พระคาถาอัญเชิญเหล็กไหล
เมื่อตัดเหล็กไหลได้แล้วก็ต้องใช้คาถาอันเชิญธาตุกายสิทธิ์มาอยู่ด้วยเพื่อความเป็น ศิริมงคล
พระคาถาอันเชิญเหล็กไหลไว้บูชามีดังนี้
# พุทโธเมนาโถ ธัมโมเมนาโถ สังโฆเมนาโถ
# สะกะพะจะ ปูชาจะ บูชาท่านผู้ดูแลรักษา ธาตุอันศักดิ์สิทธิ์ ทรงฤทธิ์อานุภาพ
# อิสะวาสุ อิติปิโส ภะคะวา
# เหล็กไหลเจริญมา เจริญยิ่ง เจริญดี สิ่งดี ๆ ทั้งหลายหลั่งไหลเข้ามาหาข้าพเจ้า
# สัมมะ สัมมา สัมมา สัมมะ มะอะอุ
# นะมะพะทะ นะโมพุทธายะ
พระคาถาอาคมต่างๆ ที่ได้บันทึกไว้ในหนังสือนี้ยังไม่เคยปรากฏการตีพิมพ์ที่ไหนมาก่อน นับเป็นโชคดีของท่านผู้สนใจเพราะหาผู้รู้เรื่องเหล่านี้ยาก ไม่มีตำราจะให้ศึกษา เพราะคนโบราณจะหวงวิชา จะให้วิชาที่ตนรู้ - ทำได้ - ตายไปพร้อมกับตนเองเว้นแต่จะถ่ายทอดให้ลูกหลานเท่านั้น คนไหนเกเรก็ไม่ได้อีกเช่นกัน บางครั้งก็ถ่ายทอดให้ไม่หมด เพราะกลัวศิษย์คิดล้างครูก็มีเหมือนกัน
เทพเทวาเป็นผู้มอบให้
เหล็กไหลประเภทนี้ เกิดจากการอธิษฐานจิต ของผู้ที่มีคุณธรรม ที่มีความประสงค์จะขอบารมีจากเหล็กไหล เพื่อประโยชน์ในการทำนุบำรุงพระศาสนา โดยมิได้ใช้เวทมนต์วิชาการต่าง ๆ ไปบีบคับหรือแย่งชิงเอา แต่อาศัยบุญบารมีที่ตนเองได้เคยบำเพ็ญมาแต่ครั้งอดีตชาติ และเคยเป็นเจ้าของสิ่งนี้มาก่อน
เมื่อถึงเวลาเหล่าเทพเทวา นาคนาคา คนธรรพ์ ยักษ์ ผู้ดูแลรักษาสิ่งเหล่านี้ จะนิมิตบอกให้รู้ เพื่อให้มารับเอาของสิ่งนี้ซึ่งเป็นของคู่บารมีไปรักษา เพราะผู้มีบารมีในที่นี้ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ที่ รักษาศีลหรือปฏิบัติมาก่อน จึงมีญาณหยั่งรู้ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับอดีตตนเองได้ค่อนข้างมาก จึงสามารถเป็นเจ้าของเหล็กไหลนี้ ซึ่งจะเป็นการพบโดยบังเอิญหรือได้มาด้วยความศรัทธาจากการบูชาหรือจะด้วยแรงอธิษฐาน หรือนิมิตบอกก็ตาม
แผ่บารมีทิ้งไว้เมื่อถึงเวลาจุติ
