ผู้เขียน หัวข้อ: ได้ยินครั้งแรกนึกว่าเป็นภาษาญี่ปุ่น  (อ่าน 4531 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ชลาพุชะ

  • เราอาจไม่รู้มากนัก แต่เรารู้ว่าอะไรควรอะไรไม่ควร
  • อัฏฐมะ
  • ***
  • กระทู้: 1526
  • เพศ: ชาย
  • ที่นี่คือเว็บวัดบางพระ เราก็ศิษย์วัดบางพระ
    • ดูรายละเอียด
กระผมได้ยินชื่อนี้มานานเลยอยากทราบความหมาย พอทราบความหมายแล้ว เป็นคำที่มีความหมายดีมากเลยครับ กระผมขออนุญาติท่านเจ้าของนามนี้ ลงความหมายและประวัติของคำๆนี้นะครับ[bgcolor=#ff0000]พระอชิตะ[/bgcolor]ผู้ได้รับคำพยากรณ์ (เถรวาท) ว่าเป็นพระศรีอาริยเมตไตรย์ก็อรหันต์แล้ว?

หลายท่านคงได้ยินมาประจำว่า ด่าน 18 อรหันต์ ในหนังจีนมาบ้าง แต่จะมีซักกี่คนที่รู้ว่าแท้จริงแล้ว 18 อรหันต์นั้นเป็น พระอรหันต์สมัยพุทธกาลที่มีความสำคัญมากเนื่องจากเป็นผู้นำการปกครองของคณะสงฆ์ในแคว้น ต่าง ๆ ในสมัยพุทธกาล

พระอรหันต์ 18 องค์ หรือ 18 ยอดอรหันต์ เป็นที่รู้จักกันดีของชาวจีน มีประวัติความเป็นมาดังนี้

** องค์ที่ 1ปินโฑลภารัทวาช แปลว่า ก้อนข้าวผู้รับทาน ภารัทวาชเป็นสกุลใหญ่ 1 ใน 18 ของพราหมณ์ สถิตอยู่อมรโคยานทวีปพร้อมด้วยพระอรหันต์อีก 1,000 องค์ เป็นบริวาร ท่านได้แสดงปาฏิหารย์ หยิบบาตรไม้จันทน์บนยอดเขาสูง ความทราบถึงพระพุทธเจ้าทรงติเตียนว่า แสดงปาฏิหารย์เพื่อบาตรไม้จันทน์ต่อหน้าพวกที่ยังมิได้รับศีล จึงขับออกไปเสียจากชมพูทวีปไปอยู่ทวีปอมรโคยาน ต่อมา บรรดาสาวกคิดถึงท่าน จึงขอให้กลับมา พระพุทธองค์ก็ยอมอนุโลมให้กลับมาแต่ไม่ให้เข้าปรินิพพาน ต้องดำรงขันธ์เป็นเนื้อนาบุญต่อไป เพื่อพิทักษ์พระศาสนาจนกว่าพระศรีอารยจะมาตรัส ฉะนั้นการสักการบูชาท่านจึงได้กุศลมาก ลักษณะพิเศษของท่าน คือถ้ามีผู้ใดเลี้ยงพระ ท่านก็จะปลอมแปลงเป็นพระธรรมดาแอบเข้าไปร่วมรับประทานด้วย รูปเป็นผอมเห็นซี่โครง บ้างยืน บ้างนั่ง มือถือหนังสือ อีกมือถือบาตร หรือมือทั้งสองถือหนังสือ หรือวางบนเข่า บ้างยืนในท่าหยิบบาตร

** องค์ที่ 2 กนกวัจฉ แปลว่าลูกโคทอง
สถิตอยู่แคว้นกัศมีระ พร้อมด้วยพระอรหันต์อีก 500 องค์เป็นบริวาร ท่านเป็นสาวกที่สารถในทางรู้แจ้งบรรดาลัทธิธรรมต่าง ๆ และเป็นผู้ทรมานร่างกายได้ดี สามารถนั่งเข้าฌาณในกลางฝนได้ รูปท่านเป็นรูปห้อยเท้าขวา มือขวาวางบนเข่า มือซ้ายวางที่ฝ่าเท้าซ้าย

**องค์ที่ 3 กนกภารัทวาช เป็นชื่อฤษี 1 ใน 7 มหาฤษี
สถิตอยู่แคว้นบูรพวิเทพ พร้อมด้วยพระอรหันต์ 600 องค์เป็นบริวาร รูปท่านนั่งห้อยเท้า เท้าซ้ายยกขึ้นจากรองเท้า มือขวาวางอยู่บนเข่า มือซ้ายอยู่ข้างหูเป็นรูปคนแก่ผมยาว

