แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Topics - ๛][รัตu:][๛

หน้า: [1]
1
วันเกิดปีนี้ ไปได้แค่7วัด จะไปวัดที่8-9
โดนซะแร้ววว

ขอบคุณ ปุญฺญานุสฺสติ(สิบทัศน์)
สำหรับเสื้อเว็บรุ่น7

2
ห่างหายไปนาน เนื้องจากงานและพาระกิจส่วนตัว วันนี้มีเขี้ยวมาให้ชม :048:


เขี้ยวเสือของหลวงพ่อเปิ่น..ใหญ่!!ที่มาดีมาก!!


เขี้ยวเสือหลวงพ่อพุฒ วัดกลางบางพระ..ไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไป!!ที่มาดีเช่นเคย!!ขอบคุณตองเพื่อนร๊าก :077:

 :114: ขอบคุณ :114:

3
ตำนานกุมารทอง

                กุมารทอง  คืออะไร กุมารทองนั้นก็คือเครื่องรางของขลังชนิดหนึ่งที่มีวิญญานของเด็กสิงสถิตอยู่  และสามารถแสดงตัวให้คนในบ้านเห็นหรือในยามที่เจ้าของบ้านไม่อยู่  ซึ่งกุมารทองนี้ให้ได้ทั้งโชค ทั้งเมตตา และยังเป็นมหาเสน่ห์ได้อีกด้วย

            กุมารทองเป็นผีเด็กที่ตายในท้องพร้อมกับแม่ ผู้ที่มีคาถาอาคมจะใช้คาถาอาคมแหวะเด็กออกจากท้องของศพผู้เป็นแม่  แล้วนำไปประกอบพิธีย่างในโบสถ์  หน้าพระประธานในเวลากลางดึกพร้อมกับบริกรรมคาถาไปขณะย่างนั้น  เมื่อย่างจนแห้งดีจะนำมาปิดทองให้ทั่วทั้งตัว  จึงเรียกว่า กุมารทอง  แล้วนำมาเก็บรักษาไว้ในที่อันควร  ให้อาหารกุมารทองกินทุกวันอย่างคนปกติ  ตามที่เล่ากันมานั้น วิญญาณกุมารทองจะสามารถปรากฏกายให้ผู้ที่สร้างกุมารทองเห็น  และสามารถทำตามคำสั่งของผู้ที่สร้างกุมารทองได้ทุกอย่าง  ความสามารถนั้นไม่ใช่ความสามารถของเด็กที่ยังไม่เกิด แต่จะสามารถทำได้เหมือนเด็กที่โตแล้ว  ผู้มีคาถาอาคมจึงพยายามหากุมารทองไว้ใช้

กำเนิดกุมารทอง

            กุมารทองนั้นเป็นของขลังที่มีมาตั้งแต่โบราณกาล  เป็นที่นับถือคุ้นเคยของคนรุ่นปู่ย่า  แม้กระทั่งในทุกวันนี้ความเชื่อในเรื่องกุมารทองนั้นก็ยังคงเป็นที่นิยมกันอยู่  โดย จะเห็นได้จากการที่ร้านค้าหรือผู้ประกอบกิจการต่างๆ มักจะมีหุ่นกุมารทองตั้งไว้บูชาไว้ด้วยความเชื่อที่ว่ากุมารทองนั้นจะสามารถ เรียกลูกค้าให้เข้าร้าน  หรือให้โชคลาภแก่ผู้เลี้ยงอีกด้วย

                กุมาร ทองจากวรรณคดีเรื่องขุนช้างขุนแผนนั้นได้กล่าวถึงกำเนิดของกุมารทองไว้ตอน หนึ่งว่า ขุนแผนจับได้ว่านางบัวคลี่เมียของตนคิดวางยาพิษเพื่อจะฆ่าตน จึงได้ลงมือฆ่านางบัวคลี่ แล้วจึงผ่าท้องของนางเพื่อเอาบุตรชายภายในท้องนั้นมาทำเป็นกุมารทอง  โดยทำพิธีในย่างศพเด็กและปิดทองคำเปลวจนกระทั่งกลายเป็นผีกุมารทอง แล้วใส่ห่อผ้าไว้  กุมารทองจัดได้ว่าสำคัญกับขุนแผนมาก เพราะกุมารทองนั้นก็เป็นบุตรคนหนึ่งของขุนแผนเช่นเดียวกัน

         เหตุที่กุมารทองนั้นถูกจัดให้เป็นของวิเศษอย่างหนึ่งนั้น  สันนิษฐาน ได้ว่าได้รับความนิยมมาตั้งแต่สมัยขุนแผนซึ่งอยู่ในยุคกรุงศรีอยุธยา และได้รับสืบทอดมาจนถึงยุคปัจจุบันนี้ แต่การสร้างกุมารทองนั้นไม่สามารถทำแบบขุนแผนได้เนื่องจากผิดทั้งกฎหมาย และศีลธรรม

ตำนานกุมารทองเพชรฆาต

 กุมารทองนั้นมี 2 ประเภท คือ กุมารทองที่มีฤทธิ์ทางด้านทำร้ายศัตรู และอีกประเภทคือด้านเมตตามหานิยม กุมารทองประเภทแรกนั้นจะมีความดุร้ายอยู่มาก แบ่งได้เป็น 4 ชนิดด้วยกัน คือ 1.เพชรมั่น 2.เพชรดับ 3.เพชรคง 4.เพชรสูญ  กุมารทั้ง 4 ชนิดนี้ เรียกโดยรวมว่า "เพชรภูติงาน" หรือ "เพชรปราบ" มีไว้สังหารหรือทำร้ายศัตรูโดยเฉพาะ  ตาม ตำรากล่าวไว้ว่าการสร้างกุมารทองชนิดนี้จะใช้การอัญเชิญของพวกผีตายโหงหรือ ปีศาจให้มาสถิตอยู่ในหุ่นกุมารทอง ซึ่งแต่ละชนิดนั้นจะมีวิธีการทำร้ายศัตรูที่ต่างกันไป กุมารทองเพชรสูญจะมีฤทธิ์ในการทำให้คนกลายเป็นบ้า กุมารทองเพชรคงและเพชรมั่นนั้นจะดีในทางด้านเฝ้าบ้านเรือนด้วยการฆ่าคนแปลก หน้าที่มาบุกรุกบ้าน  สิ่ง ที่ปราบกุมารทองเพชรมั่นได้นั้นได้แก่วัวธนูที่ทำจากไม้ไผ่หามผี แต่กุมารทองเพชรคงจะมีฤทธิ์สูงกว่ากุมารทองเพชรมั่นเพราะสามารถเอาชนะได้ หรือแม้กระทั่งที่ทำจากครั่ง สิ่งที่เดียวที่จะหยุดได้คือวัวธนูทองแดง ยิ่งไปกว่านั้นกุมารทองเพชรคงยังมีอำนาจในการไล่ตามศัตรูได้ในขณะที่กุมาร ทองเพชรมั่นจะอยู่แต่ภายในอาณาเขตบ้านเท่านั้น  กุมาร ทองเพชรดับเป็นเพชรฆาตเลือดเย็นที่สามารถหักคอศัตรูอย่างรวดเร็วฉับพลัน เหมือนนักฆ่ามืออาชีพมีไว้สำหรับปลิดชีวิตศัตรูโดยเฉพาะ กุมารทองจำพวกนี้ยังคงนิยมอยู่ในเฉพาะนักไสยเวทย์มนต์ดำที่เก่งกล้าหรือแถบ เขมรและอิสลาม ไม่ได้นิยมในหมู่นักสะสมเครื่องรางทั่วไป

กุมารทองโชคลาภเมตตามหานิยม

กุมารทองอีกประเภทหนึ่งนั้นมีไว้เฝ้าบ้าน เรียกลูกค้า เป็นเมตตามหานิยม ไม่มีชื่อเรียกโดยเฉพาะ  โดยทั่วไปนั้นผู้บูชาจะตั้งชื่อเอง  โดยจะตั้งชื่อที่เป็นมงคล เรียกทรัพย์ต่างๆ  กุมารทองชนิดนี้จะไม่มีความดุร้ายสามารถเลี้ยงกันได้ทุกคนไม่มีอันตรายเหมือนอย่างกุมารทองทองชนิดข้างต้น

            กุมาร ทองด้านเมตตาที่สร้างโดยอาจารย์รุ่นเก่าที่ขึ้นชื่อว่าขลังได้แก่หลวงพ่อเต๋ วัดสามง่าม แต่ปัจจุบันนี้คือหลวงพ่อแย้มซึ่งเป็นศิษย์เอกของหลวงพ่อเต๋  กุมารทองทางเมตตานี้จะมีความศักดิ์สิทธิ์ในด้านของการเฝ้าบ้าน เรียกลูกค้า

วิญญาน 3 ชนิด

            การสร้างกุมารทองนั้นแบ่งออกหลักๆเป็น 3 วิธีการสร้างคือ
       1. สร้างด้วยดิน 7 ป่าช้า ผสมผงพรายกุมาร ผงพรายกุมารนั้นคือผงที่ได้จากการเอากระดูกเด็กมาป่นละเอียดผสมกับผงอิทธิเจ และปถมัง กุมารประเภทนี้จะเฮี้ยนและแรงที่สุด  แต่มีทั้งคุณและโทษภายในตัว วิญญานที่เชิญลงมานั้นมักเป็นวิญญานในป่าช้า หรือเป็นวิญญานเด็กที่ติดอยู่กับผงพรายกุมารนั่นเอง  กุมารประเภทนี้ต้องเซ่นไหว้ให้ดี และหากเวลาผ่านไปนานวันวิญญานภายในตัวกุมารก็สามารถโตขึ้นได้

     2. การสร้างด้วยเนื้อดินหรือเนื้อไม้แล้วเชิญญานเทพลงมา  กุมาร ประเภทนี้มักจะไม่ค่อยแสดงตัวเหมือนอย่างแรก เพราะเป็นเทพไม่ต้องเสพอาหารหยาบ ปกติมักปลุกเสกรวมกับพระเครื่อง เช่น กุมารทองของหลวงพ่อพูล วัดไผ่ล้อม

      3. สร้าง ด้วยไม้ตายพราย ที่นิยมนั้นมักจะสร้างด้วยเนื้อไม้รักซ้อมตายพรายและไม่มะยมตายพราย เพราะถือว่าไม้ตายพรายนั้นเป็นไม้เทพสถิต มีความขลังอยู่ในตัวแม้ไม่ต้องปลุกเสก เมื่อได้ไม้ชนิดนี้มานั้นอาจารย์ผู้เสกจะประจุอาคมพระเวทย์ จิต ตั้งธาตุ หนุนธาตุ เรียกอาการ 32 เรียก นาม จนเกิดเป็นวิญญานอุบัติขึ้นมา วิญญานที่เกิดขึ้นมานั้นจะเรียกว่าพราย คือไม่รู้จักโต พรายพวกนี้จะไม่ทำร้ายผู้ใด แต่ถ้าขาดการดูแลจะอ่อนกำลังและสลายไปในที่สุด

ประเภทของกุมารทอง

1.กุมารทองโดยการสร้างจากวัสดุอาถรรพณ์ เช่น กระดูก ผงมหาภูติ ผงพรายกุมาร กระดูกผีตายโหง น้ำมันพราย หรือแม้แต่พวกลูกกรอกมนุษย์ สิ่งเหล่านี้เชื่อว่าเป็นธาตุอาถรรพณ์ที่มีวิญญาณอยู่ในตัวของมันเอง นำมาประกอบเป็นรูปกุมารทอง แล้วปลุกเสกหนุนธาตุ หนุนอาการขึ้น บางทีก็อาจใช้วิญญาณของเจ้าของวัตถุอาถรรพณ์ที่ทำการสะกดนั้นเลย กุมารทองชนิดนี้นิยมเลี้ยงกันในหมู่ของอาจารย์หมอไสยศาสตร์ที่มีวิชาอาคมสูงเท่านั้น เพราะกุมารทองชนิดนี้มีอันตรายหากเลี้ยงไม่ดี คุมของไม่อยู่แล้วนั้น จะย้อนเข้าสู่ตนเองจนถึงแก่ชีวิต หรือกลายเป็นคนวิกลจริตได้เลย เปรียบได้เหมือนการเลี้ยงงูจงอางไว้ในบ้านตนเอง
2.กุมารทองที่สร้างจากไม้อาถรรพณ์ อาทิ เช่นไม้ตายพราย ไม้ยืนต้นตายพราย ไม้โดนฟ้าผ่าตาย ไม้ตกน้ำมัน ต้นไม้ใหญ่ที่มีรุกขเทวดา หรือไม้ที่มีพลังอำนาจหรือไม้มงคลบางชนิด บางที่อาจใช้ไม้กาฝากก็ได้ การสร้างกุมารทองชนิดนี้จำต้องใช้ความวิริยะอุตสาหะมาก เพราะมีกรรมวิธีที่ยุ่งยากมาก ตั้งแต่การพลีกรรมไม้ การแกะหุ่น การปลุกเสก ผู้ที่กระทำพิธีจะต้องรักษาศีลอย่างเคร่งครัดจนมั่นใจว่ากายและใจบริสุทธิ์พอ จึงสามารถทำได้ ปัจจุบันถือว่ากุมารทองชนิดนี้นิยมมากที่สุด เช่น กุมารทองของอ.คม ไตรเวทย์ และอาจารย์สม เป็นต้น
3.กุมารทอง 9 โกฐิ" เป็นกุมารทองที่มีพละกำลังและอิทธิบารมีมากกว่ากุมารทองทั้งมวลเนื่องจากเป็นเทพของ กุมารทอง ผู้เสกต้องมีพลังจิตสูงมากๆ และการเสกจำต้องกระทำกันไม่ต่ำกว่า 3 ปี การสร้างย่อๆคือ ต้องหาโกฐใส่กระดูกเด็กที่ตายด้วยอาการต่างๆ 9 ประเภทตามตำรา ภายในคืนเดียว แล้วหลอมตะกั่วเหล่านั้นกับตัวยันต์ตำราบังคับพร้อมกับพญาว่านบางชนิดในฤกษ์ที่แข็ง ที่สุดคือ ฤกษ์ที่เชื่อกันว่า บรมปู่ขุนแผนเสกกุมารทองในยามนี้ ยามเดือนดับของเดือน 5 นั้นเอง และต้องตรงกับวันเสาร์ จากนั้นจะอุดด้วยผงปถมังโลกีย์กำเนิด อันต้องสร้างโดยผู้มีวิชาจริงๆ ผงนี้เล่าว่าหากตกลงบนตุ๊กตาเด็กก็จะกลายเป็นกุมารทองทันที จากนั้นจึงนำมาเสก ตามตำรากล่าวว่าต้องใช้เวลาเสกถึง 144 เสาร์ 144 อังคารตามกำลังของเทพกุมารบนสรวงสวรรค์ กุมารทองชนิดนี้หาคนทำยาก หากมีแล้วนั้นค่าบูชาจะสูงมากนับหมื่นนับแสนทีเดียว ในอดีตมี พระเดชพระคุณหลวงปู่ชื่น ติคญาโณ วัดตาอี สร้าง กุมารทอง 9 โกฐิ นี้องค์พระเดชพระคุณหลวงปู่ชื่น ติคญาโณ ดำริจัดสร้างขึ้นมาเองครับ ประกอบด้วยมวยสารโกฐิตะกั่วเก่า จำนวน 9 โกฐิ และผสมชนวนตะกั่วอาถรรพณ์ต่างๆหลากหลายชนิด และใต้ฐานได้อุดผงพรายทองคำ ประชุมธาตุออกมาเป็นกุมารตัวน้อยน่ารัก แถมซนซะด้วยซิ.เรียกเงินเรียกทอง ช่วยพ่อแม่หากินเก่งอีกต่างหาก ถ้าใครมีแล้วหมั่นเลี้ยงดูให้ดีจะให้คุณอนันต์เลยครับ ขอบอก..

4. กุมารทองรักยม แกะจากไม้รักและไม้มะยม ตามตำนานของรัตตะกุมารและยมกะกุมาร อันเกิดจากวิชาสายพระฤๅษีโดยเฉพาะ เป็นการเอาไม้มงคลนามมาแกะเป็นกุมารสององค์แล้วเลี้ยงในน้ำมันจันทร์ หากน้ำมันแห้งเชื่อว่าจะเสื่อมอิทธิฤทธิ์ทันที อย่างไรก็ตามคนก็นิยมเลี้ยงกัน เนื่องจากเลี้ยงง่าย ไม่ยุ่งยาก ราคาถูกถมเถไป หาเช่ากันได้ไม่ยาก แต่ที่สร้างไว้ขึ้นชื่อมากที่สุดมี ของหลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก หลวงพ่อเคน วัดเขาอีโต้ หลวงพ่อเพิ่ม วัดสามปลื้ม เป็นต้น
5.กุมารทองพยนต์ เกิดจากการนำวัตถุอาถรรพณ์บางชนิดมาขึ้นรูปกุมารทอง เช่น ดิน 7,9 ป่าช้า ผงว่านยา หรือผงพุทธคุณของพระเกจิ หรือคณาจารย์ต่างๆ มาปลุกเสกลงเลขยันต์ เรียกรูปนาม และที่สำคัญคือการใช้วิชาธาตุ 4 หรือที่เรียกว่าการปั่นธาตุ ทางเหนือสายล้านนาเรียกว่า วิชาสี่ท่าห้าธาตุ จนเกิดเป็นวิญญาณหรือเจตภูตมีตัวมีตนสามารถช่วยเหลือคนได้ กุมารทองชนิดนี้หาคนสร้างยากเช่นกัน เนื่องจากมีข้อมูลและผู้สืบทอดวิชาน้อยไม่ชัดเจน ที่เห็นๆก็มี หลวงพ่อเต๋ และหลวงพ่อแย้มวัดสามง่าม หลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง หลวงพ่ออั้น วัดพระญาติเท่านั้น

 

วิธีการนำกุมารทองเข้าบ้าน

วิธีปฏิบัติและรักษากุมารทองของหลวงพ่อเต๋ คงทอง จากในหนังสือและคำแนะนำจากล.พ.แย้มตามที่ผมสอบถามท่านมาสำหรับ   ผู้ที่เลี้ยงกุมารทองทุกท่านไม่ว่าจะเป็นของอาจาร์ยใดควรดูแลให้ดี  เมื่อต้องการจะรับกุมารทองไม่ว่าจะมาจากที่ใด ต้องมารับด้วยมือของตนเอง เวลารับไปต้องอุ้มแล้วเชิญขึ้นรถลงรถ เข้าถึงบ้านต้องบอกศาลเจ้า   จุด ธูป 16 ดอกเพื่อบอกเทวดา 16 ชั้นฟ้าและจุดธูปบอกเจ้าที่ ศาลพระภูมิ ที่มีอยู่ในบ้านตลอดจนบอกเล่าว่าคนในบ้านมีกี่คน ใครบ้างควรแนะนำให้ท่านรู้จัก ใครจะไปจะมาค้างคืนบอกด้วยถ้าหากภายในบ้านเรามีกุมารทองอยู่ก่อนแล้วให้เรา ทำการจุดธูปหรือบอกปากเปล่าว่าจะเอาพี่หรือน้องมาอยู่ด้วย และเรายังต้องสอนกุมารในทางที่ดีอีกด้วยเพราะเค้าเป็นเด็กยังไม้รู้อะไรดี ไม่ดี

การบูชากุมารทอง +วิธีการเลี้ยง

กุมารทองเป็นของขลังที่วิเศษในตัว ผู้เลี้ยงต้องทำตัวเหมือนคนบ้า สามารถ พูดคนเดียวกับวัตถุที่เรียกว่ากุมารทองนั้น การบูชานั้นทำโดยการตั้งเครื่องบูชา ประกอบด้วยข้าวปากหม้อ ไข่ต้ม น้ำแดง น้ำสะอาด ขนมหวาน  เวลา ให้อาหารให้อย่างน้อยเวลาเช้า 1 เวลา ก่อนที่คนในบ้านจะรับประทานเมื่อถวายอาหารต้องเรียกชื่อกุมารมารับประทาน สำหรับการถวายนั้นให้เราตกลงกับกุมารทองเอาว่าเราสะดวกวันไหน เช่นเราตกลงกับกุมารทองไว้ว่าจะถวายข้าวทุกๆวันพระเราก็ต้องให้เค้าทุกๆวัน พระ เพราะกุมารทองเป็นกายทิพย์ถือเรื่องสัจจะเป็นสำคัญ แต่ถ้าหากไม่มีเวลาให้เราบอกเค้าไว้ว่า เวลาไปไหนก็ให้ไปด้วยกันกินอะไรก็กินด้วยกันได้เลยไม่ต้องให้บอกถวายน้ำไม่ ควรถวายพวกน้ำอัดลม(หลายคนมักจะถวายเพราะง่ายดี) แต่ที่ถูกท่านควรถวายพวกน้ำชง เช่นน้ำแดงชง โอวัลตินชง ถ้ามีเด็กๆอยู่ในบ้านให้เรียกตุ๊กตาทองว่าพี่

การ เลี้ยงกุมารทองต้องเลี้ยงแบบสม่ำเสมอ การจัดตั้งไม่ควรให้ท่านหันหน้าไปทางทิศตะวันตก หรือปลายเท้าที่นอนหรือใต้บันใด อย่าไว้รวมกับพระพุทธรูป ควรไว้ต่ำกว่า  หรือเอาวางไว้ข้างที่นอนของคนเลี้ยง   อย่าเอาไว้บนที่สูง  และอย่าเอาไว้ใกล้หิ้งพระ หรือสูงกว่าหิ้งพระ   ผู้ใดจะใช้กุมารทองเพื่อคุ้มครองบ้านเรือน หรือช่วยเหลือกิจการ ติดต่อค้าขาย ต้องหมั่นบูชา บอกเล่าตามความปรารถนา เมื่อมีผลสำเร็จ ร่ำรวยขึ้น ก็ควรจะตอบแทนท่านโดยการซื้อสร้อยที่มีสีทอง หรือของเล่น ท่านจะพอใจมาก ต้องบอกเล่าเสมอๆจะเกิดลาภ  นอกจากนี้หากว่าบนสิ่งใดไว้ก็ให้ตอบแทนตามสิ่งที่บนตามที่เราได้บนเอาไว้

ข้อมูลเหล่านี้ผมได้รวบรวมประสบการณ์ทั้งที่ได้อ่านเจอในหนังสือและได้ฟังจากหลายๆท่านรวมทั้งล.พ.แย้มท่านก็ได้บอกไว้เช่นนี้   ขอ ให้ทุกท่านที่มีองค์กุมารทองจงเลี้ยงท่านอย่างดีใช้จิตใช้ใจเลี้ยงเมื่อ เลี้ยงจนจิตผูกกันจะปรากฏบางสิ่งบางอย่างขึ้นก็ขอให้ทุกท่านประสบแต่โชคดี ร่ำรวยขึ้น จากประสบการณ์ของผมเองและหลายๆท่านที่คิดว่าจะเคยประสบและศรัทธาในองค์กุมาร ที่ท่านเลี้ยงอยู่ผมจึงหวังว่าทุกท่านที่นำกุมารทองไปเลี้ยงจะเลี้ยงท่านให้ ดีที่สุด

สำหรับบุคคลผู้ที่ต้องการสัมผัสกับกุมารทอง
1.การที่จะสัมผัสจิตวิญญาณของวัตถุมงคลต่าง ๆ ประเภทที่มีตัว เช่น กุมารทอง รักยม หรือพวกพรายวิญญาณต่าง ๆ ก่อนอื่นต้องสำรวจตัวเองก่อนว่า เป็นบุคคลที่เข้าข่ายประเภทนี้หรือไม่ครับ.....
-เป็นคนเกิดมาดวงแข็งเช่น เกิดวันเสาร์ วันอังคาร หรือมีดวงเพชฆาตฤกษ์ไหม เพราะบุคคลประเภทนี้มักจะไม่มีสัมผัสทางวิญญาณครับ หรือเรียกง่าย ๆ ว่าพวกจิตแข็ง จิตจึงมักจูนคลื่นกันไม่ได้ ซึ่งตามสถิติที่เคยสอบถามมา พวกนี้มักจะไม่เคยเจอพวกวิญญาณเลยครับ
-เป็นผู้ศึกษาไสยเวทย์ เพราะบุคคลผู้ที่ศึกษาวิชาไสยเวทย์และวิชาอาคมมาก ๆ รวมทั้งพวกที่นิยมสักยันต์ ลงของต่าง ๆ กับตัว มักจะมีอำนาจศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองตัว ทำให้พวกผีและพรายต่าง ๆ ไม่กล้าเข้าใกล้ อีกอย่างพวกที่ยิ่งเล่นของทางนี้มาก ๆ จิตจะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ จนกลายเป็นคนจิตแข็ง ทำให้สัมผัสพวกนี้ได้ยากขึ้นก็มี แต่บางคนที่ศึกษาในเรื่องของจิตควบคู่ไปด้วย อาจเกิดอภิญญาได้ตาทิพย์ ได้มโนยิทธิ ก็สามารถสัมผัสพวกวิญญาณนี้ได้ ซึ่งเป็นกรณียกเว้นเฉพาะบุคคลครับ เพราะมีคนที่สัมผัสได้จริง มิใช่แอบอ้างนั้นน้อยมากจริง ๆ
-เป็นบุคคลที่นิยมพกของขลังประเภทกันและแก้ หรือเครื่องรางพวกที่ใช้ขับไล่ภูติผีปีศาจอยู่กับตัวหรือมีติดบ้านไว้ ได้แก่
1.ปู่ฤาษีตาไฟ
2.ท่านท้าวเวสสุวัณ
3.เบี้ยแก้
4.วัว-ควายธนูอาคมต่าง ๆ
5.หุ่นพยนต์บางสายวิชา
หากไม่ทำการบอกกล่าวสิ่งศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ให้ดี อาจเป็นการขับไล่พวกภูติพรายต่าง ๆ ออกไปก็ได้ ดังนั้นก็คงยากที่จะสัมผัสหรือเห็นได้ครับ......
-เป็นพวกเชื้อสายจีน ที่นับถือผีบรรพบุรุษ ต้องทำการบอกกล่าวให้ดีเพราะผีบรรพบุรุษทั้งหลาย ท่านมักไม่ชอบพรายเหล่านี้
-บ้านที่มีอาถรรพ์เจ้าที่แรงและมีศาลของตาสียายสา เรียกถูกไหมหว่า เอาเป็นว่าศาลของคนแก่ ๆ ที่มักนิยมปลูกเคียงข้างกับศาลพระภูมิเจ้าที่ตามบ้านเรือนก็แล้วกันครับ ต้องทำการบอกกล่าวให้ดีและชัดเจนด้วย ที่สำคัญอย่าลืมธูป 12 ดอกเป็นสำคัญครับ......

