(http://bp.or.th/uploads/data/image/ml7hl2-64702a.jpg)
สืบเนื่องจากมีเพื่อนสมาชิกกระดานสนทนาวัดบางพระหลายท่านได้สอบถามถึงจีวรของหลวงพ่อเปิ่นเข้ามา ว่าอยากจะได้ไว้บูชาบ้างจะหาได้ที่ไหนอย่างไร วันนี้จึงนำข่าวคราวและข้อมูลเล็กๆน้อยๆมาฝากให้เพื่อนสมาชิกกระดานสนทนาวัดบางพระได้ศึกษากัน รายละเอียดมีดังนี้
หลายท่านคงรู้จัก จีวร ว่าเป็นเครื่องนุ่งห่มสำหรับพระภิกษุสามเณรในพระพุทธศาสนา อันเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ที่เมื่อพบเห็นผู้สวมใส่หรือนุ่งห่มจีวร ก็สามารถคาดเดาหรือบ่งชี้ได้ว่าบุคคลนั้นต้องเป็นนักบวชอย่างแน่นอน
สำหรับรายละเอียดในเบื้องลึกนั้น จีวร จัดได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของบริขารบริโภค ที่ภิกษุ, สามเณรจำเป็นจะต้องมีเพื่อเป็นเครื่องนุ่งห่มปกปิดร่างกาย
ในส่วนของพระภิกษุ จีวรตามความหมายที่แท้จริงจะประกอบไปด้วย ๑.สังฆาฏิ คือผ้าสำหรับห่มซ้อนเพื่อป้องกันความหนาวในฤดูหนาว ๒.อุตราสงค์ คือผ้าสำหรับห่ม (หรือที่เราๆท่านๆเรียกกันว่า จีวร) และ ๓.อันตรวาสก คือผ้านุ่งที่เรียกกันว่าสบง รวมเรียกว่า ไตรจีวร (ผ้าสามผืน)
ประมาณของการกำหนดขนาดไตรจีวรไว้ดังนี้ คือ สังฆาฏิ ต้องมีความยาวไม่เกิน ๖ ศอก กว้างไม่เกิน ๔ ศอก อุตราสงค์ ต้องมีความยาวไม่เกิน ๖ ศอก กว้างไม่เกิน ๔ ศอก อันตรวาสก ต้องมีความยาวไม่เกิน ๖ ศอก กว้างไม่เกิน ๒ ศอก ส่วนผ้าหรือวัสดุที่พระพุทธองค์ทรงอนุญาตให้ใช้สำหรับทำจีวรมีทั้งหมด ๖ ชนิด คือ โขมะ (ผ้าทำด้วยเปลือกไม้), กัปปาสิกะ(ผ้าทำด้วยฝ้าย), โกเสยยะ(ผ้าทำด้วยไหม), กัมพละ(ผ้าทำด้วยขนสัตว์ ยกเว้นผมและขนของมนุษย์), สาณะ(ผ้าทำด้วยเปลือกป่าน) และ ภังคะ(หมายเอาผ้าที่ทำด้วยของ ๕ อย่างข้างต้นอย่างใดอย่างหนึ่งมาปนกัน) ผู้ออกแบบคือ พระอานนท์ โดยในสมัยพุทธกาล ครั้งที่พระพุทธองค์ทรงทอดพระเนตรผืนนาของชาวมคธจากบนภูเขาเห็นว่า บางแปลงใหญ่ บางแปลงเล็ก ไม่เสมอกันมีคันนาเป็นขอบเขต หากนำมาเป็นแบบทำจีวรเครื่องนุ่งห่มของภิกษุ ก็จะทำให้พิจารณาถึงประโยชน์ที่แท้จริงของเครื่องนุ่งห่ม ไม่หลงมัวเมาไปกับการแสวงหาเครื่องนุ่งห่มเพื่อประโยชน์อื่นใดนอกเหนือจากนี้ ผ้าไตรจีวรจึงควรเป็นของตัด มิเป็นผ้าผืนเดียวตลอดผืน ดังนั้นจึงตรัสสั่งพระอานนท์ให้เอาผืนนามาเป็นตัวอย่างสำหรับทำจีวรดังที่ใช้กันในปัจจุบันนี้
