ผู้เขียน หัวข้อ: อาทมาฏนเรศวร ชื่อนี้น้อยคนที่จะรู้จัก  (อ่าน 5674 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ gottkung

  • จะหมึกหรือน้ำมันไม่สำคัญ จงตั้งมั่นให้อยู่ในความดี
  • เด็กวัด
  • *****
  • กระทู้: 4088
  • เพศ: ชาย
  • "จะลูกใครนั้นไม่สำคัญ เป็นศิษย์ฉันเท่ากันทุกคนไป "
    • ดูรายละเอียด
    • www.gottkung.multiply.com
นำมาเผยแพร่ให้พี่ๆน้องได้อ่านกันครับ อีกหนึ่งศาสตร์ที่อยู่กับการสักยันต์มาช้านาน

เรื่อง : จักรพันธุ์ กังวาฬ

นิตยสาร สารคดี: ฉบับที่ ๒๑๙ เดือนพฤษภาคม ๒๕๔๖

ปล.คัดลอกมาบางส่วนแล้วกันนะครับ บางคนอาจจะอ่านไม่ไหวเพราะยาวมาก

"วิชาดาบอาทมาฏเป็นของสมเด็จพระนเรศวรฯ เป็นวิชาที่รวดเร็ว รุนแรง และอันตรายมาก คนที่จะหัดได้ต้องมีจรรยาบรรณ ห้ามไปทะเลาะเบาะแว้งกับใคร เพราะอาจตีเขาตาย โดยเฉพาะวิชาตัดข้อตัดเอ็น ซึ่งเป็นวิชาสูงสุดของอาทมาฏ คือไม่มีการฟันดาบ แต่มุ่งฟันข้อต่อของร่างกาย"ครูมาโนทย์ บุญญมัด--ครูฝึกประจำสำนักกล่าว
      ในยุคคอมพิวเตอร์ที่คนยิงกันตายเกลื่อนเมืองเช่นปัจจุบัน การที่คนกลุ่มหนึ่งคร่ำเคร่งฝึกวิชาดาบย่อมเป็นเรื่องน่าสนใจ ที่สำคัญ วิชาดาบที่พวกเขาเชื่อกันว่าเป็นวิชาโบราณ สืบทอดมาจากแผ่นดินสมเด็จพระนเรศวรมหาราชนั้นจะเป็นอย่างไร...