2.ให้ลองจุดธูปเรียกดูครับ ตามสายวิชาของผมให้จุดธูป 5 ดอกเป็นปฐมฤกษ์เพื่อบูชาพ่อดำแม่ดำในสายวิชาเงี้ยว ผู้เป็นพ่อครูแม่ครูเก๊าในการสร้างพวกพรายต่าง ๆ ทางล้านนาครับ แล้วจุดเรียกกุมารหรือรักยม อีก 1 ดอก ตามด้วยคาถาสากลที่ใช้กับพวกพรายเด็กได้ทุกประเภท ที่ว่า กุมะจิระจา จิเจรุนิ ท่องไปเรื่อย ๆ จนกว่าจิตจะสร้างมโนภาพก่อเกิดเป็นรูปกุมารอย่างชัดเจนในมโนความคิดครับ แล้วก็ทำการบอกกล่าวตามจิตประสงค์ได้เลย.....อยากให้เขามาเข้าฝันก็ลองบอกดูนะ ลองซัก 7 วันน่าจะเห็นอะไรได้บ้าง และควรทำตอนกลางคืนนะครับ ยิ่งดึกจะยิ่งดี เพราะจิตจะได้จูนกันง่ายขึ้น.........

3.ต้องฝึกสมาธิควบคู่กันไปด้วยครับ เอาแค่ คำว่า พุท-โธ ก็พอแล้ว อย่างน้อยวันละ 5-10 นาทีต่อวันก็ยังดี อีกอย่างควรทำก่อนนอนจะยิ่งดีครับ จิตจะได้สงบปลอดโปร่งและสัมผัสอะไรได้มากขึ้น........

4.หมั่นถวายขนม น้ำแดง ของเล่นต่าง ๆ ให้เขาตลอด และอย่าลืมเซ่นไหว้ตามที่ทางเราบอกนะครับ ถึงแม้จะสัมผัสตัวเขาไม่ได้ แต่หากบูชาแล้วเห็นผลดีขึ้นต่อชีวิตของคุณ หรือมีโชคลาภลอยต่าง ๆ ก็น่าจะดีแล้วนะถึงแม้จะสัมผัสตัวเขาไม่ได้ก็ตามที

5.วิธีนี้เป็นวิธีสุดท้ายจริง ๆ แต่ต้องใช้วิจารณญาณส่วนบุคคลที่เยอะที่สุดนะ คือ เอาไปให้เกจิอาจารย์ที่คุณนับถือและคิดว่าท่านสามารถตรวจดูให้ได้หรือพวกหมอดูตาทิพย์ หรือพวกจับพลังพุทธคุณต่าง ๆ ให้ท่านเหล่านั้นเช็คดูครับ ว่าพวกพรายที่เราเลี้ยงนั้นเป็นอย่างไรบ้าง ซึ่งกรณีแบบนี้อาจทำให้คุณเกิดความเชื่อและศรัทธาเขามากขึ้นก็ได้ครับ ถึงแม้จะสัมผัสตัวไม่ได้ แต่รู้ว่าเขามีตัวจริงไหม แค่นั้นก็น่าจะพอแล้วนะ.....

สุดท้ายที่อยากฝากไว้คือ คุณต้องมีความศรัทธาจริง ๆ นะครับ เพราะคนที่ไม่ศรัทธาจริง ๆ นั้น รับรองเลี้ยงอะไรก็ไม่มีทางเห็นผลหรอก ดังคำกล่าวที่ติดตัวผมอยู่เสมอครับ ว่า ศรัทธาสร้างปาฏิหาริย์ได้เสมอ

:016: ทั้งนี้และทั้งนั้น ต้องขอขอบคุณ yimwhan.com สำหรับข้อมูล :015:
      ผิดถูกประการใด ต้องขอประทานอภัยมา ณ. ที่นี้ด้วย ขอบคุณ


4
ศึกษาและสะสมV.2



5
รวมสมาชิก (มิตรไมตรี) / Merry Christmas
« เมื่อ: 26 ธ.ค. 2553, 08:17:53 »

ปีใหม่นี้ขอบุญบารมีแห่งคุณพระศรีรัตนตรัยคือ พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ จงดลบรรดาลให้บรรดาเหล่าสาธุชน
ผู้ฝักใ่ฝ่ในบวรพระพุทธศาสนา และผู้มีใจศรัทธาในพระอุดมประชานาถ(หลวงพ่อเปิ่น) ขอให้เจอแต่สิ่งที่ดีๆนอนหลับฝันดี
คิดเงินหมื่นก็ขอให้ได้เงินหมื่น คิดเงินแสนก็ขอให้ได้เงินแสน ทำมาค้าขายก็ขอให้ขายดี รำรวยเป็นเศรษฐี ชึ้นรถลงเรือที่ไหนก็
ขอให้เดินทางปลอดภัย โรคภัยไข้เจ็บก็ขออย่าได้ภพเจอ
สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทนา
 :114: ขอบคุณ :114:

6
ศึกษาและสะสม







:114: ขอบคุณ :114:

8

ความหมายของพานครูและข้อควรปฏิบัติ
"พระ อาจารย์สักหรือครูสัก" มีความหมายว่า ผู้สั่งสอนศิษย์ หรือ ผู้ถ่ายทอดความรู้ให้แก่ศิษย์ ซึ่งมีผู้กล่าวว่ามาจากคำว่า ครุ (คะ-รุ) ที่แปลว่า "หนัก" อันหมายถึง ความรับผิดชอบในการอบรมสั่งสอนของครูนั้น นับเป็นภาระหน้าที่ที่หนักหนาสาหัสไม่น้อย กว่าคนๆหนึ่งจะเติบโตเป็นผู้มีวิชาความรู้ และเป็นคนดีของสังคม ผู้เป็น "ครู" จะต้องทุ่มเทแรงกายและแรงใจไม่น้อยไปกว่าพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดเลย ซึ่งในชีวิตของคนๆ หนึ่ง นอกเหนือไปจากพ่อแม่ซึ่งเปรียบเสมือน "ครูคนแรก" ของเราแล้ว การที่เด็กๆ จะดำรงชีพต่อไปได้ในสังคม จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมี "ครู" ที่จะประสิทธิ์ประสาทวิชาความรู้ เพื่อปูพื้นฐานไปสู่หนทางทำมาหากินในภายภาคหน้าด้วย ดังนั้น "ครู" จึงเป็นบุคคลสำคัญที่เราทุกคนควรจะได้แสดงความกตัญญูกตเวทิตาต่อท่าน


พานครูประกอบไปด้วย
"ธูป  ๓ ดอก"เป็นเครื่องบูชาสักการะต่อพระพุทธ(พระคุณขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า3ประการ)
พระปัญญาคุณ พระบริสุทธิคุณ และพระมหากรุณาธิคุณ
"เทียน ๒ เล่ม"เป็นเครื่องบูชาสักการะต่อพระธรรม(คำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า)
ได้แก่ พระธรรม และ พระวินัย
"ดอกไม้"เป็นเครื่องบูชาสักการะต่อพระสงฆ์(สงฆ์สาวกขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า)
พระสงฆ์มาจากหลายเชื้อชาติ ต่างชนชั้น .. แจกันใส่ดอกไม้ หมายถึง อารามซึ่งเป็นที่รวมแห่งบรรดาพระสงฆ์
"บุหรีและเงินครู ๒๕ บาท"เป็นเครื่องบูชาสักการะต่ออาจารย์(พระอาจารย์สักหรือครูสัก)
บุหรีและเงินครูขั้นต่ำ ๒๕ บาท ถือว่าเป็นของกำนัลครู ที่ได้อุทิศทั้งแรงกายและแรงใจ
ในการสักยันต์และอบรมสั่งสอนลูกศิษย์นั้นเอง

ข้อควรปฏิบัติสำหรับผู้ที่ได้รับการสักยันต์
๑. ให้ปฏิบัติตัวอยู่ในศีล ๕ ถ่าทำได้ถือว่าดี
     ศีลข้อที่ ๑ งดเว้นการฆ่าสัตว์(ปาณาติปาตา เวรมณี)
     การฆ่า มิใช่นำมีดไปฆ่าคน ฆ่าสัตว์ จึงเรียกว่าฆ่า จิตใจเริ่มคิดไม่ดี สิ่งที่ละเอียดอ่อนบางแง่มุม มิได้ระมัดระวังจะก่อเกิดการช่วย
     เสริมการฆ่าขึ้น
     ศีลข้อที่ ๒ งดเว้นการลักขโมย(อทินนาทานา เวรมณี)
     ปัจจุบันสังคมวุ่นวาย โจรขโมยมากมาย นักการศึกษา นักการศาสนา ต้องเพิ่มภาระในการสั่งสอนมากขึ้น
     ขโมย ลักเล็กลักน้อย ปล้น หลอกลวง บังคับ ขู่เข็ญเพื่อให้ได้มา
     ศีลข้อที่ ๓ งดเว้นการละเมิดกาม(กาเมสุมิจฉาจารา เวรมณี)
     อิ่มนักมักมุ่นคิดทางกามารมณ์ ความผิดทั้งหลายผิดศีลกาเมเลวที่สุด สังคมวัตถุอุดมสมบูรณ์ จะพาให้สังคมคุณธรรม
     ตรงข้ามกับความเจริญ
     ศีลข้อที่ ๔ งดเว้นการพูดเท็จ(มุสาวาทา เวรมณี)
     พูดโกหก รวมทั้งปากร้าย ลิ้นสองแฉก คำเยินยอ โกหกหลอกลวง พูดโกหก พูดคำหยาบ พูดเพ้อเจ้อ
     พูดส่อเสียด
     ศีลข้อที่ ๕ งดเว้นการเสพสุราเมรัย(สุราเมรยมัชชปมาทัฏฐานา เวรมณี)
     เหล้ามิใช่ของคาว แต่มันเป็นสิ่งเริ่มต้นของบาปกรรมทั้งปวง เหล้าลงคอฆ่าสัตว์ ลักขโมย ผิดศีลกาเม พูดเท็จเกิดจาก
     จิตใจที่เมามัว
     หลังสร่างเมาจึงเห็นความเป็นไปที่แน่นอน ต้องหยุดดื่ม จึงเรียกศีลหยุดไม่ดื่ม
๒. ห้ามด่าบุพการี
      บุพการี หมายถึง ญาติทางสาโลหิตโดยตรงขึ้นไป ได้แก่ บิดามารดา ปู่ย่า ตายาย ทวด

ผู้ที่ได้รับการสักยันต์ จะต้องยึดถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัดด้วยบุญญาธิการของบูรพาจารย์ คณาจารย์ที่ถ่ายทอดสู่ตัวของคนสักยันต์ไม่ให้เสื่อมคลายความขลัง ต้องถือปฏิบัติในความดี ข้อห้ามต่างๆ ที่มีมาในสมัยโบราณอย่างที่เรียกว่า คนดี สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ผีคุ้ม ปกป้องกันภัย เป็นข้อเตือนสติให้ตะหนักถึงผลกรรมดี กรรมชั่ว

พระอาจารย์หรือครูสัก๕๐ลูกศิษย์๕๐ ถึงจะเต็ม๑๐๐
ขออธิบายต่อนิดนึงพระอาจารย์หรือครูสักก็เปรียบได้เหมือนกับน้ำ ส่วนลูกศิษย์ก็เปรียบได้เหมือนกับแก้วน้ำ
การใหลของน้ำใหลมาแบบนึ้งๆ แต่แก้วก็สั่นไหว ก็ไม่สามารถเทน้ำได้เต็มแก้ว ข้อนี้เปรียบได้ดั่งผู้ที่ได้รับการสักยันต์ ถือข้อควรปฏิบัติ ได้ไม่ดีนัก ลายสักหรืออักขะระเลขยันต์ที่อยู่บนร่างกายของลูกศิษย์ ก็ไม่สามารถเกิดความศักดิ์สิทธิ์ได้ แต่ถ่าแก้วน้ำนั่นไม่สั่นไหวหยุดอยู่นึ้งๆ เหมือนกับการใหลของน้ำใหลมาแบบนึ้งๆ น้ำก็จะเต็มแก้วได้ไม่ยากนัก เปรียบได้ดั่งผู้ที่ได้รับการสักยันต์ ถือข้อควรปฏิบัติได้ดี ลายสักหรืออักขะระเลขยันต์ก็จะเกิดความศักดิ์สิทธิ์ แก่ผู้ที่ได้รับการสักยันต์นั้งเอง

"เพชรยังไงก็คือเพชร แม้จมอยู่ในบ่อโคลนก็ยังเป็นเพชร"
:016: สิ่งศักดิ์สิทธิ์ควรยืดถือเป็นเครื่องยืดเหนี่ยวจิตใจ ไม่ใช้ยืดถือรูปภาพเป็นเครื่องยืดเหนี่ยวจิตใจ :015:

ถ่าตัวอักษรตกหล่นหรือผิดพลาดประการใด ต้องของประทานอภัยมา ณ. ที่นี้ด้วย
๛][รัตu:][๛ ศิษย์น้อยด้อยประสบการณ์
    :114: :114: :114:

9
กุมารทอง...น้องพี่.. :090:

ปิดท้ายด้วย ตะกรุดพญาหัวละมาร4หน้า8กร :006:

 :016: ขอบคุณ :015:
 :114: :114: :114:

10
ผ้ายันต์รุ่นแรก หมึกสีน้ำเงินบล๊อคเก่า หลวงพ่อพุฒ สุนฺทโร วักกลางบางพระ


ปิดท้ายด้วยมีดซามูไรจิ๋ว... :006:

 :016: ขอบคุณ :015:
 :114: :114: :114:

11
เหรียญพระอธิการพุฒ สุนฺทโร 2505 & นั้งปืนปี2533บล๊อคเก่า


 :016: ขอบคุณ :015:
 :114: :114: :114:

13

เหรียญหล่อหลวงพ่อเปิ่น ด้านหลังเป็นองค์ประปฐมเจดีย์
รุ่นศิษย์สร้างถวาย ปี๓๗

 :016: ขอบคุณ :015:

 :114: :114: :114:

14

ขอเชิญร่วมงานมหากุศลเป็นเจ้าภาพทอดกฐินสามัคคี
เพื่อสมทบทุนซื้อที่ดินสร้างศาลาปฏิบัติธรรม ร่วมเป็นเจ้าภาพทอดกฐิน
ตกค้างวัดในถิ่นทุรกันดาร หล่อพระประธานหลวงพ่อสมหวัง
พระพุทธรูปประจำวัดกลางบางพระ
หล่อรูปเหมือน หลวงพ่อพุฒ สุนฺทโร
ณ วัดกลางบางพระ
ตำบลบางพระ อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม
ด้วยวัดกลางบางพระ พร้อมด้วยคณะกรรมการได้จัดให้มีการทอดกฐินสามัคคีขึ้นเพื่อสมทบทุนในการซื้อที่ดินสร้างสถานปฏิบัติธรรม ร่วมเป็นเจ้าภาพทอดกฐินตกค้างวัดในถิ่นทุรกันดารหล่อพระประธานหลวงพ่อสมหวัง พระพุทธรูปประจำวัดกลางบางพระหล่อรูปเหมือน หลวงพ่อพุฒ สุนฺทโรจึงใคร่ขอเรียนเชิญท่านทั้งหลาย  ร่วมบริจาคทรัพย์ตามกำลังศรัทธาในการร่วมทอดกฐินสามัคคีและร่วมหล่อพระประธานในครั้งนี้ จึงขอเรียนเชิญท่านทั้งหลายไปร่วมอนุโมทนาบุญ ในงานมหากุศลในครั้งนี้โดยพร้อมเพรียงกันและขออนุโมทนาบุญล่วงหน้ามา ณ โอกาสนี้
ขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายจงมาอภิบาลท่านและครอบครัว จงประสบแต่ ความสุข ความเจริญ พร้อมสมบูรณ์ด้วย ลาภ ยศ สรรเสริญ ปฏิภาณธนสาร-สมบัติ พิพัฒนมงคลจงทุกประการเทอญ.

ประธานหล่อพระประธาน
หลวงพ่อสมหวัง และรูปเหมือน หลวงพ่อพุฒ สุนฺทโร โดย
พระครูบรรพตพัฒนคุณ (หลวงพ่อปรีชา ธนฑฺฒโก) วัดเขาอิติสุคโต
อ.ดร.แม่ชีทศพร เทวาพิทักษ์ธรรม
คณะกรรมการ
คณะศิษยานุศิษย์พระครูสุนทรวุฒิคุณ หลวงพ่อพุฒ สุนฺทโร
(อดีตเจ้าอาวาสวัดกลางบางพระ)
คณะศิษยานุศิษย์พระครูศรีสุตากร หลวงพ่ออภิชาติ อภิญาโณ
(เจ้าอาวาสวัดกลางบางพระ)
และชาวบ้านบางพระทุกท่าน ร่วมจัดดำเนินงาน
-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-
กำหนดการ
วันศุกร์ที่๕ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๕๓
เวลา ๑๗.๐๐ น. พระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ฉลององค์กฐินบนศาลาการเปรียญ
วันเสาร์ที่๖ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๕๓
เวลา ๑๙.๐๙ น. พราหมณ์ทำพิธีบวงสรวงเทพยดาและสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อประกอบพิธีเททอง หล่อพระประธานหลวงพ่อสมหวัง และรูปเหมือนหลวงพ่อพุฒ สุนฺทโร
เวลา ๑๙.๕๙ น. ประกอบพิธีเททอง หล่อพระประธานหลวงพ่อสมหวัง และรูปเหมือนหลวงพ่อพุฒ สุนฺทโร พระเกจิอาจารย์นั่งปรกพุทธาภิเษก ทั้ง ๔ ทิศ
เวลา ๑๑.๓๙ น. ทำการถวายผ้ากฐินสามัคคี
เวลา ๑๒.๐๐ น. แจกวัตถุมงคลที่ระลึก และขอเชิญรับประทานอาหารโดยพร้อมเพรียงกัน

การคมนาคมสะดวก วัดกลางบางพระอยู่ก่อนถึงวัดบางพระหลวงพ่อเปิ่น ๑ ก.ม. ด้านซ้ายมือ
สำนักงานกลางฯ วัดกลางบางพระ โทรศัพท์ ๐๓๔-๒๓๙๒๒๕ โทรสาร  ๐๓๔-๒๓๙๒๒๖

 
:114: ขอบคุณ :114:

15
บทความ บทกวี / คนตัดไม้
« เมื่อ: 08 ก.ย. 2553, 09:12:56 »

...คนตัดไม้...

มีคนตัดไม้คนหนึ่ง

นำฟืนไปขายให้แก่ร้านขายฟืนซึ่งร้านขายฟืน

ก็ปฏิบัติต่อคนตัดไม้ดีมาก

ดังนั้นคนตัดไม้จึงคิดอยากตอบแทน

โดยการจะตัดไม้ให้ได้เป็นจำนวนมากๆ

ในวันแรกคนตัดไม้ตัดไม้ได้ 20 ต้น

แล้วนำมาให้ร้านขายฟืนซึ่งร้านขายฟืนก็ชมเชยและปฏิบัติต่อ

คนตัดไม้อย่างดี

แต่พอในวันที่ 2

คนตัดไม้ก็ตั้งใจจะตัดให้ได้มากขึ้นแต่ปรากฏว่ากลับตัดได้เพียง 18 ต้น

ในวันรุ่งขึ้นก็กะว่าจะตัดให้ได้มากยิ่งขึ้นแต่ก็กลับเหลือ 16 ต้น

ยิ่งนับวันผ่านไปเรื่อย ๆ ก็ตัดได้น้อยลงเรื่อย ๆ

จนในที่สุดคนตัดไม้ก็รู้สึกละอายใจ

จึงไปกล่าวคำขอโทษกับทางร้านขายฟืน

แต่เจ้าของร้านขายฟืนก็กลับถามคนตัดไม้ว่า

คุณลับขวานครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่"

คนตัดไม้ตอบว่า

ผมไม่มีเวลาหยุดลับขวานเลย

เพราะขนาดไม่หยุดยังตัดไม้ได้น้อยขนาดนี้"

ซึ่งเจ้าของร้านก็บอกแก่คนตัดไม้ว่า

คุณลองคิดดูสิว่าหากคุณหยุดลับขวานให้คม

โดยเสียเวลาเพียงเล็กน้อย

คุณอาจตัดไม้ได้มากกว่านี้ก็ได้

เปรียบได้กับการทำงาน

ถ้าคุณก้มหน้าก้มตาทำโดยไม่หยุดพักหยุดคิด

เปรียบได้กับคนตัดไม้

คุณก็จะล้าลงไปเรื่อย..

เหนื่อยนักก็พักหน่อย เหนื่อยมากหน่อยก็พักนานๆ
    
พักพอแล้วก็ขยันต่อ รับรองความสำเร็จอยู่ไม่ไกล

อ้างอิงข้อมูลมาจาก Sanook.com
    
:114: ขอบคุณ :114:

16
ศรัทธา ความหมาย หมายถึง

ศรัทธา หมายถึง ความเชื่อในสิ่งที่ควรเชื่อ ไม่งมงายไร้เหตุผล เป็นความเชื่อที่ประกอบด้วยปัญญา ศรัทธาที่มั่นคง หมายถึง ศรัทธาที่มีความรู้กำกับ ไม่หวั่นไหวเอนเอียงไปเพราะความไม่รู้ ความหลงงมงาย

ศรัทธา ความเชื่อ มีหลายระดับชั้น แต่ในที่นี้จะพูดถึงหลักความเชื่อ 4 ประการ ที่ควรศึกษาเพื่อเป็นแนวทางในการสร้างความสุข คือ

ความเชื่อกรรม คือ เชื่อเรื่องการกระทำที่เกิดขึ้นทางกาย วาจา ใจ ว่ามีทั้งฝ่ายดีและฝ่ายชั่ว การทำชั่วทางกายเรียกกายทุจริต ทางวาจาเรียกวจีทุจริต ทางใจเรียกมโนทุจริต ส่วนการทำดีทางกายเรียกกายสุจริต ทาง วาจาเรียกวจีสุจริต ทางใจเรียกมโนสุจริต เป็นความมั่นใจในการกระทำอย่างชัดเจน เหมือนเข็มทิศสำหรับนำพาไปสู่ทิศต่างๆ ความเชื่อด้านนี้ก็จะนำไปสู่การกระทำต่อไป

ความเชื่อผลแห่งกรรม คือ เชื่อว่าการกระทำทั้งกาย วาจา ใจ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายดีหรือฝ่ายชั่ว จะต้องมีผลจากการกระทำนั้นอย่างแน่นอน และไม่มีอะไรสามารถเปลี่ยนแปลงผลของมันได้ กล่าวคือ ถ้าทำไม่ดี ก็ย่อมได้รับผลกรรมจากความทุกข์ ความลำบากเดือดร้อน ความอึดอัดคับแค้น แต่ถ้าทำดี ก็ย่อมได้รับผลเป็นความสุข ความสบาย ไม่เดือดร้อน ไม่อึดอัดวุ่นวาย มีผลทั้งในชาตินี้และชาติหน้า

ความเชื่อว่าทุกคนมีการกระทำเป็นของตนเอง คือ ความเชื่อที่ตอกย้ำลงไปว่า เมื่อทำดีย่อมได้รับผลดี เมื่อกระทำชั่วก็ย่อมได้รับผมชั่วนั้นตอบสนอง คือ ย่อมจะได้รับผลกรรมนั้นเป็นของตนเองแน่นอน เปรียบกับหว่านพืชผลเช่นใด ก็ได้ผลเช่นนั้น ผู้ทำดีย่อมได้ดี ผู้ทำชั่วย่อมได้ชั่ว โดยที่ไม่มีผู้ใดสามารถทำกรรมแทนกันได้ ทุกคนล้วนได้รับผลกรรมที่ตนทำขึ้นทุกอย่าง ไม่มีงดเว้น เบี่ยงเบนออกไป

เชื่อในความรู้ของพระพุทธเจ้า คือ เชื่อในพระปัญญาของพระองค์ที่ทรงค้นพบหลักธรรมแล้วนำมาประกาศให้ชาวโลกรู้ ตาม มีความมั่นใจในพระองค์ว่าทรงเป็นพระอรหันต์สัมมาสัมพุทธะ ตรัสธรรมบัญญัติวินัยไว้ด้วยดี ทรงเป็นผู้นำทางที่แสดงให้เห็นว่า หากทุกคนฝึกฝนตนด้วยดี ก็สามารถเข้าถึงภูมิธรรมสูงสุดและหลุดพ้นได้ ดังที่พระองค์ทรงบำเพ็ญไว้เป็นแบบอย่าง

การเชื่อในความรู้ของพระพุทธเจ้า ก็เท่ากับการเชื่อต่อเหตุผลนั่นเอง เพราะพระองค์จะทรงสอนอะไร ก็ล้วนแต่มีเหตุมีผล ซึ่งผู้ฟังทุกคนสามารถนำไปตรึกตรองพิจารณาให้เห็นได้ด้วยตนเอง พระองค์จะคอยตักเตือนเสมอว่า อย่าเชื่อโดยไร้เหตุผล หรือเชื่ออย่างงมงายโดยไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ สอนให้ใช้ความสังเกตในที่ทั่วไป