ในส่วนของการใช้สอยปัจจัย ๔ (อาหาร-บิณฑบาต, เครื่องนุ่งห่ม-จีวร, ที่อยู่อาศัย-เสนาสนะ, ยารักษาโรค-เภสัช) ของพระภิกษุก็จะมีรายละเอียดตามบทพิจารณาลงไปอีกคือ ก่อนที่จะใช้ (ตังขณิกปัจจเวกขณปาฐ) ขณะที่ใช้ (ธาตุปฏิกูลปัจจเวกขณปาฐ) และหลังจากที่ใช้ไปแล้ว (อตีตปัจจเวกขณปาฐ) ก็จะต้องพิจารณาทุกขณะดังที่กล่าวมาเสมอๆตามบัญญัติในปัจจัยสันนิสิตศีล ซึ่งจัดว่าเป็นศีลประเภทหนึ่งสำหรับภิกษุอันนำมาซึ่งความบริสุทธิ์ในสมณเพศ
สำหรับ จีวร ก็จะต้องพิจารณาโดยแยบคายว่า เราจะนุ่งห่มจีวรเพื่อบำบัดความนาว บำบัดความร้อน บำบัดสัมผัสอันเกิดจากเหลือบ ยุง แดด และสัตว์เลื้อยคลานทั้งหลาย และเพียงเพื่อปกปิดอวัยวะอันให้เกิดความละอาย โดยเนื้อแท้ จีวร ก็สักแต่ว่าเป็นเพียงธาตุตามธรรมชาติที่เป็นไปตามเหตุปัจจัยเท่านั้น ผู้ที่ใช้สอยจีวร ก็สักแต่ว่าเป็นเพียงธาตุตามธรรมชาติ มิได้เป็นสัตวะอันยั่งยืน อันเป็นบุรุษบุคคลว่างเปล่าจากความหมายแห่งความเป็นตัวตน แต่เดิมจีวรนี้ก็มิได้เป็นของน่าเกลียด แต่เมื่อครั้นมาถูกเข้ากับร่างกายอันเน่าอยู่เป็นเนืองนิตย์นี้แล้ว ก็ย่อมกลายเป็นของสกปรกน่าเกลียดอย่างยิ่งไปด้วยกันฉันนั้น
ดังนั้นจึงสรุปได้ว่า จีวร เป็นบริขารบริโภคที่สำคัญ อันเป็นอุบายเจริญปัญญาความรู้แจ้งในกองสังขารทั้งหลายตามความเป็นจริงของพระภิกษุผู้ฝึกฝนอบรมตนเพื่อสลัดกองทุกข์ให้พ้นจากวัฏฏสงสาร ตามพระธรรมคำสั่งสอนของพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ประดุจดั่งธงชัยแห่งพระอรหันต์นั่นเอง
ท้ายสุดขอย้อนกลับมาถึงเรื่องที่มีผู้สอบถามถึงจีวรของหลวงพ่อเปิ่นเข้ามา ว่าอยากจะได้ไว้บูชาบ้างจะหาได้ที่ไหนอย่างไร ก็ขอเรียนตอบว่า ขณะนี้ทางวัดได้นำจีวรของหลวงพ่อเปิ่นมาตัดแบ่งใส่หลอดตะกรุด ไว้ให้สาธุชนได้บูชากันที่ตู้มงคลวัตถุในกุฏิพระครูอนุกูลพิศาลกิจ (สำอางค์ ปภสฺสโร) เจ้าอาวาสวัดบางพระรูปปัจจุบัน (ร่วมบุญ ๑๐๐ บาท มีจำนวนจำกัด) ครับ
(http://bp.or.th/uploads/data/image/ml7k4d-75e2ba.jpg)
กุฏิพระครูอนุกูลพิศาลกิจ (สำอางค์ ปภสฺสโร) เจ้าอาวาสวัดบางพระรูปปัจจุบัน
(http://bp.or.th/uploads/data/image/ml7hlk-93108f.jpg)
อานุภาพของตะกรุดจีวรของหลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ
- ไว้ใช้เป็นเครื่องตรึกระลึกนึกถึงบุญที่ได้สละทรัพย์เป็นทานฝากฝังไว้ในพระศาสนา (สำหรับผู้ที่ร่วมบุญกับทางวัดครั้งนี้)
- ไว้ใช้เป็นเครื่องตรึกระลึกนึกถึงและน้อมนำคำสั่งสอน คุณธรรมความดีของพระเดชพระคุณหลวงพ่อมาปฏิบัติตาม อันจะนำมาซึ่งความสุขตามสมควรแก่การปฏิบัติของแต่ละบุคคล
- ไว้ใช้เป็นอุบายเครื่องเจริญปัญญา พิจารณาสังขารทั้งหลายตามความเป็นจริงโดยแยบคาย
- ฯลฯ
อนุโมทนากับทุกท่านที่ได้ร่วมบุญครั้งนี้ด้วยครับ
สาธุ..สาธุ..อนุโมทามิ
ปุญฺญานุสฺสติ(สิบทัศน์)
๐๑.๑๑ น. ๑๔ เม.ย.๕๖