้

3
สักน้ำมันสามารถสักทับกันได้ ส่วนน้ำมันไม่นิยมเพราะมันจะทับกันสเปะสะปะไปหมด ดูแล้วไม่สวย การวางตำแหน่งสักน้ำมัน โดยส่วนใหญ่ อาจารย์เขาจะมีการวางครับ ว่ายันต์นี้ควรอยู่ตำแหน่งใด จะมีเหลื่อมกันบ้าง ทับกันบ้าง แต่ตำแหน่งแทบจะไม่ต่างจากหมึกเลยครับ เช่นเก้ายอดอยู่เหนือสุด เมื่อสักไปแล้ว รอยหายไปแล้ว เมื่อไปสัก 8 ทิศ ก็จะวางตำแหน่งต่ำลงมา เสือก็วางตำแหน่งรองลงไปอีก เป็นอย่างนี้ครับ สำหรับหลังผมนะ ส่วนใหญ่่น้ำมันไม่ซีเรียสครับ และหากวันหลังอยากสักหมึกพระอาจารย์ก็จะวางลายตามแบบของแต่ละท่านครับ

4
อยากสักยันต์วัดบางพระมากครับ อยากทราบสิ่งที่ต้องเตรียมช่วงเวลา 9ล9 ทุกอย่างเลยครับแล้วแต่พี่ๆจะกรุณาเพราะผมแทบจะไม่รู้อะไรเลย :058:

อย่างแรกเตรียมกายเตรียมใจให้พร้อม ที่วัดบางพระเปิดให้สักยันต์ทุกวัน

แนะนำว่าให้ไปถึงวัดเช้าๆหน่อยจะได้ไม่ต้องรอนาน หากไปช่วงวันหยุด หรือวันเสาร์-อาทิตย์ คนจะเยอะมาก

สิ่งที่ต้องเตรียมไปสำหรับใส่ในพานครูสักยันต์ ประกอบด้วย ดอกไม้ ธูป เทียน บุหรี่ ๑ ซอง

หรือจะไปซื้อชุดพานครูที่ทางวัดจัดเตรียมไว้ให้ก็ได้(บริเวณหน้ากุฏิใหญ่) ในราคา ๖๐ บาท

เมื่อได้ชุดพานครูสักยันต์มาแล้ว จะต้องใส่เงินค่าครูสักยันต์ลงไปในชุดพานครู ๒๕ บาท(ใส่มากกว่านี้ได้ แต่ต้องไม่ต่ำกว่า ๒๕ บาท)

แล้วนำไปยกถวายแก่พระอาจารย์ผู้ที่สัก เพื่อมอบตัวเป็นศิษย์ตามธรรมเนียมที่สืบทอดกันมา

เมื่อยกพานครูเสร็จแล้วก็นั่งรอตามคิว ผู้มาถึงก่อนก็ได้สักก่อน ผู้มาทีหลังก็สักทีหลังตามลำดับ

เมื่อถึงคิวและได้สักแล้ว พระอาจารย์ผู้สักก็จะเป่าครอบให้ เป็นอันเสร็จพิธี

หรือจะขึ้นไปบนกุฏิใหญ่เพื่อให้หลวงพ่อสำอางค์ท่านเป่าครอบให้อีกครั้งก็ได้

ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมที่กระทู้ http://www.bp.or.th/webboard/index.php?topic=29616 โชคดีครับ.


ปล.หลวงพ่อสำอางค์ท่านจะเดินทางไปประเทศจีนคืนนี้ (๒๘ พ.ค.) ถึงประมาณวันที่ ๔ มิถุนายน หลวงพ่อชออมท่านจะเป่าครอบรวมถึงลงนะหน้าทองแทนหลวงพ่อสำอางค์บนกุฏิใหญ่.




ของฝากจากพี่เว็บ.. http://www.bp.or.th/webboard/index.php?topic=29541.msg220392#msg220392
ขอบคุณมากครับ เป็นประโยชน์กับสมาชิกใหม่มากครับ ถึงแม้เป็นคำถามซ้ำๆ ก็ช่วยกันตอบนะครับ ช่วยเหลือกันไปในกลุ่มศิษย์บางพระ

7
โชคดีมากครับ พุทธคุณท่านเข้มขลังครับ น้ำมนต์ท่านที่ใครสัก ไปรดน้ำมนต์กับท่าน เห็นทุกรายเลยครับ

8
ขอบคุณครับ เพื่อให้ศิษย์ทั้งหลายได้เข้าใจถึงประโยชน์ครับ

9
สักได้ครับ วัดบางพระไม่มีกฏข้อห้าม ค่าพานครู70 บาท ค่าครู 25 บาทครับ ขอให้ประสบความสำเร็จสมหวังครับ

10
แล้วแต่เมตตาครับ บางครั้งได้ยันต์เดียว บางครั้งสงสัยว่าทำไมนานจังไม่เสร็จซะที เราก็พอเดาลายยันต์ออก แต่ทำไมถึงไปเจ็บไปตำแหน่งอื่น ผลก็คือได้เมตตามาถึง 3 ยันต์ โดยที่เราก็ไม่รู้ คงอาจจะเป็นวันที่เหมาะสำหรับยันต์นี้ท่านก็เลยให้ เป็นเวลาที่เหมาะ

11
ผมเองไม่อยากให้มีการตอบคำถามแบบนี้ในเว็ปฯครับ

อยากรู้ไปถามที่วัด

 พระอาจารย์ทุกท่านสายวัดบางพระเก่งเหมือนกันหมด

เดี๋ยวจะกลายเป็นโฆษณา  ผมเห็นว่าไม่ควรครับ

เดี๋ยวจะกลายเป็นการแบ่งแยก และลบหลู่
ตามนี้เลยครับ ขอบคุณที่มาให้คำตอบกับศิษย์ผู้น้องครับ

12
   สวัสดีครับ ก่อนอื่นเรามาจำกัดความคำว่า ของเหลือ นั้นก็คือคำว่า ของเหลือเดน
อย่างที่เวลาเราไปทานอาหาร เป็นแบบ บุฟเฟ่ อาหารที่เป็นถาดๆ วางให้ตักกันเอง
ผลไม้ที่เป็นถาดใหญ่ๆ ปอกหั่นเตรียมไว้ หรือเวลาอยู่ที่บ้าน กับข้าวที่ใส่ไวในจาน
แล้วพ่อแม่ พี่น้อง ตักไปส่วนหนึ่ง และยังมีอยู่ในจานกับข้าวแล้วเรากลับมาถึงบ้านทีหลัง
แบบนี้ผมว่าไม่ใช่ของเหลือเดน นะครับ

   ผมว่าของเหลือเดน คืออาหารที่กินจนแทบจะไม่เหลืออะไร เช่น ข้าวก้นจานกับเศษอาหาร
ยกตัวอย่าง ไก่ย่างที่กินไปจนหมดแล้ว เหลือเพียงแต่เศษๆเนื้อที่ติดตามชิ้นกระดูก
ก๋วยเตี๋ยวที่กินไม่หมด มีเหลือแค่เส้นลูกชิ้นในชามเล็กน้อย แต่ถ้าเป็นของพ่อกับแม่ถ้าท่านทานไม่หมด
ผมก็ทานต่อเลย เพราะว่าท่านเป็นบุพการีของเรานั่นเอง
ชัดเจนมากครับ ให้คำจำกัดความชัดมากครับ

13
ไปกราบพระอาจารย์ ท่านจะถามเกี่ยวกับหน้าที่การงาน ส่วนตัวบ้าง และจะให้ยันต์ที่เราต้องใช้งานครับ ผมเองไปถึงขอเสือเลยก็ได้ก่อนยันต์ 9 ยอดด้วยซ้ำ เพราะผมคุมคนเยอะเป็นร้อยคน แต่ให้ดีควรขึ้นยันต์ 9 ยอดก่อนนะครับ

14
เขาเรียกว่าเข็มสัก แต่ก็ทำมาจากโลหะใหญ่ แหลมปลายครับ

15
สักได้หมดครับ ไม่ว่าจะเป็นหมึกหรือน้ำมัน ส่วนหญิงหรือชาย ให้ไปที่วัด เดินไปดูตามกุฏิต่างๆก็จะกระจ่างเองครับ

16
แนวพระอาจารย์ปราโมทย์เลยครับ แต่ระวังนะครับบางคนที่ผมพบเห็น จะคิดไปเองครับว่ารู้ ว่านู้น ว่านี่ เกิดจากการได้ยิน ได้ฟัง ได้อ่าน ก็คิดว่ารู้ครับ แต่ก็ขอบคุณครับที่นำเสนอสิ่งดีๆครับ
ขอบคุณที่เตือนครับ การปฏิบัติธรรมคงไม่สามารถระบุแนวไหนได้ เนื่องจากต้องพิจารณาที่จิต หรือยกจิตขึ้นพิจารณา หลังจากทำสมาธิแล้ว บางท่านเรียกดูจิต บางท่านพิจารณาจิต แตกต่างกันไป หาคนที่เจ้าของแนวทางไม่ได้ แม้กระทั่งยุบหนอ พองหนอ ก็จะมีการสืบถอดมาหลายท่าน แล้วแต่จริต จนไม่ทราบว่าเราจะบอกว่าเป็นแนวคุณแม่สิริ หรือหลวงพ่อจรัญดี จริงแล้ววิธีเหล่านี้ในบรรดาผู้ปฏิบัติธรรมมีการปฏิบัติสืบต่อกันมาหลายช่วงอายุคน แต่สิ่งที่เราได้เข้าไปสัมผัสแล้ว เรารู้หรือไม่ว่า หลับตาไปเพื่ออะไร พุทโธเพื่ออะไร ยุบหนอเพื่ออะไร เดินหนอ ย่างหนอ เพื่อะไร ลึกเข้าอีกการพยายามทำให้เข้าถึงปัจจุบันขณะนั้น เพื่ออะไร ไม่ใช่ได้ยินเสียงแล้วรู้ว่าเสียงเท่านั้น มันมีอะไรอีกมาก
 
รู้ไม่รู้อยู่ที่ตน ตนเท่านั้นที่จะบอกได้ว่ามันรู้อะไร มันปล่อยวางอะไรบ้าง เห็นและยอมรับอะไรบ้าง ปิติที่เกิดที่ตัวเราทั้งนั้นครับ

ผมเสียดายช่วงที่บวชอยู่ ตอนนั้นยังวัยรุ่น บวชกับหลวงปู่นิล ศิษย์ที่ตามหลวงปู่มั่นอยู่หลายปี ท่านก็สอนทุกวัน แต่อาจจะเป็นกรรมของผมจึงมองไม่เห็น จนผ่านมาหลายปีพอเริ่มจะรู้ท่านก็ละสังขารไปแล้ว อีกท่านที่สอนผมพิจารณาจิต ดูจิตก็คือหลวงปู่แว่น วัดถ้ำพระสบาย ที่ผมมีโอกาสได้ใกล้ชิดศึกษาธรรม แต่ก็ด้วยกิเลสที่มันหนา มองไม่ออกที่ท่านสอน คิดเข้าใจ แต่ใจมันไม่รับครับ

