ผู้เขียน หัวข้อ: คุณค่าของวันเวลาที่ผ่านไป ๑๑ สค. ๕๔ ...  (อ่าน 880 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ รวี สัจจะ...

  • รองประธาน
  • *****
  • กระทู้: 1137
  • รวี สัจะ-สมณะไร้นาม-วจีพเนจร
    • ดูรายละเอียด
    • รวี สัจจะ สมณะไร้นาม (เคลื่อนไหวดุจสายลม)
คุณค่าของวันเวลาที่ผ่านไป ๑๑ สค. ๕๔ ...
ตถตาอาศรม เขาเรดาร์ บ้านบึง ชลบุรี
ศุกร์ที่ ๑๒ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๔
         ในการเจริญจิตภาวนานั้น เป็นไปเพื่อการเข้าสู่ความสงบทางจิต
ก่อนที่จะยกจิตเข้าสู่การคิดและพิจารณาธรรมนั้น มันต้องทำให้จิตนั้นนิ่งเสียก่อน
เพราะเมื่อจิตนั้นนิ่ง ความจริงทั้งหลายก็จะปรากฏขึ้นในจิต เมื่อเราพิจารณาธรรม
มันจึงจะไม่เป็นการฟุ้งซ่านวิจารณ์ธรรม เพราะเมื่อจิตนั้นเข้าสู่ความเป็นสมาธิแล้ว
ความคิด ความจำทั้งหลายจะเข้าสู่ระบบ สมาธิจะจัดระเบียบความคิดให้เป็นระบบ
เป็นไปตามขั้นตอน ตามเหตุผลและปัจจัยในขณะนั้น ไม่ใช่การปรุงแต่งหรือจินตนาการ
เพราะกระบวนการของความคิดนั้น มีสติสัมปชัญญะ สมาธิและองค์แห่งคุณธรรมควบคุมอยู่
 สติและสัมปชัญญะนั้นจึงต้องมีควบคู่กันในการเจริญสติภาวนา เพื่อให้ไม่หลงอารมณ์
หลงสภาวธรรมที่เกิดขึ้น การเจริญจิตสมถะสมาธินั้น อาจจะทำให้หลงอารมณ์ได้ง่าย
เพราะว่าเน้นไปที่กำลังของสติแต่เพียงอย่างเดียว คือดู รู้ เห็น แต่เฉพาะที่ที่กำลังเพ่งดูอยู่
ไม่รับรู้ในปัจจุบันธรรมทั้งหลาย  สมาธิที่ไม่มีศีลเป็นพื้นฐานนั้น มันจะขาดคุณธรรมคุ้มครอง
ขาดซึ่งหิริและโอตตัปปะ ทำให้เกิดอัตตาและมานะทิฏฐิ คือการหลงตัวเอง คิดว่าตนเองนั้น
บริสุทธิ์กว่าผู้อื่น เก่งกว่าผู้อื่น ดีกว่าผู้อื่น ซึ่งเป็นการผิดทาง เพราะสมาธิที่เป็นพื้นฐานแห่ง
ปัญญาในหลักของพระพุทธศาสนานั้น เป็นสมาธิที่เป็นไปเพื่อความจางคลายแห่งอัตตามานะ
เป็นไปเพื่อความลดละซึ่งมานะทิฏฐิทั้งหลาย เพื่อความจางคลายของกิเลสตัณหา จึงต้องมา
จากพื้นฐานแห่งศีลทั้งหลาย เพื่อให้ได้มาซึ่ง " สัมมาสมาธิ "ถูกต้องตามหลักของมรรค ๘
ดั่งพุทธพจน์ที่ทรงตรัสไว้ว่า... " ดูกรภิกษุทั้งหลาย ปัญญาซึ่งมีสมาธิเป็นรากฐานนั้น ย่อม
ปรากฏดุจไฟกองใหญ่ กำจัดความมืดให้ปลาสนาการ มีแสงสว่างรุ่งเรืองอำไพ ขับฝุ่นละออง
คือกิเลสให้ปลิวหาย ปัญญาจึงเป็นประดุจประทีปแห่งดวงใจ “ ....
           การรักษาศีลนั้นก็คือการเจริญสติและสัมปชัญญะ มีความระลึกรู้ความรู้ตัวทั่วพร้อม