ประวัติของผู้ก่อตั้ง

กล่าวได้ว่า สำนักดาบอาทมาฏนเรศวรกำเนิดขึ้นได้ เพราะการโคจรมาพบกันของคนสองคน คืออาจารย์ชาติชาย อัชนันท์ และครูมาโนทย์ บุญญมัด เรื่องราวของสำนักดาบแห่งนี้คงไม่สมบูรณ์ หากขาดบันทึกประวัติของบุคคลทั้งสอง
      แม้อาจารย์ชาติชายได้ชื่อว่าเป็นผู้ก่อตั้งสำนัก และเป็นเจ้าของสถานที่ แต่ต้นตำรับวิชาดาบอาทมาฏคือครูมาโนทย์ ผู้เกิดและเติบโตในจังหวัดพิษณุโลก --เมืองเดียวกับที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงพระราชสมภพ และภายหลังจากที่พระองค์เสด็จกลับ มาจากการเป็นตัวประกัน ของพระเจ้าบุเรงนองที่ประเทศพม่า ก็เสด็จมาครองเมืองนี้ในฐานะพระมหาอุปราช
      "ผมเกิดที่จังหวัดพิษณุโลก"ครูมาโนทย์เริ่มต้นเล่าสู่วงสนทนา เขาเป็นคนผิวคล้ำ ปีนี้อายุได้ ๔๔ ปี ตัวไม่ใหญ่แต่คล่องแคล่วแข็งแรง"สมัยเด็กๆ ผมป่วยกระเสาะกระแสะมาตลอด ลุงที่มีความรู้ด้านโหราศาสตร์ ได้แนะนำให้เอาผมไปถวายเป็นลูกบุญธรรม ของท่านเจ้าคุณวรญาณมุนี ซึ่งเป็นรองเจ้าอาวาสวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ หรือที่เรียกว่าวัดใหญ่ คือเอาไปให้พระเลี้ยง ผมได้เข้าไปอาศัยอยู่ในวัด ตั้งแต่นั้นมาก็หายป่วย ไม่ต้องเข้าโรงพยาบาลอีกเลย"
      ครูมาโนทย์เล่าถึงที่มาของการเริ่มฝึกวิชาดาบว่า"ผมชอบดาบมาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว ในงานวัดจะมีขายพวกดาบพลาสติก ผมก็ชอบซื้อแต่ดาบอยู่อย่างงั้น หัดฟันเล่นๆ ไปๆ มาๆ ก็มีคนมาสอนดาบให้ ผมมีโอกาศได้เรียนกับครูดาบหลายท่าน ตั้งแต่ก่อนเรียนดาบสายกรมพละในโรงเรียนอีก"
      "แล้วครูผมแต่ละท่านจะมาแปลกๆ บางท่านตกรถไฟมา ไม่มีข้าวกิน มาขอกินข้าว ผมก็เอาข้าวให้กิน เช่นครูธำรงค์ ไม่ยอมบอกนามสกุล บอกแต่ว่ามาจากสำนักดาบพุธไธสวรรค์ มากินนอนและฝึกดาบอยู่กับผมถึง ๓ ปีก็ยังไม่รู้นามสกุลของท่านเลย จนกระทั่งท่านจากไป อีกท่านหนึ่งบอกแต่ชื่อสำนัก แต่ไม่ยอมบอกชื่อตัวท่าน ผมจึงเรียกท่านว่าครูมาตลอด ท่านบอกแต่เพียงเป็นหนึ่งในสี่ศิษย์เอกของท่านปรมาจารย์อารีย์ ผู้ก่อตั้งสำนักดาบศรีอยุธย์ ที่จังหวัดเชียงใหม่ นอกจากนั้นยังมีอีกสองท่านที่ไม่ยอมบอกสำนัก แต่ละท่านได้สั่งสอนผมท่านละหนึ่งปีบ้าง สองปีบ้าง สามปีบ้าง"    
ครูมาโนทย์กล่าวว่า แม้ตัวเขาเรียนวิชาดาบมาหลายสำนักแล้ว แต่เมื่อได้เห็นวิชาดาบของครูต่างถิ่นท่านหนึ่ง ก็ถึงกับตื่นเต้นและฉงนสนเท่ห์ นี่คือจุดเริ่มต้นที่เขาได้รู้จักวิชาดาบอาทมาฏ
