ผู้เขียน หัวข้อ: คุณค่าของวันเวลาที่ผ่านไป ๓๐ สค. ๕๔ ...  (อ่าน 975 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ รวี สัจจะ...

  • รองประธาน
  • *****
  • กระทู้: 1137
  • รวี สัจะ-สมณะไร้นาม-วจีพเนจร
    • ดูรายละเอียด
    • รวี สัจจะ สมณะไร้นาม (เคลื่อนไหวดุจสายลม)
คุณค่าของวันเวลาที่ผ่านไป ๓๐ สค. ๕๔ ...
ตถตาอาศรม เขาเรดาร์ บ้านบึง ชลบุรี
พุธที่ ๓๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๔
          วันเวลาที่ผ่านไปทุกขณะนั้นพยายามเจริญสติและสัมปชัญญะให้มากเท่าที่จะทำได้
ตามกำลังความสามารถและโอกาสที่มี พยายามดับสิ่งที่เป็นอกุศลในจิตให้ดับไปโดยรวดเร็ว
ควบคุมอารมณ์ความรู้สึกไม่ให้ปรุงแต่งไปกับผัสสะสิ่งกระทบทั้งหลาย รักษาจิตไว้ให้เป็นกุศล
ตรวจ สอบกาย ตรวจสอบจิต ตรวจสอบความคิด ตรวจสอบการกระทำ ทบทวนถึงสิ่งที่ผ่านมา
ในหนึ่งวัน  ว่าเวลาที่ผ่านไปนั้นจิตเราเป็นอย่างไร  ใจเราอยู่กับกุศลหรืออกุศลฝ่ายไหนมากกว่ากัน
พยายามประคับประคองจิตให้อยู่ในกุศลจิต โดยมีสติและสัมปชัญญะควบคุมอยู่  พยายามตัดสิ่ง
ที่เป็นอกุศลจิตออกไป  ไม่ไปส้องเสพในอกุศลจิตทั้งหลาย รักษาไว้ซึ่งสิ่งที่เป็นกุศล เป็นการฝึกตน
อยู่ทุกขณะจิต  ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทรงไว้ได้ซึ่งสภาวะธรรมเหล่านี้  เพราะมีภาระหน้าที่ ที่ต้องกระทำ
ต้องทำงานคลุกคลีกับหมู่คณะและญาติโยม ซึ่งมีลักษณะและอุปนิสัยที่แตกต่างกัน   ภูมิธรรม
ภูมิปัญญาแตกต่างกัน จึงต้องเตรียมกายเตรียมใจไว้สำหรับเผชิญกับปัญหา ผัสสะที่จะมากระทบ
ที่จะเกิดขึ้นเฉพาะหน้าในทุกโอกาศและสถานะการณ์  ซึ่งต้องควบคุมกายและจิต คุมความคิด
ที่จะให้ไม่คล้อยตามกระแสโลกกระแสสังคมจนเกินไป ทรงรักษาไว้ซึ่ง " สมณะจิต" ......
        อยู่กับปัจจุบันธรรม ด้วยการเจริญสติและสัมปชัญญะอยู่ตลอดเวลา  ไม่หนีปัญหาด้วยการ
หลบเข้าอารมณ์สมาธิ ใช้สติและปัญญาพิจารณาหาเหตุ หาปัจจัยของอารมณ์ทั้งหลายที่เกิดขึ้น
แล้วเข้าไปดับที่เหตุ โดยการพิจารณาให้เห็นทุกข์ เห็ยภัย เห็นโทษ เห็นประโยชน์และไม่เป็นประโยชน์
ของอารมณ์ทั้งหลายเหล่านั้น จนเกิดความกลัวความละอายต่ออกุศลจิตทั้งหลาย เกิดธรรมสังเวชขึ้นในจิต
 เพื่อให้จิตถอดถอนจากการยึดถือ จนเกิดความเบื่อหน่ายจางคลาย เกิดการปล่อยวาง เมื่อจิตไม่เข้าไป
เกี่ยวข้องยึดถือแล้ว มันก็ดับเหตุไปได้ครั้งหนึ่ง ซึ่งเราจะต้องพยายามทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆ จนเกิดความเคยชิน
ความชำนาญ ในการคิดพิจารณา รู้เท่าทันอารมณ์ทั้งหลายที่เกิดขึ้น และดับอารมณ์เหล่านั้นให้ได้รวดเร็วขึ้น
 จนเป็นวสี เป็นอุปนิสัย แล้วเราจึงจะปลอดภัยจากกระแสโลก......
             การฝึกจิตนั้นต้องกระทำอยู่อย่างสม่ำเสมอ ไม่มีเวลาหยุดพัก เพราะการเจริญสตินั้นต้องทำในทุกโอกาส
เพื่อให้สตินั้นมีกำลังเพิ่มยิ่งๆขึ้น เพื่อให้เห็นการเกิดดับของสรรพสิ่ง และละวางอารมณ์ที่เป็นอกุศลจิตให้รวดเร็ว
ซึ่งสิ่งนั้นต้องอาศัยกำลังของสติสัมปชัญญะและองค์แห่งคุณธรรมเป็นตัวเข้าไปจัดระบบความคิดทั้งหลายของจิต
โดยมีสมาธิคือจิตที่สงบนิ่ง เป็นบาทฐานแห่งการพิจารณา ทุกเวลาที่ผ่านไปนั้น จึงเป็นการปฏิบัติธรรม.....
      แด่วันหนึ่งที่ผ่านมาและวันเวลาที่เหลืออยู่ 
                   ด้วยความ เชื่อมั่นและศรัทธาในธรรม
                     รวี สัจจะ-สมณะไร้นาม-วจีพเนจร
๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๔ เวลา ๐๔.๒๐ น. ณ ตถตาอาศรม บ้านบึง ชลบุรี
ใช่หวังจะดังเด่น  จึงมาเป็นสมณะ
เพียงหวังจะลดละ  ซึ่งมานะและอัตตา
เร่ร่อนและรอนแรม ไปแต่งแต้มแสวงหา
สัญจรร่อนเร่มา  ผ่านร้อยป่าและภูดอย
ลาภยศและสรรเสริญ  ถ้าหลงเพลินจิตเสื่อมถอย
พาใจให้เลื่อนลอย  จิตเสื่อมถอยคุณธรรม
       ปณิธานในการปฏิบัติธรรม