เหล็กไหลประเภทนี้ เกิดจากเทพพรหมเทวา ผู้รักษาเหล็กไหลได้บำเพ็ญบารมีธรรมจนเข้าสู่อริยมรรค หรือ พ้นจากวิบากกรรมบางอย่าง จะจุติในภพภูมิที่สูงยิ่ง ๆ ขึ้นไป ก็จะทิ้งธาตุขันธ์หรือสิ่งที่เคยรักษาไว้อยู่ โดยการอธิษฐานจิตทิ้งเอาไว้ในถ้ำหรือสถานที่ลึกลับ ให้เทพเทวาหรือยักษ์ คนธรรพ์คอยเฝ้ารักษา จนกว่าจะพบผู้ที่มีบารมีธรรมพอจะรักษาสิ่งเหล่านี้ให้ ก็จะมอบให้โดยวิธีใดวิธี หนึ่งดังนี้
1.เหล็กไหล ที่เคยไหลผ่านไปมาตามซอกถ้ำซอกผา มีลักษณะเป็นแผ่น ๆ เป็นปื้น เป็นก้อนขนาดต่าง ๆ ฝังตัวอยู่ตามซอกหินในถ้ำที่ลี้ลับ รอเวลาผู้มีวาสนาเอาไปทำประโยชน์ เหล็กไหลประเภทนี้จะไม่ไหลย้อยเคลื่อนที่ไปไหนอีก แต่จะถูกพรางตาจากบุคคลผู้ไร้วาสนา หากผู้มีวาสนาได้พบเห็นและทำพิธีให้ถูกต้อง ก็จะมีฤทธิ์อำนาจเป็นเหล็กไหลชั้น 1 ได้เหมือนกัน
2.องค์เหล็กไหล สำหรับผู้มีบารมีที่เข้าไปบำเพ็ญฌาณตามป่าเขาหรือถ้ำลึกลับ เทพผู้รักษาจะมอบให้ ถ้าต้องการ >>
>>
พิธีกรรมทดสอบบารมีเหล็กไหล
ในการทดสอบบารมีของเหล็กไหลนั้น จะทำเป็นเล่นๆ หรือ เพื่อความรู้อย่างเดียวหาได้ไม่เพราะเหล็กไหลในที่นี้มีจิตวิญญาณครอบครอง มีความรู้สึก รัก โกรธ เกลียด ชอบ หรือดีเฉกเช่นความรู้สึกของสัตว์โลกทั่วไปที่ยังไม่พ้นความเป็นปุถุชน เพียงแต่อาศัยธาตุขันธ์ประกอบเข้ากันใช้เป็นที่อยู่อาศัย โดยใช้บุญฤทธิ์และอิทธิฤทธิ์ความเป็นเทพในระดับภพภูมิต่างๆ แฝงเข้าอาศัยอยู่ ดังนั้นมีใครคิดไม่ซื่อหรือไม่ดีที่จะมาทำลายหรือมุ่งร้ายด้วยเจตนาที่ไม่บริสุทธิ์ จะมีการต่อต้านหรือต่อสู้เกิดขึ้นได้เช่นกัน เช่นทำให้อานุภาพของดินปืนชื้นจนยิงไม่ออก บางครั้งผู้ที่ทดสอบด้วยปืน จะถูกเหล็กไหลต่อสู้ยื้ดยุดฉุดรั้งปืนหรือแขนไว้จนไม่สามารถจะยิงได้จนสุดท้ายถูก สิ่งที่มองไม่เห็นถีบหน้าอกหรือจุกแน่นหน้าอกจนไม่สามารถทำการยิงได้ บางครั้งล้มลงทั้งยืนเลยก็มี
ผู้อ่านหลายคนอาจจะไม่เชื่อว่าสิ่งเหล่านี้เป็นจริงหรือไม่ หรือเกินความจริงไปหรือเปล่า แต่สิ่งเหล่านี้รอการพิสูจน์จากผู้ที่สนใจและต้องการสิ่งที่มีอานุภาพในการปกป้อง คุ้มครอง ไม่ใช่จากนายหน้าหรือผู้ที่หากินทางอาชีพยิงเหล็กไหล โดยหลอกว่ามีนายทุนใช้ให้มาทดสอบบ้าง มีการวางเงินเดิมพันบ้าง มิฉะนั้นถ้าพบของจริงอย่างที่ว่าแล้วท่านอาจจะพบกับเหตุการณ์ที่น่าสพึงกลัวจาก สิ่งที่มองไม่เห็นเหล่านี้ได้โดยง่ายก็ได้ แต่สิ่งเหล่านี้ต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่าเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริงสดๆ ร้อนๆ ต่อหน้าสายตาคนนับร้อย ดังที่จะกล่าวถึงในโอกาสต่อไป