      "ตอนนั้นผมอายุสิบกว่าปี เรียนอยู่ชั้นมัธยมที่โรงเรียนพุทธชินราช และเป็นครูฝึกดาบสายพุทไธสวรรค์ให้กับนักเรียนรุ่นน้อง ก็ได้ข่าวว่ามีครูดาบฝีมือดีจากทางเหนือมาสอนอยู่ที่โรงเรียนเซนต์นิโคลัส เมื่อได้ไปดูท่านฝึกซ้อมแล้วรู้สึกเป็นเรื่องที่แปลกมาก ครูท่านนั้นอายุประมาณ ๔๐ กว่า ท่านใช้วิชาดาบสองมือ ที่สำคัญคือท่านเป็นคนขาเป๋ แต่พอฟันดาบท่านมีความรวดเร็วมาก คู่ฝึกซ้อมที่เป็นคนขาดีจะรับก็รับไม่ทัน หนีก็หนีไม่พ้น จะฟันก็ตามท่านไม่ทัน แล้วท่าดาบของท่านก็แปลกๆ มีการยกแข้งยกขา เหินตัว มีการกระโดด การฉาก ผิดกับวิชาสำนักอื่นที่ผมเรียนมา ซึ่งส่วนมากจะวิ่งตรง ถอยตรง"
      "ผมจึงไปฝากตัวเป็นศิษย์ ได้ทราบว่าท่านชื่อครูสุริยา และวิชาดาบสองมือที่ท่านใช้เรียกว่าวิชาดาบอาทมาฏ ผมเรียนดาบกับท่านอยู่สามปี ฝึกซ้อมทั้งกลางวันกลางคืน ระหว่างนั้นครูสุริยาได้เล่าประวัติของวิชาดาบอาทมาฏให้ฟังว่า เดิมวิชานี้เป็นส่วนหนึ่งของตำราพิชัยสงครามซึ่งถูกฉีกออกก่อนสงครามเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งแรก นำไปเก็บรักษาไว้ทางภาคเหนือ แล้วส่งมอบให้กับสมเด็จพระนเรศวรฯ เมื่อพระองค์เสด็จกลับจากเป็นตัวประกันที่พม่า มาครองเมืองพิษณุโลก สมเด็จพระนเรศวรฯได้ใช้วิชานี้ฝึกสอนผู้คนที่ซ่องสุมไว้ เข้าป่าเข้ารกฝึกกัน โดยพระองค์และพระเอกาทศรศทรงเป็นครูฝึกเอง เพื่อเตรียมพร้อมทำสงครามกับพม่า"
      ครูมาโนทย์เล่าต่อว่า"คนที่จะเป็นทหารของสมเด็จพระนเรศวรฯได้ต้องเป็นคนที่มีฝีมือ ครูสุริยายังเล่าว่า กองทหารที่ใช้วิชาดาบอาทมาฏ ก็คือกองอาทมาฏ ทหารของกองนี้ยังเป็นคนรักษาเท้าช้างในยามสงคราม ซึ่งเป็นหน้าที่สำคัญมาก เพราะถ้าช้างทรงเจ็บ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่อยู่ข้างบนจะตกที่นั่งลำบาก ดูตอนที่สมเด็จพระนเรศวรฯ ทำยุทธหัตถีกับพระมหาอุปราชาแห่งพม่า มีแต่คนคุมเท้าช้างเท่านั้นที่ตามทัน ที่ครูเล่ามีเท่านี้"    
เรื่องเล่าของครูสุริยาจากความทรงจำของครูมาโนทย์นี่เอง เป็นที่มาของความเชื่อและคำกล่าวที่ว่า ดาบอาทมาฏเป็นวิชาของสมเด็จพระนเรศวรฯ
      ครูมาโนทย์เล่าว่า เขาเรียนดาบอาทมาฏอยู่ ๓ ปีจึงสำเร็จวิชา ประจวบกับจบการศึกษาชั้นมัธยมปลายในปี ๒๕๒๑ จึงลาครูสุริยาเข้ามาศึกษาต่อมหาวิทยาลัยรามคำแหงที่กรุงเทพฯ แต่เมื่อกลับไปเยี่ยมบ้านอีกครั้ง ก็ไม่พบครูสุริยาแล้ว