** องค์ที่ 4 สุปินฑ
สถิตอยู่อุตตรกุรุทวีป พร้อมด้วยอรหันต์ 700 เป็นบริวาร ท่านองค์นี้อาจจะเป็นพระสุภัทร ซึ่งเป็นพราหมณ์ชาวเมืองกุสินารา บรรลุพระอรหันต์ เมื่ออายุ 120 ปี โดยสดับพระธรรมเมื่อพระพุทธเจ้าทรงประชวรหนักจวนเสด็จดับขันธ์ ท่านสุภัทรไม่ต้องการจะเห็นพระอริยสาวกองค์สุดท้าย รูปเป็นคนแก่นั่งเข้าสมาธิ มือถือหนังสือบ้างทำเป็นรูปนั่งธรรมดา มีบาตรและกระถางธูปอยู่ข้างหนึ่ง มือซ้ายถือหนังสือ มือขวาทำมุทราดีดนิ้ว บ้างยกมือขวาหงาย

** องค์ที่ 5 นกุล แปลว่า พังพอน
สถิติอยู่ชมพูทวีป พร้อมด้วยพระอรหันต์ 800 องค์ เป็นบริวาร ท่านชอบอยู่โดดเดี่ยว ถือการธุดงค์เป็นพรต ไม่มีศิษย์ไม่เคยเทศนา ไม่ของอยู่ปะปนกับใคร ไม่เคยอาพาธ พระพุทธเจ้าตรัสว่าเป็นศิษย์ที่มีอายุยืนยาวที่สุด คือ 160 ปี ทั้งนี้เพราะเมื่อสมัยพระวิปัสสีพุทธ ท่านได้ถวายเภสัชแก่ภิกษุผู้อาพาธ ท่านไม่เคยเทศนาโปรดใครนั้น เพราะท่านเห็นว่าพระสารีบุตร พระอานนท์และพระมหาสาวกองค์อื่น ๆ เทศนาได้ดีแล้ว ท่านจึงไม่จำเป็นต้องเทศน์ รูปท่านเป็นนั่งห้อยเท้า มีพังพอนอยู่ข้าง ๆ บ้างเป็นรูปกบสามขาอยู่ใต้รักแร้บ้างเป็นรูปเข้าฌาณ มีเด็กน้อยอยู่ข้างหนึ่งหรือแบมือทั้งสองข้าง

* องค์ที่ 6 ภัทร แปลว่า ประเสริฐ
สถิตอยู่ตามระทวีปพร้อมด้วยพระอรหันต์ 900 องค์ บ้างว่าท่านเป็นพระญาติพระพุทธเจ้าบ้างว่ามีสกุลสูง เป็นมหาสาวกองค์หนึ่งสามารถอธิบายอรรถธรรมที่ลึกซึ้งด้วยคำพูดงง่าย ๆ รูปท่านเป็นรูปนั่งห้อยเท้า ถือหนังสือมีอยู่ข้าง ๆ แสดงว่าท่านปราบเสือได้บ้างทำเป็นรูปมีขนคิ้วยาว ประณมมือ

** องค์ที่ 7 กาลิก แปลว่า เวลา ชั่วเวลา
สถิตอยู่สังฆ ฏทวีปพร้อมด้วยพระอรหันต์ 1,000 องค์ ท่านเป็นที่นับถือ แห่งพระเจ้าพิมพิสาร รูปท่านเป็นรูปนั่งห้อยเท้าหรือเข้าฌาณบ้างถือหนังสือหรือใบไม้ บ้างทำเป็นรูปคิ้วยาวลงมาจนลากดิน ต้องใช้มือถือไว้ บ้างฉาบทั้งสองมือ

**องค์ที่ 8 วัชรบุตร
สถิตอยู่บรรณทวีป พร้อมพระอรหันต์ 1,,100 องค์เป็นบริวาร รูปห้อยเท้า ถือไม้เท้าขักขระ ไม้เท้านี้บนยอดมีโลหะมีชองเป็นวงกลมสำหรับร้อยแหวนโลหะ เมื่อเขย่าจะเกิดเสียงเวลาเดินทางในป่า จะทำให้จำพวกสัตว์เลื้อยคลานได้ยินเสียงจะตกใจแล้วหลีกหนีไป

