หมวด ธรรมะ และ นอกเหตุ เหนือผล > ประสบการณ์วิญญาณ

กุฏิชายน้ำ

(1/6) > >>

ปุญฺญานุสฺสติ(สิบทัศน์):
เรียบเรียงมาให้ได้อ่านกันต่อครับ ครั้งนี้จะขอเล่าเรื่องของกุฏิชายน้ำ กุฏิทรงไทยทำด้วยไม้เก่าแวดล้อมด้วยต้นไม้ใบหญ้า ลมเย็นๆโชยมาจากท้องน้ำพาให้บรรยากาศเย็นสบาย แต่ที่นี่เองได้เก็บบันทึกเรื่องเล่าประสบการณ์แปลกประหลาดไว้มากพอสมควร


หลายท่านคงได้มีโอกาสเดินทางมาที่วัดบางพระกันบ้างแล้ว ด้านหน้ากุฏิใหญ่ที่ไว้สังขารของหลวงพ่อเปิ่น หากท่านลองมองไปด้านซ้ายมือก็จะพบกับทางเดินที่ทอดไปสู่ริมน้ำ ปลายทางนี้ก็จะพบกุฏิไม้ทรงไทย (ในอดีตมีกุฏิทรงไทยชายน้ำ ๒ หลัง ปัจจุบันรื้อถอนไป ๑ หลัง)


ไม้ที่นำมาใช้สร้างกุฏินั้นจะเป็นไม้เก่าที่มีโยมมาถวายไว้ ที่มาของไม้เก่าเหล่านี้ก็พอจะทราบกันดีนะครับ คนไทยสมัยก่อนเวลาจะปลูกบ้านสร้างเรือนเขาจะต้องนำเอาวันเดือนปีเกิดของเจ้าของบ้าน มาคำนวนวางแปลนบ้าน ห้องหับต่างๆก็จะต้องคำนวนเช่นกันเพื่อให้เป็นมงคลและไม่เกิดโทษเกิดภัยแก่เจ้าของบ้านเรือนที่อาศัยอยู่ สรุปก็คือเรือนที่สร้างนั้นจะต้องถูกโฉลกกับเจ้าของเรือนสร้างไว้เพื่อเจ้าของเรือนโดยเฉพาะ

หากเจ้าของเรือนได้เสียชีวิตลงก็จะไม่มีใครกล้าเข้าไปพักอาศัย เพราะเกรงกลัวเหตุเภทภัยต่างๆที่อาจจะเกิดขึ้น ส่วนมากจึงนิยมนำเรือนหรือไม้มาถวายวัด ทำเป็นกุฏิของพระสงฆ์ กุฏิไม้ในวัดบางพระแทบทุกหลังต่างก็มีที่มาแบบนี้ทั้งสิ้น



นอกจากบ้านเรือนและไม้เก่าแล้ว ก็ยังมีข้าวของเครื่องใช้ของคนตายที่เขามักนิยมนำมาถวายวัดกัน (ไม่เห็นใจพระคุณเจ้ากันบ้างเลยนะคุณโยม :075:) อย่างที่กุฏิชายน้ำหลังนี้ด้านล่างจะมีเตียงไม้อยู่ตัวหนึ่ง แรกเริ่มเดิมทีผมเองก็ไม่ทราบที่มาผ่านไปผ่านมาก็ไม่ได้คิดใส่ใจอะไร ก็เห็นเพียงว่าเป็นเตียงไม้ธรรมดาๆตัวหนึ่ง แต่พอได้ฟังว่าเตียงนี้มีโยมเขานำมาถวายวัด เป็นไม้ประดู่ชิงชัน เจ้าของเดิมชื่อเงิน เป็นหญิงสูงอายุแกนอนตายบนเตียงตัวนี้!!! :074:โอ้วชักไม่ค่อยกล้าเดินผ่านหล่ะครับ หวั่นๆอยู่เหมือนกัน