      "ครูสุริยาได้หายไปอย่างไร้ร่องรอย ตั้งแต่นั้นมาผมไม่ได้พบท่านอีกเลย"
      ขณะเรียนอยู่มหาวิทยาลัยรามคำแหง ครูมาโนทย์ได้เข้าชมรมกีฬาต่อสู้ป้องกันตัว สำนักดาบเจ้ารามฯ หนึ่งปีต่อมาก็ได้เป็นครูฝึกของสำนัก
      "ผมเป็นครูฝึกสำนักดาบเจ้ารามฯ ถึงปี ๒๕๓๘ แต่ไม่เคยนำวิชาดาบอาทมาฏออกมาเผยแพร่เลย เพราะสำนักดาบเจ้ารามฯ มีวิชาดาบของตนเองอยู่แล้ว การนำวิชาอื่นมาสอนเป็นการไม่บังควร และที่สำคัญ วิชาดาบอาทมาฏเป็นวิชาที่อันตรายมาก ถ้าคนสำมะเลเทเมา หรือคนเกกมะเหรกเกเรเอาวิชานี้ไปใช้ คนอื่นจะเดือดร้อน คนฝึกต้องมีคุณธรรมสูง ผมจึงเก็บวิชานี้ไว้กว่า ๒๐ ปี โดยไม่ได้เผยแพร่ กระทั่งปลายปี ๒๕๓๘ อาจารย์ชาติชาย อัชนันท์ ได้ติดต่อเข้ามาเพื่อขอศึกษาวิชานี้ อาจารย์ชาติชายเป็นศิษย์ของท่านปรมาจารย์เขตร ศรียาภัย ปรมาจารย์มวยไชยา ส่วนผมเคยศึกษามวยไชยาจากครูทองหล่อ ยาและ ซึ่งเป็นศิษย์ของปรมาจารย์เขตร จึงถือว่า อาจารย์ชาติชายเป็นรุ่นพี่ทางสายมวย อีกทั้งผมลองสืบประวัติดู พบว่าเป็นคนดี ผมใช้เวลาตรึกตรองอยู่เป็นเดือน จึงตกลงใจถ่ายทอดวิชาดาบอาทมาฏให้อาจารย์ชาติชาย"
      คนที่ไม่รู้จักอาจคิดว่าอาจารย์ชาติชาย อัชนันท์ เป็นนายตำรวจหรือทหาร มากกว่าสถานภาพที่แท้จริง คือเป็นนักธุรกิจด้านโรงแรมและอสังหาริมทรัพย์ เพราะชายวัย ๔๕ ที่จบการศึกษาระดับปริญญาเอกด้านกฏหมายการคลังและภาษีจากประเทศฝรั่งเศสผู้นี้ เป็นคนร่างใหญ่แข็งแรง ท่วงท่าองอาจผึ่งผาย บุคลลิคลักษณะเช่นนี้ หล่อหลอมมาจากเป็นผู้เคยผ่านการศึกษาศิลปะการต่อสู้นานาชนิด ได้ฝึกซ้อมออกกำลังกายอยู่สม่ำเสมอ อาจารย์ชาติชายเริ่มเรียนยูโดตั้งแต่อายุสิบกว่าปี ขณะเป็นนักเรียนโรงเรียนอัญสัมชัญ บางรัก ต่อมาได้เรียนวิชามวยไทยสายปรมาจารย์กิมเส็ง ทวีสิทธิ์ แล้วไปฝากตัวเป็นศิษย์เรียนมวยไชยากับปรมาจารย์เขตร ศรียาภัย ศึกษาวิชาดาบและกระบี่กระบองจากอาจารย์สมัย เมศะมาน แห่งสำนักดาบพุทธไธสวรรค์, อาจารย์จำนงค์ บำเพ็ญทรัพย์(ปู่เส็ง) แห่งสำนักดาบบ้านช่างหล่อ เรียนดาบศรีอยุธฯ จากอาจารย์วัลลภิศ สดประเสริฐ เรียนดาบศรีไตรรัตน์ที่เปิดสอนภายในโรงเรียน ทั้งยังศึกษาวิชาการต่อสู้ต่างประเทศอีกหลายแขนง เช่นเรียนเทควันโด้จนได้สายดำ จากอาจารย์คิม เมียง ซู ชาวเกาหลี เรียนมวยจีนของสำนักมวยจีนเสียวลิ้มยี่ และเรียนวิชามวยจีนตระกูลหยางกับอาจารย์คันศร งามพึงพิศ