ที่องค์แห่งคุณธรรมคือความละอายและเกรงกลัวต่อบาปควบคุม ความคิดและการกระทำอยู่
เพราะการที่เราจะรักษาศีลใหบริสุทธ์ครบถ้วนได้นั้น สติและสัมปชัญญะของเราต้องเต็มรอบ
จิตต้องอยู่กับกายทุกขณะ ในการพูดและการกระทำ มีความยับยั้งชั่งใจไม่คล้อยตามกิเลส
ฝ่ายต่ำทั้งหลาย ในโอกาสที่ไม่มีใครรู้และไม่มีใครเห็น ในสิ่งที่เรานั้นจะกระทำ แต่เราสามารถ
ที่จะหักห้ามใจไม่ให้กระทำในสิ่งผิดนั้นได้ ก็เพราะว่ามีองค์แห่งคุณธรรมคือความละอายและ
เกรงกลัวต่อบาปควบคุมจิตอยู่ เรื่องของศีลนั้นจึงเป็นเรื่องของการเจริญสติและสัมปชัญญะ
เมื่อสติและสัมปชัญญะนั้นมีกำลังดีแล้ว จิตก็ย่อมเข้าสู่ความเป็นสมาธิได้ง่าย และเมื่อมีองค์
แห่งคุณธรรมควบคุมอยู่ จิตนั้นย่อมเข้าสู่ความเป็นสัมมาสมาธิ สติและสัมปชัญญะจะเป็นตัว
ควบคุมความคิดทั้งหลายไม่ให้หลงไปในอารมณ์ทั้งหลายที่เป็นกิเลสฝ่ายต่ำ การพิจารณาธรรม
นั้นก็จะเป็นระบบและมีระเบียบในการคิดและพิจารณา เข้าหาสาระและแก่นสารในข้อธรรม
น้อมนำจิตให้อยู่กับสิ่งที่เป็นกุศล คุ้มครองตนด้วยการรักษาธรรม...
                   เชื่อมั่น-ศรัทธา-ปรารถนาดี-ด้วยไมตรีจิต
                        รวี สัจจะ-สมณะไร้นาม-วจีพเนจร
๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๔ เวลา ๐๕.๓๕ น. ณ ตถตาอาศรม บ้านบึง ชลบุรี
ใช่หวังจะดังเด่น  จึงมาเป็นสมณะ
เพียงหวังจะลดละ  ซึ่งมานะและอัตตา
เร่ร่อนและรอนแรม ไปแต่งแต้มแสวงหา
สัญจรร่อนเร่มา  ผ่านร้อยป่าและภูดอย
ลาภยศและสรรเสริญ  ถ้าหลงเพลินจิตเสื่อมถอย
พาใจให้เลื่อนลอย  จิตเสื่อมถอยคุณธรรม
       ปณิธานในการปฏิบัติธรรม

ออฟไลน์ ทรงกลด

  • ผู้อาวุโส
  • *****
  • กระทู้: 2199
  • เพศ: ชาย
  • ศิษย์หลวงโด่ง.....
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: คุณค่าของวันเวลาที่ผ่านไป ๑๑ สค. ๕๔ ...
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: 15 ส.ค. 2554, 09:09:32 »
กราบนมัสการท่านพระอาจารย์ฯ :054: ท่านได้ให้แนวคิดการปฏิบัติง่ายๆ ทำได้ง่ายๆ :054:

สมาธิจะจัดระเบียบความคิดให้เป็นระบบ
เป็นไปตามขั้นตอน ตามเหตุผลและปัจจัยในขณะนั้น
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว....ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา...สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา...กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