เครื่องบูชา
1.บายศรีเทพ บายศรีพรหม บายศรีตอง
2.ฉัตรเงิน ฉัตรทอง 9 ชั้น 4 ทิศ
3.ตั้งศาลเอก 1 ศาล ศาลเพียงตา 4 ทิศ
4.ผลไม้ 7 อย่างทั้ง 4 ศาล
5.อาหารเจ พร้อมผลไม้ชุดใหญ่ ตั้งศาลเอกพร้อมบายศรีเทพ 1 คู่ บายศรีพรหม 1 คู่
6.บายศรีตองตั้งศาลเพียงตาอย่างละ 1 คู่
7.เครื่องกระยาบวช ข้าวตอกดอกไม้
8.คนอ่านโองการอัญเชิญ
สำหรับพิธีกรรมต่างๆ นั้นสุดแท้แต่ความประสงค์ของเทพที่รักษา ที่กล่าวมานี้เป็นเพียงตัวอย่างในการจัดทำพิธีในสถานที่แห่งหนึ่งเท่านั้น
หลังจากทำพิธีอันเชิญบอกกล่าวขออนุญาตจากเทพผู้ปกปักรักษาเหล็กไหลก็เป็น หน้าที่ของผู้ทำการทดสอบส่วนใหญ่จะเป็นไม้ขีด หรือปืนยิง 3 นัด สุดแท้แต่เงื่อนไขปลีกย่อยที่จะตกลงกันเอง ซึ่งจะต้อง ใช้วิจารณญาณของตนเองอย่าให้ตกเป็นเครื่องมือหากินของกลุ่มผู้ไม่สุจริต เท่านั้น ผู้ซื้อจริงๆ นั้นมีน้อย อย่าหลงเชื่อคนแปลกหน้าง่ายๆ หรือฟังคนบอกว่าเป็นนายทุนมีเงินเป็นร้อยล้านพันล้าน ซึ่งก็ยากแก่การตรวจสอบ พอผ่านการทดสอบสอบจริงๆ แล้ว นายทุนที่ว่าไม่มีเงินจ่ายก็อาจเดือดร้อนได้ในภายหลังเหมือนกันซึ่งส่วนใหญ่จะมีหลัก
เกณฑ์ดังนี้
1.นายหน้าจะต้องมีเงินค่าบูชาครูในการจัดตั้งปรำพิธีหรือของใช้ในพิธี ซึ่งสุดแท้แต่พิธีเล็กหรือใหญ่ ประมาณ 30,000 บาทขึ้นไป
2.ค่าใช้จ่ายของฝ่ายนายทุนผู้ทดสอบการยิง 30,000 บาท
3.เงินมัดจำหรือเงื่อนไขการจ่ายเงินเมื่อการทดสอบผ่านเรียบร้อย
เหล่านี้เป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวังทุกขั้นตอนเหมือนกัน เพราะมีเล่ห์เหลี่ยมของผู้ที่ แสวงหาผลประโยชน์จากความโลภของคนเราได้ง่ายเหมือนกัน ดังข่าวที่ปรากฏตามหน้าหนังสือพิมพ์เป็นประจำ
ขั้นตอนการทดสอบ
1.จุดธูปบอกกล่าวขอชมบารมีและขอขมาโทษหากได้ล่วงเกินต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้
