ผู้เขียน หัวข้อ: ...เมื่อจิตระลึกถึงธรรม บทที่ ๓...  (อ่าน 422 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ เว็บมาสเตอร์...

  • ผู้ดูแลระบบ
  • *****
  • กระทู้: 571
  • เพศ: ชาย
    • ดูรายละเอียด
    • www.bp.or.th


...เมื่อจิตระลึกถึงธรรม บทที่ ๓...

...ในการเขียนบทกวีธรรมนั้น
บางครั้งเราต้องใช้อารมณ์ศิลปิน
เพื่อที่จะสร้างคำหรือภาษาที่สวยงาม
ซึ่งต้องเวลาและอารมณ์ เป็นหลัก
ในการประพันธ์บทกวี เมื่อได้พักกาย
พักจิต ทำชีวิตให้สบาย ทั้งภายนอก
และภายใน ใจก็พร้อมที่จะทำงาน...
....การผ่อนคลายทางจิต โดยการ
ปลดปล่อยความรู้สึกและความคิด
ไปสู่ท้องฟ้า มองหมู่เมฆที่เคลื่อน
ไปมาตามกระแสลม มองหมู่ดาว
บนฟ้าในยามราตรีร้อยเรียงเรื่องราว
มาเล่าเป็นบทกวี เป็นการพักผ่อน
ที่มีความสุขทั้งทางโลกและทางธรรม...

...เมื่อฝนซาฟ้าใสใจเป็นสุข...

๐ จะร้อยเรียง เรื่องราว และข่าวสาร
ประสบการณ์ ผ่านตา มาให้เห็น
สอนให้จำ ทำให้ดู อยู่ให้เป็น
ไม่ยากเย็น เกินกว่า พยายาม
๐ มองหมู่เมฆ เคลื่อนคล้อย ลอยบนฟ้า
แล้วแต่ลม นำพา ไม่ไถ่ถาม
ไม่มีสิทธิ์ ร้องขอ หรือต่อความ
เจ้าลอยตาม แรงลม ที่พัดพา
๐ จากกลุ่มน้อย ลอยมา พาประสาน
จึงเกิดการ รวมตัว บนท้องฟ้า
เป็นก้อนใหญ่ เคลื่อนไหว อยู่ไปมา
อีกไม่ช้า ก็จะกลาย เป็นสายฝน
๐ แล้วร่วงหล่น ลงมา สู่เบื้องล่าง
ทุกสิ่งอย่าง ล้วนมี ซึ่งเหตุผล
มีที่มา ที่ไป ใช่วกวน
ไม่เหมือนคน ที่ใจ ไม่แน่นอน
๐ ใจคนนั้น ผันแปร แล้วแต่จิต
เปลี่ยนความคิด จิตใจ ให้ยอกย้อน
ไม่มีความ เที่ยงแท้ และแน่นอน
จิตปลิ้นปล้อน กลับกลอก หลอกเหมือนลิง
๐ เพราะกิเลส ตัณหา พาให้คิด
แปรเปลี่ยนจิต ไปกับ ทุกทุกสิ่ง
ไม่ยอมรับ ความเห็น ที่เป็นจริง
จิตไม่นิ่ง เพราะขาดธรรม จะนำทาง
๐ จิตที่มี คุณธรรม นำความคิด
รู้ถูกผิด ดีชั่ว ทุกสิ่งอย่าง
รู้จักการ ปล่อยปละ และละวาง
ธรรมจะสร้าง จิตสงบ พบความจริง
๐ มีสติ และสัม-ปชัญญะ
จิตก็จะ พบความ สงบนิ่ง
ได้รู้โลก รู้ธรรม ที่เป็นจริง
จิตจะนิ่ง และสงบ เมื่อพบธรรม...

...ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต...
...รวี สัจจะ - สมณะไร้นาม...
...๒๙ เมษายน พ.ศ.๒๕๖๓...
...เวลา ๐๗:๔๕ น. ...