17
ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย จงคุ้มครองทหาร เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติงานใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ให้ปลอดภัยทุกคน

18
ปัจจุบันขณะที่เราอ่านกันได้ยินกัน มันต้องเกิดจากการรู้ ไม่ใช่คิด หลายท่านอาจเคยอ่านว่า เมื่อได้ยินเสียง ก็ยินหนอ เพื่อให้เป็นปัจจุบันขณะ มันก็เป็นหนึ่งของอายตนะที่รับรู้ภายนอก แต่สิ่งที่ลึกเข้าไปคือการรู้เท่าทัน เพราะจิตมันจะปรุงแต่งอย่างรวดเร็วมาก เร็วกว่าที่เราจะอ่านในตำราด้วยซ้ำ ดังนั้น การดูจิต มองจิตของเราเป็นไปอย่างรวดเร็ว ฝึกจนรู้เท่าทัน มันจะปล่อยวาง

อีกอันที่ผมพูดถึงปิติตลอด ผมก็ไม่รู้ว่ามันเกิดจากอะไร จะเรียกว่าสุขก็ไม่ใช่ มันปลื้มอกปลื้มใจ แต่อย่าไปหลงยึดกับมันเป็นอันขาด ผมชอบนะ แต่มันไม่ทำให้เราพ้นทุกข์ เพราะเราไปยึดติดกับมัน และก็มันมีเกิดดับเหมือนกัน มันทำให้เราหลงอยากเสพมันเหมือนกัน อยากเกิดสภาวะที่เรียกว่าปิติ มันเป็นสภาวะที่ใจไม่สุข ไม่ทุกข์ ใจโปร่งสบาย โล่งไปทั้งตัว คนเลยไปติดมัน แล้วจะทำให้การทำวิปัสนาไปต่อไม่ได้

19
เป็นประสบการณ์ที่อยากถ่ายทอดให้ฟัง เพื่อให้เราเข้าใกล้ปัจจุบันขณะกันมากขึ้น ไม่ใช่ว่าในช่วงเวลากลางวัน เราทำอะไรมากมาย ทั้งหลง ทั้งโกรธ เกลียด ชอบ ดีใจ เสียใจ มทั้งวัน แล้วจึงไปนั่งสมาธิและทำวิปัสสนาในตอนกลางคืน เพื่อไปนั่งดูจิตตนเอง จริงๆแล้วเราต้องรู้ความทุกข์ สุข ที่เกิดขึ้นตลอดเวลา จึงจะทำให้เราเกิดปิติได้ตลอด

วันที่ 1 มกราคม 2556 ผมไม่ได้ไปเที่ยวที่ไหน เพราะปีนนี้ลูกต้องเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว จึงเก็บตัวจากกิจกรรมที่ชอบกางเต็นท์ หันมาพักอยู่ที่บ้านตลอดวันหยุด 5 วัน วันที่ 1 เป็นวันปีใหม่ ผมชวนครอบครัวไปทำบุญที่วัดโดยจัดเตรียมปิ่นโตและเงินใส่ซองถวายพระ เมื่อไปถึงวัด เราก็รีบเอาอาหารในปิ่นโตไปจัดใส่จานเพื่อถวายวัด เมื่อทำเสร็จเราก็ไปนั่งรอเพระมาฉันเพล ระหว่างที่รอยายที่บ่้านที่มาด้วยก็ขยั้นขยอแฟนผมให้เอาเงินในซองไปหยอดตู้ แฟนผมก็เฉยเพราะตั้งใจจะถวายพระ เสียงขยั้นขะยอยังมีอยู่ตลอด ตอนนั้นอารมณ์ผมเริ่มขุ่นแล้ว หงุดหงิดว่าทำไม แต่ขณะที่ไม่สบายใจ ผมก็รีบไปมองที่จิตว่ามันเกิดอะไร เป็นเพราะมันเปิดรับอายตนะให้เข้ามากระทบจิตได้ จึงเกิดการปรุงแต่งอารมณ์ เมื่อเราคิดได้รู้ทันมันก็ปล่อยวาง จิตเกิดปิติขณะนั่งอยู่ในศาลาวัด หากเรามัวแต่ไปให้เหตุผลทางโลกว่าเราต้องการถวายพระมากกว่าใส่ตู้ ต่างคนต่างมีเหตุผลและจุดประสงค์ที่ต่างกันมันเกิดทุกข์ทั้งสองฝ่ายแน่ เราก็เปลี่ยนไปดูที่จิตว่าทำไมมันทุกข์เพราะมันเปิดให้เสียงเข้ามา เมื่อเรารับรู้คำพูด เราก็มาปรุงแต่งอารมณ์ ความไม่พอใจมันถึงเกิด เมื่อเห็นแบบนี้ เข้าใจแล้ว จิตก็ปล่อยวาง ไม่ทุกข์แล้ว

เมื่อพระฉันเพลเสร็จ เด็กที่วัดจะนำเอาถาดอาหารที่เหลือจากการฉันมาให้พวกเราได้กินต่อเพื่อเป็นมงคลที่ได้กินข้าวกันบาตร อาหารและผลไม้ที่อยู่ในถาดผมมีแต่ของดีดีทั้งนั้น แต่แล้วก็มีคุณยายเข้ามาแบ่งอาหารออกไป แบ่งผลไม้ออกไป จิตมันรู้สึกหวง เกิดความโลภ คิดว่าเป็นของของตนซะแล้ว ทุกข์เริ่มเกิดอีกแล้ว เมื่อเราหันไปดูจิต จะพบว่า นี่แหละที่เขาเรียกว่าตัวกูของกู ไปยึดมั่นถือมั่น ยึดกับตัวตน กายหยาบ จนเกิดทุกข์ จิตติดโลภเกิดขึ้น ทั้งที่อากหารเหล่านี้เมื่อผ่านลิ้นไปแล้วก็ไม่มีอะไร ย่อยเสร็จก็เป็นของเน่าเหม็น ไม่ได้เป็นทองคำเลย เมื่อจิตรู้ทันมันก็ปล่อยวาง ไม่เกิดความอยากที่จะรู้รสของอาหาร ความโลภ หลง ก็หายไป ปิติก็เกิดอีกครั้ง

สิ่งที่ผมถ่ายทอดให้ทุกท่านได้อ่าน หรือเขียนให้เห็นสิ่งที่ผมพบเจอมา เพื่ออยากให้ทุกท่านเห็นว่า การดูจิต เห็นจิต หรือการรู้เท่าทัน มันต้องเกิดขึ้นทุกขณะ ไม่ใช่แค่ได้ยินหนอ ยินหนอ แต่ใจครุกรุ่นไปแล้ว หรือการทำวิปัสสนามันเกิดได้ทุกอริยาบท เกืดได้ทั้งวัน ไม่ต้องรอก่อนอน 15 นาทีแล้วจึงไปนั่งสมาธิ สามารถพิจารณาได้ทุกขณะจิต  ซึ่งจะทำให้เราเข้ากิเลสอย่างหยาบ ไปจนถึงกิเลสอย่างละเอียดได้

บทความนี้ถ่ายทอดจากประสบการณ์ผม ไม่ขอกล่าวอ้างโอ้อวดอันใด ที่จะหลบลู่ผู้รู้ท่านอื่น เป็นการแลกเปลี่ยนประสบการณ์มุมมองเท่านั้นครับ

20
ผมก็ต้องไปลงอีกแล้ว ฝันเห็นพระอาจารย์แป๊วที่ไร ต้องไปวัดและสักทุกครั้ง ครั้งนี้ก็ฝันอีกแล้ว คงต้องไปอีกแล้วครับ

21
แนะนำว่า ยันต์ไม่ใช่คำตอบและตัวช่วยเลยเสียทีเดียว จะต้องมีสิ่งอื่นๆประกอบด้วย

เช่น การพูดจา ทักทายยิ้มแย้มแจ่มใส สังเกตุพฤติกรรมของลูกค้าว่าอันไหนชอบหรือไม่ชอบ

หมั่นทำบุญ ใส่บาตร กรวดน้ำเพื่อเป็นบุญหนุนนำเราบ้าง ส่วนเรื่องราวที่ว่าอยากจะสัก แนะนำให้หาเครื่องราง

ไปบูชาดูก่อนก็ได้ และถ้ามมีโอกาส ก็แวะมากราบหลวงปู่เปิ่น ขอพรขอบารมี และลงนะหน้าทอง สาริกาลิ้นทอง

และถ้าอยากจะสักจริง ให้ศึกษาข้อมูลจากในบอร์ดเยอะๆ อ่านแล้วคิดตีความเนื้อเรื่องให้ดี ครับ
ชัดเจนมากครับ ของที่ขายด้วยครับ ตัวเราด้วยครับ

22
ยันต์สาลิกา นะมหาละลวย ไปสักกับพระอาจารย์ได้ ไปศึกษาที่วัด ขอเมตตาจากท่าน บอกท่านว่าจะไปค้าขาย เดี๋ยวท่านเมตตาเองครับ

23
ยินดีด้วยครับ ขอให้หลวงพ่อเปิ่นคุ้มครองให้ปลอดภัยและก้าวหน้าในหน้าที่การงานครับ

24
ผมเคยไปเก็ยศพไร้ญาติที่ขอนแก่น ขุดโครงกระดูกขึ้นมา หัว แขน ขา ส่วนอื่น เนื้อหายไปหมดแล้ว เหลือแต่โครงกระดูก แห้งหมดแล้ว แต่บริเวณหลังที่สักยันต์ ยังเป็นเนื้อคนดีๆๆ นี่เอง เป็นเนื้อที่นุ่มๆ มีขนเส้นเล็กๆมากมาย ไม่มีอาการเน่า

25
ไม่ทราบว่า วัดยุแถวไหนหลอ ครับพอดีผมเป็นเด็กปัตตานีใกล้วัดช้างไห้ หน่ะครับ ในใจ แล้วต้องไปประมาณกี่โมวหลอครับ
วัดอยู่นครปฐม บางพระ ควรไปถึงแต่เช้าจะได้กลับทันรถทัวส์เที่ยว 1 ทุ่ม ถึงปัตตานีก็สายๆพอดีครับ

28
เจอกันครับวันไหว้ครู

29
มีเพชรพญาธร ม้าเสพนาง กวางเหลียวหลัง เป็นยันต์เมตตา

30
ที่สำคัญ เช็ควันดีๆ นะครับ วันพระ สักไม่ได้  อิอิ

วันพระก็สักได้นะครับ...ที่วัดบางพระสักได้ทุกวัน
วันพระก็สักได้ครับ

31
ขอบตุณครับสำหรับประสบการณ์สำคัญ

32
โชคดีครับ ที่ได้รับเมตตาจากพระอาจารย์ ขอให้ยึดมั่นในความดี พุทธคุณจะคุ้มครองครับ

