...ขอ... เป็นกิริยาที่หลายคนถนัดนัก
เพราะไม่ต้องลงทุนลงแรงอะไรมาก
เรามักจะขอเพราะอยากได้
และสิ่งที่เราอยากได้นั้น เพียงแค่นึกถึงก็เป็นสุขแล้ว
เรารู้จักเอ่ยปากขอตั้งแต่ยังเล็ก
เริ่มด้วยขอจากพ่อและแม่ ต่อมาก็ขอจากครู โตขึ้นก็ยังขอ เปลี่ยนผิดให้เป็นถูก
แต่อาจเปลี่ยนจากขอเงินหรือขอคะแนน มาเป็นขอความรักแทน
แต่ถึงจะได้มาสมใจ ก็ยังมิวายที่จะขอต่อไป
ยิ่งสมัยนี้ด้วยแล้ว ใคร ๆก็อยากจะขอจากท่านพ่อจตุคามรามเทพกันทั้งนั้น ถ้าไม่ขอสิเป็นเรื่องแปลก เพราะว่ากันว่าท่านให้รวดเร็วทันใจจริง ๆ
ใคร ๆ ก็ชอบขอ แต่มีอย่างหนึ่งที่เราไม่ค่อยอยากขอเท่าไหร่
นั่นคือ ?ขอโทษ? ขอโทษเป็นคำที่กว่าจะหลุดปากแต่ละครั้ง
ช่างยากเย็นเสียเหลือเกิน
โดยเฉพาะกับคนที่ไม่ใช่เจ้านายหรือมีอำนาจให้คุณให้โทษกับเรา
ยิ่งกับเพื่อน ลูกน้อง ลูกศิษย์ หรือลูกของเราเองด้วยแล้ว
การขอโทษเท่ากับเป็นการเสียหน้าอย่างแรง
แต่เคยสังเกตไหมว่า ยิ่งเห็นแก่หน้าของตัวเองมากเท่าไหร่
หน้าก็จะบางลงเรื่อย ๆ ขณะที่ใจกลับแข็งกระด้างมากขึ้น
จนแม้แต่จะขอโทษพ่อแม่ ก็กลายเป็นเรื่องยากอย่างยิ่ง
เพราะกลัวหน้าจะระคาย ยิ่งกว่าที่จะนึกถึงความรู้สึกของท่าน
เวลามีปากเสียงกับท่าน
แล้วเผลอพูดหรือแสดงอากัปกิริยาที่ไม่เหมาะสมออกมา
มีกี่ครั้งที่เราเอ่ยปากขอโทษท่าน
แม้จะรู้ตัวว่าผิดก็ตาม แต่ก็ไม่กล้าพอที่จะทำเช่นนั้น
การขอโทษนั้น มิใช่การแสดงความอ่อนแอ
ตรงกันข้าม เป็นการกระทำที่ต้องอาศัยความกล้าทีเดียว
อย่างน้อยก็ต้องกล้าพอที่จะขัดขืนอำนาจของ...หน้าตา...