**องค์ที่ 9 สุปากะ
สถิตอยู่กลางเขาคันธมาทน์พร้อมด้วยพระอรหันต์ 900 องค์ ในหนังสือเถรคาถา มีชื่อโสปากะอยู่องค์หนึ่ง เนื่องด้วยตอนจะคลอดมาดาสลบไปผู้คนเข้าใจว่าตาย จึงนำไปทิ้งที่ป่า เมื่อท่านคลอดออกมามารดาก็ถึงแก่กรรมไปจึงชื่อว่าโสปากะ แปลว่าอันเขาทิ้งแล้ว เมื่อท่านอายุได้ 7 ปี ได้ฟังคำพระพุทธเจ้าสั่งสอนก็เลื่อมในแล้วออกบรรพชา ภายหลังได้บรรลุพระอรหันต์ เป็นสาวกองค์หนึ่ง รูปท่านนั่งห้อยเท้า มือถือหนังสือหรือพัด ข้าง ๆ มีอรหันต์องค์เล็ก หรือทั้งสองมือถือลูกประคำ

*องค์ที่ 10 ปันถก แปลว่าทาง บ้างเติมคำมหาเป็นมหาปันถก
สถิตที่สวรรค์ตรัยตรึงพร้อมด้วยพระอรหันต์ 1300 องค์ เป็นบริวาร ท่านเป็นบุตรของพราหมณี พราหมณีนี้ออกลูกที่ใดก็ตายทุกคราว ครั้งหลังจึงไปคลอดที่ถนนใหญ่แล้วได้บุตรคือท่านเอง ท่านมีฤทธิ์ชำแรกกายเข้าของแข็งได้นิรมิตไฟน้ำได้เดินเหินในอากาศได้ ฉะนั้นพระพุทธเจ้าจึงตรัสให้ไปปราบพญานาค ท่านยังเป็นองค์ที่ยอดเยี่ยมด้วยปัญญา สามารถแก้ความสงสัยในอรรถธรรมให้แจ่มแจ้งได้ เป็นเอตทัคคะสาวกองค์หนึ่ง รูปท่านนั่งห้อยเท้าบนหลังสิงห์ บ้างนั่งห้อยเท้ากำลังทรมานพญานาคให้เหข้าอยู่ในบาตร บ้างนั่งใต้ต้นไม้ มือถือหนังสือ บ้างเป็นรูปนั่งเข้าฌาณ

** องค์ที่ 11 ราหุล
สถิตอยู่ยังปริยังคุปทวีปพร้อมด้วยอรหันต์ 1,100 องค์บริวาร ท่านเป็นพุทธชิโนรส พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า ท่านจะได้ไปเกิดเป็นเชษฐโอรส ของพระอานนท์ ฉะนั้น จึงมีสมญาว่า โอรสพระอานนท์ เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จพระปรินิพพาน ท่านได้เป็นคณาจารย์นิกายไวภาษิก และเป็นที่เคารพของบรรดาสามเณร ท่านเป็นเอตทัคคะมหาสารวก ศึกษาในธรรมวินัย และประพฤติปฏิบัติเคร่งครัด รูปท่านบ้างทำเป็นผู้มีศรีษะโต ตาโต จมูกเป็นขอ บ้างก็เป็นรูปคนธรรมดา มือทั้งสองอุ้มเจดีย์

** องค์ที่ 12 นาคเสน
สถิตอยู่เขาปาณฑพแคว้นมคธ พร้อมด้วยพระอรหันต์ 1,200 องค์เป็นบริวาร ท่านเป็นผู้มีสง่า มีปฏิภาณในการโต้ตอบแก้ปัญหาธรรม มีความรู้ลึกซึ้ง ดูเหมือนจะเป็นคนเดียวกันกับพระนาคเสน ในมิลินทปัญหา รูปนั่งห้อยเท้า มือซ้ายยกสูงเพียงหู มือขวาอยู่บนเข่า

**องค์ที่ 13 อิงคท
สถิตอยู่ภูเขาไวบูลยบราณศว์พร้อมด้วย พระอรหันต์ 1,300 องค์ เป็นบริวาร ท่านองค์นี้ หากเป็นองค์เดียวกันกับพระอังคช ก็เป็นมหารสาวกเช่นกัน และเป็นองค์ที่บริบูรณ์ในสิ่งทั้งปวง รูปนั่งห้อยเท้า อ้วนสมบูรณ์ ร่าเริง แต่บ้างก็เป็นรูปพระแก่ถือไม้เท้า บ้างถือหนังสือบ้างบาตร