33
ทรงพระเจริญ

34
ตามข้างต้นเลยครับ

35
เรื่องนี้สำคัญมาก ทำไมเราต้องกล่าวถึงจิตที่เป็นกุศล และจิตที่ไม่เป็นกุศลหรืออกุศลจิต เพราะจิตเมื่อไหร่ที่ไม่เป็นกุศล เวลาเราพิจารณาจิต เราจะดูจิตไม่ออก ว่าจิตทุกข์หรือสุข จิตทุกข์เพราะอะไร มันไม่ชัดเจน

จิตที่ติดกิเลสเป็นจิตที่เรียกว่าอกุศลจิต เป็นจิตที่ติดโลภ ติดโกรธ ติดหลง นั่นคือจิตที่ติดกิเลส จิตที่ติดสุขก็ใช่ว่าจะเป็นกุศลจิต สุขที่เกิดจากการปรุงแต่ง สุขที่ได้รับจากการสนองความอยาก ก็เป็นจิตที่ติดในกิเลส ดังนั้นจิตที่ดีที่เป็นจิตที่เป็นกุศล ก็คือจิตที่เป็นกลาง ไม่ยินดี ยินร้ายต่อทุกข์และสุข เมื่อเราสามารถปฏิบัติได้ จะทำให้เราดูจิตของเราได้ชัดเจน เป็นพื้นฐานในการพิจารณาขันธ์ 5 เราเป็นไปอย่างดี 

36
สิ่งที่ผมอยากถ่ายถอดประสบการณ์อีกเรื่อง ดูเหมือนจะเขียนซ้ำซาก เน้นเหลือเกินกับบางสิ่ง เหตุเป็นเพราะผมหลงทาง หลงทางจาการอ่านตำรา หลงทางกับการบอกเล่าที่ผมเองไม่รู้ว่าโดยนัยแล้วต้องเป็นอย่างไร เมื่อพิจารณาจะใช้ความคิดโดยมีพื้นฐานมาจากการอ่าน การศึกษาด้วยตนเองเป็นส่วนใหญ่ สิ่งที่จะทำให้เห็นทุกข์ เห็นเหตุแห่งทุกข์ ตลอดจนวิธีดับทุกข์ เป็นไปได้ยากมาก เพราะจิตที่เป็นอกุศล เมื่อมาพิจารณาจิตประการหนึ่งแล้ว ไม่สามารถวิเคราะห์หรือเห็นจิต เห็นอารมณ์ตนเเองได้อย่างชัดเจน ซึ่งส่วนหนึ่งก็คือการวิเคราะห์จากความคิด จากประสบการณ์ที่มีมา ซึ่งจะเป็นจิตที่มันคิด การเกิดสติก็เกิดจากการตั้ง ซึ่งมันไม่ถูกต้อง ทุกข์ที่เกิดมันก็มองไม่เห็น แก้ไม่ได้

จิตรู้ ก็คือการรู้ รู้ว่าตอนนี้โกรธทันทีที่โกรธ ให้รู้ รู้ว่าหลงให้รู้ว่าจิตหลง ซึ่งต่างจากจิตคิด คิดว่าโกรธ โกรธหนอ โกรธหนอ อย่างนี้เป็นต้น การรู้มันจะรู้โดยทันที รู้โดยตัวมันเอง มองดูแล้วรู้ ซึ่งเมื่อเรายกจิตขึ้นพิจารณา เราจะเห็นจิตที่ติดในกิเลสก็ให้รู้ เห็นเกิดก็รู้ เห็นตั้งอยู่ก็รู้ เห็นดับก็รู้ รู้จนจิตมันยอมรับการเกิดดับทั้งหลาย เห็นโกรธ แล้วโกรธก็ดับไป เห็นราคะ ราคะก็ดับไป อย่างนี้ มองดูอย่างเข้าใจ เมื่อใดที่จิตยอมรับมันจะปล่อยวางทันที การปล่อยวางเกิดจากจิตที่รู้ รู้จากปัญญา ไม่ใช่จิตไปนั่งคิด ซึ่งถ้าเราทำได้ เราจะรู้สึกจิตมีความสบาย เบา 

37
ผมเขียนไป 2-3 กระทู้ ได้พูดถึงการเห็นเกิดดับของรูปและนาม บางคนที่อ่านมากก็สามารถอธิบายให้ฟังได้อย่างชัดเจน บางคนอ่านตำรานั้นตำรานี่ ก็จำเอาว่า เมื่อเราเห็นเกิดดับของรูปและนามและต้องยอมรับว่ามันเป็นธรรมชาติ แต่การยอมรับนั้นมันมาจากการเรียน การอ่าน ยังไม่ใช่การยอมรับของจิต ที่เห็นและยอมรับในในสภาพที่เรามองเห็น หรือที่เราได้สังเกตุดู การมองดูจิตของเราในเรื่องของนามจนเราเห็นจนเกิดการยอมรับ เมื่อเราเกิดอารมณืโลภ ความรู้สึกของเรา เราจะรู้สึกอยากได้ อยากได้ของคนอื่น อยากได้มากกว่าคนอื่น เป็นต้น หากเรามีสติ สติเป็นตัวสำคัญที่จะทำให้เราได้วิเคราะห์มองสภาวธรรมที่เกิดขึ้น รู้ว่าเกิดความอยากได้ รู้การปรุงแต่งจากความอยากที่เกิดขึ้นอย่างมากมาย

รู้เท่าทัน ก็คือการเห็นจิตที่มันติดใน โลภ โกรธ หลง ดูจนเข้าใจในสภาวะที่เกิดขึ้น จนจิตยอมรับมัน เห็นการเกิดดับเป็นจริง การปล่อยวางจะเกิดขึ้น การมองดูจิต ดูสังขาร ดูผลกระทบที่เกิดจากอายตนะทั้ง 6 อันประกอบด้วย หู ตา จมูก ลิ้น กาย ใจ เป็นทวารที่ให้จิตสัมผัสกับอารมณ์ภายนอก

การรู้เท่าทันตัวเราต้องมีสติ หลายท่านที่ปฏิบัติอาจจะใช้ว่า การรู้ปัจจุบันขณะ นั่นคือการไม่พยายามไปปรุงแต่งจนทำให้เกิดทุกข์มากมาย และต้องมองเห็นเกิดดับได้อย่างชัดเจน

 

38
สนทนาภาษาผู้ประพฤติ / จิตดื้อ
« เมื่อ: 25 พ.ย. 2555, 05:03:54 »
สำหรับผู้ที่เริ่มปฏิบัติธรรม การหลับตาท่องพุธเมื่อหายใจเข้า โธเมื่อหายใจออก หรือ ยุบหนอพองหนอตามอาการหายใจของเราที่ประมาณว่าเมื่อมีอากาศในร่างกายเราตัวเราจะพอง เมื่อหายใจออกร่างกายเราจะยุบ ซึ่งทั้ง 2 วิธีล้วนแต่ฝึกให้เรามีสติ รู้ปัจจุบันขณะ จิตไม่ส่งออกนอก เมื่อเรานั่งท่องพุทโธ เผลอแป๊บเดียว ไปนึกถึงเรื่องอื่นซะแล้ว จิตวิ่งไปโน่นไปนี่ เหมือนเด็กที่ซนและดื้อ พอมีสติก็ตามจิตกลับมา หลายคนที่ตั้งใจถึงกับเกร็งหน้าเกร็งตา เพื่อไม่ให้ตนเองเผลอ

จิตที่ไม่ถูกฝึกมันเหมือนเด็กดื้อวิ่งเล่นซนไปทุกจุด อายาตนะเมื่อเปิด จิตจะวิ่งไปทุกที่ หูได้ยินจิตวิ่งไป ปรุงแต่งตามอารมณ์ จมูกได้กลิ่น จิตก็ปรุงแต่ง ลิ้นรับรสก็ปรุงแต่ง มันดื้อมันซนจนเวลาเรานั่งทำสมาธิ มันก็จะวิ่งซนไปเรื่อย หลายท่านจึงเบื่อเพราะไม่สามารถควบคุมจิตให้เกิดสมาธิได้ มีการบังคับให้เกิด ยิ่งนั่งสมาธิยิ่งเครียด

หลายท่านที่มีปัญหาจิตส่งออกไปนอกมาก นั่งท่องอยู่ก๊แว็บไปเรื่องนั้นเรื่องนี้แล้ว อทนที่จะไปตามจิตให้กลับมา เราควรนั่งดูจิตไปเลย อยากไปไหนก็ตามไปดู เพราะเราจะเป็นผู้ดูเด็กดื้อมากกว่าที่เราจะตาม ดูไปเออ...ไปเรื่องนี้แล้ว ให้เรารู้...ว่าวิ่งไปเรื่องนี้ ตามดูไปเรื่อย เป็นผู้ดูไม่เครียดไม่เหนื่อย เมื่อเรารู้ทันจิตก็จะกลับมารวมเอง อย่าคอยวิ่งตามให้เครียด 

39
สนทนาภาษาผู้ประพฤติ / ขันธ์5
« เมื่อ: 25 พ.ย. 2555, 09:32:24 »
ในอดีตเวลาอ่านหนังสือธรรมะ เราจะพบเห็นมากมาย หลายพระอาจารย์ที่กล่าวถึงขันธ์ 5 อ่านเท่าไร ฟังเท่าไรก็ไม่เข้าใจ หลังจากเริ่มเห็นทางสว่าง การยกจิตขึ้นพิจารณา ถึงเกิดความเข้าใจ ปัญญาที่เกิดจากการศึกษาภายในตัวเราเอง ความสงสัยว่า ทำไมพระพุทธองค์ถึงแบ่ง รูปเพียง 1 แบ่งนามถึง 4 ความรู้เข้าใจในจิตนั้นมันละเอียดมาก พระพุทธเจ้าทรงพิจารณาอย่างละเอียด เราจะเห็นข้อเท็จจริงที่ว่า การเห็นรูปนั้นดูได้ง่าย เข้าใจธรรมชาติได้ง่าย เห็นเกิด เห็นตั้งอยู่ และดับไปได้ง่าย เช้น เห็นผิวหนัง ที่เกิดมาแทนที่ และคงอยู่ สุดท้ายก็หลุดออกเป็นขี้ไคลไป ส่วยจินนั้นมันละเอียด ท่านจึงแบ่งให้พิจารณาถึง 4

