ผู้เขียน หัวข้อ: พระกตัญญูถอดจีวรช่วยแม่ไถนา  (อ่าน 2212 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ นายธรรมะ

  • ดีชั่วอยู่ที่ตัวทํา สูงต่ำอยู่ที่ทําตัว
  • สัตตมะ
  • **
  • กระทู้: 615
  • เพศ: ชาย
  • เหนื่อย ได้แต่อย่า ท้อ
    • ดูรายละเอียด
นำมาให้อ่านครับ ซึ้งมาก ใกล้วันแม่แล้วด้วย


นี้ขอถามหน่อยนะครับ นี้ผิดกิจของสงฆ์ไหมอะครับ ไม่รู้อะครับ


ขอร่วมอนุโมทนา กับทุกท่านด้วยนะครับ
-------------------


ผู้สื่อข่าวของไทยทีวีสีช่อง 3 พบกับครอบครัวของ คุณยายทองมี ศรีสันงาม อายุ 63 ปี บ้านเลขที่ 91 หมู่ที่ 5 บ้านอาคุณ ต.กระโพ อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์ กำลังทำนาอยู่ใกล้กับหมู่บ้าน และมีพระสงฆ์มาช่วยไถนา และช่วยดำนา เมื่อสอบถามคุณยายทองมี ทราบว่า พระ ชื่อ ว่าพระดับ ศรีสันงาม เป็นลูกชายคนสุดท้องของคุณยายในจำนวนพี่น้องทั้งหมด 6 คน ซึ่งออกไปมีครอบครัวกันหมดแล้ว มีพระดับ ลูกชายบวชมาได้ 3 ปี และจำพรรษาอยู่ที่วัดใกล้กับหมู่บ้าน เวลาทำนาทุกปี พระลูกชายจะมาช่วยแม่ไถนา ดำนา ถอนกล้าดำนา ทำมาตั้งแต่บวชได้ปีแรก เพราะว่าสงสารแม่ แม้จะอายุ 63 ปี ก็ยังมาขุดดิน ดำนา แม่ก็จะทำอาหารเพลไว้คอยพระมาช่วยไถ่นา ดำนาเสร็จก็ฉันเพล เมื่อฉันอาหารเพลแล้วพระจะกลับวัดเพื่อไปเรียนหนังสือ คุณยายทองมี บอกว่าดีใจมาก ภูมิใจมาก ที่ลูกมีความกตัญญูสงสารแม่ มาช่วยแม่ทำนาทุกปีแม้จะบวชแล้วก็ตาม
ส่วนพระดับ ลูกชายบอกว่า สงสารแม่ เห็นแม่ทำงานหนัก ก็เป็นห่วงสุขภาพเพราะแม่แก่แล้ว เมื่อลูกๆคนอื่นๆ แยกย้ายกันไปมีครอบครัวหมด ต่างคนต่างทำนา พระอยู่ใกล้แม่จึงตัดสินใจมาช่วยแม่ทำนา ทำมาตั้งแต่บวชปีแรก จนถึงปีนี้ เป็นเวลา 3 ปี ดีใจที่ได้ช่วยผ่อนแรงให้แม่ได้บ้างจะได้ไม่ทำงานหนักจนเกินไป

credit : www.sanook.com และ http://board.palungjit.com/
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06 ส.ค. 2553, 06:23:10 โดย นายธรรมะ »
[shake]ศรัทธา ไม่ใช่ ไสยศาสตร์ ศรัทธา เพื่อ ศักดิ์สิทธิ์ เมื่อมีความ ศักดิ์สิทธิ์ ย่อมเกิด ปาฏิหาริย์[/shake]

ออฟไลน์ ۞เณรน้อยเส้าหลิน۞

  • สัตตมะ
  • **
  • กระทู้: 1560
  • เพศ: ชาย
  • ไม่สู้ ไม่หนี ทําดีเรื่อยไป
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: พระกตัญญูถอดจีวรช่วยแม่ไถนา
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: 06 ส.ค. 2553, 11:29:59 »
อ่านเรื่องราวของพระภิกษุสงฆ์ผู้ช่วยมารดาไถนาแล้วนึกถึงเรื่องพระภิกษุสงฆ์ในสมัยพุทธกาลที่ท่านได้บิณฑบาตนำอาหารเลี้ยงดูบิดามารดามีเนื้อหาดังด้านล่างครับ


      *ในสมัยพุทธกาล ที่กรุงสาวัตถี มีลูกชายเศรษฐีท่านหนึ่ง เป็นคนมีบุญ เมื่อได้ฟังธรรมจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้วเกิดศรัทธา จึงขอพ่อแม่ออกบวช แต่ได้รับการปฏิเสธ ลูกชายอดอาหารประท้วงถึง ๗ วัน บิดามารดาคิดว่า "ถ้าไม่ยอม ลูกคงตายแน่ แต่ถ้ายอมให้ลูกบวช ยังมีโอกาสได้เห็นหน้าลูกชายบ้าง"  จึงพร้อมใจกันยินยอมให้ลูกบวช 