จุดที่วงกลมในภาพ ในอดีตจะมีเตียงไม้ประดู่ชิงชันวางไว้ ปัจจุบันย้ายไปแล้ว
เคยมีคนได้พบเจอเรื่องราวแปลกๆ พระเพื่อนของหลวงพี่เว็บท่านมาจากภูเก็ต ได้มาพักจำวัดและได้นอนบนเตียงตัวนี้ หลวงพี่ท่านเป็นพระกัมมัฏฐาน ก่อนนอนก็จะนั่งกัมมัฏฐานอยู่บนเตียงตัวนี้ วันดีคืนดีขณะนอนจำวัดอยู่ก็จะมีความรู้สึกเหมือนมีอะไรมานั่งทับ มองเห็นเป็นร่างดำๆทับตัวอยู่!!!(ถ้าเป็นเราๆช็อคหงายกันไปแล้ว- -) แต่หลวงพี่ท่านก็ยังคงนอนเตียงตัวนี้ต่อไป จนกระทั่งวันที่จะเดินทางกลับภูเก็ตในรุ่งเช้า ท่านก็นั่งกัมมัฏฐานเจริญสมาธิบนเตียงตัวนี้อย่างปกติ ผ่านไปสักพักก็ได้กลิ่นหอมฟุ้งลอยมาจนต้องออกมาหาว่ากลิ่นนี้มาจากไหนหาเท่าไหร่ก็ไม่พบ(คงจะเป็นการบอกให้เรารับรู้)  

เกี่ยวกับเรื่องราวแปลกๆ สมัยที่หลวงพี่พันธ์ท่านยังอยู่ที่วัดบางพระ ท่านก็มักจะมานั่งสนทนากับหลวงพี่เว็บและพระเพื่อนอยู่บนกุฏิหลังนี้อยู่เป็นประจำ ดึกๆจะสนทนาเรื่องอะไรกันดีหล่ะครับให้เข้ากับบรรยากาศ  :002: ใช่ครับหนีไม่พ้นเรื่องผีเรื่องวิญญาณ มีอยู่ครั้งหนึ่งก็นั่งสนทนากับตามปกติ สักพักกุฏิทรงไทยหลังนี้ก็ได้โยกไปคลอนมาจนรับรู้ถึงความรู้สึกได้ว่ามันโยกเองได้!!!วงสนทนาก็ได้เงียบลงพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย ลองคิดดูนะครับกุฏิหลังนี้มีเสาปูนถึง ๑๒ ต้น แล้วมันจะโยกได้อย่างไร :074:


ด้านหน้าที่เป็นระเบียงก็เคยมีพระสงฆ์มรณภาพ หลายท่านคงเคยมานอนค้างที่กุฏิหลังนี้กันบ้างแล้วนะครับ ลองถามท่านชลาพุชะดูครับสำหรับบรรยากาศ เล่าเรื่องนี้ไปแล้วไม่รู้ว่าคราวหน้าจะมานอนค้างที่กุฏิหลังนี้อีกหรือเปล่า ท่านมรณภาพตรงบริเวณที่วงกลมสีแดงเอาไว้ครับ


จุดวงกลมสีแดงในภาพ คือบริเวณที่เคยมีพระภิกษุมรณภาพ
ด้านในกุฏิจะเป็นห้องโล่ง ด้านบนตีฝ้าไว้ หลวงพี่ท่านเล่าว่าเคยได้ยินเสียงกบร้องกันระงมบนฝ้า มันจะเป็นไปได้อย่างไรกุฏิ๒ชั้นแล้วกบที่ไหนจะขึ้นมาอยู่บนฝ้าได้ ก็ต้องปีนขึ้นไปพิสูจน์ ใช้ไฟฉายไล่ส่องดูทุกซอกทุกมุมบนแผ่นฝ้าเลยครับ แต่ผลปรากฏว่าไม่เจออะไรเลย :074: พอไม่เห็นอะไรก็ลงมายังไม่ทันหายสงสัยเสียงกบก็ดังระงมมาอีก ได้แต่นั่งมองหน้ากันเหลิกหลักๆ :074:


