ผู้เขียน หัวข้อ: เล่าสู่กันฟัง...ใกล้ตาแต่ไกลตีน...  (อ่าน 1684 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ รวี สัจจะ...

  • รองประธาน
  • *****
  • กระทู้: 1137
  • รวี สัจะ-สมณะไร้นาม-วจีพเนจร
    • ดูรายละเอียด
    • รวี สัจจะ สมณะไร้นาม (เคลื่อนไหวดุจสายลม)
 :054:ออกรับบิณฑบาตรในยามเช้าที่แสนจะหนาวเหน็บ ท่ามกลางสายลมที่พัดล่องโขงและไอหมอกที่ปกคลุม
ในยามเช้าที่หนาวเย็น กิเลสก็เกิดขึ้นในจิตใจ มีความห่วงหาอาลัยต่อที่นอน ไม่อยากจะตื่น ไม่อยากจะลุกไปทำกิจ
ภาษาพระเขาว่านิวรณ์มันเกิด คือตัว"ถีนมิทธะ" ความเกียจคร้าน ง่วงเหงา หาวนอน มันมีกำลังต่อเนื่องมาจากก่อนเราตื่น
ต่อสู้กับกิเลสภายในใจของเราอยู่ประมาณ 5 นาที โดยคิดถึงหน้าที่และกิจวัตรข้อปฏิบัติของพระสงฆ์ที่เราต้องกระทำ
คิดถึงญาติโยมที่มานั่งรอใส่บาตรในยามเช้า โยมเขาก็หนาวเหมือนเราแต่เขาก็ยังออกมารอใส่บาตรเพราะเขามีศรัทธา
ถ้าเราไม่ออกไปก็เท่ากับเราทำลายศรัทธาของญาติโยม และในที่สุดเกมส์นี้ฝ่ายกุศลจิตก็เป็นฝ่ายชนะไป
    ขณะที่กำลังออกรับบิณฑบาตรนั้น หูพลันไปได้ยินเสียงเพลงที่ญาติโยมเขาเปิดกันฟังในยามเช้า ซึ่งเป็นบทเพลง
ของ"พงษ์เทพ  กระโดนชำนาญ" เพลงนั้นคือเพลง"นกเขาไฟ" ท่อนที่ได้ยินคือ"ภูบ่สูงแต่ว่าห้วยมันลึก ภูบ่ลึกแต่ว่าเมืองมันไกล
ภูบ่เล็กแต่ว่าฟ้ามันใหญ่ นกเขาไฟบินไปล่องลม" หลังจากบิณฑบาตรกลับมาถึงวัด ไหว้พระสวดมนต์ ทำวัตรเช้า ฉันเช้าแล้ว
ใจก็หวนนึกถึงบทเพลงที่ได้ยินในยามเช้าและคิดต่อไปถึงสมัยที่เราเดินธุดงค์อยู่ตามบนดอยที่แม่ฮ่องสอนมันเห็นภาพอย่างนั้นเลย
 :059:จึงได้เปิดดูสมุดบันทึกที่ได้เคยเขียนไว้เมื่อสมัยไปอยู่บนดอยในปี 2545ที่ได้เขียนบรรยายเส้นทางในการเดินไว้
จึงจะได้นำมาเล่าสู่กันฟัง........
ธุดงคสถาน"บ่อน้ำทิพย์" ภูเก้ายอด บ้านห้วยกล้วย ต.ห้วยปูลิง อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน
    20  กรกฎาคม  2545
        เช้าวันที่ 19 กรกฎาคม 2545 ออกบิณฑบาตรในตลาดแม่ฮ่องสอน ได้อาหารมาพอประมาณ ฉันเช้าเสร็จแล้ว
ออกไปซื้อของใช้ที่จำเป็นที่จะใช้สอยบนดอยตลอดพรรษา ซื้อของเสร็จกลับมาจัดสัมภาระสิ่งของเตรียมตัวขึ้นดอย
มีโยมกระเหรี่ยงลงมาจากดอยเพื่อมาช่วยแบกของ 2 คน ชื่อโยมโตกับโยมพะลูที มีพระที่ร่วมเดินทางกับเราอีก 6 รูป