เวทนา อันเป็นความรู้สึกในจิตใจ เกิดความรู้สึก ร้อน หนาว เย็น สุข ทุกข์ มันเป็นอารมณ์ที่เกิดขึ้น
สัญญา ความระลึกได้ จำได้ บางครั้งการจำได้ว่า ถ้าเป็นแบบนี้เราจะไม่พอใจ ถ้ามีคนพูดแบบนี้เราจะพอใจ การระลึกจำได้ถึงรสชาติต่างๆ สิ่งเหล่านี้ล้วนทำให้เราเกิดเวทนา ความรู้สึกต่างๆที่เกิดขึ้น
สังขาร เป็นตัวปรุงแต่ง ปรุงแต่งอารมณ์ของเราไปตามสิ่งที่เราพอใจ ต้องการนึกคิด ปรุงแต่งไปตามอารมณ์ ความอยาก ปรุงไปเรื่อยๆจนเกิดเวทนามากมาย
วิญญาน คือตัวเรา ตัวรับรู้ ว่าสิ่งที่คิดสิ่งที่ทำนั้นถูก เรารับรู้สิ่งที่คิด ตัวกูของกูเกิดตรงนี้

หากเราเข้าใจขันธ์ 5 เราจะเห็นว่าขบวนการที่มนุษย์เกิดทุกข์มาจากอะไร ความรู้สึกไม่พอใจเกิดจากอะไร เกิดสัญญาที่ว่าถ้านาย ก. มาลูบหัวเราไม่เป็นไร เพราะเรานับถือ แต่ถ้าคนอื่นไม่ได้ โกรธ สัญญามันจะจำ ระลึก ส่งอารมณ์ไปที่เวทนา ความไม่พอใจเกิด สังขารก็ช่วยปรุงแต่งอารมณ์

หากเราพิจารณาแล้ว เข้าใจแล้ว เรานั่งดูจิตเราแล้ว เข้าใจขั้นตอนต่างๆแล้ว เราจะเห็นธรรมชาติของจิต เป็นไปตามหลัก มีเกิด มีตั้งอยู่ ดับไป เป็นธรรมชาติ หากเราเข้าใจไปถึงขันธ์ 5 เรายิ่งรู้เท่าทันจิต จิตไม่สามารถปรุงแต่งอีกต่อไปได้ จิตจะปล่อยวางทันที เวทนาก็จะไม่เกิด

ปัญญาที่เกิดจากธรรมะของพระพุทธเจ้ายิ่งใหญ่นัก มันอยู่ใกล้ตัวเรา ภายในตัวเรา จิตที่ดีคือการรู้เท่าทันจิต การปล่อยวางทั้งสุขและทุกข์ จิตที่ไม่ติดกิเลสย่อมสามารถพิจารณาข้อเท็จจริง โดยไม่เข้าข้างความคิด วันนี้เข้าใจแล้ว สมาธิทำให้เกิดปัญญา ปัญญาที่เกิดขึ้นต้องทำให้เกิดผู้รู้ ปัญญาที่เกิดจากการศึกษาตัวเราเอง ไม่ใช่ปัญญาที่เกิดจากสมการคณิตศาสตร์ ไม่ใช่เกิดจากการเคาะระฆังแล้วไปนั่งจำเอา มันเกิดจากความเข้าใจในขันธ์ 5 มากกว่า

การปล่อยวางทั้งสุขและทุกข์ย่อมเป็นหนทางแห่งความสงบที่แท้จริง  เมื่อมีสุขจิตติดในสุขเมื่อสุขดับไป ก็อยากแสวงหามัน ล้วนแต่เกิดเป็นทุกข์

41
ขอให้ตั้งมั่นในความดี คิด ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ

42
รับทราบ ขอบคุณที่มีพื้นที่ให้ศึกษาครับ

43
สวยครับ ขอให้พุทธคุณในยันต์จงคุ้มครองครับ

46
ความตั้งใจตั้งแต่สมัยเด็ก พยายามศึกษาแนวทางปฏิบัติของเถระอาจารย์ โดยเฉพาะสายหลวงปู่มั่น อ่านมากแล้วมาปฏิบัติเอง โดยที่ไม่มีใครสอน หรือแนะนำ การหลับตาแล้วท่องพุทโธตลอดเวลาจนจิตเกิดการรวม แล้วรู้สึกตัวลอยขึ้นจนต้องเอามือตบพื้นเพราะตกใจ ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่สามารถทำได้ เกิดการติดใจในหนทางนี้ หวังจะให้ตัวลอยอีกครั้งแต่ก็ไม่สามารถทำได้ ผมใช้เวลาทำมาเรื่่อยวันละ ครึ่งชั่วโมงถึงหนึ่งชั่วโมง จนเข้าถึงวัยครบบวช จึงตัดสินใจบวชกับหลวงปู่นิล สายพระอาจารย์มั่น ช่วงที่บวชจึงเข้าใจว่าสิ่งที่เรานั่งหลับตาเพื่อให้จิตสงบแล้วอยากตัวลอยอีกนั้น มันไม่ใช่หนทางแห่งการพ้นทุกข์แน่นอน จิตมันติดกิเลส ผมบวชสั้นมากเพราะต้องสึกออกไปเรียนต่อ ป.โท บวชอยู่ 14 วัน สึกออกมา ยังนั่งทำสมาธิอยู่ตลอดเวลา จิตสงบนิ่ง แต่มันเป็นการสงบที่เราไปบังคับมัน ให้ไม่คิด ไม่ให้ฟุ้งซ่าน มันสามารถเกิดสมาธิได้ แต่อะไรละคือปัญญาที่จะเกิด

ผมหลงทางอยู่ในสมาธิมาหลายปี จนอายุปาเข้าไป40กว่าปี ถึงมีโอกาสไปปฏิบัติธรรมที่สายยุบหนอพองหนอ ผมไป 7 วัน โดยที่ทำงานส่งไปอบรมวิปัสนากรรมฐาน ที่จังหวัดฉะเชิงเทรา ผมได้ฝึกปฏิบัติเพื่อให้รู้ปัจจุบันขณะตามวิธีของสำนักที่มีวิทยากรเป็นผู้ให้ความรู้ ย่างเข้าวันที่ 5 แล้ว ผมยังค้นไม่พบว่า หลังจากสมาธิแล้วต่อไปคืออะไร อะไรคือปัญญาที่เราจะรู้จากการปฏิบัติ คืนนั้น ผมนอนอยู่ในกุฏิเล็กๆ ผมฝันว่ามีปะขาวทั้งชายหญิงมานั่งไหว้ที่ข้างเตียงในห้อง ผมสดุ้งตื่นขึ้นมา ยกมือสาธุ มาครั้งนี้คงสามารถค้นพบสิ่งที่จะศึกษามาได้แน่

เช้าตี 4 ผมเดินไปที่ศาลาที่ปฏิบัติธรรม เสียงระฆังที่ผู้ช่วยวิทยากรตีลั่น เพื่อเรียกผู้ปฏิบัติให้มารวมกันเพื่อปฏิบัติธรรม ก่อนปฏิบัติธรรม ผู้ช่วยวิทยากรบอกว่า สมาธิทำให้เกิดปัญญา ดังนั้นใครที่มีสมาธิย่อมจะรู้ว่า เขาตีระฆังไปกี่ครั้ง ถ้าใครมีสมาธิจะตอบได้ ผมเริ่มปฏิเสธในใจ มันจะเป็นไปได้อย่างไร ไม่มีเหตุผล ถ้าใครไม่ตั้งใจจะนับ จะรู้เลยโดยการนั่งทำสมาธิได้อย่างไร ใจเกิดการไม่ยอมรับ เกิดความไม่พอใจ พอวิทยากรตัวจริงมา ก็มาทักทายทุกคน แล้วก็เน้นไปทักทายผู้ปฏิบัติที่เป็นผู้หญิงท่านหนึ่ง ถามว่า เมื่อคืนลูกส่งกระแสจิตไปหาแม่เหรอ แม่สามารถรับได้ ผู้ปฏิบัติท่านนั้นนั่งงง หน้าเด๋อตามรับลูกไม่ทัน ผมถามว่าสิ่งกล่าวกันมาว่ามีกระแสจิตนั้นใช่หนทางที่เราปฏิบัติหรือ มันไม่ใช่หนทางที่พระพุทธเจ้าสอน การอวดว่ามีฤทธิ์จิตติดกิเลสแน่นอน ผมตัดสินใจลุกออกจากศาลา เดินกลับไปที่กุฏิ ความหวังจากเมื่อคืนที่ว่ามาครั้งนี้คงค้นพบอะไรดีดีแน่เริ่มลิบหรี่ลง ผมเข้าไปนั่งในห้องตัดสินใจปฏิบัติตามวิธีปฏิบัตืที่เคยศึกษามาสมัยบวชเรียนสายพระป่ามา ตั้งใจเลยว่า ถ้าวันนี้ไม่พบอะไรจะไม่ออกไปกินข้าว กินน้ำ แล้วผมก็นั่งทำสมาธิ ทำเท่าไรก็ไม่สงบ บังคับให้มันสงบ ไม่ให้วอกแวก มันก็สมารถสงบได้ แต่ยังไม่กล่าที่จะยกจิตขึ้นพิจารณา เพราะกลัวหลุดจากสมาธิ เวลาผ่านไปนาน อาการหิวก็เกิด หิวน้ำมาก จนมันจะไม่เกิดสมาธิแล้ว เลยตัดสินใจยกจิตขึ้นดู หลุดเป็นหลุด เอาจิตนั่งดูจิต เห็นจิตมันไม่สงบ ที่มันไม่วอกแวกเพราะเราไปบังคับมัน จิตมันติดโทสะ จิตเริ่มถอยมาดูจิต เห็นจิตที่ติดโทสะ เริ่มนั่งดูเห็นความไม่พอใจ มันสูงยิ่งดูแล้วยิ่งสูงขึ้น ดูไปเพลินไปจนถึงจุดหนึ่งมันค่อยๆลดลง ลดลง เริ่มเห็นแล้วว่ามันเกิด มันตั้งอยู่ แล้วมันเริ่มจะดับแล้ว แต่ถ้าจะดับให้หมดเลยคือการให้อภัย เราคิด ใหเอภัย แต่ก็ไม่เห็นมันหมดไปจากจิต เพราะเราใช้การคิด จนพิจารณาไปเรื่อย อภัยที่จะให้มันหายไปได้ คือทุกสิ่งต้องทำมาจากจิตไม่ใช่คิด ไม่ใช่เรียนรู้ จิตเห็นจิต เข้าใจจิต จิตปล่อยวางโทสะ เกิดความสบายใจทันที ปิติเกิดทันที ความเบาความสบายที่ไม่เคยเจอในโลกนี้มันเกิดแล้ว มันเย็นจากข้างใน อธิบายไม่ถูกมันปลื้ม จิตนั่งดูจิตไปเรื่อยๆ เห็นกิเลสที่เป็นโทสะมากกมาย ที่ติดอยู่กับเรา เมื่อรู้เท่าทันเข้าใจ การเกิด การตั้งอยู่ แล้วดับไป จิตปล่อยวางทันที ผมเริ่มดูกิเลสอย่างหยาบทั้ง โลภะ โทสะ โมหะ เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น เห็นการรู้เท่าทัน จิตเริ่มปล่อยวาง ผมเกิดปิติขึ้นอย่างมาก