ศรัทธาจึงเป็นเรื่องน่ากลัว เพราะถ้าศรัทธามัวเมา ไม่ประกอบด้วยปัญญาก็จะนำพาให้ปฏิบัติผิด ทำให้ชีวิตได้รับแต่ความทุกข์ ผู้ที่มีศรัทธาตั้งมั่น มีหลักความเชื่อที่ถูกต้องเป็นแกนยึดนั้น ย่อมปฏิบัติตามได้อย่างสอดคล้อง ระมัดระวัง ไม่บุ่มบ่ามย่ามใจ

ดังนั้น การปรับทิศทางความเชื่อให้ประ กอบด้วยปัญญา มีความรู้คอยกำกับ เป็นความเชื่อที่ถูกต้อง และตั้งมั่นในความเชื่อที่ถูกต้องนั้น ก็ย่อมทำให้ได้รับความสุขได้ ดังพุทธภาษิตที่ว่า ความเชื่อที่ตั้งมั่นแล้ว นำความสุขมาให้

อ้างอิงข้อมูลมาจาก ข่าวสดรายวัน วันที่ 07 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 ฉบับที่ 6918
หัวข้อ ธรรมะวันหยุด บรรยายโดย พระเทพคุณาภรณ์ (โสภณ โสภณจิตฺโต ป.ธ. ๙) เจ้าอาวาสวัดเทวราชกุญชร วรวิหาร
 :114: ขอบคุณ :114:

17
:114: ขอแสดงความเสียใจกับมาสเซอร์ดอน :114:
คุณพ่อของมาสเซอร์ดอน ท่านจากไปอย่างไม่มีทางหวลกลับมา
มรณะ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 11 กรกฎาคม
ถ่าดวงวิญญาณของท่านอยู่ในที่ทุกข์ ขอให้พ้นจากทุกข์
ถ่าดวงวิญญาณของท่านอยู่ในที่สุข ขอให้สุขยิ้งๆขิ้นไป
ด้วยความรักที่มีต่อท่าน
 :054: :054: :054:
รัตนะ... :090:

18
บทความ บทกวี / วันเข้าพรรษา
« เมื่อ: 11 ก.ค. 2553, 07:24:51 »
[ วันเข้าพรรษา

วันเข้าพรรษา เป็นวันสำคัญในพุทธศาสนาวันหนึ่ง ที่พระสงฆ์อธิษฐานว่าจะพักประจำอยู่ ณ ที่ใดที่หนึ่ง ตลอดช่วงฤดูฝนที่มีกำหนดเป็นระยะเวลา 3 เดือน ตามที่พระธรรมวินัยบัญญัติไว้ โดยไม่ไปค้างแรมที่อื่น

          "เข้าพรรษา" แปลว่า "พักฝน" หมายถึง พระภิกษุสงฆ์ต้องอยู่ประจำ ณ วัดใดวัดหนึ่งระหว่างฤดูฝน โดยเหตุที่พระภิกษุในสมัยพุทธกาล มีหน้าที่จะต้องจาริกโปรดสัตว์ และเผยแผ่พระธรรมคำสั่งสอนแก่ประชาชนไปในที่ต่างๆ ไม่จำเป็นต้องมีที่อยู่ประจำ แม้ในฤดูฝน ชาวบ้านจึงตำหนิว่าไปเหยียบข้าวกล้าและพืชอื่นๆ จนเสียหาย พระพุทธเจ้าจึงทรงวางระเบียบการจำพรรษาให้พระภิกษุอยู่ประจำที่ตลอด 3 เดือน ในฤดูฝน คือ เริ่มตั้งแต่วันแรม 1 ค่ำ เดือน 8 ของทุกปี ถ้าปีใดมีเดือน 8 สองครั้ง ก็เลื่อนมาเป็นวันแรม 1 ค่ำ เดือนแปดหลัง และออกพรรษาในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 เว้นแต่มีกิจธุระคือเมื่อเดินทางไปแล้วไม่สามารถจะกลับได้ในเดียวนั้น ก็ทรงอนุญาตให้ไปแรมคืนได้ คราวหนึ่งไม่เกิน 7 คืน เรียกว่า "สัตตาหะ" หากเกินกำหนดนี้ถือว่าไม่ได้รับประโยชน์แห่งการจำพรรษา จัดว่าพรรษาขาด

          ระหว่างเดินทางก่อนหยุดเข้าพรรษา หากพระภิกษุสงฆ์เข้ามาทันในหมู่บ้านหรือในเมืองก็พอจะหาที่พักพิงได้ตาม สมควร แต่ถ้ามาไม่ทันก็ต้องพึ่งโคนไม้ใหญ่เป็นที่พักแรม ชาวบ้านเห็นพระได้รับความลำบากเช่นนี้ จึงช่วยกันปลูกเพิง เพื่อให้ท่านได้อาศัยพักฝน รวมกันหลายๆ องค์ ที่พักดังกล่าวนี้เรียกว่า "วิหาร" แปลว่า ที่อยู่สงฆ์ เมื่อหมดแล้ว พระสงฆ์ท่านออกจาริกตามกิจของท่านครั้ง ถึงหน้าฝนใหม่ท่านก็กลับมาพักอีก เพราะสะดวกดี แต่บางท่านอยู่ประจำเลย บางทีเศรษฐีมีจิตศัรทธาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ก็เลือกหาสถานที่สงบเงียบไม่ห่างไกลจากชุมชนนัก สร้างที่พัก เรียกว่า "อาราม" ให้เป็นที่อยู่ของสงฆ์ดังเช่นปัจจุบันนี้

          ทั้งนี้ โดยปกติเครื่องใช้สอยของพระตามพุทธานุญาตให้มีประจำตัวนั้น มีเพียงอัฏฐบริขาร อันได้แก่ สบง จีวร สังฆาฏิ เข็ม บาตร รัดประคด หม้อกรองน้ำ และมีดโกน และกว่าพระท่านจะหาที่พักแรมได้ บางทีก็ถูกฝนต้นฤดูเปียกปอนมา ชาวบ้านที่ใจบุญจึงถวายผ้าอาบน้ำฝนสำหรับให้ท่านได้ผลัดเปลี่ยน และถวายของจำเป็นแก่กิจประจำวันของท่านเป็นพิเศษในเข้าพรรษา นับเป็นเหตุให้มีประเพณีทำบุญเนื่องในวันนี้สืบมา...

          อย่างไรก็ตาม แม้การเข้าพรรษาจะเป็นเรื่องของพระภิกษุ แต่พุทธศาสนิกชนก็ถือเป็นโอกาสดีที่จะได้ทำบุญรักษาศีล และชำระจิตใจให้ผ่องใส ก่อนวันเข้าพรรษาชาวบ้านก็จะไปช่วยพระทำความสะอาดเสนาสนะ ซ่อมแซมกุฏิวิหารและอื่นๆ พอถึงวันเข้าพรรษาก็จะไปร่วมทำบุญตักบาตร ถวายเครื่องสักการะบูชา ดอกไม้ ธูปเทียน และเครื่องใช้ เช่น สบู่ ยาสีฟัน เป็นต้น พร้อมฟังเทศน์ ฟังธรรม และรักษาอุโบสถศีลกันที่วัด บางคนอาจตั้งใจงดเว้นอบายมุขต่างๆ เป็นกรณีพิเศษ เช่น งดเสพสุรา งดฆ่าสัตว์ เป็นต้น อนึ่ง บิดามารดามักจะจัดพิธีอุปสมบทให้บุตรหลานของตน โดยถือกันว่าการเข้าบวชเรียนและอยู่จำพรรษาในระหว่างนี้จะได้รับอานิสงส์ อย่างสูง

นอกจากนี้ ยังมีประเพณีสำคัญที่ขาดไม่ได้เลย คือ "ประเพณีหล่อเทียน เข้าพรรษา" ประเพณีที่กระทำกันเมื่อใกล้ถึงฤดูเข้าพรรษา ซึ่งมีมาตั้งแต่โบราณกาล การหล่อเทียนเข้าพรรษานี้ มีอยู่เป็นประจำทุกปี เพราะในระยะเข้าพรรษา พระภิกษุจะต้องมีการสวดมนต์ทำวัตรทุกเช้า – เย็น และในการนี้จะต้องมีธูป - เทียนจุดบูชาด้วย พุทธศาสนิกชนทั้งหลาย จึงพร้อมใจกันหล่อเทียนเข้าพรรษาสำหรับให้พระภิกษุจุดเป็นการกุศลทานอย่าง หนึ่ง เพราะเชื่อกันว่าในการให้ทานด้วยแสงสว่าง จะมีอานิสงฆ์เพิ่มพูนปัญญาหูตาสว่างไสว ตามชนบทนั้น การหล่อเทียนเข้าพรรษาทำกันอย่างเอิกเกริกสนุกสนานมาก เมื่อหล่อเสร็จแล้ ก็จะมีการแห่แหน รอบพระอุโบสถ 3 รอบ แล้วนำไปบูชาพระตลอดระยะเวลา 3 เดือน บางแห่งก็มีการประกวดการตกแต่ง มีการแห่แหนรอบเมืองด้วยริ้วขบวนที่สวยงาม โดยถือว่าเป็นงานประจำปีเลยทีเดียว  

          อย่างไรก็ตาม ในปีนี้ "วันเข้าพรรษา" จะตรงกับวันอังคารที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

บุญที่เคย สร้างมา ในคราก่อน
ขอโอนอ่อน ผ่อนร้าย คลายทุกข์เข็ญ
เข้าพรรษา ขอหยุดเศร้า....ทุกเช้า-เย็น
จะบำเพ็ญ ธรรมคุณ......เป็นบุญตัว

หยุด...ทุกสิ่ง ที่เหลวไหล ในอดีต
จำต้องขีด วางกรอบ ชอบไปทั่ว
สำรวมกาย วาจา ใจ ไม่หมองมัว
แต่...ยังกลัว มารผจญ มาวน-เวียน

อ้างอิงข้อมูลมาจาก Kapook.com
ขอบคุณ
 :090: :114: :090: :114: :090: :114: :090: :114: :090:



19
:016: หลังจากที่ตามหามานานแสนนาน :015:




 :090: :114: :090: :114: :090: :114: :090: :114: :090: :114: :090:
หลวงพ่อปรีชา วัดเขาอิติสุคะโต


ดอกนี้ กัด มันส์ ดุ แน่นอน :093:

ขอบคุณ :090:

20
 :114:.อย่าให้เรารักกันด้วย คำพูด และด้วย ปาก เท่านั้น  :114:
 :114:แต่จง รักกันด้วย การกระทำ และด้วย ความจริง .
  :114:






























:114: :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114:

“ความสุข ความสวัสดีของข้าพเจ้าจะเกิดขึ้นได้ ก็ด้วยบ้านเมืองของเรามีความเจริญ มั่นคง เป็นปกติสุข”

    พระราชดำรัส ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ พระราชทานเมื่อวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๒


:114: :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114:

 :090: ด้วยกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ :090:

:016: อ้างอิงจาก thailoveking.com :015:

21


แล้วก็จะเสด็จไปยังวัดนก

 :089: ขอบคุณ :089:

22

พระมหาเศรษฐีนวโกฎิ รุ่น.เหลือกินเหลือใช้ มีใว้ไม่จน วัดกลางบางพระ
อธิฐานจิตปลุกเสกโดย
หลวงพ่อแย้ม วัดสามง่าม
หลวงพ่ออั๊บ วัดท้องไทร
หลวงพ่อปรีชา วัดเขาอิติสุคโต
พระครูศรีสุตากร วัดกลางบางพระ



เนื้อเงิน100%สร้างแค่999องค์และเนื้อทองเหลืองรมดำ


รูปหล่อพระมหาเศรษฐีนวโกฎิหน้าตัก3นิ้ว



เหรียญหล่อหลวงพ่อพระครูศรีสุตากร
ฉลองพระอุปัชฌาย์ รุ่น1

 :016: ออกให้เช่าบูชาวันเสาร์ที่20กุมภาพันธ์ :015:

 :089: ขอบคุณ :089:

23
โลกกลมๆ ใบนี้ไม่มีอะไรได้มาฟรี ๆ
ของฟรีไม่เคยมี ของดีไม่เคยถูก
อยู่ ให้ไว้ใจ ไปให้คิดถึง
คนเราต้องเดินหน้า เวลายังเดินหน้าเลย
ไม่ ต้องสนใจว่าแมวจะสีขาวหรือ ดำ ขอให้จับหนูได้ก็พอ
ยิ่ง มีใจศรัทธา ยิ่งต้องมีสายตาที่เยือกเย็น
ใน โลกกลม ๆ ใบนี้ ไม่มีคำว่า }แน่นอน~
คน เราเมื่อ ตัว ตายก็ต้องลงดิน
ท้อแท้ ได้ แต่อย่าท้อถอย อิจฉา ได้ แต่อย่าริษยา พักได้ แต่อย่าหยุด
เหตุผลของคน ๆ หนึ่ง อาจไม่ใช่ของคน อีกคนหนึ่ง
ถ้าไม่ ลองก้าว จะไม่มีวันรู้ได้เลยว่า ข้างหน้าเป็นอย่างไร
หนทางอันยาวไกลนับหมื่นลี้ ต้องเริ่มต้นด้วยก้าวแรกก่อนเสมอ
ปัญหาทุกอย่าง อยู่ที่ตัวเราทั้งสิ้น
จะเห็นค่าของความอบอุ่น เมื่อผ่านความเหน็บหนาวมาแล้ว
อันตรายที่สุดคือ การคาดหวัง

เริ่มต้นดีแล้ว ลงท้ายก็ต้องดีด้วย
อย่ายอมแพ้ ถ้ายังไม่ได้พยายามอย่างเต็มที่
จงใช้สติ อย่าใช้อารมณ์
เบื้อง หลังความ เข้มแข็ง สมควรมีความอ่อนโยน
ไม่มีคำว่า บังเอิญ ในเรื่องของความรัก มีแต่คำว่า ตั้งใจ
ยินดีกับสิ่งที่ได้มา และยอมรับกับสิ่งที่เสียไป

หลังพายุผ่านไป ฟ้าย่อมสดใสเสมอ
หลังผ่านปัญหา จะรู้ว่าปัญหานั้นเล็กนิดเดียว
ไม่เป็นขุนนางนะ ได้ แต่ไม่เป็นคนไม่ได้
มีแต่วันนี้ที่มีค่า ไม่มีวันหน้า วัน หลัง
เมื่อวานก็สายเกินแล้วพรุ่งนี้ ก็สายเกินไป
อย่า หวังว่าจะได้รับความรัก จาก คนที่คุณรัก
เพราะคนที่คุณรัก ไม่ได้รักคุณ หมดทุกคน

เพื่อนทั่วไป ไม่เห็นคุณ ร้องไห้
เพื่อนแท้ มีหัวไหล่ไว้คอยซับ น้ำตาให้
เพื่อนทั่วไป ถือขวดไวน์ติดมือมา งานปาร์ตี้ของคุณ
เพื่อนแท้ จะมาแต่หัววันเพื่อ ช่วยเตรียมงาน
เพื่อนทั่วไป คาดหวังให้คุณเคียง ข้างเขาเสมอ
เพื่อนแท้ คาดหวังที่จะอยู่ เคียงข้างคุณตลอดไป
เพื่อนทั่วไป เข้า หาผลประโยชน์ ที่ได้รับจากเรา

{{{{{{{{{{{{{{{{
เพื่อนทั่วไปอ่านแล้วทิ้ง เพื่อนแท้จะส่งต่อๆ ไป
ส่งผ่านให้ใครก็ได้ที่คุณห่วงใย
{{{{{{{{{{{{{{{{
 :089: ขอบคุณ :089:

24

พรปีใหม่๒๕๕๓นี้
อดทนต่อความลำบาก
อดทนต่อความตรากตรำ
ทำใด้ยากที่สุดคือ
อดทนต่อความเจ็บใจ
(ถึงมันจะเก่า แต่มันก็ใช้ใด้)
พรดีๆขอ พระครูศรีสุตากร เจ้าอาวาสวัดกลางบางพระ
:114: :114: :114:

26
เหล่า4กุมาร

กุมารเสน่ห์เอ

กุมารต้นน้ำ

กุมารjob@love

กุมารทีครับผม
:015: มีปัญหาปรึกษากุมารใด้ :015:

27
Nokiaของคุณผลิตที่ไหน?
อยากรู้คุณก็กด *#06# ในมือถือของคุณดูแล้วสังเกตุรหัสตัวที่7กับ8ของเลขIMEI
รหัส2ตัวมีความหมายดังนี้
02&20 ผลิตที่จีน คุณภาพต่ำ
08&80 ผลิตที่เยอรมัน คุณภาพปานกลาง
01&10 ผลิตที่ฟินแลนด์ คุณภาพดีมาก
00 ผลิตที่โรงงานของNokiaโดยตรง คุณภาพดีที่สุด
13 ผลิตที่อาร์เซอร์ไบจัน คุณภาพ สระ เ + ล ลิง + ว แหวน = ที่สุด ^^


ขอบคุณ!

28
"การ ทำความดีมีการให้ทาน
รักษาศีลภาวนาเป็นต้น
กาารทำความชั่วมีกายทุจริต วจีทุจริตเป็นต้น
ครั้นเราทำความดี ความดีจะตามสนอง
ให้เรามีสุข มีสุคติเป็นที่ไป
ครั้นเราทำความชั่ว ความชั่วจะตามสนอง
ให้เรามีความทุกข์ มีทุคติเป็นที่ไป"
"พระเวสสันดรท่านให้ทาน
ท่านทำบุญท่านสร้างบารมี ท่านกันความชั่ว ความอิจฉาพยาบาท ท่านกันการประพฤติผิดศีล จึงชื่อว่า "กัน" เมื่อมีกันก็มีอานิสงส์
อานิสงส์ หมายถึง "ผล"
ผลก็เหมือนผลไม้ เมื่อลำต้นมันดี ผลก็มีเต็มที่ เช่น ผลเงาะ ผลทุเรียน เจ้าของสวนปลูกต้นเงาะ ต้นทุเรียนขึ้นมาแล้วในที่สุดก็ได้อานิสงส์คือ ผลเงาะ ผลทุเรียน"


29
หากคุณโดนด่าว่า ไอ้ควาย !
นั้นหมายถึง เขากำลังยกย่องว่าคุณเป็นคนขยัน อดทน และมีสมาธิสูง
ควายนั้น ขยันและอดทนสุดขีด ไม่ค่อยมีปรากฎว่า
ควายนั้น หลบงานไถนา ไปนั้งมั้ง นอนมั้ง หรือ
ควายหนุ่ม แอบหลี ควายสาว ตามหน้าโรงเรียนอาชีวะ หรือไม่ก็ตาม ห้างสรรพสินค้า ใช่ไหม?
ดังนั้น ต่อไป หากเวลาใครเรียกคุณว่า ไอ้ควาย!
กรุณา ยิ้มรับตอบในใจ(หรือตอบดังๆ!ก็ได้ถ้ากล้าพอ)
ว่า...ขอบคุณครับ คุณก็เช่นกัน

:004: ขำๆกันนะ :004:

ผิดถูกประการใด ขอประทานอภัยมา ณ ที่นี้ด้วย

30
แม่ คำนี้มีอานุภาพยิ่งใหญ่ในใจลูกทุกคน จนยากที่จะเปรียบเทียบได้ กับทุกสรรพสิ่งในโลก ดังคำขวัญที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้พระราชทานไว้ว่า ?แม่เป็นพระอรหันต์ของลูก คนที่เที่ยววิ่งหาพระเพื่อกราบไหว้พระอรหันต์ อย่าลืมว่ามีพระอรหันต์อยู่กับตัวแล้ว ควรปฏิบัติต่อแม่อย่าให้บกพร่องได้? พระคุณของแม่อันประกอบไปด้วยความรักที่มีต่อลูกอย่างสุดหัวใจเช่นนี้ คงไม่ยากจนเกินไปนัก หากเอ่ยคำว่า ?รัก? ให้แม่ได้ชื่นใจบ้าง เพราะคุณอาจโชคดีกว่าหลาย ๆ คนที่ได้เพียงแต่รำลึกถึงพระคุณแม ่ผ่านภาพและเงาที่ตราตรึงไว้ในความทรงจำเท่านั้นว่า ?ลูกรักแม่?

ความเป็นมาของวันแม่ ชาวอเมริกันเป็นผู้กำหนดให้มีวันแม่อย่างเป็นทางการขึ้น และผู้ที่พยายามเรียกร้องให้มีวันแม่ในอเมริกา คือ แอนนา เอ็ม. จาร์วิส คุณครูแห่งรัฐฟิลาเดลเฟีย แต่กว่าเธอจะประสบความสำเร็จก็ครบ 2 ปีพอดีในปี ค.ศ.1914 (พ.ศ.2457) โดยประธานาธิบดี วูดโรว์ วิลสัน ได้มีคำสั่งให้ถือวันอาทิตย์ที่ 2 ของเดือนพฤษภาคมเป็นวันแม่แห่งชาติ และดอกไม้สำหรับวันแม่ของชาวอเมริกันก็คือดอกคาร์เนชั่น ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 2 แบบ คือถ้าแม่ยังมีชีวิตอยู่ให้ประดับตกแต่งบ้าน หรือประตูด้วยดอกคาร์เนชั่นสีชมพู แต่ถ้าแม่ถึงแก่กรรมไปแล้วให้ประดับด้วยดอกคาร์เนชั่นสีขาว
          สำหรับในประเทศไทยนั้นมีการจัดงานวันแม่ขึ้นเป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ 10 มีนาคม พ.ศ.2486 ณ.สวนอัมพร โดยมีกระทรวงสาธารณสุขเป็นผู้จัดงาน แต่เนื่องจากช่วงนั้นเป็นช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 งานวันแม่ในปีต่อมาจึงต้องงดไปโดยปริยาย หลังจากผ่านพ้นวิกฤติสงครามไปแล้ว หลายหน่วยงานได้พยายามรื้อฟื้นให้มีวันแม่ขึ้นมาอีก แต่ก็ไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร และมีการเปลี่ยนกำหนดวันแม่ไปหลายครั้ง แต่กำหนดวันแม่ที่ประชาชนนิยม และเป็นที่รับรองของรัฐบาล คือวันที่ 15 เมษายน โดยเริ่มจัดมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2493 กำหนดงานวันแม่ในวันนี้ยังดำเนินต่อมาอีกหลายปี ก็ต้องมาหยุดชะงักลงอีก ด้วยเหตุผลที่ว่าสภาวัฒนธรรมแห่งชาติผู้จัดงานวันแม่ขาดผู้สนับสนุน ซึ่งก็คือกระทรวงวัฒนธรรมที่ถูกยุบไปนั่นเอง

          ต่อมาสมาคมครูคาทอลิกแห่งประเทศไทย เห็นว่าควรมีการจัดงานวันแม่ต่อไป จึงได้รื้อฟื้นงานวันแม่ขึ้นมาอีก และได้กำหนดให้จัดงานวันแม่ คือวันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ.2515 แต่จัดได้เพียงปีเดียวก็เลิกไป จนกระทั่งในปี พ.ศ.2519 คณะกรรมการอำนวยการสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์เห็นว่าควรกำหนดวันแม่ให้แน่นอนเสียที จึงได้กำหนดวันแม่ใหม ่โดยให้ถือว่าวันเสด็จพระราชสมภพของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ วันที่ 12 สิงหาคม เป็นวันแม่แห่งชาติ และ กำหนดให้ดอกมะลิเป็นดอกไม้สัญลักษณ์ของวันแม่ตั้งแต่นั้นมา เหตุผลที่ให้ดอกมะลิ เป็นดอกไม้สัญลักษณ์ของวันแม่ ก็เนื่องจาก ดอกมะลิเป็นดอกไม้ที่มีสีขาวบริสุทธิ์ ส่งกลิ่นหอมไปไกลและหอมได้นาน อีกทั้งยังออกดอกได้ตลอดทั้งปี เปรียบได้กับความรักอันบริสุทธิ์ของแม่ที่มีต่อลูกไม่มีวันเสื่อมคลาย...

          นักภาษาศาสตร์ได้ตั้งข้อสังเกตไว้ว่า คำว่า "แม่" ของทุก ๆ ภาษา มาจากการออกเสียงของเด็ก โดยคำขึ้นต้นด้วยพยัญชนะริมฝีปากคู่ (Bilabial) ได้แก่ ม , พ , ป ,บ หรืออาจกล่าวได้ว่าเป็นพยัญชนะชุดแรกที่เด็กสามารถทำเสียงได้ โดยการใช้ริมฝีปากบนและล่าง ดังเช่น

ภาษาไทย แม่

ภาษาจีน ม๊ะ หรือ ม่า

ภาษาฝรั่งเศส la mere (ลา แมร์)

ภาษาอังกฤษ mom , mam

ภาษาโซ่ ม๋เปะ

ภาษามุสลิม มะ

ภาษาไทใต้คง เม

เป็นต้น

ขอบคุณข้อมูลจาก : www.panmai.com,www.ku.ac.th

ผิดถูกประการใด ผมขอประทานอภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ

31
ธรรมะ / กระจกส่องใจ
« เมื่อ: 27 มิ.ย. 2552, 10:07:33 »
กระจก ไม่เลือกที่จะสะท้อนภาพเข้ามาทุกชนิด ฉันใด
จิตใจ คนเราจงเอาอย่างกระจกนั้น
กระจก รับรู้ แต่ไม่ครอบครอง ยึดมั่น
ดังนั้น ภาพใดใดหลงเหลืออยู่ในกระจก จึงไม่มี
สายฝน หาได้เปียกกระจกเพราะเงา ฉันใด
เปลวไฟ หาได้เผาผลาญกระจกได้ ฉันนั้น
ทั้งนี้ เพราะกระจกไม่ได้มีอำนาจบรรดาลให้อำนาจแก่สายฝนและเปลวไฟ
ดังนั้น จงทำจิตใจเราให้ดุจการรับรู้ของกระจกนั้น
----------------------------------
เกิดมาตัวเปล่า ตายไปตัวเปล่า
มีบุญกับบาปที่ติดตัวไปได้เท่านั้น
แม้ทองเลี่ยมฟันก็นำไปไม่ได้
----------------------------------
จิตใดรู้ทันและบริสุทธิ์ จิตนั้นหลุดพ้น
จิตใดไม่ยึด จิตนั้นไม่ทุกข์
จิตใดยึด จิตนั้นทุกข์
ธรรมแท้มีไม่มาก
แค่รู้แล้วไม่ทุกข์ ทางใจ เท่านั้นเอง

32
 :016: บทความเกี่ยวกับแม่ อ่านกันหั้ยจบนะซึ้ง..มากๆ  :015:

บทความเพื่อแม่ คัดลอกเรื่องน่ารักๆ ที่ พิง ลำพระเพลิงเขียนมา (อ่านให้จบนะ...ซึ้งมากกกก)
ค่าน้ำนมถ้าให้จัดเรียงความสำคัญของ ’ผู้หญิง’ ในชีวิตเรามาสามอันดับแรก น่าเป็นดังนี้

อันดับที่หนึ่ง คือ “แม่”
อันดับที่สอง คือ “แม่”
อันดับที่สาม คือ “แม่”

ใช่ ครับ ผมกำลังจะพูดถึง “แม่” สิ่งที่เราทุกคนรู้กันดีอยู่แล้ว แต่ว่าอาจมีบ้างบางครั้งที่เราหลงลืมไป จนขาดความใส่ใจกับบุคคลใกล้ตัวท่านนี้
จำได้มั๊ยครับ ครั้งสุดท้ายที่คุณกอดแม่น่ะเมื่อไหร่? อย่าบอกนะว่าคุณอายุมากเกินไปแล้ว...เป็นไปไม่ได้ ไม่มีใครแก่เกินกว่าจะกอดแม่หรอก

ผมอยากอวดแม่ของผมครับ
แม่ผม เป็นคนบ้านนอก เชยๆ ผมชอบนั่งแอบมองแม่เวลาแกเผลอ หล่อนอยากทำอะไร ผมก็ปล่อยให้แกทำ ล่าสุดนี่เธอเหยาะน้ำยาปรับผ้านุ่มลงไปในน้ำสุดท้ายของการอาบน้ำให้หมาด้วย ด้วยเหตุผลของคนซื่อ คือเธอบอกว่า ทำตั้งหลายครั้งแล้ว ก็ไม่เห็นหมามันบ่นอะไร

แม่ผมเรียนมาน้อย เรียกว่าไม่ได้เรียนเลยก็เกือบจะว่าได้ เธอศึกษาทุกอย่างด้วยการจำ เห็นเขาพูดเขาทำอะไรในโฆษณาก็พยายามเอามาใช้กับลูกชาย ครั้งนึงผมน้ำเข้าหู เธออวดภูมิด้วยการบอกให้ผมใช้ไม้สำลีเช็ดหูของ จอห์นสันไมโครบัส

ผู้หญิง คนเดียวกันนี้เองที่ลากครกกับสากกะเบือออกไปตำน้ำพริกมะม่วงนอกบ้าน เพราะเห็นลูกชายกำลังนอนหลับอยู่ในบ้าน ไม่ใช้ตำแค่นอกบ้านนะ แต่เธอออกไปตำนอกรั้วบ้านเลยทีเดียว

ผมกับแม่ ทุกวันนี้เราอาศัยอยู่ด้วยกันที่ต่างจังหวัด ทุกครั้งที่ผมขับรถเข้ามาคุยงานในกรุงเทพฯ เธอยังคงทำกับข้าวใส่กล่องมาให้ผมกินอยู่เสมอ และเธอไม่เคยลืมที่จะเด็ดดอกจำปีหน้าบ้าน มาใส่ในกล่องข้าวด้วยทุกครั้ง
ผมตื้นตัน แต่! แม่ครับ ผมอยากจะบอกแม่ว่า...ดอกจำปีมันไม่อร่อยเลยครับ
เมื่อไม่นานมานี้ครอบครัวของเราได้มีวาสนาไปออกรายการโทรทัศน์ รายการ “ เจาะใจ ”

ผมบอกแม่ว่า “นี่เธอ ชั้นจะพาเธอไปออกโทรทัศน์นะ ดีใจมั๊ย”
แม่อิดออด แบ่งรับแบ่งสู้ “ไม่เอาดีกว่ามั๊งลูก เดี๋ยวเขาถามอะไรแล้วแม่ตอบไม่ได้”

“แม่ ครับ รายการเขาไม่ได้มีสิบหกคำถาม สามตัวช่วย ถามใครก็ได้ ตอบได้สองครั้ง หรือว่าเปลี่ยนคำถาม ถึงแม่จะตอบผิด เกมส์เขาก็ไม่ได้จบลงทันทีซะเมื่อไหร่ นะแม่นะ ไปด้วยกันเถอะนะ”

“ไม่เอาหรอก แม่ไม่ไปดีกว่า”
“เอาน่าแม่ ไปด้วยกันเถอะ”
“ไว้ถึงวันนัดก่อนแล้วกัน แม่จะให้คำตอบ”

แล้ว คำตอบของแม่ก็คือ การตื่นไปทำผมตั้งแต่มืด ร้อยวันพันปีเธอเคยเข้าร้านเสริมสวยกับเขาซะที่ไหน แต่ผมก็รู้ดีว่าเธอไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง...เธอทำเพื่อชายไทยทั้งประเทศต่าง หาก!!!!!!!!!!

เรื่องราวแม่มีมากมายไม่รู้จบ เป็นนิทานให้เรานั่งมองได้ไม่รู้เบื่อ ถ้าเราจะหาเวลาว่างๆ นั่งลอบมองดูเธอคนนั้นบ้างเท่านั้นเอง

ผมเชื่อว่า แม่ของพวกเราทุกคนมีมุมน่ารัก ให้เราได้อมยิ้มอยู่เสมอ
เป็นเรื่องน่าแปลก ที่เรามักจะรู้กันอยู่ในใจว่าเรารักผู้หญิงคนนี้ แต่ทว่าเรากลับนั่งกินข้าวกับเธอน้อยกว่าผู้หญิงคนอื่นๆ ซะอีก
เราถูกสอนมาให้รักแม่ แต่เรากลับซื้อของขวัญให้คนอื่นบ่อยกว่าซื้อให้แม่ของเราซะอีก

เดี๋ยว นี้ผมอายุมากขึ้น แม่ก็อายุมากกว่าเราอีกเท่าตัว ผมยังคงนั่งแอบมองแม่อยู่ แม่ผมแก่ลงไปมาก หล่อนจะมีเวลามาโพสต์ท่าให้เรานั่งแอบมองได้อีกสักกี่ปี

บน โลกกลมๆใบนี้ ผมมัวแต่วิ่งวนเร็วจี๋จนแทบจะชนหลังตัวเองอยู่ร่อมร่อ ตลอดเวลาเราไขว่คว้าหาอะไรอยู่ก็ไม่รู้จนเกือบลืมผู้หญิงคนนี้ กว่าจะนึกขึ้นมาได้ เวลาก็ผ่านไปมากมาย

ถ้าบท ความนี้ สะกิดให้ใครนึกถึงแม่ขึ้นมาได้มั่งล่ะก้อ ขอร้องล่ะ อย่าทำได้แค่นั่งมองแม่ เพราะเกรงว่าเพียงแค่นั้นจะไม่ทันการณ์ เราไม่ได้มีเหลือเฟือ...เวลาไม่ได้มีอยู่จริง สิ่งที่เรามี มันเป็นแค่นาฬิกา มันเป็นแค่ปฏิทิน เวลาที่แท้จริงมันเป็นของวัฏจักรเขา

เพราะ ฉะนั้น เรามาเตรียมคำตอบกันเอาไว้ดีกว่า เผื่อมีใครถามเราว่า ครั้งสุดท้ายที่กอดแม่น่ะ มันเมื่อไหร่ เราจะได้ไม่ต้องเสียเวลามานั่งเอียงคอนึกกันอีกว่า ครั้งสุดท้ายที่คุณกอดแม่น่ะเมื่อไหร่?

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

อ้างอิงข้อมูลมาจาก www.bloggang.com   :015:

ผิดถูกประการใด ผมขอประทานอภัยมา
ที่นี้ด้วยนะครับ  :048:

33
 :054: เรื่อง พระคุณแม่...โดย หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม   :054:



ท่านโปรดจำไว้วันเกิดของลูกคือวันตายของแม่ เพราะวันที่ลูกเกิดนั้น แม่อาจต้องเสียชีวิต การออกศึกสงครามเป็นการเสี่ยงชีวิตสำหรับคนเป็นพ่อฉันใด การคลอดลูกก็เป็นการเสี่ยงตายสำหรับคนเป็นแม่ฉันนั้น ในสมัยโบราณที่วิทยาการต่างๆ ยังไม่เจริญก้าวหน้าเหมือนสมัยนี้ อัตราการตายเพราะคลอดลูกมีสูงมาก คนโบราณเขาจึงกล่าวว่า วันเกิดของลูกคือวันตายของแม่ เมื่อคลอดลูกแล้ว "แม่" ก็ยังต้องประคบประหงมเลี้ยงดู ให้ดื่มเลือด ในอกเป็นอาหาร ยามที่ลูกเจ็บป่วยก็อมยาพ่น ฝนยาทา รักษากันไปตามมีตามเกิด แม่เฝ้ากล่อมเกลี้ยงเลี้ยงลูกจนเติบใหญ่ กระทั่งลูกแต่งงานมีเหย้ามีเรือนไปแล้ว แม่ก็ยังเฝ้าห่วงใยรักใคร่ไม่จืดจาง



ตั้งแต่อาตมาคอหัก หายใจทางสะดือ ได้พองหนอยุบหนอคิดถึงแม่ทุกลมหายใจ อาตมาเห็นความทุกข์อย่างแสนสาหัสของคนเป็นแม่ ก็ตอนที่เป็นหมอตำแยทำคลอดให้ผู้หญิงคนหนึ่ง แม้ว่าเรื่องราวจะผ่านพ้นมาห้าสิบกว่าปีแล้ว ก็ยังจำภาพเหตุการณ์ครั้งนั้นได้ติดตาติดใจมากระทั่งทุกวันนี้



สมัย นั้นอาตมาอายุสิบหก แต่ยังไม่ประสีประสาอะไร ยังเปลือยกายกระโดดน้ำตูมๆ กับเพื่อนอย่างสนุกสนาน แต่เด็กสมัยนี้อายุสิบหกเป็นหนุ่มกันแล้ว ตอนนั้นอาศัยอยู่กับยาย ลำบากลำบนมาก ต้องหาเงินเรียนเอง ตื่นตั้งแต่ตีสาม หาบของไปขายที่ตลาดบางขาม ห่างจากบ้านไป 14 กิโลเมตร ถึงตลาดตี 4 กว่า ก็นั่งขายของซึ่งเป็นพวกผักสวนครัวที่ช่วยกันปลูกกับยาย พอตีห้าก็ขายหมด บางวันขายไม่ค่อยดีก็ไปหมดเอา 7 โมง จากนั้นก็หาบกระจาดเปล่ากลับบ้าน หิวข้าวก็ต้องอดทน เพราะยายสั่งไม่ให้ซื้อเขากิน ให้กลับมากินบ้านเรา ยายว่าซื้อเขากินมันแพง จานละตั้งสามสตางค์ สู้กลับมากินข้าวที่บ้านไม่ได้ อาตมาก็จำเป็นต้องเชื่อยาย บางทีกว่าจะถึงบ้านหิวแทบลมจับ



อยู่ มาวันหนึ่ง ขณะที่อาตมาหาบกระจาดเปล่ากลับบ้าน ก็พบกับผู้หญิงคนหนึ่งกลางทาง เขากำลังท้องแก่ จะเดินทางไปคลอดลูกที่บ้านแม่ของเขา ที่ต้องเดินทางไปคลอดบ้านแม่ เพราะเขาอยู่กับพ่อผัวแม่ผัว ซึ่งรังเกียจว่าเขาจนและไม่ยอมช่วยเหลือเกื้อกูลแต่ประการใด เดินทางไปได้ครึ่งทางก็เกิดปวดท้องนอนร้องครวญครางอยู่ใต้ต้นไทร พอเห็นอาตมาเดินผ่านมาเขาก็ดีใจร้องบอกกับอาตมาให้ช่วยเขาด้วย เขาปวดท้องใจจะขาดอยู่แล้ว ช่วยเอาลูกออกให้ที อาตมาถึงจะอายุสิบหกแต่ก็ยังไม่รู้ว่าเขาออกลูกกันอย่างไร ผู้ใหญ่เขาเคยพูดให้ฟังว่าเขาออกลูกทางปาก บางคนก็บอกออกทางสะดือ บางคนก็ว่าออกทางก้น อาตมาก็เชื่อนึกว่าเป็นอย่างนี้จริงๆ ที่แท้ก็ถูกผู้ใหญ่หลอก เพิ่งมารู้ความจริงตอนทำคลอดครั้งนี้นั่นแหละ



ผู้หญิง คนนั้นเขาก็ร้องใหญ่บอกปวดมากแล้วก็เป็นลูกท้องแรก จึงยังไม่เคยมีประสบการณ์เรื่องการคลอดลูกมาก่อน ได้ยินเขาร้องโอยๆ อาตมาก็ทำอะไรไม่ถูก เลยถามเขาว่าจะให้ช่วยอย่างไร เขาก็บอกช่วยดึงเด็กออกจากท้องให้เขาที มันกำลังจะออกแล้ว อาตมาก็ยังงงอยู่เลย นึกถึงเทวดา ก็นึกตามประสาเด็กๆ ไม่รู้ว่าเทวดามีจริงหรือเปล่า แต่ยายเคยเล่าให้ฟังบ่อยๆ ก็คิดว่าคงจะมีมั้ง เลยประนมมือบอก รุกขเทวดาประจำต้นไทรให้ช่วย แล้วก็ร่ายคาถาชุมนุมเทวดาที่ยายเคยสอนจนจำได้ขึ้นใจ พอว่าคาถาจบ เทวดาเข้าสิงอาตมาเลย ที่รู้ว่าเทวดาเข้าสิงเพราะท่านมากระซิบข้างหูว่า "ดึงเด็กออกมา ดึงเด็กออกมา" อาตมาถาม "ดึงยังไง เด็กอยู่ที่ไหน" เทวดาบอก "อยู่ในท้อง เอามือล้วงเข้าไปในผ้านุ่งก็จะเจอหัวเด็ก" อาตมาก็ทำตามดึงพรวดสุดแรงเลย เสียงผู้หญิงร้องกรี๊ดและสลบเหมือดไป



อาตมา ก็ตกใจเพราะเห็นไส้ยาวๆ ติดตัวเด็กออกมา คิดว่าเราคงดึงไส้ผู้หญิงคนนั้นออกมาหมดท้องกระมัง เขาคงต้องตายแน่ๆ จะทำยังไงดีหนอ เสียงเทวดากระซิบข้างหูว่า "ไม่ตายหรอก แค่สลบไปเท่านั้น" ไปจัดการตัดสายรกให้เด็กก่อน ที่เธอเห็นนั้นแหละเรียกว่า สายรก ไม่ใช่ไส้เขาหรอก" อาตมาก็ถามว่า "เอาอะไรตัดล่ะ มีดพร้าก็ไม่มี" เทวดาบอก "เอาเล็บของเธอนั่นแหละ จิกแน่นๆ แล้วดึง มันจะขาดเอง" สมัยนั้นหนุ่มรุ่นๆ เขานิยมไว้เล็บยาวกันเรียกว่าเป็นแฟชั่น อาตมาก็ไว้กับเขา คือเขาจะไว้เล็บข้างละสองนิ้ว นิ้วหัวแม่มือกับนิ้วก้อย อาตมาก็ทำตามที่เทวดาบอก พอรกขาดเลือดพุ่งเลย เด็กส่งเสียงร้องอุแว้ๆ ลั่นป่า เทวดาบอกอีกว่า "ไปเอาฝุ่นมาโรงตรงแผล" อาตมาก็กอบฝุ่นโรยลงไป ปรากฏว่าเลือดหยุดไหลแต่เด็กไม่หยุดร้อง เทวดาก็กระซิบข้างหูอีกว่า "ดูดเลือดที่คั่งในปากออกมา" อาตมาก็เอามือง้างปากเด็ก ดูดเลือดและเสมหะออก แล้วบ้วนทิ้ง ไม่ได้นึกรังเกียจ เพราะกลัวเด็กจะตาย



เทวดา บอกอีกว่า "เอากระบอกไปตักน้ำมาหยอดปาก" พอดีมีกระบอกไม้อันหนึ่งแขวนอยู่ที่กิ่งไทร ไม่ทราบเหมือนกันว่าใครนำไปแขวนไว้ ข้างๆ ต้นไทรมีหนองน้ำอยู่แห่งหนึ่ง อาตมาจึงหยิบกระบอกเดินไปตักน้ำมาหยอดใส่ปากเด็ก เจ้าหนูหยุดร้องไห้เลย ดูดหยดน้ำจากนิ้วมืออาตมาเสียงดังจั๊บๆ เป็นภาพที่ซึ้งใจอาตมามาจนถึงทุกวันนี้ ได้เห็นสัญชาติญาณการดิ้นรนต่อสู้เพื่อความอยู่รอดของชีวิต ก็ตอนที่เจ้าหนูดูดน้ำจากนิ้วมือนี้แหละ พอได้น้ำเจ้าหนูก็หยุดร้อง ส่วนแม่นั้นสักพักเขาก็ฟื้นถามว่า "ลูกเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย" พอรู้ว่าได้ลูกชายก็ดีใจ อาตมาก็เลยช่วยพากลับบ้านทั้งแม่ทั้งลูก หญิงคนนั้นเป็นเจ้าของตลาดท่าแค ลพบุรี ร่ำรวยมาก นี่แหละที่ทำให้อาตมาเห็นใจคนเป็นแม่และรักแม่มาตั้งแต่บัดนั้น อาตมาสงสารลูกผู้หญิงมาก เห็นคนท้องเดินมาก็จะแผ่เมตตาขอให้เขาคลอดง่าย เพราะเราเห็นว่าการคลอดลูกนั้นเป็นการเสี่ยงชีวิตเหมือนการออกศึกสงครามที เดียว



เดี๋ยวนี้อาตมาไม่สอนคนแก่เพราะคนแก่ไม่มีพิษมีภัย อีกไม่นานก็ตายแล้ว สอนเด็กรุ่นใหม่แทนเพราะเมื่อคนรุ่นใหม่ดี รุ่นต่อๆ ไปก็จะดีไม่เป็นวายร้ายหรือภัยสังคม สอนเด็กว่าวันเกิดของเราอย่าพาเพื่อนมาให้พ่อแม่ทำครัวเลี้ยงนะ เธอจะบาป ทำมาหากินไม่ขึ้น เธอต้องเลี้ยงพ่อเลี้ยงแม่ให้อิ่มก่อน แล้วจึงไปเลี้ยงเพื่อนทีหลังจึงจะถูกต้อง



พ่อแม่เลี้ยงลูก เปรียบเสมือนปลูกต้นไม้ ปลูกอย่างมีระเบียบแบบแผน ต้นไม้ก็จะขึ้นอย่างมีระเบียบสวยงามตามแบบตามแผนที่วางไว้ ถ้าปลูกอย่างไม่มีระเบียบปลูกตรงโน้นต้นหนึ่ง ตรงนี้ต้นหนึ่ง นึกจะปลูกตรงไหนก็ปลูก เกะกะเต็มไปหมด มองดูรกรุงรัง หาความสวยงามไม่ได้ ถ้าเป็นอย่างนี้จะไปโทษต้นไม้ว่ามันขึ้นไม่เป็นระเบียบจะถูกหรือ จะต้องโทษคนปลูก เพราะคนปลูกไม่มีระเบียบ ต้นไม้จึงขึ้นอย่างไม่มีระเบียบ



ความ รักของแม่มีหลายรูปแบบ มีแม่คนหนึ่งมาบอก "หลวงพ่อเจ้าคะ ดิฉันเลี้ยงลูกมานี่ ลูกมันไม่เอาไหนเลย ขอมาฝากบวช 7 วัน" บอกเสร็จก็ออกไปสักครู่ก็กลับมาอีก กำชับอีกว่า "สอนลูกฉันให้ดีๆ นะ" ออกไปอีก กลับมาย้ำอีกทีว่า "ช่วยสอนลูกฉันให้ดีๆ นะ" อาตมาก็ต้องเรียกเข้ามานั่ง แล้วให้คติธรรม "นี่โยมน่ะเป็นแม่เขาใช่ไหม" "ใช่เจ้าค่ะ" "โยมสอนลูกมาตั้ง 20 ปี เอาดีไม่ได้ แล้วจะมาให้อาตมาสอน 7 วันจะดีหรือ" อย่างนี้ต้องเรียกว่าจะมากไป สอนลูกไม่เอาไหน ไม่ใช่ลูกไม่ดีนะ ตัวแม่ไม่ดี ไม่เคยสอนลูกสวดมนต์ไหว้พระเลย อยากให้ลูกดีต้องสอนให้ลูกสวดมนต์ ลูกจะมีระเบียบวินัย โตขึ้นไม่เถียงพ่อเถียงแม่ เมื่ออยู่ในวัยศึกษาก็รับผิดชอบสูง แม้ไปศึกษายังต่างประเทศลูกจะวางตัวดี พ่อไม่ไม่ต้องคอยติดตามทุกฝีก้าวทุกระยะ



อีกรายเป็นแม่ ปริญญาโท มาให้อาตมาช่วยเป่าหัวให้ลูกชายหน่อยจะสอบเข้ามหาวิทยาลัย อาตมาบอก "ขอเจริญพร ขอตั้งสติสักนาที" คิดหนอ เห็นหนอ แม่คนนี้หนอ เป่าให้ไม่ได้หนอ เป่าแล้วเสียลมจากคอเราหนอ เมื่อคืนนี้แม่เอาหนังมาดูถึงตอนตี 2 นี่หรือจะให้เป่าหัว เป่าแทบตายก็ไม่ได้เรื่อง จึงบอกไปว่า "หนู หลวงพ่อเป่าไม่ได้ เมื่อคืนดูหนังอะไรกัน" ลูกชายบอก "จริงหลวงพ่อ ตี 2 ผมง่วง ยังดึงผมหยิกผมให้ลุกมาดูด้วย" แม่อย่างนี้จะให้สอบเข้าได้อย่างไร อย่างนี้พระเป่าหัวก็เป็นพระโง่ เพี้ยงดีๆ ยังไง เป่าแล้วดีเป่าแล้วรวย แต่ขี้เกียจสะบัดอย่างนี้ก็ช่วยไม่ได้ถ้าไม่ช่วยตัวเองก่อน ขอฝากไว้คนที่เป็น "แม่" นั้นต้องทำให้ถูกต้อง ถูกบทหมดจดเหมาะเจาะอยู่ที่ "แม่" ส่วนพ่อมีความสำคัญไม่เท่าแม่ พ่อเปรียบเสมือนพระอาทิตย์ที่ให้ความอบอุ่น ส่วนแม่เปรียบเสมือนพระจันทร์ หากพ่อเล่นการพนันไม่เอาไหนไม่เป็นไร แม่นั้นสำคัญมาก แม่จะต้องรักษาลูกไว้ แม่ที่ดีต้องเป็นแม่แบบแม่แผน แม่แปลน แม่บันได แม่บ้านแม่เรือน แม่เคหะศาสตร์ แม่แผนผัง แม่กุญแจอยู่ตรงนี้



ลูก จะดีหรือไม่ขึ้นอยู่กับแม่เป็นหลักให้ลูก ไม่ใช่พ่อ ถึงพ่อแสนดี แม่ฉุยแฉกแตกราน สุรุ่ยสุร่ายไม่เอาไหน ไม่รู้จักเก็บงำทำให้ดี ไม่เป็นแบบที่ดีของลูก รับรองบ้านนั้นเจ๊งแน่ๆ ถ้าพ่อดีแม่ดีเปรียบเสมือนอาคารแน่นลูกดีมีปัญญา เหมือนมีเฟอร์นิเจอร์ราคาแพงประดับบ้าน ฉะนั้น พ่อแม่เท่านั้นที่ทำความดีให้กับลูก ทำถูกให้กับหลาน เป็นกฎแห่งกรรม จากการกระทำของพ่อแม่ ทำให้ลูกชอบ พูดให้ลูกเชื่อ ตามใจในสิ่งที่ถูก ทำตัวอย่างให้ลูกดู สร้างความดีให้ลูกเห็น โบราณท่านว่าไว้ อย่าอยู่ว่าง อย่าห่างผู้ใหญ่ ลูกจะหลงทางได้ง่าย



อีกเรื่องต้องเรียก ว่า หนามแหลมใครเสี้ยม มะนาวกลมเกลี้ยงใครไปกลึง เรื่องมีอยู่ว่า มีเด็กประถม 4 คนหนึ่ง เดี๋ยวนี้เป็นดอกเตอร์อยู่สหรัฐอเมริกา พ่อกินเหล้า สูบกัญชายาฝิ่น ชอบเล่นการพนัน ตีไก่อยู่ที่บางระจัน สิงห์บุรี แม่ก็หาหวยตามวัด อาตมาดูหนูคนนี้แล้วบอกต้องเป็นใหญ่เป็นโตแน่ จดไว้เป็นกฎแห่งกรรม ติดตามดูแลโดยต่อเนื่อง อาตมาประสบมาเราก็ต้องจดต้องจำ จึงจะกำหนดจดจำ ก็จดชื่อไว้ บอกเด็กไปว่าหลวงพ่อจะสอน จะให้ตังค์ไป 100 บาท ถามว่า เขาเกิดวันอะไร เขาบอกเกิดวันอังคาร หลวงพ่อสอนเด็กคนนี้ครั้งเดียวจำได้



