ผู้เขียน หัวข้อ: รู้ไวก่อนไฟลาม (ภาวัน)  (อ่าน 1718 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ นร...

  • สถานะ... ยิ้ม...
  • สัตตมะ
  • **
  • กระทู้: 22
  • เพศ: ชาย
  • สุขกายสบายใจทุกท่านครับ
    • ดูรายละเอียด
    • สักยันต์
รู้ไวก่อนไฟลาม (ภาวัน)
« เมื่อ: 10 ส.ค. 2549, 11:52:06 »
ที่มา http://www.budpage.com/ba213.shtml

รู้ไวก่อนไฟลาม

ภาวัน
 



              คนเรารู้สึกไวต่อสีหน้าอารมณ์แบบใดมากที่สุด ?

             นี้เป็นคำถามที่นักวิทยาศาสตร์ชาวออสเตรเลียสองคนอยากหาคำตอบ ทั้งสองได้คัดเลือกภาพสีหน้าของผู้คนจำนวนมากทั้งหญิงและชาย ที่สะท้อนอารมณ์หกแบบ คือโกรธ รังเกียจ กลัว ดีใจ เศร้า และประหลาดใจ จากนั้นก็ให้อาสาสมัครกลุ่มหนึ่งทั้งหญิงและชาย มาดูภาพเหล่านั้น แล้วตอบว่าสีหน้าของผู้คนในภาพกำลังบ่งบอกอารมณ์ชนิดใด ระหว่างนั้นผู้วิจัยทั้งสองก็จับเวลาว่าอาสาสมัครใช้เวลานานเท่าใดในการตอบ

             คุณพอจะเดาได้ไหมว่า อาสาสมัครกลุ่มนี้จับสีหน้าอารมณ์ชนิดใดได้ไวที่สุด ?

             ถูกต้องแล้วคร้าบ คำตอบคือ สีหน้าที่กำลังโกรธ

             ไม่ว่าหญิงหรือชาย ล้วนฉับไวต่อความโกรธมากกว่าอารมณ์ชนิดอื่น ที่น่าสนใจก็คือ ไม่ว่าเพศใดจะจับความโกรธบนสีหน้าของผู้ชายได้ไวกว่าของผู้หญิง

             ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น นักวิทยาศาสตร์ทั้งสองคิดว่า น่าจะเป็นเพราะความรู้สึกไวต่ออารมณ์โกรธนั้นเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการอยู่รอดของมนุษย์ เพราะอารมณ์โกรธนั้นสามารถระเบิดเป็นความรุนแรง และก่อภัยคุกคามต่อคนเราได้มากกว่าอารมณ์อื่น ๆ อีกทั้งความรุนแรงเพราะลุแก่โทสะก็มักจะมาจากผู้ชายมากกว่าผู้หญิง (หลักฐานประการหนึ่งก็คือ ในคุกมีนักโทษชายมากกว่านักโทษหญิงหลายเท่าตัว)

             ที่จริงการทดลองดังกล่าวยังบอกด้วยว่าผู้ชายนั้นไวกว่าผู้หญิงในการจับอารมณ์โกรธบนสีหน้าของคนอื่น (แต่ถ้าเป็นอารมณ์ชนิดอื่น ผู้หญิงจะรู้สึกไวกว่าผู้ชาย) นี่ก็คงเป็นเพราะผู้ชายมีโอกาสที่จะถูกฆ่าหรือทำร้ายได้มากกว่าผู้หญิง เพราะฉะนั้นถ้าผู้ชายอยากจะมีอายุยืน ก็ต้องมีความรู้สึกไวต่ออารมณ์เดือดดาลเป็นพิเศษ
 
             คุณสมบัติดังกล่าวน่าเชื่อว่าฝังอยู่ในมนุษย์ตั้งแต่เกิด อันเป็นผลจากวิวัฒนาการอันยาวนาน ซึ่งช่วยให้มนุษย์เราอยู่รอดได้มาจนทุกวันนี้ แต่สมัยนี้ลำพังความรู้สึกไวต่ออารมณ์โกรธของคนอื่น เห็นจะไม่เพียงพอต่อความอยู่รอดของเราเสียแล้ว เพราะในโลกยุคใหม่ สิ่งที่เป็นอันตรายต่อชีวิตของเรามากที่สุด ไม่ใช่ความโกรธของคนอื่นหรอก แต่เป็นความโกรธของเราเอง