ออกจากวัดจองคำเวลา 12.30 น.เดินผ่านสนามบินแม่ฮ่องสอน ผ่านฝายน้ำถึงหมู่บ้านพะโขโล๊ะ ซึ่งเป็นหมู่บ้านกระเหรี่ยง
ต้องเดินลัดเลาะไปตามลำธารระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร จนถึงจุดกรอกน้ำเพราะต่อไปต้องเดินขึ้นเขาตลอดไม่มีน้ำแล้ว
ตัดขึ้นจากลำธารเดินขึ้นเขาที่มีความสูงชันประมาณ 60 องศา อีกประมาณ 2 กิโลเมตร ถึงจุดพักที่แรกเพื่อนั่งพักคลายเหนื่อย
หลังจากนั้นต้องเดินเลาะไปตามสันเขาที่มีความสูงชันประมาณ 45 องศา ระยะทางอีกประมาณ 3 กิโลเมตร ถึงคอกวัวป่าสน
จุดพักแห่งที่สอง จากคอกวัวป่าสนเดินเลาะสันเขาไหปอีกประมาณ 4 กิโลเมตรจึงถึงหมู่บ้านห้วยเป๊าะซึ่งเป็นหมู่บ้านกระเหรี่ยง
จากบ้านห้วยเป็าะเดินตามสันเขาที่มีความลาดชันประมาณ 40 องศาระยะทางประมาณ 4 กิโลเมตรถึงดอยหัวช้างที่เป็นจุดสูงสุด
ของแม่ฮ่องสอน จากดอยหัวช้างต้องเดินลงเขาที่มีความลาดชันประมาณ 60 องศาอีกประมาณ 6 กิโลเมตร(ลงอย่างเดียว)ก็จะถึง
ลำธารห้วยกล้วย จากลำธารเดินขึ้นดอยที่มีความสูงชันประมาณ 45 องศาอีกประมาณ 3 กิโลเมตร ก็จะถึงที่หมายที่ตั้งใจไว้คือ
ธุดงคสถาน"บ่อน้ำทิพย์เจริญธรรม"....
 :059:หมายเหตุ...ท่านที่เคยไปจังหวัดแม่ฮ่องสอน เคยไปเที่ยวพระธาตุกองมู ถ้าท่านมองผ่านไปฝั่งสนามบินแม่ฮ่องสอน
ท่านจะเห็นภูเขาที่สูงที่สุดเป็นรูปหัวช้างตั้งเด่นตระหง่านอยู่ นั่นคือ"ดอยหัวช้าง" ซึ่งการเดินทางนั้นเราต้องเดินขึ้นทางงวงช้าง
และกว่าจะถึงหัวช้า่งนั้นมันจะสูงขนาดไหนท่านลองคิดดู และเมื่อถึงหัวช้างแล้ว เราก็ต้องเดินไปตามหลังช้างจนถึงโคนหางช้าง
และที่เดินยากที่สุดก็คือเดินลงจากหางช้างไปสู่พื้นดินเพราะมันลาดชันมากและระยะทางยาวไกล(ลองนึกถึงลักษณะของช้างดู)
ตอนที่พวกเราอยู่ที่แม่ฮ่องสอนบนพระธาตุกองมู ดูแล้วว่ามันไม่ไกลสักเท่าไหร่ แต่พอเราเดินกันไปมันช่างไกลซะเหลือเกิน
เหมือนดั่งคำที่เขาว่า....ใกล้ตาแต่ไกลตีน...
  เรื่องราวความหลังนำมาเล่าสู่กันฟังและยังมีเรื่องราวอีกมากมายที่ได้ประสพพบเจอบนดอยสูงซึ่งจะนำมาเล่าในตอนต่อไป
             ด้วยความปรารถนาดีและไมตรีจิตแด่มวลมิตรทุกผู้คน
                     รวี สัจจะ-วจีพเนจร-สมณะชายขอบ
๒๗  พฤศจิกายน  ๒๕๕๒ เวลา ๑๐.๒๒ น. ณ ศาลาน้อยริมน้ำโขง ชายขอบประเทศไทย
 :059:...โปรดติดตามตอนต่อไป...