บอก วันเกิด หนูซื้อขนม 2 ห่อ เรียกพ่อแม่มาคู่กันแล้วกราบนะลูกนะ พ่อก็เมา แม่ก็บอกเดี๋ยวจะรีบไปวัด ลูกก็บอกเดี๋ยว ความผิดอันใดที่ลูกพลั้งเผลอด้วยกาย วาจา ใจ ที่คิดไปไม่ดีต่อคุณพ่อคุณแม่ ขอให้คุณพ่อคุณแม่อโหสิกรรมให้แล้วล้างเท้าให้พ่อแม่ ลูกไม่มีสตางค์ ลูกซื้อขนมมา 2 ห่อ ให้แม่ก่อน 1 ห่อ เพราะแม่อุ้มท้องมา แล้วจึงให้พ่ออีก 1 ห่อ ลูกขอปฏิญาณตนว่า ลูกขอเป็นลูกที่ดีต่อพ่อแม่แล้วจะเป็นศิษย์ที่ดีของครูบาอาจารย์ ลูกจะไม่ทำให้พ่อแม่ผิดหวัง แล้วลูกจะเรียนหนังสือให้เก่งให้ก้าวหน้า พ่อฟังแล้วน้ำตาร่วง สร่างเมาเลย ส่วนแม่ก็ร้องไห้ ลูกไปโรงเรียนแล้ว พ่อแม่ก็สำนึกได้บอกลูกมันปฏิญาณตนเป็นคนดีแล้ว เรายังทำตัวอย่างไม่ดีให้ลูกดูอีกหรือ ตกลงพ่อแม่ก็ปฏิญาณตนกัน พ่อก็บอกข้าจะเลิกสูบกัญชา เลิกกินเหล้า และข้างฝ่ายแม่ก็เลิกหาหวยตามวัด ลูกจบปริญญาโทที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ไปต่อดอกเตอร์ที่สหรัฐฯ ได้ดีแล้วเขาก็ไม่ลืมวัดอัมพวัน ไม่ลืมอาตมา ยังมาทำบุญถวายข้าวสารทีละ 50 กระสอบ



อาตมาไม่สอนใครไปสู่สวรรค์นิพพาน แต่สอนกรรมฐานให้ระลึกชาติได้ ระลึกบุญคุณคนได้ นึกถึงพ่อแม่ นึกถึงตัวเองและสงสารตัวเอง จะได้ทำแต่สิ่งดีๆ แค่นี้พอก่อน บางคนลืมพ่อลืมแม่ อย่าลืมนะการเถียงพ่อเถียงแม่ไม่ดี ขอบิณฑบาต สอนลูกหลานอย่าเถียงพ่อแม่ อย่าคิดไม่ดีกับพ่อแม่ ไม่งั้นจะก้าวหน้าได้อย่างไร ก้าวถอยหลังเลยดำน้ำไม่โผล่



หนี้ บุญคุณอันยิ่งใหญ่เหลือจะนับจะประมาณนั้น คือหนี้พระคุณของบิดามารดา คำพังเพยเปรียบเทียบสั่งสอนมาสองพันกว่าปีแล้ว ว่าจะเอาท้องฟ้าหรือแผ่นดินมาเป็นกระดาษ เอาเขาพระสุเมรุมาศมาเป็นปากกา จะเอาน้ำมหาสมุทรมาเป็นน้ำหมึก ก็ไม่สามารถจะจารึกพระคุณของบิดามารดาไว้ได้ เพราะน้ำในมหาสมุทรจะเหือดแห้งหมด ก่อนที่จะจารึกพระคุณบิดามารดาได้จบสิ้น คนอื่นที่เป็นเพื่อนที่รักหรือยอดหัวใจก็ยังมีโทษแก่ตัวเรา รักเราไม่จริงเหมือนบิดามารดา เขาพึ่งเราได้จึงมารักเรา



นี่ แหละท่านทั้งหลายเอ๋ย เป็นหนี้บุญคุณพ่อแม่มากมาย ยังจะไปทวงนาทวงไร่ ทวงตึกรามบ้านช่องมาเป็นของเราอีกหรือ ตัวเองก็พึ่งตัวเองไม่ได้ ช่วยตัวเองไม่ได้ สอนตัวเองไม่ได้แล้ว เป็นคนอัปรีย์จัญไรในโลกมนุษย์ ไปทวงหนี้พ่อแม่ พ่อแม่ให้แล้ว เรียนสำเร็จแล้วยังช่วยตัวเองไม่ได้ มีหนี้ติดค้างรับรองทำมาหากินไม่ขึ้น



คนไม่ทำกิจวัตร ไม่ปฏิบัติหน้าที่ ไม่รับผิดชอบ แปลว่า คนนั้นเกลียดตัวเอง กินเหล้าเมาสุรา เล่นการพนัน เที่ยวสรวลเสเฮฮา กินโต้รุ่ง พ่อแม่ก็เสียใจยังไปว่าพ่อแม่ ไปทวงหนี้ เอาทรัพย์สมบัติพ่อแม่มาฉุยแฉกแตกราน นี่คือลูกสะสมหนี้ ไม่ยอมใช้หนี้ เดี๋ยวนี้ตัวเราไม่สงสารแล้วกินเหล้าเข้าไป ทรัพย์สมบัติพ่อแม่ให้มาก็ขายแจกจ่ายให้หมด ไม่มีเหลือเลย ตัวเองก็จะขายตัวกิน ขายตัวเองเขาก็ไม่เอาอีก เพราะขี้เกียจเช่นนี้ ขอฝากท่านเป็นข้อคิด พ่อแม่นั้นมีบุญคุณต่อเรามากในมาตาปิตุคุณสูตร พระพุทธองค์ทรงแสดงไว้ว่า ลูกจะให้แม่นั่งบนบ่าขวา ให้พ่อนั่งบนบ่าซ้าย ถ่ายอุจจาระปัสสาวะลงไปบนบ่าลูก ลูกเป็นผู้เช็ดให้ หาอาหารมาป้อนให้ กระทั่งจนท่านตายหรือกระทั่งลูกตายไป ก็ไม่สามารถจะตอบแทนพระคุณค่าป้อนข้าวป้อนน้ำนมที่ท่านได้ถนอมกล่อมเกลี้ยง บำรุงเลี้ยงมาอย่างดีได้



ทำอย่างไรให้ได้ชื่อว่า ได้ทดแทนบุญคุณพ่อแม่อย่างเลิศที่สุด สรุปคือ ถ้าพ่อแม่เป็นมิจฉาทิฏฐิแล้ว ลูกสามารถชักจูงพ่อแม่ให้กลับเป็นสัมมาทิฎฐิได้นั้น ถือว่าได้ทดแทนคุณอย่างเลิศ เช่น พ่อแม่มีความเห็นผิด เป็นต้นว่าไม่เชื่อเรื่องบาปบุญคุณโทษ แล้วลูกสามารถชักจูงชี้แจงให้ท่านมีความเห็นที่ถูกต้อง เชื่อว่าทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว บุญบาปมีจริง ถ้าทำอย่างนี้ได้ถือว่า ทดแทนบุญคุณอย่างเลิศที่สุด



วิธีใช้หนี้พ่อแม่ไม่ยากเลย ลูกทั้งหลายเอ๋ย จงสร้างความดีให้กับตัวเองและก็เป็นการใช้หนี้ตัวเองนี่เป็นเรื่องสำคัญ ตัวเราพ่อให้หัวใจแม่ให้น้ำเลือดน้ำเหลืองแล้วอยู่ในตัวเรา จะไปแสวงหาพ่อที่ไหน จะไปแสวงหาแม่ที่ไหนอีกเล่า บางคนรังเกียจ "แม่" ว่าแก่เฒ่าไม่สวยไม่งาม พอตัวเองแก่ก็เลยถูกหลานรังเกียจ จึงเป็นกงกรรมกงเกวียนยืดเยื้อกันต่อไปอีก ใครที่คุณแม่ล่วงลับไปแล้วก็ให้หมั่นทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ท่าน และถ้าจะทำบุญด้วยการมาเจริญกรรมฐานแล้วอุทิศส่วนกุศลไป การทำเช่นนี้ ถือว่าได้บุญมากที่สุดทั้งฝ่ายผู้ให้และผู้รับ



ถ้าไม่มี "แม่" เราทุกคนก็ไม่ได้เกิด อันนี้เป็นความจริงที่ไม่ต้องพิสูจน์ ผู้ใดก็ตามที่คุณแม่ยังมีชีวิตก็ให้กลับไปหาแม่ ไปกราบเท้าขอศีลขอพรจากท่าน จะได้มั่งมีศรีสุข ส่วนคนที่เคยทำไม่ดีไว้กับท่านก็นำเทียนแพไปกราบขออโหสิกรรมล้างเท้าให้ท่าน ด้วย เป็นการขอขมาลาโทษ
 
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

อ้างอิงข้อมูลมาจาก board.palungjit.com  :015:

ผิดถูกประการใด ผมขอประทานอภัย มา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ  :025:



34
อนุโมทนา สาธุ สำหรับเจ้าภาพ ด้วยนะครับ สาธุ  :015:

35
  :016: *-*-*ระหว่างเพื่อนกะ แฟน...*-*-*  :015:


++ อาหาร ++
เพื่อน: ข้าว ราดแกง / ก๋วยเตี๋ยว ราคาไม่เกิน 30กินไรแพงๆ เปลือง
แฟน: กินอะไรก็ได้ที่มันไม่ใช่ ข้าว - สปาเกตตี้
        เฟรนฟรายซ์ ซูชิ ฯลฯ  สั่ง กันไป… มื้อละร้อยขึ้น 
-------------------------- --------------- -----------
++ ข้ามถนน ++
แฟน: ข้ามได้ มั้ย ระวังนะครับ! จับมือผมไว้
เพื่อน: ………โย้วๆๆ  รอด้วย(ทั้งๆที่ข้าม ไปนานละ)
-------------------------- ------------------------- -
++ เวลาเดิน ++
แฟน: แนบชิดประหนึ่ง ตัวดูดแบบสุญญากาศ
เพื่อน: เฮ้ย! ไปไกลๆหน่อยดิ ร้อนจะตาย อยู่แล้ว!
-------------------------- ------------------------- -
++ บนรถเมล์ ++
แฟน: นั่งก่อนเลย ครับ เดี๋ยวผมยืนเอง
เพื่อน: เหยิบหน่อยดิ จะนั่งด้วย!
--- ----------------------- --------------------------
++ เงิน ++
แฟน: มีเสมอ..จ่ายไม่อั้น
เพื่อน: ไม่มีเสมอ... ออกไปก่อนละกัน เดี๋ยวให้(แร้วมันก็ชิ่ง)
------------- ------------- --------------------------
++ มา สาย ++
แฟน: ไม่เป็นไรครับ ผมรอได้
เพื่อน: ทำไรอยู่  มา โ ค ต ร ช้าเลย เลี้ยงข้าวเลย(เพิ่งจะมาก่อนมัน ได้ 5 นาทีเหมือน กัน)
-------------------------- ------------------------- -
++ ช่วยทำธุระ ++
แฟน: ว่าง เสมอ - อ๋อ ว่างครับ จะให้ไปถึงที่นั่นกี่โมงดี จะได้เตรียมตัวล่วงหน้า
เพื่อน: ไม่เคยว่าง มีข้ออ้างเสมอ - ขนของย้ายห้องเหรอ .. เออ...ที่จริงก็ได้นะ แต่พอดีแม่ ให้ช่วยพาไปหาญาติๆฝ่ายแม่ว่ะ
         แล้วบ่ายๆ ต้องไปหาของฝ่ายพ่ออีก คงไม่ว่างแล้วละ
------------------------- - --------------------------
++ กลับบ้านดึก ++
แฟน: เดี๋ยวผมนั่งรถไปส่งดีกว่านะ กลับคนเดียว อันตราย
เพื่อน: กลับยังไง มีค่ารถป่าว ไม่มีให้ยืมนะ
-------------------------- ------------------------- -
++ ป่วย ++
แฟน: เป็นไรมากมั้ย? กิน ยายังคับ ห่มผ้าด้วยนะ(เคยดูแลแม่อย่างนี้ป่าว)
เพื่อน: เป็นไรอีก สำออยอะดิ… ออกมาให้ไวเลย ..คืนนี้มีมันส์
-------------------------- -
++ สอนหนังสือ ++
แฟน: ไม่เข้าใจตรงไหนบอกนะ ครับ จะอธิบายให้ใหม่
เพื่อน: สอน 3 รอบแล้วนะ  กินหญ้าขนแทนข้าวไง
-------------------------- ------------------------- -
++ วาเลนไทน์ ++
แฟน: ให้คุณได้ ทุกอย่าง ยกเว้น ดาว เดือน และ ขนหน้าอก
เพื่อน: ……………(วันนี้มันไม่มีตัว ตน)
-------------------------- ------------------------- -
++ โดนทิ้ง ++
แฟน: เราไปกันไม่ได้ / อย่า มายุ่งกับเรา / ไปไหนก็ไปรำคาญ (so sad)
เพื่อน: ไม่เป็นไรเว้ย! ช่างแม่ง … มึงยังมีกูอยู่   <<----อันนี้โดนใจมากที่สุดถึงจะเป็นคำที่ไม่สุภาพสักเท่าไร แต่ว่าคำนี้มันออกมาจะ จิตใต้สำนึกของ เพื่อน ได้อย่างแท้จริง!!

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------



อ้างอิงจาก ความคิดส่วนตัวของผมเอง   :048:

ผิดถูกประการใด ผมขอโทษมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
  :077:


36
 :016:คติธรรม ข้อคิดจาก เกจิอาจารย์  :015:













--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


อ้างอิงข้อมูลมาจาก www.bloggang.com  :015:

ผิดถูกประการใด ผมขอโทษมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ  :077:

37
 :016: การแบ่งปันสิ่งดี ๆ ให้แก่กัน หากจะถือว่าเป็นการทำความดี ก็ย่อมได้  :015:

1. ความเพียร  :114:
การสร้างสรรค์ตนเอง การสร้างบ้านเมืองก็ตาม มิใช่ว่าสร้างในวันเดียว ต้องใช้เวลา ต้องใช้ความเพียร ต้องใช้ความอดทน เสียสละ แต่สำคัญที่สุดคือความอดทนคือไม่ย่อท้อ ไม่ย่อท้อในสิ่งที่ดีงาม สิ่งที่ดีงามนั้นทำมันน่าเบื่อ บางทีเหมือนว่าไม่ได้ผล ไม่ดัง คือดูมันควรทำดีนี่ แต่ขอรับรองว่าการทำให้ดีควรต้องมีความอดทน เวลาข้างหน้าจะเห็นผลแน่นอนในความอดทนของตนเอง
พระบรมราโชวาท พระราชทานแก่นักเรียน นักศึกษา ครู และอาจารย์ในโอกาสเข้าเฝ้าฯวันที่27 ตุลาคม 2516

2. ความพอดี  :114:
ในการสร้างตัวสร้างฐานะนั้นจะต้องถือหลักค่อยเป็นค่อยไป ด้วยความรอบคอบ ระมัดระวังและความพอเหมาะพอดี ไม่ทำเกินฐานะและกำลัง หรือทำด้วยความเร่งรีบ เมื่อมีพื้นฐานแน่นหนารองรับพร้อมแล้ว จึงค่อยสร้าง! ค่อยเสริมความเจริญก้าวหน้าในระดับสูงขึ้น ตามต่อกันไปเป็นลำดับผลที่เกิดขึ้นจึงจะแน่นอน มีหลักเกณฑ์ เป็นประโยชน์แท้และยั่งยืน
พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัยขอนแก่น วันที่ 18 ธันวาคม 2540

3. ความรู้ตน  :114:
เด็กๆ ทำอะไรต้องหัดให้รู้ตัว การรู้ตัวอยู่เสมอจะทำให้เป็นคนมีระเบียบและคนที่มีระเบียบดีแล้ว จะสามารถเล่าเรียนและทำการงานต่างๆ ได้โดยถูกต้องรวดเร็ว จะเป็นคนที่จะสร้างความสำเร็จและความเจริญ ให้แก่ตนเองและส่วนรวมในอนาคตได้อย่างแน่นอน
พระบรมราโชวาท พระราชทานลงพิมพ์ในหนังสือ วันเด็ก ประจำปี 2521

4. คนเราจะต้องรับและจะต้องให้  :114:
คนเราจะเอาแต่ได้ไม่ได้ คนเราจะต้องรับและจะต้องให้ หมายความว่าต่อไป และเดี๋ยวนี้ด้วยเมื่อรับสิ่งของใดมา ก็จะต้องพยายามให้ ในการให้นั้น ให้ได้โดยพยายามที่จะสร้างความสามัคคีให้หมู่คณะและในชาติ ทำให้หมู่คณะและชาติประชาชนทั้งหลา! ยมีความไว้ใจซึ่งกันและกันได้ ช่วยที่ไหนได้ก็ช่วย ด้วยจิตใจที่เผื่อแผ่โ ดยแท้
พระบรมราโชวาท พระราชทานแก่นักศึกษามหาวิทยาลัยขอนแก่น วันที่ 20 เมษายน 2521

5. อ่อนโยน แต่ไม่อ่อนแอ  :114:
ในวงสังคมนั้นเล่า ท่านจะต้องรักษามารยาทอันดีงามสำหรับสุภาพชน รู้จักสัมมาคารวะ ไม่แข็งกระด้าง มีความอ่อนโยนแต่ไม่อ่อนแอ พร้อมจะเสียสละประโยชน์ส่วนตัวเพื่อส่วนรวม
พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วันที่ 25 มิถุนายน 2496

6. พูดจริง ทำจริง  :114:
ผู้หนักแน่นในสัจจะพูดอย่างไร ทำอย่างนั้น จึงได้รับความสำเร็จ พร้อมทั้งความศรัทธาเชื่อถือและความยกย่องสรรเสริญ จากคนทุกฝ่าย การพูดแล้วทำ คือ พูดจริง ทำจริง จึงเป็นปัจ จัยสำคัญในการส่งเสริมเกียรติคุณของบุคคลให้เด่นชัด และสร้างเสริมความดี ความเจริญ ให้เกิดขึ้นทั้งแก่บุคคลและส่วนรวม
พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วันที่ 10 กรกฎาคม 2540

7. หนังสือเป็นออมสิน  :114:
หนังสือเป็นการสะสมความรู้และทุกสิ่งทุกอย่างที่มนุษย์ได้สร้างมา ทำมา คิดมา แต่โบราณกาลจนทุกวันนี้ หนังสือจึงเป็นสิ่งสำคัญ เป็นคล้ายๆ ธนาคารความรู้และเป็นออมสิน เป็นสิ่งที่จะทำให้ มนุษย์ก้าวหน้าได้โดยแท้
พระบรมราโชวาท พระราชทานแก่คณะสมาชิกห้องสมุดทั่วประเทศ ในโอกาสที่เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท วันที่ 25 พฤศจิกายน 2514

8. ความซื่อสัตย์  :114:
ความซื่อสัตย์สุจริตเป็นพื้นฐานของความดีทุกอย่าง เด็กๆ จึงต้องฝึกฝนอบรมให้เกิดมีขึ้นในตนเอง เพื่อจักได้เติบโตขึ้นเป็นคนดีมีประโยชน์ และมีชีวิตที่สะอาด ที่เจริญมั่นคง
พระบรมราโชวาท พระราชทานเพื่อเชิญลงพิมพ์ในหนังสือวันเด็ก ปี พุทธศักราช 2531

9. การเอาชนะใจตน  :114:
ในการดำเนินชีวิตของเรา เราต้องข่มใจไม่กระทำสิ่งใดๆ ที่เรารู้สึกด้วยใจจ! ริงว่าชั่วว่าเสื่อม เราต้องฝืนต้องต้านความคิดและความประพฤติทุกอย่างที่ รู้สึกว่าขัดกับธรรมะ เราต้องกล้าและบากบั่นที่จะกระทำสิ่งที่เราทราบว่าเป็นความดี เป็นความถูกต้อง และเป็นธรรม ถ้าเราร่วมกันทำเช่นนี้ ให้ได้จริงๆ ให้ผลของความดีบังเกิดมากขึ้นๆ ก็จะช่วยค้ำจุนส่วนรวมไว้มิให้เสื่อมลงไป และจะช่วยให้ฟื้นคืนดีขึ้นได้เป็นลำดับ

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------



อ้างอิงข้อมูลมาจาก www.baanmaha.com  :015:

ผิดถูกประการใด ผมขอโทษมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ  :077:



38
 :090:การดูแลรักษาคอมพิวเตอร์ :090:

คอมพิวเตอร์เมื่อใช้ไประยะหนึ่งจะ มีการเสื่อมชำรุดไปตามสภาพระยะเวลาที่ใช้งานผู้ใช้คอมพิวเตอร์จึงควรเอาใจ ใส่ดูแลและบำรุงรักษาอย่างเหมาะสม
สม่ำเสมอเพื่อเพิ่มอายุ การใช้งานของเครื่องคอมพิวเตอร์ซึ่งจะช่วยให้สามารถ ประหยัดงบประมาณในการซ่อมบำรุงหรือการเปลี่ยนอุปกรณ์
   สิ่งแวดล้อมที่เหมาะสมที่คอมพิวเตอร์ของคุณจะทำงานได้ดีนั้นคืออย่าง ไร เช่น ในห้องคอมพิวเตอร์ของคุณควรจะมีอุณหภูมิสูงเท่าไรมีความชื้นไม่เกิน เท่าไร ขีดจำกัดของการทำงานเป็นอย่างไรระยะเวลาในการทำงานของเครื่องเป็นอย่างไรดัง นั้นห้องทำงานด้านคอมพิวเตอร์จึงควรเป็นห้องปรับอากาศที่ปราศจากฝุ่นและความ ชื้น ซอฟแวร์แผ่นดิสก์ที่เก็บซอฟแวร์และไฟล์ข้อมูล หรือสารสนเทศนั้นอาจเสียหาย ได้ ถ้าหากว่าแผ่นดิสต์ได้รับการขีดข่วนได้รับความร้อนสูงหรือตกกระทบกระแทก แรงๆ สิ่งที่ทำลายซอฟแวร์ได้แก่ ความร้อน ความชื้น ฝุ่น ควัน และการฉีดสเปรย์พวกน้ำยาหรือน้ำหอม ต่าง ๆ เป็นต้น การทำความสะอาดระบบคอมพิวเตอร์
1. ไม่ควรทำความสะอาดเครื่องคอมพิวเตอร์ในขณะที่เครื่องยังเปิดอยู่ ถ้าคุณจะทำความ สะอาดเครื่อง ควรปิดเครื่องทิ้งไว้ 5 นาที ก่อนลงมือทำความสะอาด
2. อย่าใช้ผ้าเปียก ผ้าชุ่มน้ำ เช็ดคอมพิวเตอร์อย่างเด็ดขาด ใช้ผ้าแห้งดีกว่า
3. อย่าใช้สบู่ น้ำยาทำความสะอาดใด ๆ กับคอมพิวเตอร์ เพราะจะทำให้ระบบของเครื่อง เกิดความเสียหาย
4. ไม่ควรฉีดสเปรย์ใด ๆ ไปที่คอมพิวเตอร์ แป้นพิมพ์ และอุปกรณ์ต่าง ๆ
5. ไม่ควรใช้เครื่องดูดฝุ่นกับคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์ประกอบอื่น ๆ
6. ถ้าคุณจำเป็นต้องทำความสะอาดเครื่องคอมพิวเตอร์ โปรดใช้อุปกรณ์ทำความสะอาด ที่คู่มือแนะนำไว้เท่านั้น
7. ไม่ควรดื่มน้ำชา กาแฟ เครื่องดื่มต่าง ๆ ในขณะที่ใช้คอมพิวเตอร์
8. ไม่ควรกินของคบเคี้ยวหรืออาหารใด ๆ ขณะทำงานด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์

สาเหตุที่ทำให้เครื่องพีซีเกิดความเสียหาย

ความร้อน

ความร้อนที่เป็นสาเหตุทำให้คอมพิวเตอร์มีปัญหาส่วนใหญ่เกิดจากความร้อนของ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์บนเมนบอร์ดของคอมพิวเตอร์เองวิธีแก้ปัญหาคือจะต้องรีบ ระบายความร้อนที่เกิดจากอุปกรณืต่างๆ ออกไปให้เร็วที่สุด

วิธีแก้ปัญหา
 • พัดลมระบายความร้อนทุกตัวในระบบต้องอยู่ในสภาพดี 100 เปอร์เซนต์ อุณหภูมิที่เหมาะสมที่สุดควรจะอยู่ระหว่าง 60-70 องศาฟาเรนไฮต์
 • ใช้เพาเวอร์ซัพพลาย ในขนาดที่ถูกต้อง
 • ใช้งานเครื่องในย่านอุณหภูมิที่ปลอดภัย อย่าตั้งอยู่ในบริเวณที่มีแสงแดดส่องถึงเป็นเวลานานๆ

ฝุ่นผง

เป็นที่ทราบกันดีว่าในอากาศมีฝุ่น ผงกระจัดกระจายอยู่ในทุกๆที่ฝุ่นผงที่เกาะติดอยู่บนแผงวงจรของคอมพิวเตอร์ทำ หน้าที่เสมือนฉนวนป้องกันความร้อน ทำให้ความร้อนที่เกิดขึ้นในระบบไม่สามารถระบายออกสู่สภาพแวดล้อมภายนอกนอก จากนี้อาจไปอุดตันช่องระบายอากาศของเพาเวอร์ซัพพลายหรือฮาร์ดดิสค์หรืออาจ เข้าไปอยู่ระหว่างแผ่นดิสค์กับหัวอ่าน ทำให้แผ่นดิสค์หรือหัวอ่านเกิดความเสียหายได้