        ลูกชายดีใจเป็นที่สุด กราบแทบเท้ามารดาบิดา แล้วรีบไปที่วัดเชตวันมหาวิหารเพื่อขอรับการบรรพชาอุปสมบท เมื่อบวชแล้วก็ตั้งใจศึกษาคันถธุระอยู่ ๕ พรรษา แล้วจึงปลีกวิเวกด้วยการเข้าไปบำเพ็ญเพียรอยู่ในป่าตามลำพัง ท่านทำความเพียรอยู่ ๑๒ ปี แต่ยังไม่ได้คุณวิเศษอะไร ส่วนโยมพ่อโยมแม่  เมื่อไม่มีลูกชายแล้ว ก็ไม่อาจรักษาทรัพย์สมบัติเอาไว้ได้ เพราะความแก่เฒ่า ธุรกิจการค้าจึงถูกเขาโกงไป แม้แต่ข้าทาสบริวารก็ขโมยทรัพย์สินไปหมด แม้บ้านของตัวก็จำเป็นต้องขายเพื่อเอาทรัพย์มาเลี้ยงชีพ และต่อมาเมื่อทรัพย์หมดก็ไร้ที่อยู่อาศัย ในที่สุดจำต้องเลี้ยงชีพด้วยการขอทานอย่างน่าเวทนา

         วันหนึ่ง พระภิกษุผู้เป็นบุตรเศรษฐีได้ข่าวจากเพื่อนภิกษุอาคันตุกะว่า โยมพ่อโยมแม่ของท่านกำลังลำบากต้องขอทานเขากิน ท่านรู้สึกสงสารขึ้นมาอย่างจับใจ ประกอบกับช่วงนั้นท่านรู้สึกท้อแท้เพราะผลการปฏิบัติธรรมที่ไม่ก้าวหน้า จึงคิดอยากสึกออกไปเป็นคฤหัสถ์ เพื่อเลี้ยงดูมารดาบิดา จึงรีบเดินทางกลับกรุงสาวัตถีทันที

        เมื่อเดินทางมาถึงทาง ๒ แพร่ง ระหว่างไปบ้านเกิดกับไปวัดพระเชตวัน ท่านคิดว่า ไหนๆ จะสึกแล้ว เราไปเข้าเฝ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก่อนจะดีกว่า ปรากฏว่าเช้าวันนั้น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมเรื่องความกตัญญู  เมื่อท่านได้ฟังแล้วก็เกิดวิริยอุตสาหะ ที่จะบำรุงเลี้ยงดูมารดาบิดาในเพศบรรพชิต ได้ออกตามหาจนพบ เมื่อมองเห็นมารดาบิดาทั้งสองกำลังนั่งขอทานอยู่ จึงเดินเข้าไปยืนใกล้ๆ

        "นิมนต์พระคุณเจ้าข้างหน้าเถิดเจ้าข้า"  โยมแม่พูดโดยไม่กล้ามองหน้าพระ   ฝ่ายพระลูกชายได้แต่ยืนนิ่ง น้ำตานองหน้า เพราะสงสารเหลือเกิน แม้โยมแม่จะกล่าวนิมนต์ให้ไปข้างหน้าตั้งหลายครั้ง แต่ท่านก็ยังยืนนิ่งเฉยอยู่อย่างนั้น ฝ่ายบิดาเริ่มเอะใจจึงสังเกตดูภิกษุรูปนี้ ในที่สุดก็จำได้ว่าเป็นพระลูกชาย  ทั้งสามต่างร่ำไห้กันยกใหญ่
 
        พระลูกชายปลอบใจโยมทั้งสองว่า "โยมพ่อโยมแม่ไม่ต้องลำบากหรอก จากนี้ไปไม่ต้องขอทานแล้ว พระจะบิณฑบาตมาเลี้ยงดูไม่ให้อดอยาก"  
 
        ตั้งแต่นั้นมาอาหารบิณฑบาตที่ได้มาท่านก็นำมาให้มารดาบิดารับประทานก่อน  ผ้าจีวรที่เขานำมาถวาย ท่านก็จะนำมาให้มารดาบิดาซักย้อม และตัดเย็บสวมใส่   แม้พระลูกชายจะมีอาหารไม่พอฉัน แต่ก็สู้อดทนเลี้ยงดูด้วยความกตัญญูกตเวที จนในที่สุดท่านซูบผอมร่างกายเหลือง   สะพรั่งไปด้วยเส้นเอ็น