             ในโลกสมัยใหม่ อันตรายจากภายนอกลดลงไปมาก ไม่ว่าอันตรายจากสิงสาราสัตว์หรือมนุษย์ด้วยกัน การตัดสินปัญหาด้วยกำลัง หรือไล่ล่าฆ่ากันตามอำเภอใจนั้น ทุกวันนี้ลดลงไปมาก ขณะที่ปัญหาจากภายในอันเนื่องจากอารมณ์คุคั่ง เดือดดาล และความเครียดนั้น กลับเพิ่มมากขึ้น ประเทศที่มีอัตราการฆ่าตัวตายสูงกว่าการฆ่ากันเองนั้นมีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ส่วนคนที่ตายเพราะโรคหัวใจก็เพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นกัน โรคหัวใจนั้นมาจากไหน ส่วนหนึ่งมาจากความเครียดและความโกรธที่หมักหมมในใจนั่นเอง ยังไม่ต้องพูดถึงโรคร้ายอื่น ๆ ที่เป็นปัญหาสำคัญในปัจจุบัน เช่น มะเร็ง รวมทั้งโรคนานาชนิดที่หาความผิดปกติในร่างกายไม่เจอ

             ความโกรธเมื่อเกิดขึ้น นอกจากเผาลนจิตใจแล้ว ยังบั่นทอนร่างกายด้วย ทั้ง ๆ ที่มันก่อความทุกข์แก่เราเป็นอย่างมาก แต่เหตุใดเราจึงมักปล่อยให้ความโกรธอาละวาดอยู่บ่อย ๆ จนบางครั้งถึงกับกินไม่ได้ นอนไม่หลับ คำตอบก็คือ เพราะเราไม่รู้ตัวนั่นเอง
 
             เวลาโกรธใครสักคน เราจะมัวแต่คิดหาทางตอบโต้เขา หรือวางแผนเล่นงานเขา ใจแล่นออกไปนอกตัว จึงลืมดูใจของตัวว่ากำลังถูกความโกรธครอบงำหรือลากลู่ถูกังไปไหนต่อไหนแล้ว ใช่หรือไม่ว่าบ่อยครั้งความโกรธทำให้เราเผลอพูดหรือทำในสิ่งที่ต้องมาเสียใจภายหลัง "ไม่น่าเลยกู" คือคำพูดที่มักหลุดออกมาเมื่อระบายความโกรธไปอย่างสะใจและเกิดความเสียหายแล้ว

              การไวต่อความโกรธในใจตนจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างมากสำหรับคนยุคนี้ ยิ่งรู้เท่าทันมันตั้งแต่เพิ่งก่อตัว หรือยังเป็นแค่ความหงุดหงิด ก็จะช่วยป้องกันไม่ให้มันลุกลามขยายตัว อย่าลืมว่าไฟที่เผาผลาญป่าทั้งผืนนั้นเริ่มต้นจากสะเก็ดไฟเล็ก ๆ เท่านั้น หากดับโทสะตั้งแต่ยังเป็นแค่สะเก็ดไฟ ก็ไม่ต้องเดือดร้อนเพราะใจถูกผลาญเผาอีกต่อไป

             ลองสังเกตเวลาหงุดหงิดหรือเริ่มจะโกรธ ใจเราเป็นอย่างไร แล้วกายเราล่ะ เป็นอย่างไร รู้สึกถึงความหม่นหมองเร่าร้อนและหนักอึ้งที่ใจไหม สังเกตไหมว่ากายเริ่มเกร็ง ส่วนลมหายใจก็ถี่และตื้น ทันทีทีรู้ตัว ลองหายใจเข้าลึก ๆ หายใจออกยาว ๆ ถ้าให้ดีก็นับไปด้วยทุกลมหายใจออก จาก ๑ ถึง ๑๐ ถ้ายังไม่รู้สึกดีขึ้น นับซ้ำอีกรอบหรือสองรอบ จะช่วยให้กายและใจผ่อนคลาย ส่วนความโกรธจะทุเลาลง

             การหมั่นสังเกตอาการทางใจและกายที่เกิดขึ้นในยามโกรธ จะช่วยให้เราไวต่อความโกรธมากขึ้น นั่นหมายความว่าความโกรธจะครองใจเราได้น้อยลง ไม่ต้องสงสัยเลยว่าสุขภาพกายและใจจะดีขึ้น มิพักต้องพูดถึงความสัมพันธ์กับคนอื่นก็จะดีขึ้นไปด้วย


[ [ ! ! นู๋แนน ! ! ] ]

  • บุคคลทั่วไป
ตอบ: รู้ไวก่อนไฟลาม (ภาวัน)
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: 14 ก.ย. 2549, 10:42:10 »
 :002:น่ารักเนอะ :002: