ผู้เขียน หัวข้อ: เล่าสู่กันฟัง..." It is never too late to mend..ไม่มีอะไรสายสำหรับการเริ่มต้น"  (อ่าน 4532 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ รวี สัจจะ...

  • รองประธาน
  • *****
  • กระทู้: 1137
  • รวี สัจะ-สมณะไร้นาม-วจีพเนจร
    • ดูรายละเอียด
    • รวี สัจจะ สมณะไร้นาม (เคลื่อนไหวดุจสายลม)
๗ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๓
ตถตาอาศรม ริมฝั่งแม่น้ำโขง
       ว่างเว้นหยุดพักจากโยธากรรมฐาน เพราะว่าทีมงานติดภาระกิจงานสังคม จึงมีเวลาที่จะใคร่ครวญ
ทบทวนถึงสิ่งต่างๆที่ผ่านมา และเห็นว่าบางสิ่งบางอย่าง สามารถที่จะนำมาเล่าสู่กันฟังเพื่อเป็นประโยชน์
แก่ท่านทั้งหลายที่จะได้นำไปคิดพิจารณาและเป็นแนวทางสำหรับการดำเนินชีวิต เป็นข้อคิดสะกิดเตือนใจ
ได้บ้างไม่มากก็น้อย และก่อนที่จะแสดงความคิดเห็นใดๆ ขอให้คิดและพิจารณาทำความเข้าใจในเนื้อหา
และเจตนาที่ได้นำเสนอเสียก่อน แล้วจึงแสดงความคิดเห็น เพื่อไม่ให้เป็นการทำลายบรรยากาศในทางธรรม
และจะไม่เป็นบาปกรรมซึ่งกันและกัน
     ขอเริ่มเล่าสู่กันฟัง...ตั้งแต่สมัยเป็นฆราวาสมาแล้วนั้น เป็นคนที่ชอบอ่านหนังสือ ชอบจดบันทึกและชอบ
ฟังพวกผู้ใหญ่เขาคุยกัน อ่านหนังสือทุกชนิดและทุกแนว อ่านกระทั่งกระดาษห่อของที่มีตัวอักษร อ่านหมด
จากประสพการณ์ที่สั่งสมมาตั้งแต่วัยเด็กจนกระทั่งเติบใหญ่ ทำให้เป็นคนที่อ่านหนังสือได้เร็วและจำได้แม่น
สามารถที่จะสรุปเนื้อหาสาระที่สำคัญของเรื่องนั้นๆได้รวดเร็วและทันทีที่อ่านจบ และเมื่อได้เข้ามาบวชเรียนใหม่ๆ
จึงทำให้สามารถที่จะขึ้นเทศน์ได้ทันที(วันที่ ๒ ของการบวชก็ขึ้นเทศน์แล้วเพราะมีพื้นฐานเป็นนักพูดมาก่อนแล้ว)
ซึ่งการเป็นพระนักเทศน์นั้นจำเป็นต้องมีข้อมูลในทางธรรม สมัยบวชใหม่ๆนั้นจึงได้อ่านหนังสือธรรมะอย่างมาก
พระไครปิฏกอ่านหมดทั้ง ๔๕เล่ม หนังสือธรรมะของหลวงพ่อพุทธทาสอ่านหมดทุกเล่ม หนังสือธรรมะของครู-
บาอาจารย์ต่างๆที่พิมพ์ออกมาอ่านหมด หนังสือธรรมะที่เขาแจกตามงานศพก็ไม่รอดพ้นสายตา จึงทำให้สามารถ
ที่จะเทศน์ที่จะบรรยายได้ตตั้งแต่บวชมาใหม่ๆและเริ่มที่จะเป็นที่รู้จักของญาติโยมทั่วไป และเมื่อได้มาอยู่วัดถ้ำเสือฯ
ที่จังหวัดกระบี่เพียงหนึ่งปี พอขึ้นปีสองก็ได้รับการวางตัวให้เป็นองค์สัมโมทนียกถาทุกวันในตอนเช้าก่อนฉันข้าว
และก่อนที่จะทำพิธี ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ ๓๐ นาที เป็นอย่างนี้ทุกวันทำอยู่อย่างนั้นมาสองปีและเพื่อไม่ให้เกิด
การพูดซ้ำกันในแต่ละวัน จึงทำให้ต้องศึกษาอ่านพระไตรปิฏกและอ่านเรื่องการปฏิบัติเป็นอย่างมากและทุกวัน