        เพื่อนสหธรรมิกเห็นอาการผิดปกติเช่นนั้น จึงไต่ถามดูว่า "อาวุโส  เมื่อก่อนท่านมีผิวพรรณวรรณะผ่องใส แต่เดี๋ยวนี้ร่างกายผ่ายผอมสะพรั่งไปด้วยเส้นเอ็น ท่านป่วยเป็นโรคอะไรหรือ"   ท่านบอกว่าตนเองไม่ได้ป่วยเป็นโรคอะไรหรอก เพียงแต่ว่าอาหารไม่พอฉัน เนื่องจากต้องแบ่งอาหารบิณฑบาตให้โยมพ่อโยมแม่

        เพื่อนสหธรรมิกได้ยินเช่นนั้น เนื่องจากเป็นผู้เคร่งครัดในธรรมวินัย จึงตำหนิท่านว่า "การนำอาหารที่เขาถวายมาด้วยศรัทธาไปเลี้ยงดูคฤหัสถ์ เป็นสิ่งที่ไม่สมควร" เรื่องการเลี้ยงอาหารแก่คฤหัสถ์จึงถูกโจษขานขึ้นในหมู่สงฆ์ ภิกษุสงฆ์จึงกราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้า พระพุทธองค์จึงตรัสเรียกท่านเข้ามาสอบถามในท่ามกลางมหาสังฆสมาคม ท่านได้แต่ก้มหน้ายอมรับคำตำหนิในท่ามกลางสงฆ์


        เมื่อถูกพระพุทธองค์ตรัสถามว่า "ดูก่อนภิกษุ เธอนำอาหารที่เขาถวายด้วยศรัทธาไปเลี้ยงดูคฤหัสถ์จริงหรือ" 
 
        "จริงพระเจ้าข้า" 
 
        "เธอนำอาหารไปเลี้ยงดูคฤหัสถ์ไหนกันล่ะ" 
 
        "เป็น มารดาบิดาของข้าพระองค์เองพระเจ้าข้า" ภิกษุหนุ่มเตรียมใจรับคำตักเตือนด้วยความเคารพ แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น  เมื่อได้ยินเสียงสาธุการจากพระองค์ถึง ๓ ครั้งว่า "สาธุ สาธุ สาธุ เธอทำถูกต้องแล้ว แม้เราในอดีตก็บำรุงเลี้ยงดูมารดาบิดาเหมือนกัน" จากนั้นพระองค์ตรัสเล่าเรื่องสุวรรณสามชาดก ซึ่งเป็นพระชาติหนึ่งของพระพุทธองค์ ที่บำรุงเลี้ยงมารดาบิดาผู้ตาบอดทั้งสองข้างด้วยความขยันขันแข็ง แม้ว่าจะประสบเภทภัยจนเกือบถึงแก่ชีวิต ก็ไม่อาลัยกับชีวิตตน จิตห่วงใยแต่มารดาบิดาทั้งสอง และด้วยแรงกตัญญูจึงทำให้ท่านรอดพ้นจากอันตรายครั้งนั้นมาได้

        ภิกษุหนุ่มฟังแล้วปลื้มใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เพราะสิ่งที่ท่านทำลงไปนอกจากจะไม่ผิดธรรมวินัยแล้ว ยังได้รับการยกย่องจากพระบรมศาสดาอีกด้วย เมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเห็นท่านมีจิตแช่มชื่นเบิกบานดีแล้ว ทรงเริ่มแสดงอริยสัจ ๔ ท่านได้ปล่อยใจไปตามกระแสพระธรรมเทศนา ศูนย์กลางกายของท่านที่เคยมืดมิดมาตลอด ๑๒ ปี ก็สว่างโพลงขึ้น มีใจหยุดใจนิ่ง จนในที่สุดเข้าถึงพระธรรมกายโสดาบัน เป็นพระอริยเจ้า

       เราจะเห็นว่า การเลี้ยงดูบิดามารดามีอานิสงส์ใหญ่ นอกจากมนุษย์และเทวดาทั่วไปจะพากันยกย่องสรรเสริญแล้ว แม้พระพุทธองค์ยังทรงอนุโมทนาอีกด้วย พ่อแม่ถือว่าเป็นยอดแห่งบุพการีชน เป็นประดุจพระอรหันต์ของพวกเราทุกคน เพราะฉะนั้นแม้ลูกจะอยู่ในสถานะไหนก็ตาม ต่างมีหน้าที่ เหมือนกัน คือ ต้องเลี้ยงดูบิดามารดา ขนาดพระพุทธองค์ยังอนุญาตให้ภิกษุสามารถเลี้ยงดูบิดามารดาได้