2.ทดสอบอาวุธปืน โดยทดสอบยิงขึ้นฟ้า 1 นัด เล็งเป้าหมายระยะไม่เกิน 2 เมตร แล้วเหนี่ยวไกปืน
3.กรณีเป็นไม้ขีด เมื่อเปิดรังเหล็กไหลแล้วประมาณอึดใจ ก็ทดสอบขีดดูก็จะรู้ผล หากชึ้นชุ่มขีดไม่ติดทุกก้าน ก็ผ่านตามข้อตกลง 2 กล่องหรือมากกว่านั้น
ผลจากการทดสอบการยิง
ทั่วไปแล้วจะกำหนด 3 นัดยิงไม่ออกจึงจะผ่าน และระหว่างทำการทดสอบหากปืนจะขัดข้องด้วยประการใดๆ จนไม่สามารถทำการยิงได้ หรือผู้ยิงมีอาการจุกแน่น หรือมี อาการอย่างใดอย่างหนึ่งจนไม่สามารถทำการยิงได้ ก็ถือว่าผ่าน ดังนั้นเมื่อถึงเวลาทดสอบแล้วจะเปลี่ยนอาวุธหรือคนยิงใหม่ไม่ได้จะต้องถือว่าผ่านเช่
นกัน
จากการชมบารมีของเหล็กไหล 2 องค์ สีเขียวคล้ายหยกอ่อน และเขียวอมฟ้าปรากฎผลมหัศจรรย์ดังนี้
1.ถ่ายรูปไม่ได้หากไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของเหล็กไหลโดยถูกวิธี เพราะมีผู้พยายามจะถ่ายรูปกดชัตเตอร์ถึง 3 ครั้ง กล้องไม่ทำงาน ทั้งตรวจสอบกล้องมาอย่างดีและไม่ได้นำไปใช้ที่ใดเลยในระหว่างการเดินทาง
2.แม้จะอนุญาตให้ถ่ายได้ บางครั้งเหล็กไหลไม่ให้ถ่ายบางภาพ หน้ากล้องจะถูกปิดโดยอัตโนมัติทันที
3.ไฟหรี่ลงเอง แอร์จะดับ เครื่องยนต์ดับเอง
4.ผู้ที่ทดสอบเหล็กไหลประเภทนี้ จะมีอาการจุกแน่นหน้าอก หายใจไม่ค่อยออก เมื่อจะเล็งเป้าไปที่เหล็กไหลจะรู้สึกมือไม้หนักจนยกปืนไม่ขึ้น เมื่อขืนทำเหมือนจะถูกเหนี่ยวรั้งไว้ จนคนที่อยู่ในบริเวณจะเห็นได้ชัดเจนถึงความผิดปกติในตรงนี้
5.เมื่อเหนี่ยวไกปืนจะไม่ดัง คือยิงไม่ออกมีเสียงสับนกดัง แชะ เท่านั้น
6.ถ้าเหล็กไหลสู้ หากฝืนครบจน 3 นัด จะถูกลงโทษอย่างรุนแรงจนร้องออกมาด้วยความตกใจ และหงายหลังล้มลงทันที มือไม้สั่นกระตุกจนเห็นได้ชัด บางคนง่ามมือฉีก บางทีก็ปืนแตก บางคนชักดิ้นชักงอต่อหน้าเดี๋ยวนั้นทันที
7.หากเหล็กไหลหนีจะพุ่งแรงเห็นเป็นลำแสงวิ่งขึ้นฟ้าพร้อมเสียงหวีดแหลมชั่วพริบตา เท่านั้น