เริ่มเข้าใจว่าสมาธิทำให้เกิดปัญญานั้นหมายถึงอะไร ปัญญาที่เกิดล้วนแต่ศึกษาจากร่างกายเราทั้งนั้น ไม่ต้องไปสนใจภายนอกเลย เห็นข้อเท็จจริง วันนั้นผมรู้ว่ามาครั้งนี้ผมได้รับแล้ว รู้และเป็นแนวปฏิบัติที่ดีสำหรับผม ผมหลงทางมา 30 ปีกว่าจะเห็นทางกับเขาบ้าง

ผมจากที่ไม่เคยเข้าใจขันธ์ 5 เริ่มเห็นความหนักของมันแล้ว เห็นเกิดดับ ที่มันเป็นธรรมชาติ เริ่มเข้าใจสิ่งที่พระพุทธเจ้ากำหนด รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาน เห็นรูปเห็นนาม

ผมก้มกราบพระพุทธในห้องอย่างสุดซึ้ง ท่านเป็นที่สุดจริงๆ ที่เราศึกษามันไม่ไกลตัวเลย มันอยู่ใกล้ๆนี่เอง

ผมอาจใช้เวลาเขียนในช่วงสั้น ไม่ได้ผ่านการขัดเกลา เป็นการทอดแลกเปลี่ยนสิ่งที่ประสบกับอีกหลายท่าน ไม่ประสงต์จะอวดหรือลบหลู่ผู้ใด ด้วยความรู้อันน้อยนิดกับประสบการณ์ที่ไม่มาก ถ่ายทอดออกมาเมื่อมีโอกาส เพียงเพื่อหวังว่าไม่อยากให้ท่านอื่นหลงทางในสิ่งที่ตนเคยหลงทางมาหลายปีครับ 


48
รีบไปถึงแต่เช้าแล้วกันครับ ผมเคยไปบ่ายๆ ท่านหยุดสักไปแล้วอดประจำเลยครับ หลวงพี่ญาท่านเป็นพระอาจารย์ที่มีเมตตาสูงครับ เข้าหาท่านเลยครับ

51
ได้ครับ ยิ่งดีครับถ้าท่านเมตตาให้ จะสุดยอดมากครับ ยิ่งท่านได้ไปสวดมายิ่งดีครับ จิตเป็นสมาธิ อนุภาพของยันต์ยิ่งสูงครับ

52
ท่านมีเมตตาสูงครับ เคยไปนั่งเฝ้า ใครลงนะเสร็จแล้วก็จะมารดน้ำมนต์ ผมก็เอากับเขาทุกรอบ พระอาจารย์เห็นหลายรอบ บอกเดี๋ยวเนื้อก็เปื่อยหรอก แต่รับน้ำมนต์ทุกที มีให้เห็นอาการทุกครั้งครับ

55
ยันต์ที่ว่านี้ต้องไปสักที่วัดท้องไทรครับ โดยสักที่หน้าขา เวลาบูชาต้องใช้เหล้าขาวทา แล้วท่อง อุกะปะสะหะนะพุท 9 จบ ลูบเข้าหาตัว ไม่ต้องสักยันต์ครูครับ สักยันต์ที่ว่าได้เลย ตอนนี้เขากำลังสักเพื่อนำรายได้ส่วนหนึ่งเข้ามาร่วมทำบุญให้หลวงปู่อั๊บซึ่งมาณภาพไปแล้วครับ ค่ายกครูบุหรี่ 1 ซอง ยกครู 200 บาทครับ

56
ผมไปหามาแล้วนำมาลงให้อ่านกันครับ

http://www.bp.or.th/webboard/index.php?topic=3353.0

57
พี่ชายครับ คือหลังผม มี ยันต์ครู 9 ยอดแล้วครับ แต่ผมอยากจะไป ฝากเป็นศิษย์วัดบางพระครับคือ ของดีติดตัวครับ แล้วจะรักษาด้วยครับ
จะมีโอกาศได้ ฝากตัวเป็นศิษย์ไหมครับ
ไปถามพระอาจารย์ที่วัดเลยครับ ขอให้โชคดีนะครับ :002:
เห็นด้วยครับ ขอจากพระอาจารย์เลยครับ หลายท่านอาจเป็นห่วงเพราะยังเด็ก การตัดสินใจไม่ดีพอ ถึงเวลาไม่อยากได้แล้วจะลำบาก บางที่อาจจะมีผลต่อการทำงานในอนาคต แต่มองอีกแง่ก็ดีครับ เพราะศิษย์บางพระยึดมั่นในศีล ในคุณธรรม เราก็จะได้เยาวชนที่ดีครับ

58
ผมสักกับพระอาจารย์แป๊วครับ พระอาจารย์อื่นที่ไม่เปลี่ยนหมึกไม่กล้าสัก เห็นแล้วถอยก่อนเลยครับ ผมว่าใครมีความรู้ทางด้านการแพทย์ ถ้ามีโอกาสไปแนะนำให้ความรู้เรื่องนี้กับพระอาจารย์ทั้งหลายก็คงดีครับ แต่พระอาจารย์ผมเปลี่ยนทุกครั้งครับ
1.แอลกอฮอล์ถ้าเปิดขึ้นมาแล้วผมไม่มั่นใจว่ามั่นจะอยู่ได้ในสภาพปกตืกี่ชั่วโมง เพราะจุดเดือดมันต่ำมาก ระเหยเร็ว ความสามารถในการฆ่าเชื้อมีนานเท่าใดหลังจากเทลงแก้ว
2.อาจจะมีงานวิจัยที่ศึกษาเข็มที่ทิ่มตำหลังจากมีการใช้งานกับผู้ติดเชื้อ HIV แล้ว นั่นคือการทิ่มตำเพียง 1 ครั้ง แต่การสักเป็นการย้ำลงบนผิม จำนวนมาก ถ้าเอาเปอร์เซนต์มาคำนวณจากจำนวนในการสักแล้ว มีโอกาสสูงมากครับ เข็มที่เปื้อนเลือดตลอดเวลา แช่อยู่ในหมึกหรือน้ำมัน แล้วไปสักต่อไปหลายๆคน
3.โรคที่ติดต่อทางเลือดมีมากกว่า HIV เป็นเรื่องที่น่ากลัวมาก แล้วโรคเหล่านี้ติดต่อจากเข็มเท่านั้น
4.ผมไม่อยากให้หลายคนประมาท การให้ความรู้ไม่ใช่สิ่งเสียหลายครับ
5.ผมให้มุมมองอีกด้านหนึ่งเท่านั้นะครับ ไม่ได้มีเจตนาเป็นอื่น ถ้าสามารถป้องการติดเชื้อจากคนไปยังอีกคนได้จะเป็นเรื่องดีครับ อาการติดเชื้อจากการสักลองเซริทซ์ดูในเว็บดูได้ครับ
6.ผมยังศรัทธาในหลวงพ่อเปินไม่เสื่อม ยังรักที่จะสักกับพระอาจารย์แป๊วต่อไป เพราะท่านระมัดระวังเรื่องนี้ ผมเคยไปสักกับอาจารย์กบที่อยุธยาก็ไม่เปลี่ยนหมึกจุ่มลงขวดเลย ผมก็ไม่ไปอีกเลย กลัวครับ
7.ล่าสุดผมมีอาการม่านตาอักเสบเนื่องจากภูมิคุ้มกันผิดปกติ ผมถูกจับตรวจทั้งร่างกาย โชคดีที่ไม่มี HIV SLE แต่ก็ยังเป็นที่สงสัยของหมอว่าทำไมถึงเกิดที่ตาได้ทั้ง 2 ข้าง เป็นภูมิคุ้มกันที่ผิดปกติ ปัจจุบันผมรักษามา 5 เดือนหายเป็นปกติ แต่ยังต้องเฝ้าระวัง แต่ไม่ใช่ว่าสิ่งที่ผมเขียนจะเกี่ยวข้องกับการสักนะครับ มันเป็นอาการกังวลมากกว่า พอไปตรวจเลือดรอดปลอดภัย ผมก็เลยมุ่งมาที่พระอาจารย์แป๊วท่านเดียวครับ

เป็นสิ่งที่ผมแชร์นะครับ ขอบคุณทุกความเห็นครับ

59
ยังลงเหมือนเดิมครับ ค่าพานชุดใหญ่ 100 บาท เงินใส่พานยกครู 25 บาท ครับ ถ้าให้ดีไปแต่เช้าก่อนเพลแล้วกัน หลังเพลก็ยังลงให้ครับ

60
ไปปรึกษาพระอาจารย์แป๊วเลยครับ ท่านมีคำสอนดีๆๆ มีทางออกให้ครับ

63
โดนแค่สักนะหน้าทองผมยังกลัวเลย มือหนักมากครับ แต่ได้เมตตาจากท่านสุดยอดแล้วครับ เพราะท่านแทบจะไม่สักแล้วมั้งครับ

64
ขอบคุณครับ

65
กราบอาลัยหลวงปู่ครับ

66
สักมาเหมือนกันครับ ตั้งใจยกพานเดียวตลอดที่ไปทุกครั้ง แต่ก็ได้รับเมตตาจากพระอาจารย์ ได้มามากกว่า 1 ยันต์ สูงสุด 4 ยันต์ เพราะเวลาพระอาจารย์ถามหรือคุยด้วย ท่านก็จะทราบว่าเราทำงานอะไร กำัลงเจออะไร ท่านก็เมตตาให้เราได้ใช้ประโยชน์จากยันต์นั้นๆๆ ครอบคลุม แต่ผมก็ไม่ละเลยในการถวายเงินเพิ่มเติมทุกครั้ง
ไปวนหลายรอบไม่ทำแน่ๆๆ ไม่เคยขอ มีครั้งล่าสุดที่ขอก็ได้หน้าเสือมาครับ
ยังไงก็ขอให้เป็นเมตตาของพระอาจารย์แล้วกันนะครับ ใครคิดจะวนหลายรอบเห็นใจเพื่อนๆท่านอื่นด้วยนะครับ ถ้าอยากได้หลายยันต์ให้ไปแต่เช้า เปิดเข็มเลยครับ ยังไมีมีใครมาท่านก็เมตตาให้เยอะครับ

67
วันไหนว่างก็ไปสักครับ เอาสิ่งดีๆเข้าตัว ดีกว่าเอาเหล้า เอายาเสพติดเข้าตัวครับ

68
ได้ข่าวว่าตอนนี้ ท่านลาสึกขาแล้ว ผมอยากได้ ยันต์จูงนาง กับ บัวบังใบ จะขอกับพระอาจารย์ท่านใหนดีครับ