**องค์ที่ 14 วันวาสี แปลว่าอยู่ป่า
สถิตอยู่ภูเขาวัตสะพร้อมด้วยพระอรหันต์ 1,400 องค์ เป็นบริวาร ยังหาเรื่องราวของท่านไม่ได้ ดูเหมือนจะเป็นองค์เดียวกับพระวัจนะ ซึ่งชอบอยู่ตามป่า รูปนั่งห้อยเท้าอยู่ที่ปากถ้ำ หลับตาเหมือนเข้าฌาณ บ้างทำนิ้วมุทรา (ท่านิ้วหงิกงอ) บ้างวางบนเข่า บ้างถือหนังสือ

**องค์ที่ 15 อชิตะ แปลว่าชนะไม่ได้
สถิตอยู่ที่ภูเขาคิชฌกูฏ พร้อมด้วยพระอรหันต์ 1,500 องค์เป็นบริวาร ยังหาเรื่องราวของท่านไม่ได้ ในคราวทุติยสังคายนา ยังมีภิกษุองค์หนึ่งชื่อเดียวกันกับท่าน ในเถรคาถามีพระอชิตเถระเป็นบุตรของพราหมณ์ คำว่า อชิต เป็นนามพระศรีอารย รูปนั่งห้อยเท้า แก่ ขนคิ้วยาว มือวางบนเข่า บ้างนั่งเข้าฌาณ ที่หน้าอกมีรูปหน้าคน ยังไม่ทราบว่ามีความหมายอะไร

**องค์ที่ 16 จูฑะปันถก บ้างเติมคำว่า จูฬ แปลว่า คนทางเล็ก
สถิตอยู่ที่ภูเขาเนมินธรพร้อมด้วยพระอรหันต์ 1,600 องค์ เป็นบริวาร เป็นมหาสาวกองค์หนึ่ง เมื่อแรกอุปสมบทปัญญาโง่ทึบท่องจำอะไรไม่ได้แม้แต่ประโยคเดียว แต่ต่อมา ได้บรรลุอรหัตตผลเชี่ยวชาญในวิชามโนยิทธิ เรื่องราวของท่านปรากฏอยู่อสีติมหาสาวก รูปนั่งห้อยเท้า มือขวาถือถ้วย มีนกกำจิกน้ำ

** องค์ที่ 17 เค่งอิ๋ว นนทิมิตร

** องค์ที่ 18 ปินโทล่อ ปินโทล

พระอรหันต์ 18 องค์ เริ่มมาจากพระอรหันต์อารักษ์ธรรม 4 องค์ พ.ศ. 1000 พระภิกษุจีนวาดภาพพระอรหันต์ 16 องค์ บ้างวาด 48 องค์ และ 500 องค์ก็มี พ.ศ.2280 กษัตริย์เคียงล้งแห่งราชวงศ์เชง โปรดเพิ่มพระอรหันต์ปราบมังกรและเสืออีก 2 องค์ คือท่านนนทิมิตรกับท่านปินโทลจึงเป็น 18 องค์ ความจริงเรื่องปราบมังกรและเสือ เป็นเรื่องของพวกลัทธิเต๋า (พวกเซียน) และก็เลยเป็น 18 องค์ กระทั่งปัจจุบันพระมหากัจจายนะ (มหายาน) เชื่อว่าคือพระศรีอาร์ฯ ก็อรหันต์แล้ว?