8.บางครั้งเมื่อครบ 3 นัด คนยิงถูกเหล็กไหลกระแทกกลับจนหงายหลังแล้ว จะพบว่าองค์เหล็กไหล ไม่ได้อยู่ที่เดิมเสียแล้ว บางครั้งกระโดดลงไปในถาดผลไม้เครื่องบูชา ถ้าถ่ายวีดีโอจะมองเห็นเป็นลำแสงสีแดงวิ่งพุ่งลงไป บางครั้งเอาใส่เซฟที่ผู้ทดสอบจัดหามา วางเปิดให้เห็นในเซฟแล้วทดสอบ เหล็กไหลกระโดดมาอยู่บนจานเชิงเทียนขนาดใหญ่ที่วางตั้งอยู่ใกล้ ๆ กัน ทั้งที่มีสายตาหลายสิบคู่มองกันแทบไม่กระพริบ แต่ไม่มีใครสังเกตุว่ากระโดดออกมาจาก เซฟหรือพานรองรับเมื่อไร
ดังนั้นผู้ทดสอบชมบารมีเหล็กไหล จริงๆ แล้วจะต้องระมัดระวังอันตรายจากจุดนี้ด้วย จนผู้ที่รู้ดีจะเสี่ยงใช้เทียบลูกปืน หรือก้านไม้ขีดแทน ดูจะปลอดภัยกว่าด้วยประการทั้งปวง
เหตุผล ทั้งนี้ทั้งนั้นในเมื่อเป็นธาตุกายสิทธิ์ที่มีชีวิตจิตวิญญาณ มีความรู้สึกเหมือนกับเรา หากเป็นมนุษย์ธรรมดา ต่อให้สนิทกันขนาดไหน ลองเอาปืนไม่มีกระสุนแล้วเล็งมาพร้อมโก่งไกไว้ ท่านจะพอใจ หรือไม่ ?
ดังนั้นอาถรรพณ์ของเหล็กไหลทางป้องกันและรักษา จึงค่อนข้างมีอานุภาพและอิทธิฤทธิ์นานาประการสุดแท้แต่ความประสงค์ที่จะอธิษฐานเอา และเพื่อเผยแพร่เรื่องราวอันแสนมหัศจรรย์ให้แก่ผู้สนใจได้รับทราบและศึกษากันต่อไป>>
>>
แก๊งต้มตุ๋น "เหล็กไหล"
พระอาจารย์เกษมสุข เขมสุโข วัดประดู่ธรรมาธิปัตย์ บางโพ กรุงเทพฯ ได้เคยเล่าให้ฟังว่า เมื่อประมาณปี 2535 ท่านได้รับการติดต่อจาก หัวหน้าแก๊งต้มตุ๋นขายเหล็กไหลรายหนึ่ง ได้เสนอขายสูตร และกรรมวิธีใช้ "เทียนลนเหล็กไหล" ให้สามารถย้อยออกมาจากหินในราคาถึง 100,000 บาท เพื่อนำไปใช้ประกอบการหลอกลวงเรียกเงินทองจากญาติโยมผู้รู้เท่าไม่ถึงการณ์ ซึ่งวิธีดังกล่าวได้เคยใช้ได้ผลมาแล้วหลายราย ทำให้ได้เงินไปใช้หลายล้านบาท
อาจารย์เกษมสุข ท่านแกล้งทำเป็นสนใจ แต่มีข้อแม้ว่าจะต้องทดสอบให้ท่านดูที่วัดเสียก่อน ปรากฏว่าทางแก๊งต้มตุ๋นยอมตกลง แต่ขอค่าใช้จ่ายในการทดสอบ 2,000 บาท ซึ่งปรากฏว่าเขาสามารถใช้เทียนลนให้หินแข็ง ๆ ไหลเยิ้มออกมาได้จริง ๆ ดังภาพที่ปรากฏด้านข้าง ซึ่งทางแก๊งดังกล่าวได้เปิดเผยต่อไปว่า ของเหลวที่ไหลออกมานั้นไม่ใช่หิน แต่จะเป็นสารผสมทางเคมีหลายชนิดรวมกันโดยมีปรอทเป็นส่วนผสมหลัก จากนั้นก็จะนำเอาไปฝังไว้ในก้อนหินที่จัดเตรียมไว้ ก่อนที่จะใช้กาวติดที่ผนังถ้ำก่อนที่จะทำการทดลองให้เหยื่อชม