จะลองขอดูครับ ถ้าไม่ได้ไม่เป็นไรครับ


ขอบคุณครับ
ถ้าจำไม่ผิดนะครับ ขอจากพระอาจารย์ญาครับ

69
มาที่วัดครับ เจอที่ไหนมีแถวผู้หญิงไปต่อแถวก็ไปต่อกับเขาเลยครับ

70
ว่าแต่มีใครพอจะแนะนำได้ไหมครับว่า พระอาจารย์ท่านใดมักจะเมตตายันต์ 9 ยอด หรือ 8 ทศ สำหรับคนที่ไม่เคยสักอ่ะครับ พอดีว่าอยากได้ อันใดอันหนึ่ง ตรงกลางไหล่เท่านั้นอ่ะครับ ตัดสินใจสักหมึก และเช่าวัตถุมงคลด้านอื่นด้วย ขอบคุณมากครับ
ไปหาพระอาจารย์แป๊วเลยครับ ศิษย์บางพระทุกคนยินดีต้อนรับครับ เอารูปเอายันต์ใส่ตัว ดีกว่าเอากิเลส อบายมุขใส่ตัวครับ ไปเลยครับ

71
คำนี้ ผมได้ยินมาตั้งแต่เด็กๆ ครับ ผมอายุ 44-45

ตามความเข้าใจก็คือ เป็นคำแทน คน บุรุษที่ 3 หรือ บุรุษ ที่ 2 ในบางครั้ง แต่จะให้รู้สึกที่ซะใจ แค่นั้นครับ

ไม่ใช่คำด่า แม่ ใคร


เราลองมาดูหลักจิตวิทยา

การด่า พ่อแม่ใคร เพราะคำด่าจริงๆ จะใช้คำอื่น..............(เว้นไว้ในฐานที่เข้าใจ)

จะทำให้เขาโกทธมาก ถึงขนาด ชีวิตแลกชีวิตได้เลย  พระอาจารย์ท่านถึงตั้งกฎไว้

การเป็นชู้กับคนอื่น  ก็เช่นกัน  คนที่ถูกสวมเขา ก็จะรู้สึกเสียศักดิ์ศรี

ก็ถึงขนาด ชีวิตแรกชีวิตได้เลย  พระอาจารย์ท่านถึงตั้งกฎไว้เช่นเดียวกัน

จะสังเกตุว่า 2 อย่างนี้เป็นกฎเหล็กเลย ผมว่าคนธรรมดาก็ไม่สมควรทำ 2 ข้อห้ามที่ว่ามา

ปล. ที่นี้มาถึงคำว่า "แม่ง" ที่สงสัย ถึงในสายตาคนทั่วไปจะดูไม่สุภาพ แต่ก็ไม่ใช่คำด่า บุพการี คนอื่น

เป็นคำที่ใช้เพื่อเพิ่มรสชาติในการสนทนาและระบายอารมณ์ มิใช่จงใจด่าบุพการีใคร


ผมไม่ใช่อาจารย์ด้านใดๆ นะครับ พูดจากความเข้าใจและความเป็นจริงล้วนๆ
เขียนได้ตรงใจจัง

74
ผมสักน้ำมัน หันหลังให้เลย บางครั้ง หรือหลายครั้งผมก็ได้ยันต์ซ้ำกันมาหลายยันต์ครับ สุดท้ายกราบขอเสือก็ได้มาแล้วครับ

75
ยินดีด้วยครับ สวยงามจริงๆ :053:
เห็นด้วยครับ สวยจริงๆๆ

78
มาต้อนรับครับ

81
ขอให้สุขสมหวังตามที่พระอาจารย์ท่านเมตตาให้ครับ

82
ขอบคุณครับ

83
ขออโหสิกรรมให้ กรรมใดที่มีต่อกันขอให้กรรมนั้นสิ้นสุดลงโดยพลัน

85
คือผมอยากทราบครับ ณ.ตอนนี้ พระอาจาร์ยนัน ยังสักยันต์ห้าแถวให้กับผู้หญิงอยู่หรือเปล่าครับ อยากทราบเพราะไม่ได้ไปหาท่านเป็นเวลานานมากแล้ว ขอบคุณครับ
สอบถามที่วัดเลยครับ

86
ยินดีด้วยครับ

88


สมาธิเราสามารถอยู่ได้ตลอดเวลา นั่นคือเราต้องรู้ปัจจุบันขณะตลอด ทุกอริยาบท สามารถทำได้ แต่สมาธิทำให้เกิดปัญญาได้เราจะต้องยกจิตขึ้นพิจารณา ถึงจะเกิดปัญญา ปัญญาที่ว่าคือความเข้าใจในการเกิด ตั้งอยู่และดับไป ไม่ใช้บอกว่าปัญญาที่ทำให้เราสามารถรู้ทุกเรื่องที่เราไม่เคยศึกษา พระพุทธเจ้าสอนให้ศึกษาจากร่างกายเรานี้แหละ ความรู้ ผู้รู้ก็ได้จากตัวเรา ร่างกายเรานี้แหละ เมื่อเรานั่งดูจิต เข้าใจ รูปนาม สามารถแยกรูปและนามออกจากกันได้ เราจะเห็นเกิดดับของขันธ์ 5 เข้าใจ เมื่อจิตรู้ทันก็จะปล่อยวาง เราก็จะเกิดปิติครับ แต่ก็อย่าไปหลงติดกับปิติ เพราะไม่ใช่หนทางดับทุกช์ ควรศึกษาลงในราบละเอียดของแต่ละอย่างมากขึ้นครับ

ชอบข้อความนี้มากๆ ครับ เป็นการอธิบายได้ชัดเจนเป็นที่สุด กับการทำสมาธิ

กระชับได้ใจความ พระอาจารย์ที่วัดอโศกราม สมุทรปราการ ก็สอนผมมาแบบนี้ครับ

ถ้าท่านใดปฎิบัติได้ตามนี้ รับรอง ท่านจะได้รู้ได้เห็นอะไรอีกมาก และไม่เสียทีที่เกิดเป็นมนุษย์

เพิ่มเติมเคล็ดลับ อย่างนึงต่อจากคุณ  cartoon_2 คือ

จำไว้ขึ้นใจเลยนะครับ....เมื่อจิตนิ่งแล้ว  จะเกิดความปิติ

จงอย่าไปยินดีกับสิ่งนั้น  ไม่งั้นจิตหลุดคือไม่นิ่ง ต้องตั้งต้นใหม่


ขอบคุณมากๆครับ ผมจะพยายามต่อไป
เกิดมาเป็นมนุษย์ทั้งที ธรรมชาติมอบร่างกายมาให้ใช้แล้ว ผมจะใช้เพื่อให้เกิดประโยชน์ให้มากที่สุด
การพิจารณารูป เวลาเรานั่งสมาธิ จะเห็นการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย เช่นเกิดการเมื่อย ล้า เหน็บ หรือมีอาการชา ให้เราถอยออกไปนั่งดู การเกิดของอาการเหล่านี้ มันจะเกิด  เมื่อเกิดแล้วมันจะค่อยๆสูงขึ้น และท้ายที่สุดมันก็หายไป คือดับไป เป็นไปตามหลักธรรมชาติ ตัวเรา ร่างกายเราไม่ใช่ของเรา เกิดดับมันใีอยู่ตลอดให้เห็น
อาการของเวทนา เกิดความทุกข์ เกิดความสุข เกิดความโลภ อยากได้โน่นได้นี่  แม้กระทั่งโกรธ เป็นอาการของเวทนาที่ร่างกายได้รับ สัญญาเป็นสิ่งที่ทำให้จำได้ระลึกได้ สังเกตุดูว่า ถ้าใครมาพูดแบบนี้ อย่างนี้จะโกรธ จะส่งอารมณ์ให้เกิดเวทนาได้ หรือแม้กระทั้่งเห็นไก่ นึกถึงรสชาติของต้มไก่ เป็นต้น ตัวสังขารเป็นอีกอันที่ทำให้มนุษย์เราเกิดทุกข์ เพราะจะปรุงแต่งไปเรื่อยๆ คิดไปต่างๆนาๆ ปรุงไปเรื่อย ปรุงไปจนตัวเองก็ทุกข์ ตัวสุดท้ายก็คือวิญญาน เป็นตัวที่บอกว่าตัวกูขิองกู สิ่งที่ปรุงมา ระลึกได้ ปรุงแต่งมาเป็นของเรา

เมื่อเราเข้าใจถึงขันธ์ 5 เราควรละและวางเสีย การละวางเราต้องละมาจากจิต ไม่ใช่คิด จิตที่ละได้นั้นจะทำให้เราเห็นตัวรู้ เมื่อเรารู้จิตจะปล่อยวางทันที ความโกรธจะหายไป โลภจะหายไป หลงจะหายไป หายไปจากจิต สิ่งที่เราได้เรียนมา ว่าโกรธ ต้องให้อภัย ที่ผ่านมาเราอภัยแต่ปาก แต่คิด ไม่ได้เกิดจากใจ เมื่อยกจิตขึ้นพิจารณาเราจะเห็นจิตที่แท้จริงว่ามันยังติดเรื่องโกรธ หรือกิเลสอื่นหรือไม่ เมื่อเรานั่งมองดูจิตอย่างเข้าใจ เห็นเกิดดับของกิเลสเรานี้ เห็นจนเป็นธรรมชาติที่มันเป็นแบบนี้ นี่แหละกองทุกข์แท้ๆของมนุษย์ กองทุกข์กองใหญ่ จิตเกิดการยอมรับ ปล่อยวาง เราจะรู้สึกปิติ อาการจะมีลักษณะเบาอกเบาใจ ครื้มอกครื้มใจ ใจเบาสบาย เพราะกิเลสมันได้ปล่อยแล้ว

ถ้าเราเข้าถึงตรงนี้ เราจะเข้าใจทันทีว่าสิ่งที่พระพุทธเจ้าท่านสอนนั้น อยู่ใกล้เรามาก เราจะค้นเจอหรือไม่

ขอให้พบเจอและสามารถหาทางดับทุกข์ได้ครับ

89
ตามศรัทธาเราเลยครับ สักแล้ว ก็ให้ถือศีล 5 ให้ได้ ปฎิบัติตัวเป็นคนดีของสังคม พุทธคุณจะคุ้มครองครับ

90
ขอบคุณมากๆ ครับ ทุกคำตอบ  :050:

ขอถามอีกคำถามนึงครับ
แล้วถ้าเราอยู่ในสมาธิตลอดเวลาทุกการกระทำ โดยที่ไม่ออกจากสมาธิเลยจะเป็นอะไรไหมครับ  :049:
สมาธิเราสามารถอยู่ได้ตลอดเวลา นั่นคือเราต้องรู้ปัจจุบันขณะตลอด ทุกอริยาบท สามารถทำได้ แต่สมาธิทำให้เกิดปัญญาได้เราจะต้องยกจิตขึ้นพิจารณา ถึงจะเกิดปัญญา ปัญญาที่ว่าคือความเข้าใจในการเกิด ตั้งอยู่และดับไป ไม่ใช้บอกว่าปัญญาที่ทำให้เราสามารถรู้ทุกเรื่องที่เราไม่เคยศึกษา พระพุทธเจ้าสอนให้ศึกษาจากร่างกายเรานี้แหละ ความรู้ ผู้รู้ก็ได้จากตัวเรา ร่างกายเรานี้แหละ เมื่อเรานั่งดูจิต เข้าใจ รูปนาม สามารถแยกรูปและนามออกจากกันได้ เราจะเห็นเกิดดับของขันธ์ 5 เข้าใจ เมื่อจิตรู้ทันก็จะปล่อยวาง เราก็จะเกิดปิติครับ แต่ก็อย่าไปหลงติดกับปิติ เพราะไม่ใช่หนทางดับทุกช์ ควรศึกษาลงในราบละเอียดของแต่ละอย่างมากขึ้นครับ