 
ใช่หวังจะดังเด่น  จึงมาเป็นสมณะ
เพียงหวังจะลดละ  ซึ่งมานะและอัตตา
เร่ร่อนและรอนแรม ไปแต่งแต้มแสวงหา
สัญจรร่อนเร่มา  ผ่านร้อยป่าและภูดอย
ลาภยศและสรรเสริญ  ถ้าหลงเพลินจิตเสื่อมถอย
พาใจให้เลื่อนลอย  จิตเสื่อมถอยคุณธรรม
       ปณิธานในการปฏิบัติธรรม

ออฟไลน์ ۞เณรน้อยเส้าหลิน۞

  • สัตตมะ
  • **
  • กระทู้: 1560
  • เพศ: ชาย
  • ไม่สู้ ไม่หนี ทําดีเรื่อยไป
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: เล่าสู่กันฟัง...ใกล้ตาแต่ไกลตีน...
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: 27 พ.ย. 2552, 02:14:56 »
อ่านแล้วไม่มีคำใดจะบรรยายได้ เพราะนี่ถือวิถึในการฝึกตน ตามธุงควัตร 13  เส้นทางสู่อริยมรรคของผู้อริยเจ้าในกาลก่อน 

พออ่านจบก็นึกถึงภาพคณะพระธุดงค์คณะหนึ่ง ที่กำลังธุดงค์ไปทั่วประเทศ  ที่เรียกว่า "คณะพระธุดงค์ธรรมชัย" ตอนนี้กำลังมุ่งธุดงค์เพื่อภารกิจ คือ

ประการแรก - เร่งฝึกตนตามทางอริยมรรค เพื่อนำตนไปทำหน้าที่พระพี่เลี้ยงพระภิกษุที่กำลังจะบวช 1 แสนรูปทั่วประเทศ

ประการที่สอง - เพื่อไปเยี่ยมตามวัดวาอารามต่างๆในชนบท  เพื่อจะสานโครงการพระเดชพระคุณพระราชภาวนาวิสุทธิ์ (หลวงพ่อธัมมชโย) วัดพระธรรมกาย จ.ปทุมธานี  ที่ท่านจะฟื้นวัดร้างให้เป็นวัดรุ่งอีกครั้ง

ประการที่สาม - เพื่อยังความศรัทธาให้ผู้ที่ไม่ศรัทธา และทำความศรัทธาให้ผู้ที่ศรัทธาอยู่แล้วให้มากขึ้น ทับทวี

ประการที่สี่ - ฟื้นฟูศีลธรรมอันดีงามตามหลักพระพุทธศาสนาให้บังเกิดขึ้นในโลก

กราบขอบพระคุณหลวงอาเป็นอย่างสูงครับ
ครูผู้บริสุทธิ์ ครูผู้หมดกิเลสเครื่องเศร้าหมอง
ครูผู้มี"พระปัญญาธิคุณ พระมหากรุณาธิคุณ พระบริสุทธิคุณ" อย่างประมาณมิได้
บรมครูผู้นั้นคือ "สมเด็จพระพุทธเจ้า"
ขอนอบน้อมกราบกรานพระบรมศาสดา

ออฟไลน์ pigkolo

  • ปัญจมะ
  • *****
  • กระทู้: 97
  • เพศ: ชาย
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: เล่าสู่กันฟัง...ใกล้ตาแต่ไกลตีน...
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: 27 พ.ย. 2552, 05:27:15 »
:054: เลื่อมใสกับสำนวน
...และขอขอบพระคุณที่กรุณาบันทึกบทความดีๆ แบบนี้เอาไว้ :025:


ออฟไลน์ ~เสน่ห์ack01~

  • ผู้คุมกฎ
  • *****
  • กระทู้: 5330
  • เพศ: ชาย
  • " ไม่เมาเหล้าแล้วเรายังเมารัก"
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: เล่าสู่กันฟัง...ใกล้ตาแต่ไกลตีน...
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: 28 พ.ย. 2552, 07:51:52 »
กราบนมัสการขอบพระคุณพระอาจารย์ที่เมตาเล่าบันทึกการเดินทางให้ได้ศึกษาครับ...


...เพลง บางครั้งทำให้สดชื่น มีกำลังใจ มีความสุข....

...แต่บางครั้งก็ทำให้เศร้า เหงา ท้อแท้เหมือนกันครับ...

ทำบุญ วันคล้ายวันเกิด หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ
วันอาทิตย์ ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๕ 

ออฟไลน์ รวี สัจจะ...

  • รองประธาน
  • *****
  • กระทู้: 1137
  • รวี สัจะ-สมณะไร้นาม-วจีพเนจร
    • ดูรายละเอียด
    • รวี สัจจะ สมณะไร้นาม (เคลื่อนไหวดุจสายลม)
ตอบ: เล่าสู่กันฟัง...ใกล้ตาแต่ไกลตีน...
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: 28 พ.ย. 2552, 09:39:42 »
กราบนมัสการขอบพระคุณพระอาจารย์ที่เมตาเล่าบันทึกการเดินทางให้ได้ศึกษาครับ...


...เพลง บางครั้งทำให้สดชื่น มีกำลังใจ มีความสุข....

...แต่บางครั้งก็ทำให้เศร้า เหงา ท้อแท้เหมือนกันครับ...
เพลงทุกเพลงมีความหมายในตัวมันเอง
แต่มันขึ้นอยู่กับสภาวะจิตใจของผู้ฟังในขณะนั้น
ว่าเป็นอย่างไร การจินตนาการในเนื้อหาของเพลงนั้น
จึงแตกต่างกันไป...ลองกลับมาฟังใหม่อีกครั้ง
เมื่อสภาวะจิตใจของเราเปลี่ยนแล้ว ความรู้สึกนึกคิด
และจินตนาการของเราก็จะเปลี่ยนไปในเนื้อหาของบทเพลง
และบทเพลงนั้นอาจจะสอนธรรมแก่เราได้..ถ้าเราคิดและพิจารณาให้เป็นธรรมะ...