จนกระทั่งก่อนเข้าพรรษาปี ๒๕๓๔ ได้เข้าไปขออนญาตจากพระอาจารย์จำเนียร สีลเสฐโฐ พระอาจารย์ใหญ่
เพื่อขอไปอยู่ปฏิบัติธรรมและจำพรรษาในถ้านอกเขตวัด ซึ่งท่านก็สนับสนุนและอนุญาตให้ไปประพฤติปฏิบัติ
ตามที่ขอท่านไป ซึ่งในวันนั้นได้กราบเรียนถามท่านว่า"ในพรรษานี้ผมควรที่จะปฏิบัติอย่างไรและกรรมฐานกองไหน"
ซึ่งคำตอบที่ได้รับจากพระอาจารย์จำเนียร สีลเสฐโฐ พระอาจารย์ใหญ่ก็คือ " ธรรมะทั้งหลายนั้น คุณรู้มันหมดแล้ว
รู้ถึงพระนิพพาน แต่ว่าคุณยังไม่ได้ทำ เพียงแต่รู้ เข้าใจและจำได้  แต่คุณนั้นยังไม่ได้ทำ กลับไปทำตามที่คุณรู้
และที่คุณเข้าใจให้ได้ก็พอแล้ว" นี่คือธรรมะที่ได้รับจากพระอาจารย์
         ที่ผ่านมานั้นเราเป็นเพียงใบลานเปล่า เป็นเหมือนนกแก้ว นกขุนทอง ที่อ่าน ท่องแล้วเอามาพูด แต่ไม่ได้เข้าถึง
ตั้งแต่วันนั้นจึงทิ้งเรื่องตำราหันมาปฏบัติเพียงอย่างเดียว เลิกเป็นนัเทศน์นักพูด เริ่มต้นชีวิตของการเป็นสมณะนักบวชใหม่
ทำความรู้และเข้าใจโดยการปฏิบัติเพื่อให้ชัดเจนในสภาวะธรรมทั้งหลาย "ไม่มีอะไรสายสำหรับการเริ่มต้น" ขอเพียงเรามี
ความตั้งใจและรักษาสัจจะที่ให้ไว้กับตัวเรา ในสิ่งที่เราคิดและหวังไว้ ลงมือกระทำไปในสิ่งที่เราปรารถนาตามแนวของ
"อิทธิบาท ๔" มีฉันทะ มีวิริยะ มีจิตตะและมีวิมังสา จงอย่าเพลินติดอยู่กับความฝันและจินตนาการที่เป็นเพียงนามธรรม
จงเอาความคิดความฝันนั้นมาทำให้เป็นจริง ให้เป็นรูปธรรมขึ้นมา แล้วไม่ช้าฝันนั้นก็จะกลายเป็นจริง
        ซึ่งส่วนใหญ่เรามักจะหาข้ออ้างที่เข้าข้างตัวเองอยู่ตลอดเวลาว่ายังไม่พร้อม โดยอ้างเงื่อนไขต่างๆมาเป็นข้อผูกมัด
แต่ถ้าเราได้เจาะลึกถึงความรู้สึกอย่างนั้น เราก็จะพบกับความจริงที่ว่า มันเกิดมาจากความขี้เกียจ มักง่าย กลัวความลำบาก
ใจเราจึงไม่อยากที่จะทำ ได้เพียงคิดและพูด แต่ไม่เคยลงมือกระทำขึ้นมาเลย " It is never too late to mend "
ไม่มีอะไรสายสำหรับการเริ่มต้น...ถ้าเรารักษาสัจจะและทำหน้าที่ของเราให้สมบูรณ์....
           ด้วยความปรารถนาดีและไมตรีจิตแด่มวลมิตรทุกผู้คน
                   รวี สัจจะ-วจีพเนจร-สมณะชายขอบ
๗ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๓ เวลา ๑๑.๔๘ น. ณ ศาลาน้อยริมน้ำโขง ชายขอบประเทศไทย
ใช่หวังจะดังเด่น  จึงมาเป็นสมณะ
เพียงหวังจะลดละ  ซึ่งมานะและอัตตา
เร่ร่อนและรอนแรม ไปแต่งแต้มแสวงหา
สัญจรร่อนเร่มา  ผ่านร้อยป่าและภูดอย
ลาภยศและสรรเสริญ  ถ้าหลงเพลินจิตเสื่อมถอย
พาใจให้เลื่อนลอย  จิตเสื่อมถอยคุณธรรม
       ปณิธานในการปฏิบัติธรรม