91
สมาธิคือจิตที่สงบ แต่จิตที่สงบบางครั้งเกิดจากเราไปบังคับ กำหนดให้เกิด สังเกตุดูว่าเรานั่งแล้วจะเกร็งหน้าเกร็งตา เนื่องจากเราไปบังคับมัน การนั่งสมาธิเมื่อจิตสงบแล้ว ก็ให้ยกจิตขึ้นพิจารณา ไม่ต้องกลัวว่ามันจะหลุดออกจากสมาธิ นั่นก็คือ นั่งดูจิตเราเอง เห็นจิตเราเอง เราเป็นผู้นั่งดู จิตตอนนี้มีอารมณ์อย่างไร โกรธ โลภ หลง นั่งดูจิตที่ติดกิเลสอย่างหยาบ เมื่อดูแล้วนั่งดูการเกิดดับของกิเลสเหล่านี้ เราจะเห็นทุกข์ที่เกิดจากกิเลส เมื่อจิตรู้เท่าทัน มันจะปล่อยวาง เราจะรู้สึกสบาย เพราะจิตไม่ยึดติดกับเจ้า 3 ตัวที่ว่า ทุกข์ทั้งหลายทั้งปวงเกิดจากคิด การปล่อยวางต้องปล่อยวางด้วยจิตอย่างรู้เท่าทัน ไม่ใช่ปล่อยวางด้วยคิด เรื่องของธรรมพระพุทธเจ้าถึงแบ่งรูปออกเป็น 1 แบ่งจืตออกเป็น 4 คือ เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาน ธรรมมันอยู่ที่ร่างกายเรา ศึกษาจากตัวเราทั้งนั้น จิตที่เกิดสมาธิ จะทำให้เราพิจารณาจิตโดยไม่มีกิเลส 3 ตัว มาสร้างความลำเอียงในการยกจิตขึ้นพิจารณา แต่ไม่ใช่การที่เกิดสมาธิจะทำให้อายตนะเราปิดหมด คือไม่รู้เสียง ไม่รู้กลิ่น อะไรแบบนี้ เสียงเรายังได้ยิน แต่เราต้องรู้เท่าทันครับ

93
ขอบคุณสำหรับภาพสวยๆๆครับ เรื่องราวดีดี

95
สวยครับ จะหาโอกาสไปให้พระอาจารย์ญาลงให้มั่ง

97
ลองไปรับสักยันต์แล้วลองถือปฎิบัติดูครับ

98
ศิษย์บางพระล้วนแต่มีน้ำใจให้กัน ชื่นใจจัง

99
ไม่ค้องแก้ที่ตรงไหนครับ ให้ปฎิบัติดีปฎิบัติชอบ ความรุ่งเรื่องจะเข้ามาในชีวิตแล้วครับ อย่าหลงกับสิ่งสมมุติมากเกินไปครับ

100
สวัสดีครับ

101
ไปลงนะกับหลวงพ่อสำอางค์ ก็บอกท่านว่าสักมาครับ ท่านก็เป่าครอบให้ หรือจะไปหาพระอาจารย์ติ่งก็ได้ครับ บอกท่านว่าสักอะไรมา ท่านจะเป่าครอบให้ครับ

102
สวยมากครับ

103
ไปที่วัดเลยครับ เมื่อไปแล้วจะทราบข้อเท็จจริงทั้งหมด ยังไงก็ได้สักครับ แต่จะที่ไหน อย่างไร ไปที่วัด พกความเชื่อมั่นศรัทธาไปด้วยครับ

104
มีลงทุกวันทั้งที่กุฏิใหญ่ หลวงพ่อสำอางค์และพระอาจารย์ติ่งครับ

105
พอดีสนใจอยากจะไปลงนะหน้าทองค่ะ แต่ขอถามข้อมูลนิดนึง  :086: อยากทราบว่า

1. การลงนะหน้าทอง หลังจากลงนะแล้วต้องปฏิบัติตัวอย่างไร มีข้อห้ามอะไรบ้างคะ
2. ลงนะหน้าทอง กับลงนะสาริกาลิ้นทอง แตกต่างกันยังไงคะ การปฏิบัติหลังลงนะต่างกันมั๊ยคะ
3. วัดบางพระ สามารถเข้าไปลงนะหน้าทอง ได้วันไหนบ้างคะ พอดีสะดวกวันเสาร์ - อาทิตย์ แล้วเปิดตั้งแต่กี่โมงถึงกี่โมง คะ
4. ดิฉันทำธุรกิจ ที่ต้องเจรจา ค้าขาย ควรลงนะอย่างไรคะ

รบกวนผู้รู้ช่วยตอบด้วยนะคะ

 

 
เท่าที่ทราบนะครับ
1.ห้ามด่าพ่อแม่ตนและคนอื่น
2.ห้ามบ้วนน้ำลายลงในถังขยะหรือชักโครก
3.ให้ถือศีล 5
4.ไม่กินมะเฟืองกับน้ำเต้า กรณีที่ไปสักนะหน้าทองกับพระอาจารย์ติ่ง

ลงนะหน้าทองลงที่หน้า กับสาลิกา ลงที่ลิ้น ครับ

ไปได้ครับทั้งเสาร์และอาทิตย์ แต่คนจะเยอะมากๆๆ ถ้าไปวันธรรมดาได้จะได้ไม่รอนานและสามารถลงชุดใหญ่ได้ด้วยครับ ผมไป 9 โมงเช้าก็ลงได้แล้วครับ

ไปลงนะหน้าทองและลงสาลิกาได้เลยครับ เป็นเมตตาค้าขาย ของวัดบางพระ แน่จริงทั้งนั้นครับ

พยายามตอบให้เท่าที่ทราบนะครับ ท่านอื่นจะเสริมอะไรก็เชิญครับ


106
มีสักครับ ให้ไปที่จุดที่มีการสัก ถามคนแถวนั้นได้ครับ แล้วไปบูชาพานที่หน้ากุฎิ พร้อมกับค่าครู 25 บาทครับ

107
ขอให้พุทธคุณ หลวงพ่อเปิ่น จงคุ้มครองครับ

108
ใครยังไม่ไปลง หาเวลาไปลงนะเลยครับ เป็นมงคลกับตัวครับ

109
ขอให้เดินทางโดยปลอดภัยครับ

110
ไม่ได้ไป ติดงานครับ แต่ฝากรับบุญมาด้วยนะครับ

111
สวยครับ ขอบคุณที่เอามาให้ชมกันครับ

112
สัปดาห์หน้าว่าจะไปครับ

113
ขอแนะนําว่าไปหากราบพระอาจาร์ยแป๊ว..........ครับ

ศิษย์พระอาจารย์แป๊วรายงานตัวคับ...อิอิ
ผมก็ศิษย์พระอาจารย์แป๊วครับ

114
ศรัทธาที่มีต่อหลวงพ่อเปิ่น และพระอาจารย์ จงดลบันดาลให้ประสบความสุขตลอดไปครับ

116
คืออยากทราบว่า ถ้าเป็นผู้หญิง มีศิษย์ที่เป็นฆราวาสสักให้ใช่ไหมคะ?
แล้วยันต์พุฒซ้อน นะหน้าทองและสาลิกาลิ้นทอง ดูจะแรงเกินไปสำหรับผู้หญิงไหมคะ?
แล้วท่านอาจารย์ท่านไหนเป็นผู้สักให้หรือคะ? ค่าครูเท่าไหร่คะ?
ขอบคุณทุกท่านสำหรับข้อมูลนะคะ บังเอิญพี่ชายเป็นศิษย์ค่ะ เลยศรัทธาในหลวงพ่อท่านและเดินตาม
เรื่องการสักโดยพระอาจารย์หรือศิษย์ฆราวาส ให้ไปที่วัดหรือศิษย์วสอบถามที่วัดครับ หรือไปตามที่สัก จุดใดมีผู้หญิงรอสัก ก็ไปต่อคิวที่นั่นเลยครับ จะเขียนตอบในนี้จะเป็นดาบสองคม เป็นภัยต่อพระอาจารย์ดังที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว
ไม่มยันต์ใดแรงเกินไปสำหรับผู้หญิงหรอกครับ ทั้งหมดขึ้นอยู่กับศรัทธา ความเชื่อมั่นในครูบาอาจารย์ การถือปฏิบัติ ล้วนเป็นสิ่งสำคัญ ทำไม่ได้ก็ได้แค่รอยสักไป ได้ความเจ็บปวดไปครับ

117
เดินทางสายกลางครับ สบายใจ ไม่ด่าบิดา มารดา ไม่ผิดลูกผิกเมียใคร รักษาศีล 5 เป็นพอ
:053: :053: :054: ตามนี้เลยครับ

118
ภาพปริศนา


ขอขอบคุณ ความมีน้ำใจ ความมีมิตรไมตรี ที่มีให้ต่อกัน

หวังเป็นอย่างยิ่งว่าในโอกาสต่อไปคงได้พบเจอกันอีก




119
ขออภัย....ไม่ทราบว่าสักน้ำมันมาจากอาจารย์ท่านใด หรือพระอาจารย์รูปใด ครับ
ได้ทุกอาจารย์ครับ เข้มขลังเหมือนกันครับ ศิษย์อาจารย์เดียวกัน ตำราเดียวกัน จนทุกวันนี้ ผมบอกเลยว่าต้องสายบางพระอย่างเดียวเท่านั้น เห็นแล้วว่าพระอาจารย์แป๊วสักให้ แต่เวลาพระอาจารย์ติ่งรดน้ำมนต์ตอนไปลงนะ ขนลุกขนพองไปหมด ตัวสั่น กล้ามเนื้อเกร็งไปหมด เข้มขลังจริงๆๆครับ

120
พระอาจารย์ติ่งสักเองเลยครับ เพื่อลงนะและสาลิกาครับ ปิดทองและลงน้ำมนต์ให้ครับ ใช้เวลาไม่นาน

