:007:เช้าตื่นขึ้นมา ลืมตาดูโลก
ลืมเรื่องทุกข์โสก โรคร้ายโรคา
ล้างหน้าแปรงฟัน แล้วหันหน้ามา
กราบพระบูชา ภาวนาสวดมนต์
เสร็จกิจของสงฆ์ ก้าวลงถนน
ไปโปรดผู้คน ที่ตั้งตารอ
เรื่อยเรื่อยรายทาง ก้าวย่างเดินต่อ
หนุ่มสาวเฝ้ารอ ใส่บาตรร่วมกัน
เช้าเป็นนักบิณฯ หากินขบฉันท์
ญาติโยมช่วนกัน แบ่งปันทำบุญ
เป็นสมณะ บวชพระแทนคุณ
ผู้ที่เกื้อหนุน การุณเรามา
ทำกิจของสงฆ์ ดำรงค์ศรัทธา
สืบเจตนา ครูบาอาจารย์
เรียงร้อยพระธรรม นำมากล่าวขาน
เป็นวิทยาทาน คืองานที่ทำ
ว่างงานเสร็จกิจ ลิขิตบทธรรม
เอามาชี้นำ กระทำเรื่อยมา
ปลุกจิตปลุกใจ แด่ผู้ใฝ่หา
แสงธรรมนำพา ชีวารื่นรมณ์
ไม่ปล่อยสมอง ให้ล่องลอยลม
นั่งคิดคำคม อบรมวิญญา
ทบทวนความรู้ หมั่นดูศึกษา
จิตใจกายา ค้นคว้าหาตน
มองหากิเลส เป็นเหตุเป็นผล
กล่าวเตือนผู้คน ให้พ้นอบาย
เห็นทุกข์เห็นโทษ ความโกรธมุ่งร้าย
ที่มันทำลาย ให้หายหมดไป
สวัสดีชาวโลก มีโชคมีชัย
ยิ้มรับวันใหม่ สุขใจจริง...จริง...
:016:แด่ความโชคดีที่ได้ลืมตามาดูโลกอีกวันหนึ่ง
รวี สัจจะ-สมณะไร้นาม
ตอนสายของวันจันทร์ที่ ๖ กรกฎาคม ๒๕๕๒ เวลา ๐๙.๒๖ น. ณ ศาลาน้อยริมน้ำโขง ชายแดนประเทศไทย
:059:ปล.เป็นการทบทวน"กลอน ๔ " ซึ่งไม่ได้เขียนมานานแล้ว (ลับสมอง ลองปัญญา)