ใช่หรือไม่ว่าทุกวันนี้เราเห็นแก่หน้าตา
จนมันกลายมาเป็นใหญ่เหนือชีวิตจิตใจของเรา
ใครมาแนะนำตักเตือนก็รู้สึกเสียหน้า
ใส่เสื้อไม่มียี่ห้อก็รู้สึกเสียหน้า
จนแม้กระทั่งเด็ก ๆ ที่ไม่มีโทรศัพท์มือถือก็รู้สึกเสียหน้าไปกับเขาด้วย
สุดท้ายกลายเป็นว่า ผิดถูกไม่ว่าแต่อย่าเสียหน้าแล้วกัน
ชีวิตที่เห็นแก่หน้ามากเกินไปเป็นชีวิตที่หาความสุขได้ยาก
เพราะถูกกระทบได้ง่ายเหลือเกิน
ดังนั้นแทนที่จะปล่อยให้มันมาบงการชีวิตเรา
เราควรเปลื้องใจให้เป็นอิสระจากมัน
วิธีการหนึ่ง ก็คือ การขอโทษนั่นเอง
การขอโทษเป็นเครื่องบ่งบอกว่าเรายังมีมโนธรรมสำนึก
รู้ถูกรู้ผิด และเห็นว่าความถูกต้องสำคัญกว่าหน้าตา
ทุกครั้งที่เราขอโทษด้วยความจริงใจ
นั่นแสดงว่าเรายังรู้ร้อนรู้หนาวกับความทุกข์ของผู้อื่น
ที่เรามีส่วนทำให้เกิดขึ้น ความเป็นมนุษย์อยู่ที่ตรงนี้
ใครที่ไม่รู้สึกอะไรเลย ควรหันมาตรวจดูว่าจิตใจเป็นหินไปกี่ส่วนแล้ว
แต่ถ้าใจของคุณยังอ่อนหยุ่น
ยังรู้ร้อนรู้หนาวในยามที่ผู้อื่นได้รับความทุกข์จากคุณ
การขอโทษจะช่วยเปลื้องความรู้สึกผิดออกไปจากใจคุณ
ไม่กดถ่วงหน่วงทับให้คุณหนักอกหนักใจอีกต่อไป
ขณะเดียวกันยังช่วยสมานบาดแผลในใจ
ของผู้ที่ได้รับความทุกข์จากคุณ
เชื่อหรือไม่ว่า เพียงคำไม่กี่คำนี้เท่านั้น
มีพลานุภาพที่สามารถเยียวยาจิตใจของคุณและเขาได้อย่างน่าอัศจรรย์
ผู้ที่กราดเกรี้ยวเพราะเจ็บปวด
หลายคนจะรู้สึกสงบลงทันทีที่อีกฝ่ายกล่าวคำขอโทษ
ถ้าคุณรู้จักขอโทษ ไม่นานจะพบว่า
จิตใจสามารถจะให้สิ่งหนึ่งที่ให้ได้ยากมาก นั่นคือ...ให้อภัย...
เป็นเพราะทุกวันนี้เราไม่รู้จักการให้อภัย เราจึงเป็นทุกข์กันมาก
น่าแปลก ก็คือ คนที่เราให้อภัยได้ยากนั้น
ส่วนใหญ่ ก็คือ คนที่อยู่ใกล้ตัวเรานี้เอง
อาจเป็นเพื่อน คนรัก ลูก หรือแม้แต่พ่อแม่
ยิ่งรักมากเท่าไหร่ ยามผิดหวังหรือถูกกระทำ
จะยิ่งเจ็บปวดและเคียดแค้นชิงชังมากเท่านั้น
อาการเหล่านั้นเป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์
แต่ปัญหา ก็คือ เรามักจะยึดติดถือมั่น และไม่รู้จักปล่อยวาง
มันจึงเผาลนใจเราไม่รู้จบ บางครั้งอาจยืดเยื้อไปจนสิ้นลม
การขอโทษเกิดขึ้นได้เมื่อใจไม่ยึดติดถือมั่นในหน้าตา
ทุกครั้งที่เราขอโทษด้วยความจริงใจ จิตก็รู้จักการปล่อยวาง
ยิ่งปล่อยวางได้เร็วเท่าไหร่
การแบกยึดความโกรธเกลียดก็เกิดขึ้นได้น้อยลง
ทำให้การให้อภัยกลายเป็นเรื่องง่ายขึ้นเรื่อย ๆ
และยิ่งเราให้อภัยมากเท่าไร บาดแผลในใจเราก็สมานเร็วมากเท่านั้น
ขออะไรก็ไม่ยากเท่าขอโทษ ให้อะไรก็ไม่ยากเท่าให้อภัย
แต่ถ้าเราไม่รู้จักขอโทษและให้อภัย ชีวิตจะมีความสุขได้อย่างไร
ที่มา : IMAGE มิถุนายน ๒๕๕๐
คอลัมน์ ชวนสังคมคิด เป็นคอลัมน์บทความทั่วไป