มหากัจจายนะ

พระอสีติมหาสาวกองค์หนึ่งเกิดในกัจจายนโคตรที่พระนครอุชเชนี เป็นบุตรปุโรหิตของพระราชาแห่งแคว้นอวันตี เรียนจบไตรเพทแล้ว ต่อมาได้เป็นปุโรหิตแทนบิดา พระเจ้าจัณฑปัชโชตตรัสสั่งให้หาทางนำพระพุทธเจ้าเสด็จมาสู่กรุงอุชเชนี กัจจายนปุโรหิตจึงเดินทางไปเฝ้าพระพุทธเจ้า ได้ฟังพระธรรมเทศนาแล้ว บรรลุอรหัตตผล อุปสมบทแล้ว แสดงความประสงค์ที่จะอัญเชิญเสด็จพระพุทธเจ้าสู่แคว้นอวันตี พระพุทธองค์ตรัสสั่งให้ท่านเดินทางไปเอง ท่านเดินทางไปยังกรุงอุชเชนี ประกาศธรรม ยังพระเจ้าจัณฑปัชโชตและชาวเมืองทั้งหมดให้เลื่อมใสในพระศาสนาแล้ว จึงกลับมาเฝ้าพระบรมศาสดา ต่อมาได้รับยกย่องว่าเป็นเอตทัคคะในทางขยายความคำย่อให้พิสดาร มีเรื่องเล่าเป็นเกร็ดว่าท่านมีรูปร่างสวยงาม ผิวพรรณดังทองคำ บุตรเศรษฐีคนหนึ่งชื่อโสเรยยะเห็นแล้วเกิดมีอกุศลจิตต่อท่านว่าให้ได้อย่างท่านเป็นภรรยาตนหรือให้ภรรยาตนมีผิวพรรณงามอย่างท่าน เพราะอกุศลจิตนั้น เพศของโสเรยยะกลายเป็นหญิงไป นางสาวโสเรยยะแต่งงานมีครอบครัว มีบุตรแล้ว ต่อมาได้พบและขอขมาต่อท่านเพศก็กลับเป็นชายตามเดิม โสเรยยะขอบวชในสำนักของท่าน และได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์องค์หนึ่ง
                       [bgcolor=#0013ff] ถ้าจะให้เป็นภาษาญี่ปุ่นต้อง อะชิตะ แปลว่า วันพรุ่งนี้[/bgcolor]

ออฟไลน์ อชิตะ

  • อัฏฐมะ
  • ***
  • กระทู้: 3218
  • เพศ: ชาย
    • MSN Messenger - aston_25@hotmail.com
    • ดูรายละเอียด
 :054: :054: ขอบคุณครับพี่ผู้เกิดในครรภ์ 

อชิตะ  ถูกแล้วครับผม

ไม่ใช่ อะชิตะ  ครับ  ญื่ปุ่นไม่ปลื้มครับพี่

ดีนะครับไม่คิดว่า ชื่อนี้มาจาก ท่านอชิตะเกสกัมพล เหอๆ   :005:  :005:

ออฟไลน์ ~เสน่ห์ack01~

  • ผู้คุมกฎ
  • *****
  • กระทู้: 5330
  • เพศ: ชาย
  • " ไม่เมาเหล้าแล้วเรายังเมารัก"
    • ดูรายละเอียด
:054: :054: ขอบคุณครับพี่ผู้เกิดในครรภ์ 

อชิตะ  ถูกแล้วครับผม

ไม่ใช่ อะชิตะ  ครับ  ญื่ปุ่นไม่ปลื้มครับพี่

ดีนะครับไม่คิดว่า ชื่อนี้มาจาก ท่านอชิตะเกสกัมพล เหอๆ   :005:  :005:


แหม..ชื่อแปลกๆแบบนี้ ถ้ามียศนำหน้าด้วย คงเท่ห์ดีพิลึก..หุหุ

ทำบุญ วันคล้ายวันเกิด หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ
วันอาทิตย์ ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๕ 

ออฟไลน์ Ogofmayas

  • ฉัฏฐะ
  • *
  • กระทู้: 337
    • MSN Messenger - gofmaruhi_as@hotmail.com
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล
แหอะๆๆ

ออฟไลน์ !~ก๊อตซิล่า~!

  • จตุตถะ
  • ****
  • กระทู้: 49
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล
แหม่ นึกว่าอะไร

ขอบคุณสำหรับความรู้ครับ

ออฟไลน์ ตามพรลิงค์

  • สัตตมะ
  • **
  • กระทู้: 314
  • เพศ: ชาย
  • ชาวนคร ก่อกรรมดี มีมานะภาคเพียร ไม่เบียดเบียนผู้ใด
    • MSN Messenger - minivet27@hotmail.com
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล
ความรู้ใหม่ครับ

ออฟไลน์ พยัคฆ์จำศีล

  • ปัญจมะ
  • *****
  • กระทู้: 47
  • เพศ: ชาย
  • !!! ความทุกข์ที่เกินทน จะหลอมคนให้ทนทาน !!!
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: ได้ยินครั้งแรกนึกว่าเป็นภาษาญี่ปุ่น
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: 14 มี.ค. 2552, 12:31:28 »
เป็นความรู้ที่ดีคับ
~~~ จะเป็นคนให้เหนือคนต้องอดทนให้ถึงที่สุด  ~~~