ระหว่างการทดลองนั้นทางแก๊งได้พยายามโน้มน้าวพระอาจารย์เกษมสุขให้คล้อยตาม โดยบอกว่าท่านเสียเงินเพียง 100,000 บาทเท่านั้น แต่ถ้านำไปหลอกผู้คนก็จะได้เงินเป็นล้านทีเดียว โดยท่านอาจารย์เพียงแต่นำเศรษฐีที่มีเงินและอยากได้เหล็กไหลมาเท่านั้น ทางแก๊งจะนำเอาเหล็กไหลเทียมที่ทำขึ้นนี้ไปซ่อนฝังไว้ตามจุดที่นัดหมาย แล้วให้ท่านอาจารย์เอาเทียนลนเหล็กไหลนั้น ก็จะทำให้คนเชื่อว่าเป็นเหล็กไหลตัดสดจริง ๆ ก็จะได้เงินหลายล้านบาท
หลังจากได้เห็นการทดสอบพร้อมกับจ่ายค่าโง่ไปแล้ว อาตมาก็ตอบปฏิเสธที่จะซื้อสูตรดังกล่าว เพราะไม่สามารถหาเงินแสนมาจ่ายค่าซื้อสูตรการต้มตุ๋นได้ นอกจากนี้แล้ว หากเอาไปหลอกคนอื่นมีหวังอาจจะถูกตามฆ่าก็ได้" พระอาจารเกษมกล่าว
นอกจากนี้แล้ว พระอาจารย์เกษมยังเปิดเผยถึงวิธีต้มตุ๋นที่คนโลภทั่วไปถูกหลอกอีก 2 วิธี โดยวิธีแรกคือ ขอเงินค่าทดสอบ โดยอ้างว่าจะมีนายหน้ามาซื้อเหล็กไหล ทั้งนี้จะบอกว่า "เหล็กไหล" ของเขาต้องบูชาครูด้วยจำนวนเงิน 500,000 บาท เพราะไม่เช่นนั้น "เหล็กไหล" จะหายไป เมื่อเขาอ้างว่า "เหล็กไหล" สามารถทดลองกับไม้ขีดไฟ ด้วยการนำไม้ขีดไฟมาวางและเอา "เหล็กไหล" มาวางทับทิ้งไว้ 10 นาที ไม้ขีดนั้นก็จะจุดไม่ติด ถ้าทดลองกับไม้ขีดไฟเห็นผลแล้วก็จะนำไปทดลองกับลูกปืน ซึ่งถ้าเอาเหล็กไหลไปทาบกับลูกปืน ลูกปืนก็จะยิงไม่ออกเช่นกัน
วิธีการหลอกลวงนั้นจะมีหน้าม้า 3 คน ขั้นแรกต้องเลือกเอาบ้านของเหยื่อที่มีฐานะก่อน โดยจะหาเอาไม้ขีดไฟที่เหยื่อเป็นผู้ซื้อเองมาใหม่ ๆ มาทดลอง โดยบอกเหยื่อว่าจะเอา "เหล็กไหล" วางทับไว้ 10 นาที หลังจากนั้นไม้ขีดไฟจะจุดไม่ติด ขณะที่รอคอยเวลาอยู่นั้น ก็จะชวนเหยื่อคุย พร้อมกับชี้นิ้วมือไปที่ภาพใดภาพหนึ่งในบ้าน แล้วถามว่าเป็นภาพอะไร ถ่ายที่ไหน ทำทีเป็นสนใจมากเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ เหยื่อก็จะหันไปมองที่ภาพนั้น ทุกสายตาก็จะเบนตามไปด้วย จังหวะนั้นเองคนในแก๊งก็จะรีบสับเปลี่ยนไม้ขีดไฟทันที อีกวิธีหนึ่ง แกล้งทำแก้วให้ตกแตก พอเหยื่อหันไปดูเขาก็จะเปลี่ยนไม้ขีดไฟทันทีเช่นกัน