      "ปี ๒๕๒๖ ผมกลับจากฝรั่งเศสมาเยี่ยมบ้าน ได้มีโอกาศเรียนมวยไชยาเพิ่มเติมกับครูทองหล่อ ยาและ หรือครูทอง เชื้อไชยา ศิษย์เอกคนหนึ่งของท่านปรมาจารย์เขตร ศรียาภัย ครูทองมีลูกศิษย์คนหนึ่ง คือครูแปลงซึ่งสนิทกับผม ช่วงปี ๒๕๓๘ มีอยู่วันหนึ่งครูแปลงก็รำดาบท่าคลุมไตรภพให้ดู ตอนนั้นผมก็ เอ๊ะ! ดาบอะไร ไม่เคยเห็น ครูแปลงเล่าให้ฟังว่า เขาเรียนวิชาดาบนี้มาจากครูคนหนึ่ง ซึ่งเก่งมาก ก็คือครูมาโนทย์ ผมก็เลยให้ครูแปลงไปตาม"อาจารย์ชาติชายเล่า
      "พบกันครั้งแรกเป็นการพูดคุยแนะนำตัว อีกวันหนึ่งครูแปลงไม่มาด้วย พอครูมาโนทย์มาถึงบ้านผม ผมถือดาบหวาย พี่โนทย์ถือดาบหวาย ผมก็ตีแกเลย หวดเลย พอหวดปุ๊บเขาก็หวดแขนผม เจ็บ หวดอีกทีเขาก็หวดโดนผมอีก ผมบอกหวดหลายทีแล้วนะ ชักโมโห ก็ไล่ตี เขาก็ยิ้มหัวเราะแบบสบายๆ พอผมหวดไปแรงๆ เขาก็ใช้ลูกไม้สะท้อนบ้าง คลื่นกระทบฝั่งบ้าง เล่นผมซะน่วมเลย วันนั้นเขาทำให้ผมเจ็บตัว แต่ยังไม่ยอมสอนวิชา แล้วเขาก็หายไปตั้งนาน จริงๆ เขาไปสืบประวัติว่าผมเป็นคนยังไง ผมต้องไปตามหาเขา ขอให้สอนวิชาให้"
      "ผมเรียนวิชาดาบมาหลายสำนัก พอมาเห็นวิชาดาบอาทมาฏ ผมรู้เลยว่าเป็นวิชาดาบที่ดี เพราะมีทั้งแม่ไม้และลูกไม้ที่แตกออกได้เป็นร้อยๆ พันๆ ท่า แต่ละท่าก็มีชื่อแบบโบราณ แล้วผมเคยเรียนมาว่า โดยทั่วๆ ไปของที่ดีจะมีคำสรุป หรือแก่นของมัน อย่างมวยผมก็เข้าใจถึงแก่น เช่น ป้องปัดปิดเปิด ทุ่มทับจับหัก อย่างดาบอาทมาฏก็มีแก่นวิชาของมัน เช่น ท่าฟันคือท่ารับ ท่ารับคือท่าฟัน แล้วการการ์ดดาบ การรับใน วางขา การลดดาบปัดป้องวนเป็นวง พร้อมรุกรับในเวลาเดียวกัน มันคือเหลี่ยมเดียวกับมวยไชยาที่ผมเรียนมา"
      อาจารย์ชาติชายฝึกวิชาดาบอาทมาฏกับครูมาโนทย์ทั้งกลางวันกลางคืนเป็นแรมปี ยิ่งเรียนก็ยิ่งประจักษ์ถึงอานุภาพของวิชานี้ จึงตัดสินใจก่อตั้งสำนักดาบขึ้น เพื่อหวังเผยแพร่และอนุรักษ์วิชาดาบอาทมาฏไม่ให้สูญหาย
      จนถึงปัจจุบันอาจารย์ชาติชายและครูมาโนทย์เปิดสำนักสอนดาบได้ปีกว่าแล้ว และหากมองย้อนกลับไป กล่าวได้ว่า เพราะ"ท่าคลุมไตรภพ" ซึ่งเป็นหนึ่งในสามท่าแม่ไม้หลักของวิชาดาบอาทมาฏ ที่ดึงดูดใจอาจารย์ชาติชายตั้งแต่แรกเห็น คือจุดเริ่มต้นของการก่อตั้งสำนักดาบอาทมาฏนเรศวร

หัวใจของวิชา การฝึกฝน  และ เคล็ดวิชา

หัวใจของวิชาก็คือ  ท่าฟันคือท่ารับ ท่ารับคือท่าฟัน ท่ารุกคือท่ารับ ท่ารับก็คือท่ารุก เขาฟันเราไม่รับ เขารับเราไม่ฟัน จะฟันต่อเมื่อเขาไม่รับ จะรับต่อเมื่อหลบหลีกไม่พ้น

การฝึกฝนขั้นต้นคือการฝึกตีเป้าและก็ต้องฝึกควงพลอง ๔ ท่าหลัก คือท่าแข่งแสงสูรย์ พิรุณร้องไห้ นารายณ์ทรงจักร และไอยราฟาดงวง เพื่อฝึกกำลังข้อ แขน และเพื่อให้ส่วนต่างๆ ของร่างกายเคลื่อนไหวอย่างกลมกลืน ไม่สะดุด เพราะระหว่างการควงพลองจะต้องมีการหมุนตัว เอี้ยวตัว เอี้ยวไหล

ซึ่งจะเป็นพื้นฐานในการใช้ท่าการ์ด และท่าเท้า ๔ ทิศ ฉาก ๘ แฉกต่อไป เมื่อผู้ฝึกมีพื้นฐานแน่นแล้ว ก็เริ่มฝึกท่าการ์ด แม่ไม้สามท่า ฝึกท่าเท้า เมื่อชำนาญก็ฝึกท่ารำ และกลยุทธกลศึกในที่สุด

แม่ไม้สามท่า คือท่าที่ทุกคนเห็นว่าวาดดาบเป็นรูปเลขแปดนั่นเอง

"ท่าคลุมไตรภพ" วาดดาบประสานเป็นวงรูปเลขแปดอาระบิคแนวตั้ง อย่างต่อเนื่องครั้งแล้วครั้งเล่า
"ตลบสิงขร" ดาบซ้ายขวาวาดวนในระดับเอวเป็นวงรูปเลขแปดอาระบิคในแนวนอน
"ย้อนฟองสมุทร" ดาบทั้งสองข้างวาดเป็นรูปเลขแปดอาระบิคแนวตั้ง ทว่าต่างจากท่า"คลุมไตรภพ"ตรงที่ ในท่านี้ดาบทั้งสองมือวาดเป็นเลขแปดสองตัวต่อกันจากล่างขึ้นบน ขณะวาดดาบก็มีการโล้ตัวไปข้างหน้าและหลังด้วย

ไม้รำสิบสองท่า เป็นท่าที่ต่อเนื่องจากแม่ไม้ทั้งสาม วนเวียนออกจากศูนย์กลางต่อเนื่องไม่สิ้นสุด

ได้แก่ ท่าไม้รำเสือลากหาง ฟันเงื้อสีดา หงษ์ปีกหัก ท่ายักษ์พระรามแผลงศร เชิญเทียนตัดเทียน มอญส่องกล้อง ลับหอกลับดาบ ช้างประสานงา กาล้วงไส้ พญาครุฑยุดนาค เรียงหมอน และท่าสอดสร้อยมาลา
(ไม่บอกรายละเอียดแล้วกันนะครับ)

ไม้ตาย เป็นวิชาลับที่โหดเหี้ยมสอนให้กับเฉพาะศิษย์ที่เชื่อใจได้เท่านั้น
คือวิชาตัดข้อตัดเอ็น ๒๗ ท่า กับวิชาหนุมานเชิญธง ๔๘ ท่า วิชานี้จะใช้ในเวลาถูกรุม คือต้องต่อสู้กับคนจำนวนมาก ตั้งแต่ ๓ คน ๕ คน กระทั่ง ๑๐ หรือ ๒๐ คนก็สู้ได้"

ขอบคุณข้อมูลจากนิตยสาร สารคดีครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24 ต.ค. 2552, 03:19:41 โดย gottkung »
เราเป็นศิษย์คิดมีครูดูก่อนเถิด อย่าละเมิดคำครูที่พร่ำสอน
ปุถุชนคนธรรมดาพึงสังวรณ์ ครูท่านสอนมอบสิ่งดีแก่เราๆ

ออฟไลน์ หลังฝน..

