กระดานสนทนาวัดบางพระ

หมวด มิตรไมตรี => รวมสมาชิก (มิตรไมตรี) => ข้อความที่เริ่มโดย: แบงค์ตลาดพลู ที่ 02 ก.ย. 2552, 09:24:05

หัวข้อ: ลองไปอ่าน A DAY เล่มล่าสุดดูนะครับ
เริ่มหัวข้อโดย: แบงค์ตลาดพลู ที่ 02 ก.ย. 2552, 09:24:05
ลองไป อ่าน หนังสือนิตยสารA DAY เล่มล่าสุดดูนะครับ
หัวข้อ: ตอบ: ลองไปอ่าน A DAY เล่มล่าสุดดูนะครับ
เริ่มหัวข้อโดย: derbyrock ที่ 02 ก.ย. 2552, 09:31:40
มีอะไรที่น่าสนใจให้ไปอ่านเหรอครับบอกรายละเอียดหน่อยก็จะดีน่ะครับ
หัวข้อ: ตอบ: ลองไปอ่าน A DAY เล่มล่าสุดดูนะครับ
เริ่มหัวข้อโดย: แบงค์ตลาดพลู ที่ 02 ก.ย. 2552, 09:39:42
เกี่ยวกับเรื่องพระพุทธศาสนาน่ะครับ แรกๆก็อ่านดีๆอยู่หรอก แต่พอไปอ่านตรง ของ  พระพยอม ท่านน่ะครับ ท่านให้ความเห็นเรื่องวัตถุมงคล เตรื่องรางของขลัง ในอีกแง่นึง ผมเองก็แปลกใจเหมือนกัน  ผิดพลาดประการใด ผมขอ อภัยอย่างสูงด้วยครับ       
หัวข้อ: ตอบ: ลองไปอ่าน A DAY เล่มล่าสุดดูนะครับ
เริ่มหัวข้อโดย: derbyrock ที่ 02 ก.ย. 2552, 09:56:46
ถ้ารู้จักพระพยอม เคยไปวัดสวนแก้ว คงไม่แปลกใจหรอกครับ จุดยืนในเรื่องนี้ของท่านชัดเจนมานานแล้วครับ ผมเอาข่าวจากข่าวสด ตอนจตุคามเป็นที่นิยมของคนไทยสุดๆ พระพยอมเลยทำคุ๊กกี้จตุคำออกมาครับ

พระพยอมจัดทำคุ้กกี้ "จตุคำ" เตือนสติผู้นิยมจตุคามรามเทพ

พระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว เปิดตัวการทำคุ้กกี้จตุคำ "รุ่นฉุกคิด 4 คำ รวยโคตร" บรรจุในกระป๋องอะลูมิเนียม โดยรูปแบบคล้ายจตุคามรามเทพ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 6 ซม. ด้านหน้าปั๊มตัวหนังสือว่า "จตุคำ" มีทองคำเปลวติด

 ส่วนด้านหลังมียันต์คาถามหาเศรษฐี ที่พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอนว่า "อุ อา กะ สะ" แปลว่า ขยันหา ขยันเก็บ เลือกคบ เลือกใช้ พร้อมลายเซ็นของพระพยอม

พระพยอม กล่าวว่า ที่ทำคุกกี้จตุคำ เพราะที่ผ่านมาพยายามพร่ำสอนเตือนให้คนไทยได้ฉุกคิดและเข้าถึงหลักคำสอนของ พระพุทธเจ้าอย่างแท้จริง ทั้งการเทศน์ การสอน แต่ระยะหลังนับตั้งแต่เกิดกระแสจตุคามรามเทพ ทำให้คนไทยโดยเฉพาะชาวพุทธที่กำลังหลงทิศ หันไปยึดถือยึดติดจตุคามแทนที่จตุรา อริยสัจ หรือ อริยสัจสี่ ซึ่งเป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าที่ได้ทรงตรัสรู้ไว้ อันเป็นหัวใจแท้ๆ ของชาวพุทธที่สอนให้รู้ว่าทุกข์เกิดได้อย่างไร 4 ประการ คือ การมีอยู่ของทุกข์ เหตุแห่งทุกข์ ความดับทุกข์ และหนทางไปสู่ความดับทุกข์


พระพยอม กล่าวอีกว่า ชื่อคุกกี้จตุคำ รุ่นฉุกคิดรวยโคตรนั้น นำมาจากคาถามหาเศรษฐีที่พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอนไว้คือ "อุ อา กะ สะ" ซึ่งนำมารวมกันก็จะได้ความหมายว่า ขยันหา ขยันเก็บ เลือกคบ เลือกใช้ ดังนั้นเมื่อฉุกคิดและเข้าถึงคำ 4 คำนี้ได้ ก็จะรวยได้รวยดีอย่างแน่นอน จึงเป็นที่มาของจตุคำ