ออฟไลน์ derbyrock

  • คณะกรรมการ
  • *****
  • กระทู้: 2494
  • เพศ: ชาย
  • สติมา ปัญญาเกิด........ปัญหามา ปํญญามี.......
    • MSN Messenger - derbyrock@hotmail.com
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล
กราบนมัสการพระอาจารย์ครับ ไม่มีอะไรสายสำหรับการเริ่มต้น ผมจะจำคำนี้ไว้สอนใจตัวเองครับ

ความสุขที่แท้จริงรอคอยคุณอยู่.......เพียงแค่คุณนั่งลงแล้วหลับตา

ออฟไลน์ ~เสน่ห์โจรสลัด~

  • อัฏฐมะ
  • ***
  • กระทู้: 7913
  • เพศ: ชาย
  • " ถ้ามุ่งมั่นจะเป็นที่หนึ่งคุณจะเป็นที่หนึ่ง "
    • ดูรายละเอียด
" It is never too late to mend "
    ไม่มีอะไรสายสำหรับการเริ่มต้น


ขอบพระคุณพระอาจารย์ที่เมตตามาเล่าสู่กันฟัง ...  :054:

ออฟไลน์ ~เสน่ห์ack01~

  • ผู้คุมกฎ
  • *****
  • กระทู้: 5330
  • เพศ: ชาย
  • " ไม่เมาเหล้าแล้วเรายังเมารัก"
    • ดูรายละเอียด
จงอย่าเพลินติดอยู่กับความฝันและจินตนาการที่เป็นเพียงนามธรรม

จงเอาความคิดความฝันนั้นมาทำให้เป็นจริง ให้เป็นรูปธรรมขึ้นมา แล้วไม่ช้าฝันนั้นก็จะกลายเป็นจริง



กราบนมัสการขอบพระคุณพระอาจารย์ ที่เมตตาสอนครับ....

ทำบุญ วันคล้ายวันเกิด หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ
วันอาทิตย์ ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๕ 

ออฟไลน์ PeAwPeed

  • I'm not MosT girls I'm Smile. I'm an angel in disguise. I'm angry. I'm a devil inside.
  • ผู้ดูแล
  • *****
  • กระทู้: 1574
  • เพศ: หญิง
  • Stay happy all...=^.*=
    • ดูรายละเอียด
กราบนมัสการขอบคุณพระอาจารย์ ค่ะ :054:

ขอนำไปปฏิบัติ สอนตนเองว่า
จะเริ่มต้นสิ่งทีดี ที่ถูกต้อง ไม่กลัว เริ่มลงมือกระทำ นับตั้งแต่วันนี้
เพราะ ไม่มีอะไรสายสำหรับการเริ่มต้น





What can I say it all started with a simple hello
Now look at us we’ve come a long way from just a simple