วิธีแก้ไข
 • ควรทำความสะอาดภายในเครื่องทุก 6 เดือน หรือทุกครั้งที่ถอดฝาครอบ
 • ตัวถัง หรือ ชิ้นส่วนภายนอกอาจใช้สเปรย์ทำความสะอาด
 • วงจรภายในให้ใช้ลมเป่าและใช้แปรงขนอ่อนๆ ปัดฝุ่นออก
 • อย่าสูบบุหรี่ใกล้เครื่องคอมพิวเตอร์

สนามแม่เหล็ก

แม่เหล็กสามารถทำให้ข้อมูลในแผ่น ดิสก์หรือฮาร์ดดิสก็สูญหายได้อย่างถาวรแหล่งที่ให้กำเนิดสนามแม่เหล็กใน สำนักงานมีอยู่มากมาหลายประเภท อาทิเช่น
 • แม่เหล็กติดกระดาาบันทึกบนตู้เก็บแฟ้ม
 • คลิปแขวนกระดาษแบบแม่เหล็ก
 • ไขควงหัวแม่เหล็ก
 • ลำโพง
 • มอเตอร์ในพรินเตอร์
 • UPS

วิธีแก้ไข
 • ควรโยกย้ายอุปกรณ์ที่มีกำลังแม่เหล็กมากๆ ให้ห่างจากระบบคอมพิวเตอร์

สัญญาณรบกวนในสายไฟฟ้า

สัญญาณรบกวนในสายไฟฟ้ามีหลายลักษณะ อาทิเช่น
 • แรงดันเกิน
 • แรงดันตก
 • ทรานเชียนต์
 • ไฟกระเพื่อม

แรงดันเกิน
ในกรณีที่เครื่องของท่านได้รับแรงดันไฟฟ้าเกินจากปกติเป็นเวลานานกว่า วินาที จะมีผลทำให้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ภายในเครื่องเกิดความเสียหายได้

แรงดันตก
ในกรณีที่มีการใช้ไฟฟ้ากันมากเกินความสามารถในการจ่ายพลังงานไฟฟ้าจะมีผลทำ ให้เกิดเหตุการณืไฟตกได้ไฟตกอาจทำให้การทำงานของเพาเวอร์ซัพพลายผิดพลาดได้ เนื่องจากเพาเวอร์ซัพพลายพยายามจ่ายพลังงานให้กับวงจรอย่างสม่ำเสมอโดยไป เพิ่มกระแส แต่การเพิ่มกระแสทำให้ตัวนำเพาเวอร์ซัพพลายและอุปกรณ์ต่างๆร้อน ขึ้น ซึ่งมีผลทำให้อุปกรณ์ต่างๆ เกิดความเสียหายได้

ทรานเชียนต์
ทรานเชียนต์หมายถึง การที่ไฟฟ้ามีแรงดันสุง(sags)หรือต่ำกว่าปกติ(surge)ใน ช่วงระยะเวลาสั้นๆทรานเชียนต์ที่เกิดในบางครั้งจะมีความถี่สูงมากจนกระทั่ง สามารถ เคลื่อนที่ผ่านตัวเก็บประจุไฟฟ้าในเพาเวอร์ซัพพลาย เข้าไปทำความเสียหายให้แก่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ได้

ไฟกระเพื่อม
ทุกครั้งที่ท่านเปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าจะทำให้กำลังไฟเกิดการกระเพื่อมเครื่อง ใช้ไฟฟ้ที่ต้องการกระแสไฟฟ้ามากๆก็จะทำให้ความแรงของการกระเพื่อมมีค่ามาก ตามไปด้วย จากการศึกษาพบว่าการเปิดใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าแต่ละครั้งจะทำให้ เกิดการกระเพื่อมภายในเสี้ยววินาทีการกระเพื่อมจะมีผลต่อทุกๆส่วนภายในตัว เครื่อง รวมทั้งหัว
อ่านข้อมูลของฮาร์ดดิสค์ด้วย

วิธีแก้ไข
 • ในกรณีไฟเกิน ไฟตก และทรานเชียนต์ แก้ไขได้โดยการใช้เครื่องควบคุมกระแสไฟฟ้า หรือ ที่เรียกว่า Stabilizer
 • ส่วนไปกระเพื่อม แก้ได้โดยการลดจำนวนครั้งในการปิดเปิดเครื่อง

ไฟฟ้าสถิตย์

ไฟฟ้าสถิตย์สามารถเกิดขึ้นได้ทุกฤดู กาลแต่ในสภาวะที่อากาศแห้งจะส่งผลให้ความเป็นฉนวนไฟฟ้าสูงประจุของไฟฟ้า สถิตย์จะสะสมอยู่เป็นจำนวนมากและหาทางวิ่งผ่านตัวนำไปยังบริเวณที่มีศักย์ ไฟฟ้าต่ำกว่าดังนั้นเมื่อท่านไปจับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ประจุของไฟฟ้า สถิตย์จากตัวท่านจะวิ่งไปยังอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เหล่านั้นทำให้อุปกรณ์ เกิดความเสียหายได้ แต่ในสภาวะที่มีความชื้นสูง ไฟฟ้าสถิตย์ที่เกิดขึ้นจะรั่วไหลหายไปในระยะเวลาอันสั้น

วิธีแก้ไข
 • ควรทำการคายประจุไฟฟ้าสถิตย์ ด้วยการจับต้องโลหะอื่นที่ไม่ใช้ตัวถังเครื่องคอมพิวเตอร์ ก่อนจะสัมผัสอุปกรณ์ต่างๆ ในระบบคอมพิวเตอร์

น้ำและสนิม

น้ำและสนิมเป็นศัตรูตัวร้ายของ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทุกชนิดสนิมที่พบในเมนบอร์ดของคอมพิวเตอร์มักจะเกิด จากการรั่วซึมของแบตเตอรี่บนเมนบอร์ดซึ่งถ้าเกิดปัญหานี้ขึ้น นั่นหมายความ ว่าท่านจะต้องควักกระเป๋าซื้อเมนบอร์ดตัวใหม่มาทดแทนตัวเก่าที่ต้องทิ้งลง ถังขยะสถานเดียว

วิธีแก้ไข
 • หลีกเลี่ยงการนำของเหลวทุกชนิดมาวางบนโต๊ะคอมพิวเตอร์ของท่าน
 • กรณีการรั่วซึมของแบตเตอรี่ แก้ไขได้โดยการเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่ เมื่อเครื่องของท่านมีอายุการใช้งานได้ประมาณ 1-2 ปี เป็นต้นไป

การบำรุงรักษาตัวเครื่องทั่วๆไป
 • เครื่องจ่ายไฟสำรอง (UPS) ถ้ามีงบประมาณเพียงพอควรติดตั้งร่วมกับตัวเครื่องคอมพิวเตอร์ ด้วยเพราะ UPS จะช่วยป้องกันและแก้ปัญหาทางไฟฟ้าไม่ว่าจะเป็นไฟตก ไฟเกิน หรือไฟกระชาก อันเป็นสาเหตุที่จะทำให้เกิดความเสียหายของข้อมูลและชิ้นส่วนอื่นๆ
 • การติดตั้งตัวเครื่องคอมพิวเตอร์ควรติดตั้งในห้องที่มี เครื่องปรับอากาศหรือถ้ามีไม่มีเครืองปรับอากาศควรเลือกห้องที่ปลอดฝุ่นมาก ที่สุดและการติดตั้งตัวเครื่อง    ควรจากผนังพอสมควรเพื่อการระบายความร้อนที่ดี
 • การต่อสาย Cable ระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์กับอุปกรณ์ต่างๆเช่น Printer Modem Fax หรือส่วนอื่นๆจะต้องกระทำเมื่อ power off เท่านั้น
 • อย่าปิด - เปิดเครื่องบ่อยๆ เกินความจำเป็น เพราะจะทำให้เกิดความเสียหายแก่โปรแกรมที่กำลังทำงานอยู่
 • ไม่เคลื่อนย้ายเครื่องคอมพิวเตอร์ขณะที่เครื่องทำงานอยู่ เพราะจะทำให้อุปกรณ์บางตัวเกิดความเสียหายได้
 • อย่าเปิดฝาเครื่องขณะใช้งานอยู่ ถ้าต้องการเปิดต้อง power off และถอดปลั๊กไฟก่อน
 • ควรศึกษาจากคู่มือก่อนหรือการอบรมการใช้งาน Software ก่อนการใช้งาน
 • ตัวถังภายนอกของเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่เป็นส่วนประกอบ ของเหล็กกับพลาสติกเมื่อใช้นานๆจะมีฝุ่นและคราบรอยนิ้วมือมาติดทำให้ดูไม่ สวยงามและถ้าปล่อยไว้นานๆจะทำความสะอาดยากจึงควรทำความสะอาดบ่อยๆอย่างน้อย 1-2เดือนต่อครั้งโดยใช้ผ้าชุบน้ำหมาดๆเช็ดที่ตัวเครื่อง    หรือใช้น้ำยาทำความสะอาดเครื่อง
คอมพิวเตอร์โดยเฉพาะ และที่สำคัญคือ ควรใช้ผ้าคลุมเครื่องให้เรียบร้อยหลังเลิกใช้งานทุกครั้งเพื่อป้องกันฝุ่นผงต่างๆ

การบำรุงรักษา Hard Disk

ฮาร์ดดิสก์เป็นอุปกรณ์ที่มีอายุยืน มากยากจะบำรุงรักษาด้วยตัวเอง ผู้ใช้คอมพิวเตอร์จึงควรระมัดระวังไม่ให้เกิด ความเสียหายซึ่งควรปฏิบัติดังต่อไปนี้
 • การติดตั้งเครื่องคอมพิวเตอร์ควรติดตั้งเครื่องคอมพิวเตอร์โดยให้ด้านหลัง ของตัวเครื่องคอมพิวเตอร์ห่างจากฝาผนังไม่น้อยกว่า 3 นิ้ว เพื่อการระบายความร้อน เป็นอย่างปกติไม่ทำให้เครื่องร้อนได้
 • ควรเลือกใช้โตีะทำงานที่แข็งแรงป้องกันการโยกไปมาเพราะทำให้หัวอ่านของฮาร์ดดิสก์ถูกกระทบกระเทือนได้
 • ควรมีการตรวจสอบสถานภาพของ Hard Disk ด้วยโปรแกรม Utility ต่างๆว่ายังสามารถใช้งานได้ครบ 100 % หรือมีส่วนใดของ Hard Disk ที่ใช้งานไม่ได้

การบำรุงรักษา Disk Drive

ช่องอ่านดิสก์เมื่อทำงานไปนานๆหัว อ่านแผ่นดิสก์อาจจะเสื่อมสภาพไปได้ หัวอ่านดิสก์เกิดความสกปรกเน่องจากมี ฝุ่นละอองเข้าไปเกาะที่หัวอ่านหรือเกิดจากความสกปรกของแผ่นดิสก์ที่มี ฝุ่น หรือคราบไขมันจากมือ ผลที่เกิดขึ้นทำให้การบันทึก หรืออ่านข้อมูลจากแผ่นดิสก์ไม่สามารถดำเนินการ ได้

การดูแลรักษา Disk Drive ควรปฏิบัติดังนี้
 • เลือกใช้แผ่นดิสก์ที่สะอาดคือไม่มีคราบฝุ่น ไขมัน หรือรอยขูดขีดใดๆ
 • ใช้น้ำยาล้างหัวอ่านดิสก์ทุกๆเดือน
 • หลีกเลี่ยงการใช้แผ่นดิสก์เก่าที่เก็บไว้นานๆ เพราะจะทำให้หัวอ่าน Disk Drive สกปรกได้ง่าย

การบำรุงรักษา Monitor

ในส่วนของจอภาพนั้นอาจเสียหายได้ เช่น ภาพอาการเลื่อนไหลภาพล้ม ภาพเต้นหรือไม่มีภาพเลย ซึ่งความเสียหายดังกล่าวจะต้องให้ช่างเท่านั้นเป็นผู้แก้ไขผู้ใช้คอม พิวเคอร์ควรระมัดระวัง โดยปฏิบัติดังนี้
 • อย่าให้วัตถุหรือน้ำไปกระทบหน้าจอคอมพิวเตอร์
 • ควรเปิดไฟที่จอก่อนที่สวิซไฟที่ CPU เพื่อ boot เครื่อง
 • ไม่ควรปิดๆ เปิดๆ เครื่องติดๆกัน เมื่อปิดเครื่องแล้วทิ้งระยะไว้เล็กน้อยก่อนเปิดใหม่
 • ควรปรับความสว่างของจอภาพให้เหมาะสมกับสภาพของห้องทำงาน เพราะถ้าสว่างมากเกินไปย่อมทำให้จอภาพอายุสั้นลง
 • อย่าเปิดฝาหลัง Monitor ซ่อมเอง เพราะจะเป็นอันตรายจากกระแสไฟฟ้าแรงสูง
 • เมื่อมีการเปิดจอภาพทิ้งไว้นานๆ ควรจะมีการเรียกโปรแกมถนอมจอภาพ (Screen Sever) ขึ้นมาทำงานเพื่อยืดอายุการใช้งานของจอภาพ

การบำรุงรักษา Inkjet & Dotmatrix Printer

เครื่องพิมพ์เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ สำหรับแสดงผล รายงาน ของข้อมูลต่างๆทางกระดาษ การที่จะใช้เครื่องพิมพ์ทำงานได้เป็นปกติผู้ใช้คอมพิวเตอร์ควรหมั่นดูแล รักษาดังนี้
 •รักษาความสะอาดโดยดูดฝุ่นเศษกระดาษที่ติดอยู่ในเครื่อง พิมพ์ทุกเดือนหรือใช้แปรงขนนุ่มปัดฝุ่นเศษกระดาษออกจากเครื่องพิมพ์อย่าใช้ แปรงชนิดแข็งเพราะอาจทำให้เครื่องเป็นรอยได้
 • ถ้าตัวเครื่องพิมพ์มีความสกปรกอาจ ใช้ผ้านุ่มหรือฟองน้ำชุบน้ำยาทำความสะอาดเครื่องใช้สำนักงานเช็ดถูส่วนที่ เปนพลาสติกแต่ต้องระมัดระวังอย่าใช้น้ำเข้าตัวเครื่อง
   พิมพ์ได้ และควร หลีกเลี่ยงการใช้น้ำมันหล่อลื่นทุกชนิด ในตัวเครื่องเพราะอาจทำให้ระบบกลไกเสียหายได้
 • ก่อนพิมพ์ทุกครั้งควรปรับความแรง ของหัวเข็มให้พอเหมาะกับความหนาของกระดาษ
 • ระหว่างพิมพ์ควรระวังหัวพิมพ์จะติดกระดาษ เช่น การพิมพ์ซองจดหมาย หรือกระดาษที่มีความหนาหรือบางเกินไป
 • อย่าถอดหรือเสียบสาย Cable ในขณะที่เครื่องพิมพ์ หรือเครื่องคอมพิวเตอร์กำลังทำงานอยู่
 • ไม่ควรพิมพ์กระดาษติดต่อกันนานเกินไปเพราะอาจทำให้หัวอ่านร้อนมากทำให้เครื่องชะงักหยุดพิมพ์กระดาษ
 • เมื่อเลิกพิมพ์งานควรนำกระดาษออกจากถาดกระดาษ และช่องนำกระดาษ
 •ไม่ควรใช้กระดาษไข(Stencil Paper)แบบธรรมดากับเครื่องพิมพ์ ประเภทแบบกระแทก(Dotmatrix Printer)เนื่องจากเศษของกระดาษไขอาจจะไปอุดตัน เข็มพิมพ์ อาจทำให้เข็มพิมพ์อาจหักได้ควรใช้กระดาษไขสำหรับเครื่องพิมพ์แทน เพื่อป้องกันการชำรุดของเฟืองที่ใช้หมุนกระดาษ

การบำรุงรักษา Laser Printer

Laser Printer เป็นเครื่องพิมพ์ที่ มีประสิทธิภาพสูงสามารถพิมพ์ภาพได้อย่างคมชัดมากมีความละเอียดสวยงาม แต่ ราคาค่อนข้างสูงผู้ใช้คอมพิวเตอร์จึงควรระมัดระวังในการใช้งานแม้ว่าโอกาสจะ เสียหายมีน้อยก็ตาม ข้อควรปฏิบัติดังนี้
 • การเลือกใช้กระดาษไม่ควรใช้กระดาษ ที่หนาเกินไปจะทำให้กระดาษติดเครื่องพิมพ์ได้
 • ควรกรีดกระดาษให้ด ี อย่าให้กระดาษติดกัน เพราะอาจจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้กระดาษติดในตัวเครื่องพิมพ์ได้
 • การใช้พิมพ์ Laser Printer พิมพ์ลงในแผ่นใส ก็ต้องเลือกใช้ แผ่นใสที่ใช้ถ่ายเอกสารได้เท่านั้นหากใช่แผ่นใสแบบธรรดาซึ่งไม่สามารถทนความ ร้อนได้อาจจะหลอมละลายติดเครื่องพิมพ์ทำให้เกิดความเสียหาย

 :048:เป็งไงละ..เช็ดทุกวันคอมก็ใหม่ทุกวัน :048:


 :010:คอมหรือรถก็มั้ยรู้...สับสนกับชีวิตจริงๆเรยยย :010:

อ้างอิงข้อมูลมาจาก www.janburi.buu.ac.th  :015:

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ผิดถูกประการใด ผมขอโทษ มา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ  :058:




39
                              *+*+*+ 42 วิธีสุดยอด...การประหยัด +*+*+*

หยุด ตัวเองจากการกินแต่อาหารร้านหรู ๆ เสื้อตัวนั้นที่มีอยู่แล้วเต็มตู้และอื่น ๆ อีกเพียบ พร้อมทั้งข้อแก้ตัวที่คุณอ้าง นิดหน่อยน่า มันคงไม่ทำให้เราจนลงอะไรนักหรอก มาตั้งสติทำตัวให้รู้คุณค่าของการประหยัดกันเถอะ เราได้พยายามรวบรวมวิธีประหยัดแบบไม่ต้องเจ็บตัวนักมากฝากกัน

1. พูดโทรศัพท์มือถึอกระฉูดซะขนาดนั้น เปลี่ยนมาใช้ระบบ Pre-Paid อย่าง One-2-Calls หรือ Happy หรือ Just Talk ทำให้เราจำกัดวงเงินได้หรือโทร.คุยที่โทรศัพท์บ้านเอา ประหยัดได้เดือนละเป็นพัน ๆ บาท

2. ปิดสวิตซ์หรือดึงปลั๊กเตารีดก่อนที่คุณรีดเสื้อตัวสุดท้าย แต่ต้องพยายามเลือกผ้าที่เนื้อไม่หนามาก เส้นใยผ้าจะได้คลายตัวเรียบได้ง่าย

3. ใครมีเพื่อนอยู่บ้านทางเดียวกัน ให้ผลัดเอารถมาคนละวัน

4. ก่อนล้างจานใช้กระดาษทิชซู่เช็ดคราบอาหารก่อน จะทำให้ไม่เปลืองน้ำเวลาล้างคราบจาน

5. เวลาไปกินข้าวนอกบ้าน ถ้ากินไม่หมด แพ็คกลับไปทานต่อมื้อต่อไป อย่าทิ้งเด็ดขาด

6. เครื่องประดับเก๋ ๆ ที่ชำรุด อย่าทิ้งเด็ดขาด เอามาชุบชีวิตใหม่ได้

7. หาวันว่างแล้วพาตัวเองไปอ่านหนังสือในห้องสมุด มีทุกแบบทั้งนิตยสาร นิยาย การ์ตูน หนังสือวิชการ หาสมุดไว้จดสิ่งที่เราอยากรู้ไปด้วยสักเล่ม

8. ทำบัตรสมาชิกซูเปอร์มาร์เก็ตที่ซื้อประจำ ลดครั้งละชิ้นหนึ่งก็เกือบสิบบาทแล้ว

9. เตือนตัวเองให้หยอดเศษตังค์วันละสิบบาทหรือห้าบาทก็ได้ หนึ่งเดือนก็เก็บได้ 300 บาทแล้ว สิ้นปีก็เก็บได้ตั้ง 3,650.- บาท

10. ก่อนนอนเปิดแอร์ทิ้งไว้สักครึ่งชั่วโมง พออาบน้ำเย็น ๆ เสร็จออกมาก็ปิดได้เลย แล้วเปิดพัดลมต่อ อากาศจะเย็นต่อไปได้ทั้งคืน

11. พยายามซื้อเครื่องสำอางแบบตลับเดียวใช้ด้ทุกอย่าง ตั้งแต่ไปจนถึงปาก สมัยนี้ใครพกของเจ็ดแปดอย่างเพื่อหน้าหนึ่งหน้าถือว่าเชยมาก แล้วเลือกสีอย่าเวอร์นัก เอาแบบยังไงก็ใช้ได้ตลอด

12. ถ้าคุณซักผ้าด้วยมือ แบ่งซักผ้าขาวและผ้าสี 2 ครั้ง ให้ซักผ้าขาวก่อน แล้วน้ำสุดท้ายของการซักก็อย่าทิ้ง ให้นำผ้าสีลงซักต่อได้เลย ประหยัดน้ำไปกว่า 1 ถัง

13. เรียงเสื้อผ้าให้เป็นหมวดหมู่ เช่น หมวดกระโปรง กางเกง เสื้อแขนกุด มันทำให้ชีวิตง่ายขึ้นเยอะ และเราจะพบว่ามีเสื้อผ้าที่น่าใส่อยู่อีกเพียบ จะเกิดเป็นแรงบันดาลใจให้หยิบมาใส่ ไม่อยากซื้อใหม่ได้

14. ขับรถด้วยความเร็วไม่เกิน 90 กม/ชั่วโมง และถ้าไม่รีบมากก็ไม่ต้องเหยียบคันแร่งบ่อยนักจะประหยัดน้ำมันได้หลายเด้อ

15. เปลี่ยนจากใช้โลชั่นขวดละหลายร้อย มาเป็นน้ำมันมะกอกทาผิวกายแทน (ปัจจุบันนี้ทางผู้ผลิตได้เติมน้ำหอมลงไปด้วย ไม่มีกลิ่นของน้ำมัน) ขอบอกว่าเวิร์คจริง ๆ ค่ะ ใช้สองสามหยดชโลมร่างกายหลังอาบน้ำเสร็จ ผิวจะเนียนไปตลอดวัน

16. ลองไปดัดผมดู อาจเสียเงินค่าดัดในตอนแรก แต่หลังจากนั้นหลังสระผมเสร็จ ก็แค่ใส่มูสนิดหน่อยแล้วไปทำงานต่อได้เลย ไม่ต้องเสียเวลาไดร์ผมให้เปลืองไฟที่เราไดร์ผมทุกวัน

17. ชวนเพื่อนเข้าร้านหนังสือ ตกลงหุ้นกันว่าเราจะอ่านเรื่องอะไร ซื้อแล้วผลัดกันอ่าน

18. เวลาได้บัตรส่วนลดต่าง ๆ เอามาเก็บจัดเป็นหมวดหมู่ให้ดีอย่าทิ้ง มันมีค่ากว่านั้นเยอะ

19. นิตยสาร Money รายงานว่า เวลาเราใช้บัตรเครดิต แล้วจ่ายไม่ทัน มันเหมือนกับเราต้องเสียเงินเพิ่มไป 20% เวลาซื้อของพยายามใช้เงินสดที่เรามีอยู่จริง ๆ จะดีกว่า ไม่มาติดหนี้ตอนหลังแต่

20. คุณอาจติดช็อคโกแลตหรูจากสวิส แต่ลองกลับไปกินช็อคโกแลตที่เราเคยชอบสมัยวัยเด็กอย่าง ขนมเซี่ยงไฮ้ คูลิโกะหรืออัลฟี่ดูสิ ประหยัดเงินไปได้กว่าครึ่งนะ

21. อย่าพยายามเก็บของไว้ท้ายรถเยอะ ๆ ยิ่งรถหนักมากก็ยิ่งเปลืองน้ำมันมากเท่านั้น

22. ถ้าอาบน้ำฝักบัว ระหว่างอาบให้รองน้ำเอาไว้ น้ำส่วนนี้เป็นที่ล้างรองเท้าผ้าใบเราได้สบาย

23. คาร์ ลาเกอร์เฟล ดีซเนอร์ของ Chanel บอกว่า "ซื้อเสื้อผ้าถูกไม่ได้หมายความว่าคุณไม่มีเงินใช้นะ สมัยนี้ไม่มีใครสนใจกันแล้วว่าเสื้อผ้าคุณจะแพงหรือถูก"

24. เปลี่ยนจากโรลออนเป็นสารส้มก้อนถูรักแร้ ภูมิปัญญาชาวบ้านสมัยเก่ายังใช้ได้ดี

25. ก่อนจองทริปไปเที่ยวไหน เช็คเลยว่ามีวิธีอะไรประหยัดลงได้บ้างทท ถ้าคุณจองห้องพักล่วงหน้า 14 วัน จะถูกกว่าและบางครั้งอาจได้ลดถึง 70% ด้วยซ้ำ โรงแรมหลาย ๆ แห่งยังรวมอาหารเช้าไว้ด้วยอีก

26. ถ้าจะเปลี่ยนทรงผม ลองโทรตามโรงเรียนสอนดัดผมดู เขาจะมีนักเรียนที่เรียนต้องการแบบตัดผมอยู่ประจำ อันนี้อาจฟรีไปเลยหรือถ้าเสียเงินก็จะถูกมาก ๆ