ออฟไลน์ โบตั๋นสีขาว

  • ไม้คดใช้ทำขอ เหล็กงอใช้ทำเคียว แต่คนคดเคี้ยวใช้ทำอะไรไม่ได้เลย
  • สัตตมะ
  • **
  • กระทู้: 146
  • เพศ: หญิง
  • จะสูงจะต่ำอยู่ที่เราทำตัวจะดีจะชั่วอยู่ที่ตัวเราทำ
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: คุณค่าของวันเวลาที่ผ่านไป ๓๐ สค. ๕๔ ...
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: 31 ส.ค. 2554, 04:32:45 »
กราบนมัสการพระอาจารย์คะ ขอบพระคุณสำหรับคำสอนดีๆ อ่านแล้วได้ความรู้มากคะ :090: :054: :090:
เคารพ กตัญญู บูชา หลวงพ่อเปิ่น ฐิตคุโณ ทั้งครอบครัวคะ

ออฟไลน์ boomee

  • สัตตมะ
  • **
  • กระทู้: 339
  • เพศ: ชาย
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล
ตอบ: คุณค่าของวันเวลาที่ผ่านไป ๓๐ สค. ๕๔ ...
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: 31 ส.ค. 2554, 08:06:33 »
กราบนมัสการครับพระอาจารย์  :054:  :054:
หากตัวท่านไรซึ่งความหวัง  กายท่านจะคงอยู่เพื่อสิ่งใด