       ดังนั้น ขณะที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ เราต้องมีจิตสำนึกของความเป็นลูกกตัญญู เลี้ยงดูท่านให้มีความสุขทั้งทางกายและทางใจ ดูแลท่านทั้งสองให้มีความสุขมากกว่าที่เราเคยได้รับจากท่าน อย่าให้ท่านต้องน้ำตานองหน้า อยู่โดดเดี่ยวเดียวดาย นั่งเหม่อลอยอยู่ตามบ้านพักคนชรา เพราะลูกหลานไม่เหลียวแล อย่าทำให้ท่านต้องตรอมใจ ตำหนิลูกหลานอยู่ในใจว่า เป็นคนอกตัญญู ไม่รู้บุญคุณคน ขอให้ทุกท่านตระหนักถึงสิ่งเหล่านี้ หมั่นทำบุญกับพระอรหันต์ในบ้านให้เต็มที่ ให้ดีที่สุด

พระธรรมเทศนาโดย : พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)

ขอบคุณที่มาจาก http://www.dmc.tv/print/dhamma_for_people/mongkol02-58.html
ครูผู้บริสุทธิ์ ครูผู้หมดกิเลสเครื่องเศร้าหมอง
ครูผู้มี"พระปัญญาธิคุณ พระมหากรุณาธิคุณ พระบริสุทธิคุณ" อย่างประมาณมิได้
บรมครูผู้นั้นคือ "สมเด็จพระพุทธเจ้า"
ขอนอบน้อมกราบกรานพระบรมศาสดา

ออฟไลน์ berm

  • สิ่งที่ควรทำคือความดี..สิ่งที่ควรมีคือคุณธรรม..สิ่งที่ควรจำคือ...บุญคุณ
  • อัฏฐมะ
  • ***
  • กระทู้: 1008
  • เพศ: ชาย
  • อยู่คนเดียวระวังความคิด อยู่กับมิตรระวังวาจา
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล
ตอบ: พระกตัญญูถอดจีวรช่วยแม่ไถนา
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: 07 ส.ค. 2553, 09:53:37 »
 :053: :053: :053:เรื่องราวแห่งความกตัญญูแบบนี้นำมาเสนอให้พวกเราชาวเว็ปบางพระบ่อยๆนะครับ....อ่านแล้วซึ้งน้ำตาจะไหลให้ได้....ขอบคุณครับ
ทุกคนย่อมมีปัญหาของตัวเองเกิดขึ้นตลอดเวลา  อยู่ที่ใครเลือกที่จะเดินหนีปัญหา...หรือเลือกที่จะแก้ไขปัญหา

ออฟไลน์ john_4682

  • สัตตมะ
  • **
  • กระทู้: 92
  • เพศ: ชาย
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: พระกตัญญูถอดจีวรช่วยแม่ไถนา
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: 07 ส.ค. 2553, 10:06:16 »
ขอบคุณครับสำหรับเรื่องราวดีๆที่เล่าสู่กันฟัง ซึ้งครับ
ปาฏิหารย์เกิดจากศรัทธา ความเจริญก้าวหน้าเกิดจากคุณธรรม

ออฟไลน์ อภิรัตน์

  • เห็นรอยเท้าพ่อก้มลงดู เห็นรอยเท้าครูก้มลงกราบ
  • สัตตมะ
  • **
  • กระทู้: 692
  • เพศ: ชาย
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล
ตอบ: พระกตัญญูถอดจีวรช่วยแม่ไถนา
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: 07 ส.ค. 2553, 04:18:42 »
อ่านบทความแบบนี้แล้ว น้ำตาจะไหล ขอบคุณครับ   :001:

ออฟไลน์ siksaka

  • ชีวิตที่สันโดษ เรียบง่าย ย่อมมีความสุขเสมอ
  • จตุตถะ
  • ****
  • กระทู้: 91
  • เพศ: ชาย
  • ...ชีวิตที่สันโดษ เรียบง่าย ย่อมมีความสุขเสมอ...
    • MSN Messenger - alfamale_5698@hotmail.com
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล
ตอบ: พระกตัญญูถอดจีวรช่วยแม่ไถนา
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: 07 ส.ค. 2553, 10:41:02 »
สาธุ สาธุ  อนุโมทามิ  :054:
ชีวิตที่สันโดษ....เรียบง่าย....ย่อมมีความสุขเสมอ

ออฟไลน์ NOPPANUCH

  • ฉัฏฐะ
  • *
  • กระทู้: 42
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: พระกตัญญูถอดจีวรช่วยแม่ไถนา
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: 08 ส.ค. 2553, 08:37:41 »
การให้ธรรมะ ชนะการให้ทั้งปวง