27. หาซื้อหน้งสือมือสองตามจตุจักร อาจได้อ่านช้าหน่อย แต่จะถูกไปกว่าครึ่งหรือหาอ่านตามเว็บไซด์ได้ แค่พิมพ์ชื่อหนังสือไปที่ www.google..com

28. ชวนน้องสาว พี่สาว อพยพไปนอนเปิดแอร์ห้องเดียวกับพ่อแม่บ้าง อบอุ่นและประหยัดได้ดี

29. รู้ไหมว่าน้ำสมสายชู หรือเวเนการ์ของฝรั่งเอามาเช็ดพื้นผิวทั้งหลายจะขึ้นเงาได้เห็น ๆ หรือไม่ก็เอามาใส่ขวดสเปรย์ซะ ฉีดโต๊ะกระจกเงานักเชียว

30. จัดปาร์ตี้ "ใครไม่ใส่ เอามาแลกกัน" กับกลุ่มเพื่อนสาว บางทียีนส์ตัวนั้นที่คุณไม่เคยเห็นเพื่อนใส่เลย คุณอาจใส่ได้เริ่ดกว่าก็ได้

31. ไปซื้อครีมบำรุงผิวกับแม่ เพราะแม่จะต้องซื้อของดี ๆ เพื่อให้เหมาะกับวัยของแม่ และคนขายก็จะสนใจเราได้ด้วย สุดท่ายเราก็จะพลอยได้ตัวอย่างผลิตภัณฑ์กลับไปทดลองใช้ด้วยเพียบ

32. ก่อนเข้าซูเปอร์มาเก็ตเช็คโปรโมชั่นลดราคาก่อน สิ้นค้าชิ้นไหนซื้อแล้วมีของแถมเพิ่ม หรือชิ้นไหนซื้อสองแถมหนึ่ง หรือซื้อเท่าไหร่แล้วได้ของแถมจะดีกว่า จะได้ไม่เสียสิทธิ์

33. อย่ารีบซื้อเสื้อผ้านัก ก่อนซื้อควรลองเดินหายี่ห้ออื่นดูก่อน คุณอาจเจออะไรที่เหมือนกันเปี๊ยบ อย่างเสื้อกล้าม เสื้อยืดแขนสั้นหรือสายเดี่ยว เหล่านี้สามารถหายี่ห้อถูกกว่าให้เหมือนแบรนด์แพง ๆ ได้

34. จากส่งผ้าไปซักแห้งตลอด หันมาซักด้วยมือเองเถอะ ระหว่างซักเปิดซีดีที่เราอยากฟังมานาน แต่หาเวลาฟังไม่ได้ไปด้วย จะมีความสุขมาก ประหยัดเงินไปได้เป็นพันบาท และจะรักเสื้อผ้าเราขึ้นเยอะ

35. อยากเรียนคอร์สอะไร ไม่ว่าจะเป็นวาดรูปสีน้ำ โยคะหรือเต้นรำ ฟอร์มตัวกับเพื่อนหลาย ๆ คน แล้วต่อรองกับครูสอน จะถูกกว่าเรียนคนเดียวแน่นอน

36.ครีมบำรุงอะไรก็ตามที่เป็นแบบหลอด บีบหมดแล้วก็จริง แต่มันยังมีเหลือให้ใช้ได้อีก ถ้าเพียงแต่คุณตัดหลอดครึ่งหนึ่ง แล้วใช้นิ้วกวาด ๆ ข้างใน เอาหลอดสวมทับกัน ใช้ต่อได้อีกหลายวัน

37. ใช้กระดาษรีไซเคิลให้มากเท่าที่จะมากได้

38. ก่อนซื้อเสื้อผ้าควรจะต้องลองใส่ก่อนเป็นอย่างยิ่ง ดูกระจกหมุนซ้ายขวา ทุกแง่ทุกมุมของหุ่นคุณ และถ้ามีอะไรที่คุณติแม้แต่นิดเดียว ก็วางลงซะเถอะ เพราะถ้าซื้อไปคุณอาจไม่หยิบมันมาใส่เลยก็ได้

39. เปลี่ยนจากการใช้หลอดไฟธรรมดา มาใช้หลอดไฟตะเกียบ

40. ถ้าชั้นทำงานที่ออฟฟิศไม่สูงนัก ก็เดินขึ้นไปเถอะ แล้วชวนเพื่อนเดินด้วยกัน คุณจะช่วยประหยัดไฟให้ชาติได้ไม่รู้ตัว

41. ถ้าเป็นแฟนนิตยสารเล่มไหนแบบเหนียวแน่นจริง ๆ ไปร้านทำผมนี่ละ ไม่ต้องซื้ออ่านแน่นอน ไปเดือนละครั้งก็ได้อ่านจุใจแล้ว

42. ทาเล็บนิ้วเว้นนิ้ว หากใครถามก็บอกว่าเป็นเทรนด์ใหม่สั่งตรงจากฮาราจูกุ

อ้างอิงข้อมูลมาจาก Mthai.com

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ยุคนี้น้ำมันก็แพงแสนแพง ของก็ขิ้นราคา ผมว่าถ่าเราประหยัดเพื่อตัวคุณเอง คุณก็จะได้ประโยชน์กับตัวคุณเอง แต่ถ่าพวกเราทั้งหมดช้วยกันประหยัด จับจ่ายใช่ส่อย แต่พอควร
ไฟดวงไหนที่ไม่ได้ใช้ ก็ปิด ผมว่าจะช้วยพวกเราประหยัด และเศรษกิจเราอาจจะดีขิ้นนะ  :015:

ผิดถูกประการใด ผมขอโทษ มา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ  :025:


[shake]แบ่งปันน้ำใจสักนิ โลกนี้จะน่าอยู่ขิ้นอีกเยอะเลย[/shake]


40
เคล็ดลับการทำความสะอาด ง่ายๆมาฝากกันครับ

 :114:ทำความสะอาดเครื่องเงิน-ทอง
นำยาสีฟันแบบหลอดยา บีบยาสีฟันออกจากหลอด นำไปตากแห้ง แล้วบดให้ละเอียด ผสมน้ำมะนาวกับยาสีฟันที่บดไว้ ใช้สำลีชุบของผสมนี้ นำไปขัดที่เครื่องเงิน-ทองให้ทั่ว หรือจะใช้ขี้บุหรี่ผสมน้ำมะนาวขัดแทนก็ได้
การขัดเครื่องเงินอีกวิธีหนึ่ง ให้นำโซเดียมไบคาร์บอเนต (โซดาปิ้งขนม) กับเกลือป่นอย่างละเท่ากัน ละลายในน้ำต้มเครื่องเงิน จะทำให้เครื่องเงินใหม่แวววาวขึ้น

 :114:ทำความสะอาดทองเหลือง ทองแดง
ขัดด้วยของเปรี้ยว เช่น ส้ม มะขามเปียก เปลือกมะนาว เปลือกสับปะรด หรือจะใช้น้ำยาขัดสำเร็จรูป เป็นน้ำหรือขี้ผึ้งขัดด้วยผ้านุ่ม ๆ ล้างด้วยน้ำสะอาด แล้วเช็ดด้วยผ้าแห้ง

 :114:ทำความสะอาดนาก
ใช้ขี้บุหรี่ผสมน้ำมะนาวขัดจะเงางามขึ้น

 :114:ทำความสะอาดสแตนเลส
นำสารส้มใส่ลงในน้ำ ต้มให้เดือด นำเครื่องสแตนเลสใส่ลงไปต้มสักครู่ แล้วล้างด้วยน้ำสะอาดอีกครั้งหนึ่ง

 :114:ทำความสะอาดเครื่องหนังเปื้อนรา
นำผ้าชุบแอมโมเนียเช็คตรงบริเวณที่ขึ้นรา

 :114:ทำความสะอาดกระจกเงา
กระจกเงาเกิดฝ้าทำความสะอาดโดยวิธีนำแป้งฝุ่นทาบนกระจกให้ทั่ว แล้วใช้กระดาษนุ่ม ๆ บางถูให้ทั่ว หรือใช้วิธีล้างด้วยสบู่หรือผงซักฟอกกับน้ำอุ่น แล้วชโลมด้วยน้ำส้มสายชู เมื่อกระจกแห้งจะดูเงางาม
อีกวิธีโดยบีบยาสีฟันทาลงบนกระจากเล็กน้อย ละเลงให้ทั่ว ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดทำความสะอาด แล้วใช้ผ้าแห้งถูอีกครั้ง หรือถ้ามีกระดาษหนังสือพิม์ที่อ่านแล้ว จะใช้ถูกระจกให้ใสสะอาดได้เหมือนกัน

 :114:ทำความสะอาดเครื่องแก้ว
นำเกลือป่นผสมกับน้ำส้มสายชูอย่างละเท่า ๆ กัน ใส่ลงในอ่างน้ำ นำเครื่องแก้วมาล้าง เครื่องแก้วจะสะอาดน่าใช้


 :005:เป็งไงละครับดูกรอบพระของผมสิ :005:

 :074:เงางามเหมือนซื่อมาใหม่ๆเลย :074:


อิ อิแถมอีกหน่อยสำหรับคนที่ใส่แว่นตา ครับ   :058:

 :114:ทำความสะอาดแว่นตา
โดยไม่ต้องซื้อน้ำยาล้างแว่น มีวิธีง่าย ๆ คือใช้น้ำ 2 ถ้วย สบู่ล้างจาน 2 ช้อนโต๊ะ ผสมแอลกอฮอล์ แล้วเทใส่ขวดที่ฉีดออกมาเป็นฝอยได้ ใช้ทำความสะอาดแว่นตา



อ้างอิงข้อมูลมาจาก thongchai/clean.htm  :015:

ผิดถูกประการใด ผมขอโทษ มา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ  :025:

41
50 ข้อดีของคนไม่มีแฟน

1.มีเวลาทำอย่างอื่นนอกจากดูหนัง คุยโทรศัพท์
2.มีเวลาอยู่กับเพื่อนมากขิ้น
3.กลับบ้านดึกใด้โดยไม่ต้องรายงานตัวใคร
4.ไม่ต้องทะเลาะกับใคร
5.ประหยัดค่าใช่จ่าย แบบว่าไม่ต้องไปเทียวไหน
6.ร้องเพลงคนไม่มีแฟนของพี่เบิร์ดได้อย่างสะใจ
7.ไม่ต้องคอยเอาใจคนอื่น
8.ไม่ต้องพบเพื่อนของแฟนที่เราไม่อยากรู้จัก
9.มีคนคอยเป็นห่วงเยอะ(และคอยถามว่าทำไมไม่มีแฟน)
10.ไม่ต้องกลัวว่าใครจะมาแย่งแฟนเรา
11.ไม่ต้องคอยหึงหวง
12.ไม่ต้องห่วงว่าเค้าจะสบายดีหรือปล่าว
13.มีเวลาให้กับตัวเองเต็มที่
14.ไม่ต้องฟังคำว่า "อนาคตของเรา"
15.ไม่ต้องอกหัก(อันนี้สำคัญมาก)
16.ไม่ต้องกังวลว่าแต่ละวันใส่ชุดอะไรถึงจะถูกใจเค้า
17.ไปหาเพื่อนแต่งตัวแบบไหนก็ได้
18.ไม่ต้องคอยเช็คsmsเผื่อว่าเขาส่งมาแล้ว ยังไม่ได้ส่งกลับ (เฮ้อ..เปลืองเงินปล่าวๆ)
19.อยากจีบสาวปวชได้โดยไม่มีใครคอยประกบ        <----อันนี้ผมชอบ :095:
20.พ่อแม่จะรักเป็นพิเศษเพราะอยู่ติดบ้าน
21.ไม่ต้องเปลียนตัวเองเพื่อเอาใจใคร
22.ไม่ต้องคิดมาก
23.มีทางเลือกให้กับชีวิตมากขิ้น
24.......ไม่ต้องร้องไห่.........                           <----อันนี้ผมก็ชอบ :095:
25.ได้ทำตามใจตัวเองอย่างเป็นสุขไม่ต้องกังวลถึงใคร
26.คิดถึงคนหลายๆคนพร้อมกันได้
27.คิดถึงตัวเองมากขิ้น
28.ชินกับการอยู่บ้านเพราะไม่มีแฟนชวนเทียว
29.เล่นเนตได้นานสะใจ จะคุยกับใครก็ได้ไม่มีใครหวง
30.มีเวลาดูละครน้ำเน่ามากขิ้น
31.เข้าถึงพระธรรมได้ง่าย                                <----อันนี้โดนใจมากที่สุด!! :015:
32.ไม่ต้องคอยโทรศัพท์
33.ไม่ต้องเปลืองค่าโทรศัพท์โทรหา
34.จะแหล่ใครก็ไม่มีใครว่าเพราะยังไม่มีใครถูกใจ
35.ไม่ต้องคอยระแวงว่าคนที่เดินข้างๆจะเป็นใคร
36.จะทำอะไรก็ได้
37.ไม่โดนเพื่อนด่าว่า "ลืมเพื่อน"
38.คิดถึงใครก็ได้ที่อยากจะคิด
39.ไม่ต้องทำหล่อทำสวยทั้งวัน
40.ไม่ต้องดัดเสียงให้ดูมาดแมนหรือฟังดูน่ารัก
41.ไม่ต้องปกปิดความชั่วของตน
42.จะทำอะไรก็ได้ไม่ต้องเกรงใจแฟน
43.ใครจีบก็จีบไปเพราะเรา ไม่มีแฟน
44.ไม่ต้องเอาใจญาติพี่น้องแฟน
45.แต่ชอบที่จะอุ้มแฟนเข้าเรือนหอนะ
46.ร่างการแข็งแรงเพราะเอาเวลาไปเล่นกีฬา(และอาจจะหล่อเหมือนภราดร)
47.สามารถคุยกับเพศตรงข้างได้โยไม่รู้สึกผิดเพราะไม่มีแฟน
48.ไม่ต้องร้องเพลงอกหัก
49.ประหยัดน้ำตาไว้ร้องไห้เรื่องอื่น
50.ไม่ต้องคอยไปรับไปส่งใคร

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

อ้างอิงข้อมูลมาจาก .dek-d.com

ผิดถูกประการได้ผมขอโทษมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ

 :005: คนโสดขอลาก่อน  :005:

42
จุดลับตำหนิ เหรียญหลวงปู่ ปี19





นี้คือเหรียญแท้นะครับ




นี้คือเหรียญปลอมนะครับ



ผมก็นำมาฝากเพียงเท่านี้นะครับ ผิดถูกประการใด ผมขอโทษมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ  :077:

โปรดระวังของลอกเรียนแบบนะครับ เพราะสมัยนี้มีบล๊อคคอมพิวเตอร์ อันตรายมากๆ
ก่อนที่จะเช่าบูชา ก็ขอให้สังเกตดีๆ หรือไม่ก็ให้ผู้เชียวชาญ มาดูให้อีกแรงหนึ่ง
ใครที่มีจุดลับตำหนิเหรียญหลวงปู่ปี19หรือว่าเหรียญรุ่นอื่นอีก ก็ขอให้นำลงมาโพสกันหน่อยนะครับ
เพื่อเป็นวิทยาทานแก่ผู้ที่จะเช่าบูชา เหรียญหลวงปู่ สืบต่อไป  :025:

43
 :016: เอาใจสายโหด-มัน-ฮา(โปรดใช่วิจรณญาณในการรับชม.อายุไม่ถึง18ปีควรได้รับการแน่นนำ :052:)  :015:


ยันต์บัวบังใบ


ยันต์เพรชพญาทอน


ขอลบสามรูปสุดท้ายออก นะครับ

ผิดถูกประการใด ผมขอโทษมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ  :090:

44
วิธีล้างคราบรักหรือคราบต่างๆ วิธีขจัดสนิมเขียว วิธีการเก็บรักษาพระเครื่องพระบูชา

1. วิธีล้างคราบรักหรือคราบต่างๆ ที่ติดอยู่กับพระผง, พระกรุต้องทำอย่างไร

2. วิธีขจัดสนิมเขียวออกจากองค์พระบูชาต้องทำอย่างไร

3. วิธีการเก็บรักษาพระเครื่อง-พระบูชาของคุณแทนทำอย่างไรบ้าง

ตอบ..

1. วิธีล้างทำความสะอาดพระเครื่องนั้น ต้องดูที่ว่าเราต้องการทำความสะอาดอะไร และพระนั้นๆ มีเนื้อวัสดุเป็นอะไร เพราะการทำความสะอาดจะไม่เหมือนกันครับ การทำความสะอาดก็ต้องประณีตพอสมควร ไม่เช่นนั้นจะทำให้พระเก่าๆ นั้นเสียหายได้ครับ เอาละผมจะพูดถึงการทำความสะอาดทั่วๆ ไปก่อน ถ้าพระเครื่องของคุณสกปรกอาจจะมาจากคราบเหงื่อไคลหรือผงฝุ่นละอองต่างๆ ก็ให้นำเตรียมน้ำอุ่นแล้วผสมกับสบู่เหลวใส่ถ้วยไว้ หาพู่กันระบายสี เอาชนิดดีๆ หน่อย จะเป็นของสง่ามะยุระก็ได้เอาประเภทขนแปรงอ่อนๆ ก็แล้วกัน จากนั้น ให้ตัดปลายพู่กันให้สั้นลงสักเกือบครึ่งหนึ่งเพื่อให้ขนแปรงมีสปริง จากนั้นก็นำพระที่จะล้างลงแช่ในน้ำอุ่นที่เตรียมไว้ ค่อยๆ ใช้พู่กันปัดเบาๆ หลายๆ ครั้ง จะเห็นว่าคราบสกปรกจะค่อยหลุดออกเองครับ ทำอย่างนั้นจนกว่าจะพอใจ แล้วก็นำน้ำสะอาดมาใส่ถ้วยแล้วนำพระมาล้างอีกครั้งหนึ่ง หลังจากนั้นก็นำพระไปผึ่งลมจนแห้งหรือผึ่งลมไว้สัก 24 ช.ม. ก็เป็นอันเสร็จพิธีครับ ข้อสำคัญอย่าล้างแบบรีบร้อนเพื่อต้องการเอาสิ่งสกปรกออกเร็วๆ ต้องค่อยๆ ล้างออกทีละนิดทีละนิดนะครับ


ส่วนวิธีล้างรักออกจากองค์พระนั้น เป็นกรรมวิธีที่ต้องใช้ความประณีตมาก ขั้นแรกให้ไปซื้อนำยาลอกสีจากร้านวัสดุก่อสร้างมาหนึ่งกระป๋อง เอากระป๋องเล็กก็พอไม่กี่บาทหรอก จากนั้นก็หาพู่กันขนแข็งจากร้านวัสดุก่อสร้างนั่นแหละมาหนึ่งอัน แต่ไม่ต้องตัดปลายอีก หาไม้ไผ่หรือไม้เสียบลูกชิ้นก็ได้มาหนึ่งอัน จากนั้นก็หาภาชนะใส่น้ำไว้ 2 อัน อันแรกให้ใส่น้ำผสมสบู่เหลว อันที่สองให้ใส่น้ำสะอาดเตรียมไว้ จากนั้นก็นำน้ำยาลอกสีมาใส่ภาชนะที่เป็นกระเบื้องหรือแก้วก็ได้ ตักออกมาเล็กน้อย จากนั้นก็เอาไม้ไผ่แตะน้ำยานำมาแต้มที่บริเวณรักที่ต้องการจะลอก ให้ทำทีละจุดเล็กๆ ก่อน ทิ้งไว้สักครู่ก็จะเห็นว่ารักจะเริ่มพองและเริ่มล่อนออกมา ก็ให้ใช้พู่กันปัดเอารักออก ทำไปเรื่อยๆ จนหมด จากนั้นก็นำพระไปล้างที่น้ำผสมสบู่เหลว ปัดด้วยพู่กันขนอ่อน ล้างให้สะอาดแล้วล้างซ้ำด้วยน้ำสะอาดอีกที แล้วจึงนำไปผึ่ง เป็นอันเสร็จพิธีครับ อย่าลืมว่า การทำทั้งสองอย่างที่บอกมานี้ต้องค่อยๆ ทำทีละน้อยทีละจุด อย่างประณีต ไม่เช่นนั้นจะทำให้องค์พระเสียหายได้ครับ อ้อน้ำยาลอกสีนี้ เวลาใช้ต้องระวังให้มากครับ อย่าให้กระเด็นโดนผิวหรือตาเป็นอันขาด เพราะมีส่วนผสมของโซดาไฟครับ ถ้าโดนผิวจะแสบจี๊ดเลยครับ ถ้ากระเด็นโดนก็ให้รีบล้างด้วยน้ำสะอาดมากๆ และถ้าโดนตาละก็ไม่ต้องพูดแหละครับรีบล้างด้วยน้ำสะอาดแล้วรีบหาหมอลูกเดียว

2. วิธีขจัดสนิมเขียวออกจากพระบูชา ก็ทำคล้ายๆ กับการล้างคราบสนิมเขียวจากเหรียญถ้าเป็นไม่มากนักก็ใช้ครีมทาผิว ยี่ห้อนีเวีย หรือซิตร้าไวท์ก็ได้ พอกไว้บริเวณที่เป็นสนิมเขียว ทิ้งไว้ประมาณ 24 ช.ม. แล้วจึงล้างออก ถ้ายังออกไม่หมดก็พอกใหม่ทิ้งเวลาให้นานขึ้นๆ ทำไปเรื่อยๆ จะค่อยๆ ออกจนหมดครับ ยังมีวิธีที่ล้างสนิมเขียวให้เร็วขึ้น แต่เสี่ยงกับการเสียผิวพระครับ ผู้ล้างต้องมีความรู้ความชำนาญมากจึงจะทำได้ครับ

3. การเก็บรักษาพระเครื่อง-พระบูชา ก็ไม่มีอะไรมากครับ พระเครื่องที่เราใส่ห้อยคอ ถ้าไม่คิดอะไรมากก็เลี่ยมพลาสติกหุ้มแล้วไปจับกรอบทองหรืออะไรก็แล้วแต่อีก ที ไอเหงื่อจะไม่ไปโดนองค์พระครับ แต่ถ้าใส่กรอบแบบตลับ ไอเหงื่อจะซึมเข้าได้ ก็คอยสังเกตดู ถ้ามีสิ่งสกปรกเข้าไป นานๆ ก็นำมาล้างตามที่บอกไปแล้วซักที ก็พอครับส่วนพระที่เก็บไว้ที่บ้านก็ให้หากล่องใส่พระที่เป็นกล่องสแตนเลสที่ มีฟองน้ำสองด้าน (ด้านบนและด้านล่าง) สำหรับใส่พระเขามีขายทั่วไปตามร้านขายอุปกรณ์ใส่พระ นำพระเก็บไว้ให้ห่างกันพอสมควร ไม่ควรใส่จนแน่นเกินไปจะทำให้พระเสียหายได้ และควรใส่พระประเภทเนื้อแบบเดียวกันในกล่องเดียวกัน เช่นเนื้อผงก็ใส่กับเนื้อผง เนื้อดินก็ใส่กับเนื้อดิน เนื้อโลหะก็ใส่กับเนื้อโลหะ เหรียญก็ใส่กับเหรียญ และไม่ควรใส่พระในกล่องโดยซ้อนกันสองชั้นจะทำให้พระเสียหายได้

ส่วนพระบูชาก็ไม่มีอะไรมากตั้งไว้บนหิ้งพระนั่นแหละครับ ถ้ากลัวว่าจะมีฝุ่นหรือความชื้นมาเกาะก็หาครอบแก้วมาครอบไว้ แล้วนำซองกันชื้นมาใส่ไว้เพื่อกันความชื้นก็พอช่วยได้ครับ ซองกันชื้นถ้าหาที่ไหนไม่ได้ก็ไปซื้อที่ร้านถ่ายรูปหรือร้านขายกล้องถ่ายรูป เขามีขายครับ

การเก็บรักษาพระเครื่อง-พระบูชาที่ผมบอกนี้ไม่ได้กันขโมยนะครับ ถ้ากันขโมยก็ต้องเก็บไว้ที่ธนาคารครับ

อ้างอิงมาจาก http://board.palungjit.com
แบ่งปันสิ่งดีๆ นี้สิ คือ . . . เพื่อน!!