เมื่อนำไม้ขีดไฟมาจุดก็จะจุดไม่ติด เหยื่อเจ้าของบ้านก็จะเข้าใจว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์ เป็นอิทธิฤทธิ์ของเหล็กไหล เนื่องจากไม้ขีดเป็นของตัวเองที่ซื้อมากับมือ ยังจุดไม่ติดจริง ๆ แต่หารู้ไม่ว่า ไม้ขีดไฟถูกแอบสับเปลี่ยนไปแล้ว และไม้ขีดไฟของแก๊งต้มตุ๋นนั้นได้มีการเคลือบน้ำ ซึ่งทำให้หมดสภาพในการจุดประกายไฟ
ก่อนกลับแก๊งต้มตุ๋นจะเอาเงินค่าบูชาครูที่เหยื่อเป็นคนจ่ายให้ใส่กล่องแล้วห่อด้วย ผ้าขาว พร้อมกับบอกเหยื่อเจ้าของบ้านว่า จะขอฝาก "เหล็กไหล" และเงินค่าบูชาครูที่ทำพิธีไว้กับเจ้าของบ้านก่อน ให้เก็บบูชาเป็นระยะเวลา 1 เดือน ห้ามเปิดออกมาโดยเด็ดขาด ไม่เช่นนั้น "เหล็กไหล" จะหนีไปหมด
วิธีการหลอกเอากล่องที่ใส่เงินจะทำเช่นเดียวกับการสับเปลี่ยนไม้ขีดไฟ โดยแก๊งคนร้ายได้เตรียมกล่องห่อผ้าขาวมาอีก 1 ห่อ ซึ่งก่อน ที่จะเปลี่ยนกล่องดังกล่าวนั้น แก๊งต้มตุ๋นจะใช้ให้เหยื่อไปจุดธูปบูชา "เหล็กไหล" กลางแจ้งก่อน พอเหยื่อเผลอเขาก็แอบเปลี่ยนห่อ ผ้าขาวทันที
เมื่อครบ 1 เดือน เหยื่อจะแก้ห่อผ้าขาวออกมาดู ปรากฏว่าเงินค่าไหว้ครูไม่มีเสียแล้ว และวัตถุที่บอกว่าเป็น "เหล็กไหล" ก็ไม่มี สิ่งที่ปรากฏคือก้อนหิน หรือก้อนเหล็กอะไรสักอย่างหนึ่ง ที่ไม่มีราคาค่างวดอะไรเลย
ข่าวการทดลองเหล็กไหล
ข่าวคราวของการทดลองเหล็กไหลมักจะปรากฏให้ได้ยินเป็นระยะ ๆ จริงบ้างเท็จบ้าง จึงควรต้องใช้วิจารณญาณพิจารณาให้ดี แต่ถ้าเป็นเพียงเพื่อศึกษาค้นคว้าก็ไม่น่าเป็นห่วงเท่าไหร่ ดังนั้นจึงขอนำเสนอข่าวเกี่ยวกับเหล็กไหลให้ท่านได้ทราบในอีกแง่มุมหนึ่ง
588 บ้านฟ่อน หมู่ 2 ซอย 2 ต.ชมพู
อ.เมือง จ.ลำปาง 52100
8 พฤษภาคม 2540
นมัสการ พระครูกาญจนกิจจาทร (หลวงพ่อสัมฤทธิ์ คมภีโร)
กระผม นายพุทธิพงศ์ ศรีวิกุล เป็นชาวจังหวัดลำปาง ได้อ่านและทราบประวัติของหลวงพ่อ เกี่ยวกับการตัดเหล็กไหล และการฝังเหล็กไหลในตัวคน ซึ่งกระผมมีความสนใจมาก คิดว่าจะมาฝังเหล็กไหลด้วยตนเอง และจะนำคณะมาฝังเหล็กไหลด้วยในไม่ช้านี้ ส่วนเรื่องของการตัดเหล็กไหลนั้น มีอยู่ว่ามีคณะของกระผมคนหนึ่ง เขาต้องการที่จะขายเหล็กไหลเป็นจำนวนเงินมากพอสมควร และจะต้องใช้ปืนลองยิงดูทุกครั้ง เป็นการทดสอบว่าของดีจริง หรือไม่ จุด 38 ยิงเป็นจำนวน 3 นัด ผลออกมาคือ ไม่เคยยิงออกเลย เหล็กไหลมีอยู่ 2 ก้อน