  • สัตตมะ
  • **
  • กระทู้: 310
  • เพศ: ชาย
  • ทุกอย่างมีเหตุและผลเสมอ
    • MSN Messenger - webmaster@lifesyt-it.net
    • ดูรายละเอียด
    • www.lifestyle-it.net
ขอบคุณสำหรับ เนื้อหาสาระดีๆนะครับ ศิลปะของไทยต้องรักษาไว้ซึ่งความเป็นไทยครับผม !!!  :016: :016: :016:
ความพยายามนั้นมีอยู่จริงในตัวตนของเรา สุดแท้แต่ความพยายามนั้นจะถูกดึงออกมาใช้ได้มากน้อยแต่เพียงใด

ออฟไลน์ หนึ่งดาวคนอง

  • ฉัฏฐะ
  • *
  • กระทู้: 52
  • เพศ: ชาย
  • เกิดเป็นคนทั้งที่ หาดีให้ได้
    • ดูรายละเอียด
สำนักดาบแต่ละสำนักตั้งอยู่ที่ใดกันบ้างครับ ถ้ามีโอกาศจะได้ศึกษาหาความรู้ทางด้านนี้บ้างครับ ขอบคุณครับ :054:

ออฟไลน์ เด็กแสบ

  • ฉัฏฐะ
  • *
  • กระทู้: 175
  • เพศ: ชาย
  • เด็กแสบ แถบราม
    • MSN Messenger - sun-ram39-@hotmail.com
    • ดูรายละเอียด
ได้ความรู้

มากเลยคราบ

ออฟไลน์ makantong

  • ฉัฏฐะ
  • *
  • กระทู้: 80
  • เพศ: ชาย
    • MSN Messenger - makantong@hotmail.com
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล
รู้สึกว่าจะเคยออกรายคุณพระช่วยทที่ช่อง9
นะครับ มีอยู่10ท่าด้วยน่ะครับ

ออฟไลน์ ~เสน่ห์ack01~

  • ผู้คุมกฎ
  • *****
  • กระทู้: 5330
  • เพศ: ชาย
  • " ไม่เมาเหล้าแล้วเรายังเมารัก"
    • ดูรายละเอียด
ขอบคุณก๊อตมากครับ เกี่ยวกับบทความในเรื่องวิชาดาบ... :016:

...เป็นวิชาดีๆ ที่ควรอนุรักษ์ไว้คู่คนไทยจริงๆครับ....

ทำบุญ วันคล้ายวันเกิด หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ
วันอาทิตย์ ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๕ 

ออฟไลน์ gottkung

  • จะหมึกหรือน้ำมันไม่สำคัญ จงตั้งมั่นให้อยู่ในความดี
  • เด็กวัด
  • *****
  • กระทู้: 4088
  • เพศ: ชาย
  • "จะลูกใครนั้นไม่สำคัญ เป็นศิษย์ฉันเท่ากันทุกคนไป "
    • ดูรายละเอียด
    • www.gottkung.multiply.com
สำนักดาบแต่ละสำนักตั้งอยู่ที่ใดกันบ้างครับ ถ้ามีโอกาศจะได้ศึกษาหาความรู้ทางด้านนี้บ้างครับ ขอบคุณครับ :054:

ด้วยความเคารพครับ ผมเองก็ไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญ แต่เท่าที่เคยฟังจากรุ่นพี่ๆ
ที่วัดพุทไธสวรรค์ อยุธยา นี่ก็เป็นอีกสำนักหนึ่งที่มีชื่อเสียงทางด้านวิชาดาบครับ
หรือถ้าจะหาเรียนเป็นความรู้ป้องกันตัวเอง แถวๆสวนหลวงร.เก้า มีสถานบันเปิดสอนศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวของ
ไทยอยู่ครับ ทั้งมีดสั้น ดาบไทย และมวยไทย
ผิดพลาดประการใด ขออภัยด้วยครับ

ออฟไลน์ to

  • สัตตมะ
  • **
  • กระทู้: 639
  • เพศ: ชาย
    • ดูรายละเอียด
ขอบคุณมากๆครับ