องค์นี้สิ รักมากมายเรย :005:

45
การดูแลรักษารอยสัก
พูด ถึงขั้นตอนของการดูแลรักษา รอยสักใหม่ หลายๆคนอาจสับสนกับ วิธีการที่ควรปฏิบัติ เพราะเนื่องจากหลายๆสำนักสัก ร้านสัก ก็แนะนำกันไปคนละหลายรูปแบบ ซึ่งในบางครั้งที่ผมพบเจอนั้น ร้านบางร้านก็ไม่ได้มีความรู้เรื่อง การดูแลรักษาอย่างที่ถูกต้องนัก จากประสบการณ์ที่ผ่านๆมา และบวกกับการไปปรึกษาเพื่อนช่างสัก ซึ่งเป็นช่างสัก ที่มีความรู้และศึกษา เกี่ยวกับระบบการดูแลรอยสักมาโดยตรง มีความรู้เรื่องระบบของร่างกาย และ เรื่องของ การบำรุงรักษารอยสักทั้งเก่าและใหม่เป็นอย่างดี ซึ่งจากการที่ได้พูดคุย กับเพื่อนช่างสักหลายต่อหลายคน ในเรื่องของการดูแลรักษารอยสักใหม่ ก็ได้บทสรุปมาค่อนข้างชัดเจนดังนี้ครับ มาฟังรายละเอียดกันเลยครับ

-หลัง จากที่ ขบวนการสักเสร็จสิ้นลง ช่างสักควรทายาให้ทั่วบริเวณรอยสักใหม่ ด้วยแอนตี้เซปติกครีม แล้วปิดรอยสักด้วย ผ้าพันแผลที่ไม่ใช่แบบผ้าก็อตครับ หรือไม่ก็ปิดด้วย พลาสติกห่ออาหารก็ได้

-ให้ปิดผ้าพันแผลไว้อย่าง น้อยประมาณ 4ชั่วโมงครับ ทำไมต้อง4ชั่วโมง? เพราะว่าร่างกายของมนุษย์โดยทั่วไป จะใช้เวลาระหว่าง ครึ่งชั่วโมง-3ชั่วโมง เปลี่ยนสถานะของเลือด จากของเหลวจนถึงสภาพหนืด หรือหมายถึงเลือดเริ่มหยุดไหล ในเวลาระหว่างนั้นนั่นเองครับ

-ซึ่ง ถ้าคุณเอาผ้าพันแผลออกก่อนเวลานั้น แล้วเลือดของคุณยังคงซึมๆอยู่นั้น หรือเลือดเปลี่ยนสถานะ กลายเป็นน้ำเหลือง(น้ำเลือดใสๆ) ที่ยังคงซึมออกมาตามรอยสักใหม่นั้น และเมื่อคุณปล่อยให้มันแห้งเองบนรอยสักใหม่นั้นแบบนั้น ซึ่งทำให้พื้นผิวด้านบน ของรอยสักนั้นมีชั้นของน้ำเหลืองที่แห้งหนากว่าปรกติ ที่ควรจะเป็น มาปกคลุมรอยสักใหม่ของคุณ(ซึ่งรอยสะเก็ดนี้คุณไม่ควรที่จะแกะหรือเกา รอยสะเก็ดนั้นๆ) นั่นหมายความว่า ระยะเวลาของการรักษาแผลนานกว่าปรกติ และมีโอกาสเสี่ยงกับการพลาด เมื่อคุณเผลอไปแกะหรือเกา โดยไม่ได้ตั้งใจ หรือตั้งใจก็ตาม ซึ่งจากการแกะหรือเกาสะเก็ดแผลดังกล่าว หมายถึงคุณกำลังขุดสีที่รอยสักออก เป็นผลทำให้สีหลุดหายไป จากบริเวณนั้นของรอยสักคุณ

-หลังจากนั้น(ผ่าน4ชั่วโมง+) ให้นำผ้าพันแผลออก ซึ่งบางครั้งก็เป็นการง่ายที่จะเอาออก แต่ถ้าคุณมีความรู้สึกว่า ผ้าพันแผลดังกล่าวติดกับรอยสักชิ้นใหม่ของคุณอยู่นั้น ให้หยุดการแกะทันทีครับ ให้ใช้การเปิดน้ำไหลผ่าน แล้วค่อยๆลูปบริเวณ ผ้าพันแผลเบาอย่างนุ่มนวล จนกว่าผ้าพันแผลจะหลุดออก อย่ารีบดึงออกในทีเดียวครับเพราะจะทำให้พื้นผิวรอยสักของคุณเกิดความเสียหาย ได้ ถ้าลองครั้งแรกด้วยน้ำแล้วผ้าพันแผลยังไม่ออก พยายามลองทำไปเรื่อยอย่างช้าๆ ใจเย็นๆครับ ดีกว่าการที่คุณใจร้อนดึงออกแล้ว การรักษายาวนานกว่าหรือ แม้แต่การที่คุณเอาสีสัก ที่ติดกับผ้าพันแผลนั้นออกไปด้วย(งานสักคุณ ก็จะเกิดรอยโหว่บริเวณดังกล่าว)

-จากนั้น ล้างรอยสักด้วยการผ่านน้ำ หมายถึงการอาบน้ำด้วยฝักบัว หรือเปิดน้ำไหลในขณะที่ล้าง ด้วยน้ำอุ่นๆ กับสบู่อ่อนๆจากนั้น ซึ่งสบู่ที่แนะนำให้ใช้ ควรเป็นสบู่ชนิด ที่ไม่มีสารประกอบดังนี้ มีน้ำหอมผสมอยู่, สารระงับกลิ่นกาย, มีสารปรับสภาพผิว หรือผสมด้วยสารบำรุงผิวให้อ่อนนุ่ม ฯลฯ ทางที่ดีควรใช้สบู่สำหรับเด็กจะดีที่สุดครับ
-เมื่อคุณล้างรอยสักใหม่ เสร็จแล้ว คราวนี้ก็มาถึงการซับให้แห้ง ผมแนะนำให้ใช้กระดาษเช็ดมือแบบหนาแต่นุ่ม(ที่ม้วนจะใหญ่ๆ ความสูงเป็น2เท่าของทิชชู่ ขนาดปรกติ) ซับและเช็ดรอยหรือคราบเลือดและน้ำเหลืองออกให้มากที่สุด แต่ต้องทำอย่างนุ่มนวลนะครับ จำไว้อย่างหนึ่งครับ ว่าเลือดหรือน้ำเหลืองที่แห้งหมายถึงสะเก็ดแผลที่หนา, ไม่มีเลือดหรือน้ำเหลืองแห้ง หมายถึงผิวหนังอ่อนๆแบบธรรมชาติ(ไม่มีสะเก็ดนั่นเอง)

-ขอเพิ่มเติม อีกนิดครับ สำหรับผู้ที่รับการสักใหม่ๆ และอาศัยอยู่ร่วมกับเพื่อนๆ(หอพัก หรืออะไรก็แล้วแต่ที่ไม่ได้มีคุณอาศัยอยู่เพียงลำพัง) คุณควรมีการให้ความเคารพ หรือรับผิดชอบต่อขั้นตอนการรักษารอยสักของคุณด้วย และควรระมัดระวังเรื่องเลือดที่เกิดจากรอยแผล รอยสักใหม่ของคุณ ซึ่งสามารถที่จะเกิด อัตราเสี่ยงของภูมิคุ้มกันของพื้นที่ๆเลือดของคุณไปสัมพัส แล้วใครที่อาศัยร่วมกับคุณอาจมาสัมพัสบริเวณดังกล่าวได้โดยตรง ทั้งหมดนี่หมายถึง ทำทุกอย่างให้รอบคอบและมั่นใจ บริเวณที่คุณทำความสะอาดรอยสักนั้น ไม่ว่าจะเป็นอ่างล้างหน้า, อ่างอาบน้ำ หรือภาชนะที่คุณใช้ ล้างขณะทำความสะอาดรอยสักของคุณ ควรล้างและ ทำความสะอาดขจัดคราบเลือดให้ดีด้วยครับ ส่วนพวกกระดาษที่ใช้ซับหรือเช็ดเลือดนั้น ควรทิ้งไว้ที่ถังขยะอย่างมิดชิดด้วยครับ


-เมื่อเช็ดรอยสักใหม่ ของคุณ แห้งแล้ว(ขั้นตอนหลังจากการล้างทำความสะอาด) ปล่อยทิ้งไว้ซักระยะประมาณครึ่งชั่วโมง ก่อนที่จะทำการทายาบางๆด้วย ยาบีแพนเดนท์(*Bepanthen) *เป็นครีมยาแอนตี้เซปติกอย่างอ่อนของออสเตรเลีย ที่ดีที่สุดและเหมาะกับการรักษาแผลรอยสักเป็นอย่างมาก แม้แต่ร้านสักหลายต่อหลายร้านที่อเมริกาก็สั่งนำเข้าไปใช้ ซึ่งเพื่อนๆหลายๆคนคงพอรู้อยู่บ้าง เรื่องของครีมที่ประเทศนี้ ค่อนข้างมีชื่อเสียงในการผลิตครีมบำรุงผิวพรรณเป็นอย่างมาก(เช่น เดวิทโจนน์ หรือครีมพวก รกแกะฯลฯ)
-พยายามล้างรอยสักใหม่ ทุกๆ3ชั่วโมง หลังจากที่คุณนำผ้าพันแผลออก นี่เป็นวิธีการที่ทำให้คุณมั่นใจว่า จะไม่เกิดคราบเลือดหรือน้ำเหลือง เกาะติดบริเวณพื้นผิวด้านหน้า ของรอยสักใหม่

-ทำไมต้อง ยา?(*Bepanthen) เมื่อก่อนหน้านี้ ช่างสักหลายๆคน ใช้และแนะนำลูกค้าให้ใช้ วาสลิน สำหรับรอยสักใหม่ เป็นเวลาหลายปีมาแล้ว จากนั้นก็เปลี่ยนมาใช้ยา เซวาลอน (Savalon) นักเคมีวิทยาได้ศึกษาและวิจัย จนได้มาเป็นครีมบีแพนเดนท์ ซึ่งใช้สำหรับ ทาก้นและสายสะดือของทารกแรกเกิด และบริเวณหัวนมของมารดาที่กำลังมีบุตร ซึ่งเป็นเหตุผลแรกที่ผลิตยาตัวนี้ขึ้นมา และยาแอนตี้เซปติก บีแพนเดนท์ เป็นยาปฏิชีวนะที่ใช้สำหรับฆ่าเชื้อโรคทุกๆชนิด บนผิวหน้าของผิวหนัง และยังอ่อนโยน ซึ่งไม่ทำให้ผิวหนังไหม้ ด้วยส่วนผสมของน้ำมันจากอัลมอนด์(หมายถึงยาชนิดนี้อ่อนมาก ไม่เหมือน เซวาลอนๆนั้นแรงออกฤิทธิ์แรงเกินไป ไม่เหมาะที่จะใช้กับงานสัก) ซึ่งยาตัวนี้เป็นยาที่มีชื่อเสียงกับการนำมาใช้ การรักษาแผลรอยสักเป็นอย่างมาก(ร้านสักทุกร้านที่ออสฯใช้ยาตัวนี้ทั้งหมดเลย ครับ) นอกเหนือจากนี้ ผมก็เคยได้ยินครีมของโปรแทท(Protat) และแทททูกู(Tattoo Goo) โดยส่วนตัวยังไม่เคยลอง แทททูกูครับ แต่โปรแทท นี่เคยลองแล้ว แต่ดูเหมือนจะเลียนแบบส่วนผสมของ บีแพนเดนท์แถบทุกตัวเลย แต่ผลที่ใช้ไม่ค่อยประทับใจเท่าที่ควรครับ เลยต้องกลับมาใช้ บีแพนเดนท์ยืนพื้นในการดูแลรักษา รอยสักกับลูกค้ามาโดยตลอดครับ


-ห้ามใช้ ครีมทาสำหรับริดสีดวงทวาร(ฟังดูแล้วไม่น่าเชื่อครับ แต่มีหลายๆคนใช้ครีมประเภทนี้กับรอยสัก Huh??) และครีม ทุกๆครีมที่มีส่วนผสมของฮอร์โมนคอร์ติโซน(Cortissone) ชนิดที่มาจากเปลือกหมวกไต ใช้สำหรับรักษาโรคไขข้ออักเสบหรืออาการภูมิแพ้บางอย่าง ซึ่งผสมอยู่ในครีมมาใช้รักาารอยสักใหม่ (พบในครีมประเภท ซีม่า ที่ใช้สำหรับรักษาโรคผิวหนัง) ซึ่งครีมเหล่านี้ ทำให้สีสักหลุดออกหมด(ต่ำสุดก็ประมาณ50เปอร์เซ็นที่ คุณต้องเสียสีที่อยู่ในรอยสัก) ในขณะช่วงระยะเวลาการรักษารอยสัก เพื่อนช่างสักของผมเคยเจอลูกค้าที่ใช้ครีมประเภทนี้ ซึ่งทั้งๆที่เขาได้บอกและอธิบายอย่างละเอียดยิบ ของขั้นตอนที่ควรปฏิบัติอย่างดีแล้ว ประมาณ10กว่าวัน ลูกค้าคนนั้นกลับมาด้วย รอยสักที่แถบมองไม่ออกเลยว่าเป้นภาพอะไร??? ช่างสักส่วนมาก ยินดีและอยากที่จะซ่อมงานสัก ที่ช่างได้ทำอยู่แล้วครับ เพราะไม่อยากให้งานของตัวเองออกไป แบบเสียๆแน่ๆ แต่เจอแบบนี้เข้าก็แถบร้องไห้เหมือนกันครับ เพราะมันแถบต้องเริ่มแก้งานกันใหม่หมด ทั้งๆที่ไม่ใช่ความผิดของช่างสักเลย แล้วก็ครีมประเภทปาล์ม ที่มีส่วนผสมของน้ำมันปิโตเลียม(ไขมันปลาวาฬ) อโลเวล่า หรือว่านหางจระเข้ (ใช่ครับมันดีต่อสุขภาพผิวหนัง แต่ไม่ส่งผลดีกับรอยสักเลยครับ) และก็ครีมหรือยาทุกชนิดที่มีส่วนผสมของ อัลกอล์ฮอล์(ทำให้ผิวหนังแห้ง แล้วก็ แสบแบบนรกเลยครับ)


-แสง แดดนี่ก็ห้ามเลยครับ เป็นของไม่ถูกกันอย่างมากกับรอยสักรอยใหม่แน่ๆครับ เนื่องจากระยะเวลาหลังจากการสัก ประมาณ3-4อาทิตย์ ผิวหนัง ที่มาปกคลุมรอยสักใหม่นั้น ยังเป็นเพียงชั้นผิวหนังที่บางๆ ซึ่งถ้าถูกแสงแดดโดยตรงกับรอยสักใหม่นั้นจะทำให้สี เกิดการหมองคล้ำ ไม่สดใสและเป็นผลกระทบ ภายในอนาคตในเรื่องของสีไม่สด ถึงแม้ว่ารอยสักนั้นมีอายุกี่ปีก็ตาม อย่าโดนแดด ดีที่สุดครับ คิดง่ายๆแค่คุณเอาภาพถ่ายรูปไปวางตากแดด ไม่กี่นาน สีก็จะซีดลงอย่างเห็นได้ชัดครับตัวอย่างคนรักรถ ยังหาผ้ามาคลุมกันแดดเลย เพราะกลัวรถสีซีด แล้วทำไมเรื่องของรอยสักจะไม่ดูแลกันอย่างดีเพราะมันเป็นเครื่องประดับติด ตัวราคาแพง ที่คุณสามารถอวดใคร ในทุกที่ทุกเวลาก็ได้(แม้ยามที่คุณไม่มีผ้าซักกะผืน อิอิ) ทางที่ดีหาครีมกันแดดแบบ SPF30+ มาใช้ก็อาจช่วยได้ ไม่มากก็น้อยครับ

-สปาร์ และซาวน์น่า ไม่เหมาะอย่างยิ่งครับ และพวกน้ำที่มีคอลรีน ก็ไม่ควรครับ(การว่ายน้ำ ในสระน้ำที่ผสมคอลรีน)

หาก งานหรือ อาชีพของคุณ ต้องเผชิญกับฝุ่นและความสกปรก คุณย่อมมีความเสี่ยงสูง สำหรับระยะการดูแลรักษารอยสักใหม่ หมายถึงคุณมีอัตราเสี่ยงกับเชื้อโรคมากกว่าปรกติ ซึ่งจะเป็นผลให้เกิดการอักเสบได้ และใช้ระยะเวลารักษานานกว่าปรกติ ควรเลี่ยงที่จะให้งานสักใหม่เผชิญกับฝุ่นและความสกปรกดังกล่าว หาผ้าปิดแผล แต่ก่อนทำการปิดให้ใช้ครีมรักษารอยสัก ทาเป็นชั้นบางๆไว้ด้วย เพื่อไม่ให้ผ้าพันแผลไปติดกับรอยสัก เมื่อเสร็จงาน ก็ควรแกะผ้าพันแผลออกด้วย เพื่อให้อากาศได้ถ่ายเท

รอยสักใหม่จะมี ชั้นผิวหนังบางๆปกคลุม ด้านบนของรอยสัก ผิวหนังส่วนดังกล่าวอาจเป็นไปได้ทั้ง2อย่าง คือ สีของชั้นผิวหนัง และสีที่ได้ทำการสัก ลักษณะของผิวหนังจะบางๆและผิวมันเหมือนแผลเป็น ไม่ต้องกังวลใจคิดว่างานสักเกิดมีปัญหาอะไรครับ

โดยปรกติถ้าคุณ ปฏิบัติตามขั้นตอนข้างต้นเป็นอย่างดีแล้ว ระยะเวลาการรักษารอยสักใหม่ กินเวลาประมาณ 5-14 วัน โดยประมาณ และผิวหนังจะกลับมาสู่ภาวะปรกติ เหมือนผิวธรรมดาที่ไม่ได้ทำการสัก หลังจาก2-6สัปดาห์ หลังการสักครับ

เพิ่ม เติมเรื่องของยาปฏิชีวนะ หรือยาฆ่าเชื้อ ที่เป็นครีมสำหรับการนำมาทา หลังจากสักเสร็จ ถ้าหาBepanthenไม่ได้ อย่างน้อยสุดแนะนำ ครีมประเภท Vitamin A และ Vitamin D ที่ผสมอยู่ในหลอดเดียวกัน ส่วนVitamin E หรือครีมนีเวีย ถ้าแผลยังไม่หายอย่าพึ่งไปใช้ครับ เอาไว้ใช้หลังจากสะเก็ดแผลหลุดหมดแล้วค่อยนำมาบำรุงผิวครับ

อย่า ลืม ครีมบำรุงผิวประเภท Vitamin E หรือครีมนีเวีย เป็นครีมประเภทสำหรับบำรุงผิว ไม่ใช่ครีมรักษารอยสักใหม่ครับ อย่าใช้ผิดประเภทครับ...

ยาทาอีกตัวที่แนะนำ หาได้ไม่ยากครับ คือ เดทตอลครีม ก็สามารถใช้ได้เช่นกันครับ เนื้อยาซึมลงผิวหนังได้ดี ไม่เหนียวเหนอะเหมือนกับ บีเพนเทน เพราะช่วงอากาศร้อนในเมืองไทยการใช้ ยาบีเพนเทนอาจทำให้แผลมีความอับชื้นพอสมควรครับ ไม่ควรทาหนาเกินไปนะครับ



อ้างอิงมาจาก www.tattoocore.net
แบ่งปันสิ่งดีๆ นี้สิ คือ . . . เพื่อน!!

46
จากการที่ผมตามจีบ วัวธนูยุคแรก ขนาดบูชา ของหลวงพ่อพุฒ วัดกลางบางพระ มานานแสนนาน

และแล้วผมก็ทำสำเร็จ ได้วัวธนูมาใว้ในอ้อมกอด ..... :005:




ใด้รับความเมตตามาจากหลวงพี่ มาร์ค วัดกลางบางพระ ท่านเป็นพี่ชายห่างๆของผม ...อิ อิ มิใด้โฆษณาหรอ

แต่มันเป็นน้ำใจอย่าหาที่เปรียบไม่ได้ .... หลังจากที่หลวงพี่ได้มอบวัวธนูให้ผม ... หลวงพี่ได้บอกผมใว้ว่า.. เก็บรักษาใว้ให้ดี .ของมันหายากแล้วมันก็หลายตังอยู่

เลียงดีๆละ .. มรึงเรียนก็ระวังตัวให้ดีละ บาทามันจะมาโดยไม่รู้ตัว (ผมเรียนอยู่อุเทน...ไปเรียนแต่ละทีต้องมองให้ดี :093:เด๋วบาทามันจะมาหาโดยไม่รู้ตัว)  แล้วหลวงพี่ก็มอบ พระ

อนุชิต ให้ผมอีก1องค์




มันเป็นน้ำใจอย่างหาที่เปรียบไม่ได้จริงๆ



เอารูปหลวงพี่มาลงผมจะโดนเตะมั้ยเนี่ย -*-!


47
http://www.bp.or.th/webboard/index.php/topic,7820.new.html#new   <<----กระทู้เก่าครับ :074:





มาดูวัตถุมงคลกันดีกว่า!! :005:


พระว่านจำปาสักพิมษ์พระฤๅษี(ใด้จากหลังคาโบสถ์ตอนบุรณ)


พระฤๅษีแกะจากใม้รักซ้อนตายพรายเลียมน้ำมันจันทร์ สร้าง พ.ศ.๒๕๔๙(ใม้เก่าของหลวงพ่อพุฒ..หลวงพ่อองค์ปัจจุบันเป็นคนสร้าง)


พระธาตุพระฉิม(เป็นของเก่าแน่นอนครับ)


ชูชกเนื้อทองแดงชุบกะไหลทอง สร้าง พ.ศ.๒๕๓๘


เหรียญรู(เป็นมวลสารที่หลงเหลือจากการทำเหรียญรุ่นแรกหลวงพ่อองค์ปัจจุบันเป็นคนรักษาเก็บใว้)


สีผึ้ง+ตะกรุดเงิน/ทอง/นาค สร้างราว พ.ศ.๒๕๓0

                                             
เบี้ยแก้ สร้างราวๆ พ.ศ.๒๕๓0+


ตะกรุดโทน สร้างราวๆ พ.ศ.๒๕๓0+(เป็นกะตรุดที่ชำรุดนำมาถักลงลักปิดทองใหม่)


พญาต่อเงินต่อทอง สร้าง พ.ศ.๒๕๓๓(แกะจากใม้ล้อเกวียนแตก..สุดยอด!!)


ปลัดขิกแกะจากใม้กาลาปังหา สร้างราวๆ พ.ศ.๒๕๓0+


                             :005:วัตถุมงคลหลวงพ่อ พุฒ ผมเอามาถ่ายหมดบ้านแล้วนะครับถ่ายังไม่จุใจก็ ไปชมที่วัดใด้นะครับ มีให้ชมอีกเพียบ!! :005:

                                  ----------------------------------------------------------------------------------------------------
                                                   
                                               :016: พระรัตน์..แต่ละองค์สุดยอด ของเก่าแน่นอน อยากใด้มาก!!แต่ไม่มีปัญญๅ  :015:

48


[shake]พระครูสุนทรวุฒิคุณ(หลวงพ่อพุฒ สุนทฺโร)[/shake]

อดีตเจ้าอาวาสวัดกลางบางพระ ตำบลบางพระ อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม ท่านมรณะละสังขาร เมื่อ พ.ศ.๒๕๔๒

เกจิอาจารย์ทางด้านเมตตา

ท่านเป็นศิษย์-หลวงปู่หิ่ม วัดบางพระ
                -หลวงพ่อน้อย วัดศรีษะทอง
                -หลวงปู่เพิ่ม วัดกลางบางแก้ว
                -หลวงพ่อทอง วัดละมุด
                -หลวงพ่อเต๋ วัดสามง่าม
                -หลวงเงิน วัดดอนยายหอม



[shake]พระครูศรีสุตากร(พระมหาอภิชาติ อภิญาโญ)หลานแท่ๆของหลวงพ่อพุฒ[/shake]

เจ้าอาวาสองค์ปัจจุบัน ป.ท.๖ เจ้าคณะตำบลวัดละมุด

วัตถุมงคลที่เด่นๆของหลวงพ่อที่ผมมี


เหรียญรุ่นแรก เนื่อทองแดง สร้างเมื่อปี พ.ศ.๒๕0๕ แจกเปิดโรงเรียนวัดกลางเมื่อ ๙ มกราคม ๒๕0๙



กะลาตาเดียวแกะเป็นรูปราหูยุคแรก+ยุคหลังๆ สร้างราวๆ ๒๕๒๕+


เหรียญกลมหลวงพ่อพุฒครึ่งองค์ด้านหลังเป็นหนั้งเสือ เนื้อทองแดง สร้างเมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๘


เหรียญเสมาหล่อปืนไขว้ (นั้งทับปืน) เนื้อนวะ สร้างเมื่อ พ.ศ.๒๕๓๓


รูปหล่อองค์เล็ก เนื้อทองแดง สร้างเมื่อ พ.ศ.๒๕๓๓



วัวธนูยุคแรก(ผมไม่ได้เช่ามาตังไม่พอเลยขอพี่เค้าถ่ายรูปมา)+ยุคหลัง


ตะกรุดโทนรุ่นแรก สร้างเมื่อ พ.ศ.๒๕0๙


ชูชกแกะจากไม้รักซ้อนตายพราย(ไม้เก่าของหลวงพ่อพุฒ)เลียมน้ำมั้นจันทร์  สร้างเมื่อพ.ศ.๒๕๔๙(หลวงพ่อองค์ปัจจุบันสร้าง)


ล็อคเก๊ตพระมหาอภิชาติ อภิญาโญ(หลวงพ่อองค์ปัจจุบัน) รุ่นแรก สร้างเมื่อ พ.ศ.๒๕๔๙ (สร้างแค่๒๙องค์หมดไปแล้วครับ)


ผ้ายันต์บูชาครู๕๒...สวยมากๆ!! หลวงพี่ญาณวัฒน์ ธัมมนฺโท(มาร์ค)วัดกลางบางพระ สร้างถวายจำนวน๔๙๙ฝืน



                                                         ประทีปธรรมลาล้างกลางบางพระ       หลวงพ่อพุฒมรณะละสังขาร
                                               ฝากความดีไว้ให้เป็นพยาน                       พระเกจิอาจารย์ชาญอาคม
                                               อาลัยรักหลวงพ่อพุฒวิสุทธิ์สงฆ์                 ผู้มั่นคงเข้มขลังบุญสั่งสม
                                               สำรวมจิตกราบพร้อมประนม                      สู่ชั้นพรหมถึงทิพย์นิพาน เทอญ


                                                           ---------------------------------------------------


มาดูเกจิท่านอื่นกันมั้งดีกว่า. . .  :005:



เหรียญรุ่นพิเศษ หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ รุ่นแรกมีจาร สร้างเมื่อ พ.ศ.๒๕๑๙(เหรียญนี้รักมากกกกเลย)



เหรียญหลวงพ่อสมศักดิ์ วัดธรรมศาลา รุ่นแรก สร้างเมื่อ พ.ศ.๒๕๑๙


รูปหล่อหลวงพ่อปรีชา วัดเขาอิติสุตโต


ตะกรุดโสรส หลวงพ่อเอียม วัดสพานสูง


ผิดพลาดประการใด ผมขอโทษมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ

หน้า: [1]