ที่มาจาก ข่าวสด 15-06- 2007

(http://img27.imageshack.us/img27/7504/328639.jpg)

หัวข้อ: ตอบ: ลองไปอ่าน A DAY เล่มล่าสุดดูนะครับ
เริ่มหัวข้อโดย: umpawan ที่ 03 ก.ย. 2552, 07:03:56
ถ้ารู้จักพระพยอม เคยไปวัดสวนแก้ว คงไม่แปลกใจหรอกครับ จุดยืนในเรื่องนี้ของท่านชัดเจนมานานแล้วครับ ผมเอาข่าวจากข่าวสด ตอนจตุคามเป็นที่นิยมของคนไทยสุดๆ พระพยอมเลยทำคุ๊กกี้จตุคำออกมาครับ

พระพยอมจัดทำคุ้กกี้ "จตุคำ" เตือนสติผู้นิยมจตุคามรามเทพ

พระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว เปิดตัวการทำคุ้กกี้จตุคำ "รุ่นฉุกคิด 4 คำ รวยโคตร" บรรจุในกระป๋องอะลูมิเนียม โดยรูปแบบคล้ายจตุคามรามเทพ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 6 ซม. ด้านหน้าปั๊มตัวหนังสือว่า "จตุคำ" มีทองคำเปลวติด

 ส่วนด้านหลังมียันต์คาถามหาเศรษฐี ที่พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอนว่า "อุ อา กะ สะ" แปลว่า ขยันหา ขยันเก็บ เลือกคบ เลือกใช้ พร้อมลายเซ็นของพระพยอม

พระพยอม กล่าวว่า ที่ทำคุกกี้จตุคำ เพราะที่ผ่านมาพยายามพร่ำสอนเตือนให้คนไทยได้ฉุกคิดและเข้าถึงหลักคำสอนของ พระพุทธเจ้าอย่างแท้จริง ทั้งการเทศน์ การสอน แต่ระยะหลังนับตั้งแต่เกิดกระแสจตุคามรามเทพ ทำให้คนไทยโดยเฉพาะชาวพุทธที่กำลังหลงทิศ หันไปยึดถือยึดติดจตุคามแทนที่จตุรา อริยสัจ หรือ อริยสัจสี่ ซึ่งเป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าที่ได้ทรงตรัสรู้ไว้ อันเป็นหัวใจแท้ๆ ของชาวพุทธที่สอนให้รู้ว่าทุกข์เกิดได้อย่างไร 4 ประการ คือ การมีอยู่ของทุกข์ เหตุแห่งทุกข์ ความดับทุกข์ และหนทางไปสู่ความดับทุกข์


พระพยอม กล่าวอีกว่า ชื่อคุกกี้จตุคำ รุ่นฉุกคิดรวยโคตรนั้น นำมาจากคาถามหาเศรษฐีที่พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอนไว้คือ "อุ อา กะ สะ" ซึ่งนำมารวมกันก็จะได้ความหมายว่า ขยันหา ขยันเก็บ เลือกคบ เลือกใช้ ดังนั้นเมื่อฉุกคิดและเข้าถึงคำ 4 คำนี้ได้ ก็จะรวยได้รวยดีอย่างแน่นอน จึงเป็นที่มาของจตุคำ

ที่มาจาก ข่าวสด 15-06- 2007

(http://img27.imageshack.us/img27/7504/328639.jpg)




ขอบคุณฯพี่ derbyrock ครับ ถ้าจำไม่ผิดคุ๊กกี้จตุคำ ราคาแพงไปหน่อย แต่อร่อยมากครับ.. :016:
หัวข้อ: ตอบ: ลองไปอ่าน A DAY เล่มล่าสุดดูนะครับ
เริ่มหัวข้อโดย: ปุญฺญานุสฺสติ(สิบทัศน์) ที่ 03 ก.ย. 2552, 08:03:19
เกี่ยวกับเรื่องพระพุทธศาสนาน่ะครับ แรกๆก็อ่านดีๆอยู่หรอก แต่พอไปอ่านตรง ของ  พระพยอม ท่านน่ะครับ ท่านให้ความเห็นเรื่องวัตถุมงคล เตรื่องรางของขลัง ในอีกแง่นึง ผมเองก็แปลกใจเหมือนกัน  ผิดพลาดประการใด ผมขอ อภัยอย่างสูงด้วยครับ       
ลองหาอ่านหนังสือของท่านทัตตะชีโวดูนะครับจะกระจ่างยิ่งขึ้น.