ไม่เฉพาะแค่ตอนกลางคืนเท่านั้นบางครั้งมากันกลางวักแสกๆเลยก็มี สมัยก่อนชั้น ๒ ด้านในจะมีเตียงของหลวงปู่หิ่มอยู่ทางด้านซ้ายมือ(ปัจจุบันย้ายไปไว้ที่กุฏิหลวงพี่เชษฐ์) ตรงหน้าต่างก็จะมีเครื่องตั้ง (เครื่องประดับตกแต่งงานศพ) นำมาทำเป็นโต๊ะหมู่บูชา กลางวันบรรยากาศดีมากครับตรงนี้ริมน้ำลมโชยน่านอนมาก เคยมีพระมานอนแต่ยังไม่หลับยังรู้สึกตัวมีสติครบถ้วน ท่านเห็นเด็กนุ่งโจงกระเบนมากราบที่ตัก!!! หลอนแทนครับแบบนี้ :074:

และเมื่อเช้านี้เองตอนไปบิณบาตรหลวงพี่เว็บท่านก็ได้ชี้ให้ดูโยมคนนึง ท่านเล่าให้ฟังว่าเคยบวชอยู่ด้วยกันตอนนี้สึกออกไปแล้ว พระบวชใหม่สมัยก่อนก็อย่างที่เคยเล่าให้ฟังมานะครับ ถึงคิวเวรตีระฆังตอนเช้าตี ๔ ก็จะต้องไปเรียกพระเพื่อนให้ไปเป็นเพื่อนกัน บรรยากาศวัดบางพระสมัยก่อนนั้นต่างกับปัจจุบันมากต้นไม้รกครึ้มน่ากลัวเอามากๆ จะไปไหนมาไหนตอนกลางคืนก็จะต้องหาคนเดินไปเป็นเพื่อนด้วย ตี๓กว่าๆของคืนนึงเป็นเวรของแกที่จะต้องตีระฆังสัญญาณ แกก็เดินมาที่กุฏิชายน้ำเพื่อจะเรียกหลวงพี่เว็บให้เดินไปเป็นเพื่อนกัน พอขึ้นมาบนกุฏิแล้วแกก็เห็นมุ้งกางกั้นประตูกุฏิไว้มีคนนอนอยู่ในมุ้งด้วย จะเข้าไปเรียกหลวงพี่เว็บด้านในกุฏิก็เกรงใจคนที่นอนอยู่ในมุ้ง ก็เลยตัดสินใจไปเรียกพระรูปอื่นที่กุฏิอื่นไปเป็นเพื่อนแทน

พอเช้าแกก็เดินมาหาหลวงพี่เว็บที่กุฏิชายน้ำอีกครั้งเพื่อบอกว่าเมื่อคืนจะมาเรียกไปเป็นเพื่อนตีระฆังด้วยแล้ว แต่เห็นมีคนกางมุ้งนอนขวางประตูทางเข้ากุฏิไว้ เกรงใจคนในมุ้งเลยไม่ได้เข้าไปเรียก หลวงพี่เว็บก็งงสิครับ ใครจะมานอนกางมุ้งหน้าประตูทางเข้ากุฏิ ไม่มี ไม่มี!! เมื่อคืนไม่มีใครมานอนกางมุ้งหน้าประตูเลย ก็เถียงกันไปมาต่างฝ่ายก็ต่างยืนยัน คนนึงยืนยันหนักแน่นว่าเห็นมีคนนอนกางมุ้งอยู่ อีกคนบอกไม่มีแน่นอน แล้วสรุปว่าคนที่นอนกางมุ้งหน้าประตูทางเข้ากุฏิเขาเป็นใครกันแน่หล่ะครับ พอจะคาดเดากันได้นะครับ :074:


ยิ่งเล่ายิ่งยาวครับขอจบไว้เพียงเท่านี้ก่อนนะครับ แล้วจะมานำเสนอเรื่องราวประสบการณ์แปลกๆ ในวัดบางพระให้ได้อ่านกันต่อไปในโอกาสหน้า

เจริญพร.

cho presley:
ไม่ไหวจะเคลียร์......จ๊ะหลวงพี่.. 41; cho presley

TUM:
สวัสดีครับ

   เสียวมากครับ ....  :002:

.....

porpar:
จะมีภาคต่อไปอีกหรือเปล่าครับหลวงพี่เก่ง  01;

ชลาพุชะ:
 :074:เตียงนั้นไปที่ไรนอนทุกที งั้นงานนี้เปลี่ยนเป็นนอนพื้นดีกว่าครับ   

นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[#] หน้าถัดไป

Go to full version