121
อย่าไปเปลี่ยนเลยครับ ท่านจะให้อะไรใคร ต้องดูแล้วว่าเหมาะสมกับการณ์นั้นๆๆ ถูกโฉลกกับดวง หนาที่การงาน การดำรงชีวิตครับ ผมนั่งขอเสือจากพระอาจารย์แป๊วมานาน ท่านก็ยังไม่ให้ จนท่านทราบว่าทำงานเกี่ยวกับคุมคนงาน ท่านก็ให้หัวใจเสือมา 2 ยันต์ ซ้ายขวา แล้วบอกว่า เที่ยวหน้าให้มาเอาเสือ แค่ได้หัวใจเสือมา ก็เห็นผลแล้วครับ ลูกน้องเกรงใจอีกมาก สั่งอะไรก็ง่ายครับ

122
วันธรรมดาคนไม่เยอะครับ พระอาจารย์ฉันเพลเสร็จ เริ่มสักอีกทีก็ช่วงบ่าย นั่งรออย่างใจสงบ เป็นสมาธิ ไม่กังวล ไม่รีบเร่ง จะช่วยให้พุทธคุณเข็มขลัง อิ่งยันต์ทางเมตตายิ่งสงบยิ่งดีครับ

123
ปัญหาตอนนี้คือ การกินอาหารที่ป็นของพ่อแแม่ที่เหลือไว้ให้ จะเป็นไรไหมคะ ข้องใจมากๆคะ
ผมไปลงมา ผมถามพระอาจารย์ติ่งว่า ให้ถืออะไร ท่านพูดแค่ไหนผมถือเท่านั้น เพราะถือว่า ท่านให้เราถือสัจจแค่นั้น เราก็รับเอาแค่นั้นครับ ไม่ต้องคิดมาก

124
ไม่จำเป็นครับ พระอาจารย์จะถามหน้าที่การงาน และจะเมตตาให้ตรงกับงานครับ ผมคุมคนงานเป็นร้อย ท่านพระอาจารย์แป๊ว เมตตาหัวใจเสือให้ผม 2 ยันต์ กลับมาทำงาน มันเป็นบารมีมากครับ ลูกน้องเกรงใจทุกคน หน้ามือเป็นหลังมือครับ

125
ไปถึงนะครับ ยก 1 พานต่อ 1 ยันต์ ที่เหลือขึ้นอยู่กับความเมตตาของพระอาจารย์ครับ ผมเองเคยได้รับเมตตาจากอาจารย์แป๊วมากเลยทีเดียวครับ เราทำตามระเบียบที่วัดกำหนด ที่เหลือเป็นเมตตาของพระอาจารย์ ขอให้ศรัทธาเพียงยันต์เดียวของวัดบางพระก็เข็มขลังที่สุดแล้วครับ ขอให้ได้รับเมตตาครับ

126
พระอาจารย์ญา พระอาจารย์แป๋ว พระมหาสมชาย พระอาจารย์ต้อย จำได้เท่านี้ครับ

127
สมาชิกใหม่อยากถามครับ..อาจารย์..
คือผมอยู่ต่างจังหวัด ภาคเหนือ จะมากทม. เย็น20/6/55.
และจะมาสักยันต์ที่วัด สักอะไรก็ได้ที่เกี่ยวกับค้าขาย ขนาดใหญ่เท่าแผ่นหลัง
อยากทราบว่าใช้เวลานานไหมครับ พรุ่งนี้มีคิวว่างหรือเปล่า ค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ครับ.
(ต้องขอขอบคุณเว็บมาร์สเตอร์  ) :077:
ยันต์ค้าขายมีหลายยันต์ ไม่ว่าจะเป็นยันนะมหาละลวย สาลิกา ทั้งนี้พระอาจารย์จะเป็นผู้เมตตาให้ครับ ขนาดเท่าแผ่นหลังผมว่า คงต้องใช้เวลาสะสมครับ คงไม่ได้ในวันเดียวครับ ใช้เวลานานมั้ย ต้องมาต่อคิว เคยรอเกือบ5-6 ชม. ครับ บางวันไปเช้าก็ได้คิว 1 เลยครับ ค่าบูชาครู 25 บาทต่อ 1 พาน ต้องไปซื้อพานที่หน้ากุฎิครับ

128
ลงนะหน้าทองและสาลิกาลิ้นทองอย่างเดียว ถ้าสักจะมีศิษย์ฆราวาสมาสักให้ พระอาจารย์ติ่งเป็นผู้เป่าครับ

129
ไปหาพระอาจารย์เลยครับ

130
การละทั้งหลายต้องละมาจิต ไม่ใช่คิด เมื่อจิตปล่อยวาง กิเลส 3 ตัวก็หมดแล้วครับ

131
ไปได้ทั้งสองที่ครับ พระอาจารย์สำอางค์กุฎิใหญ่ ก็เข้มขลัง มีการเจิมกระเป๋าตังค์ให้ด้วย ถ้าสักมาก็บอกหลวงพ่อเลยครับ อีกทีครับ พระอาจารย์ติ่ง มีการสักที่หน้าผากและลิ้น และลงนะ พุทธคุณเข้มขลัง ใครสักไปโดนน้ำมนต์รับรองสะท้านทุกคน วันนั้น ผมไปลงทั้ง 2 ที่เลยครับ

132
ครูบาอาจารย์ห้ามไม่ให้ด่าพ่อแม่ใคร ไม่ว่าจะเป็นของตัวหรือของผู้อื่น ดังนั้นเราจึงต้องมีสติระลึกได้ ไม่ลืมตัว ถูกผิดเราเอาจิตเราเป็นที่ตั้ง เป็นตัวตัดสิน ตามสัญญาที่เกิดขึ้น ระลึกได้ จำได้ว่ายังงั้นอย่างนี้ เมื่อได้ยินก็เกิดเวทนา เกิดทุกข์คือความโกรธไม่พอใจ เกิดความปรุงแต่งต่างๆนานา โดยมีวิญญานเป็นตัวรับรู้ว่ากูถูก ตัวกูของกู ดังนั้น ครูบาอาจารย์จึงสอนให้มีสติ รู้เท่าทันจิต เมื่อเรารู้เท่าทันจิตก็จะไม่เกิดโทสะครับ

ขอขมาทุกท่านที่เราได้เกี่ยวข้อง ขออโหสิที่ล่วงเกินซึ่งกันและกัน ขอขมาต่อครูบาอาจารย์ครับ

133
ว่าจะไปกราบพระอาจารย์แป๊วเหมือนกันครับ

134
พุทธคุณเข็มแข็งครับ

135
การได้รับเมตตายันต์จากพระอาจารย์ ยันต์ไหนก่อนหลังคงไม่มีกฎตายตัวน่ะครับ แต่ส่วนใหญ่มักจะได้รับเมตตาตามที่บอกกัน แต่อย่าไปยึดติดว่าจะต้องได้ตามนั้นน่ะครับเดดี๋ยวไม่ได้รับตามนั้นแล้วจะสับสน เพราะอย่างผมกว่าจะได้รับเมตตา9ยอดก็เป็นยันต์ที่9ที่ได้รับเมตตาน่ะครับ ความเหมาะสมพระอาจารย์แต่ละรูปจะเมตตาให้ตามความเหมาะสมน่ะครับ
จริงขอรับ ผมได้รับเมตตาจากพระอาจารย์แป๊ว ก็เริ่มจากยันต์สองยอดหรือนะมหาละลวย ได้มา 2 ยันต์ จิ้งจก 2 หาง สาลิกา ยันต์หัวใจเสือ 2 ยันต์ ท่านจะถามว่าทำงานอะไร แล้วจะเมตตาให้ยันต์ตามความเหมาะสมครับ

136
ขอบคุณครับที่มาเล่าสู่กันฟังครับ

137
การทำแท้งบาปมั้ย บาปแน่นอน รู้ว่ามีชีวิต มีความพยามทำให้ตาย สิ่งที่มีชีวิตตายลง ศีลข้อ 3 สำเร็จในตัว แต่เหตุผลทางการแพทย์ ก็มีเหตุผลเฉพาะตัวของเขาที่จำเป็นต้องรักษาแม่ไว้ ซึ่งในโลกแห่งความเป็นจริงเราจะพบเจอสิ่งที่ขัดกันตลอดเวลา ถูกผิดมันอยู่ที่เรายึดสิ่งใดเป็นหลัก

138
เท่าที่ผมถามมาครับ จับประเด็นว่า ห้ามด่าว่าพ่อแม่ ไม่ว่าของเราหรือของคนอื่น ห้ามบ้วนน้ำลายลงโถส้วม ห้ามบ้วนน้ำลายลงในถังขยะ ห้ามกินมะเฟืองและน้ำเต้า (ของอาจารย์ติ่งเพราะมีการสักด้วย) ให้ถือศีล 5 มีแค่นี้ ผมก็รับมาแค่นี้ ที่เหลือผมไม่ไปอ่านแล้ว อาจารย์ติ่งให้ถือแค่นี้ ผมก็เอาแค่นี้ตามครูบาอาจารย์ให้ถือครับ คิดมาก ไปอ่านมาก รู้มาก ลำบากใจ รับคำตามที่ท่านบอก เหมือนกับเราให้สัจจะกับท่าน ก็เท่านั้น

139
หรือจะไปหาพระอาจารย์ติ่งก็ได้ครับ มีสักยันต์ที่หน้าผากและลงนะหน้าทองให้ครับ

140
ขอบคุณครับที่แก้ไขให้

141
สักได้ครับ ผมสักมาแล้ว 3 อาจารย์ ยังมาฝากตัวเป็นศิษย์วัดบางพระเลยครับ ซึ่งก็ได้รับเมตตาจากพระอาจารย์แป๊วครับ

142
ผมติดตามอ่านมาหลายกระทู้ หลายท่านเป็นห่วงเรื่องขึ้นหรือไม่ขึ้น ในความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ ขึ้นหรือไม่ขึ้นไม่สำคัญหรอกครับ ขอให้มีสติระลึกถึงสิ่งที่ตนได้รับมาและติดอยู่กับตัวเรา รักษาให้ได้ ถึงเวลาจวนตัวดราจะเห็นเองครับ จิตที่ถูกฝึกจนเข้มแข็งแล้ว ย่อมสามารถควบคุมได้ง่ายกว่า การดูจิต จิตเห็นจิต ย่อมทำให้เรารู้ทัน เมื่อจิตรู้ทัน เราก็ควบคุมได้ง่ายแล้วครับ

143
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาแวะไปทำธุระที่นครปฐม เลยตั้งใจไปกราบพระอาจารย์แป๋ว เมื่อเจอท่านตอนเกือบ 11 โมง ท่านถามว่ามาทำธุระอะไรวันนี้ บอกไปธุระเลยแวะมากราบพระอาจารย์ ท่านก็ถามว่าจะสักมั้ยวันนี้ เมื่อท่านเมตตาก็เป็นบุญถวายพาน ได้รับเมตตา หัวใจเสือ 2 ยันต์ ยันต์ 2 ยอดหรือนะมหาละลวย ยันต์สาลิกา ท่านยังเมตตาศิษย์เหมือนเดิมครับ

หน้า: [1]