ก้อนที่ 1 มีน้ำหนัก 3 บาท
ก้อนที่ 2 มีน้ำหนัก 5 บาท
เป็นเหล็กไหลโกฏิปี มีลักษณะสีสรรวรรณะ เขียวเหมือนสีของแมลงทับ และในการตัดเหล็กไหลจะต้องมี พระที่มีบารมีมาก จึงจะตัดได้ และจะต้องทำพิธีการตัดอยู่หลายอย่าง จึงกราบเรียนหลวงพ่อให้ทราบว่า มีของอยู่แล้ว แต่เวลามีนายทุนใหญ่มาลองของทุกครั้ง ไม่เคยมีใครยิงออกเลย แต่เวลาจะโอนเงินนั้น เหล็กไหลได้กลับไปอยู่กับเจ้าของเหมือนเดิม ทั้ง ๆ ที่เอาใส่ไว้ในตู้เป็นกล่องเหล็กอย่างดีไม่มีรูแม้แต่น้อยเลย พวกกระผมทำกันถึง 3 ครั้ง แต่ก็กลับไปอยู่กับคณะของพวกกระผมเหมือนเดิม
ซึ่งพวกกระผมก็ได้หาวิธีและได้นิมนต์พระมาหลายรูปแล้ว เพื่อมาตัดเหล็กไหลนี้ แต่ก็เหมือนเดิม อาจจะคงเป็นเพราะทำพิธีไม่ถูกต้องก็เป็นได้ จึงกราบเรียนให้หลวงพ่อได้ทราบในเรื่องนี้ด้วย ซึ่งหลวงพ่อเป็นผู้ที่มากด้วยบารมีและรู้วิธีการตัดเหล็กไหลได้อย่างถูกต้อง จากที่กระผมได้ศึกษามานี้จึงทำให้คิดว่า หลวงพ่อต้องทำได้อย่างแน่นอนในวิธีการตัดเหล็กไหลในครั้งนี้
ในเรื่องของการเดินทางมาที่ถ้ำแฝดนี้ กระผมจะนำคณะมาเอง โดยที่หลวงพ่อไม่ต้องออกไปไหน และการจัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์มีอะไรบ้างขอให้หลวงพ่อเขียนมาบอกด้วย หรือจะให้จัดเตรียมที่ จ.กาญจนบุรี เลยก็ได้ ขอนมัสการกราบเรียนหลวงพ่อว่า เรื่องเป็นความสัจจริงทุกประการ และถ้าหากวิธีการตัดเหล็กไหลสำเร็จแล้ว พวกกระผมและคณะจะสร้างทุกอย่างที่ทางวัดถ้ำแฝดต้องการ หรือหลวงพ่อต้องการจะสร้างอะไร กระผมจะเป็นผู้จัดการให้ทุกอย่าง จึงเรียนมาเพื่อให้หลวงพ่อได้โปรดเมตตาช่วยให้พวกกระผมได้ร่วมสร้างผลบุญกุศลในครั้ง
นี้ด้วย ถ้าได้รับจดหมายจากกระผมแล้ว กระผมขอรบกวนหลวงพ่อช่วยเมตตาตอบจดหมายให้กระผมได้ทราบด้วย ส่วนเรื่องของการเดินทางพวกกระผมและคณะจะเดินทางมาพบหลวงพ่อเองครับ