ผู้เขียน หัวข้อ: ชั่วโมงเซียน : 'พระพิฆเนศ' ในวงการพระ  (อ่าน 10123 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ นรก

  • ฉัฏฐะ
  • *
  • กระทู้: 136
  • เพศ: ชาย
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล


พระพิฆเนศ เป็นเทพเจ้าองค์สำคัญของอินเดีย สืบทอดมายังไทยมาอย่างยาวนาน จนปฏิเสธไม่ได้ว่า แทบจะไม่มีคนไทยคนไหนที่ไม่รู้จัก พระพิฆเณศ เลยก็ย่อมจะว่าได้

 ในประเทศไทย มีการพบเห็นรูปเคารพขององค์พระพิฆเณศมาช้านาน ทั้งของเก่า และของใหม่ โดยเฉพาะในวงการพระเครื่องนั้น รูปเคารพของท่านถือได้ว่า เป็นหนึ่งในความนิยมของนักสะสม เทวรูป พระบูชา เพราะว่ารูปเคารพของพระพิฆเณศที่พบในบ้านเรา มีมากหลายสมัย

 ก่อนที่จะกล่าวถึงว่า เราพบแบบไหนกันบ้าง เรามารู้จักองค์ท่านกันก่อน




พระคเณศ หรือ พระพิฆเณศ เป็นเทพเจ้าแห่งปัญญาองค์ความรู้ และช่วยปัดเป่าเรื่องราวที่ขัดข้องทั้งปวง ท่านทรงเป็นพระโอรสของพระอิศวร กับพระนางอุมา โดยตำนานกล่าวว่า พระพิฆเณศเกิดจากเหงื่อไคลของพระนางอุมา

 ลักษณะของพระพิฆเณศ มีรูปกายแบบมนุษย์อ้วนเตี้ย ท้องพลุ้ย มีเศียรเป็นช้าง นุ่งห่มสีแดง ในพระหัตถ์ (มือ) นิยมถือสิ่งของต่างๆ เช่น บ่วงบาศ, งาข้างที่หัก, ชาม, ขนมต้ม, หม้อน้ำอ้อย, ขนมโมทกะ, ดอกบัว ฯลฯ? ?ซึ่งแต่ละพระหัตถ์ทรงถือสิ่งของเพียง ๑ อย่าง บางรูปเคารพจึงสร้างพระพิฆเณศเป็น ๒ กรบ้าง ๔ กรบ้าง ๘ กรบ้าง ทรงมีมูสิกะ (หนู) เป็นพาหนะ

ในเรื่องที่ พระพิฆเณศมีเศียรเป็นช้าง นั้น มีหลายตำนาน แต่ที่กล่าวถึงมากที่สุด มี ๒ ตำนาน คือ




ครั้งหนึ่ง พระอิศวร ทรงบรรทมอยู่ เมื่อถึงเวลาที่จะทำการเกศากันต์พระคเณศ พระอินทร์ จึงปลุกโดยทรงเป่ามหาสังข์เป็นบทสรรเสริญ ทรงตื่นจากบรรทม จึงทรงถามว่า โลกมีเหตุประการใด พระอินทร์ทูลว่า เชิญเสด็จไปเจริญพระเกศาพระพิฆเณศ จึงได้พลั้งพระโอษฐ์ไปว่า "ลูกหัวหาย จะนอนหลับให้สบายก็ไม่ได้" แล้วทรงเสด็จมา

 เมื่อสิ้นประโยค เศียรของพระพิฆเนศก็ขาดออกจากพระวรกาย จึงต้องรับสั่งให้พระวิศวกรรม (วิษณุกรรม) ไปหาศีรษะในโลกมนุษย์ โดยตัดเอาศีรษะมนุษย์ที่ตายเฉพาะในวันนั้น พระวิศวกรรมหาทั่วทั้งโลกก็ไม่ได้

 เมื่อตอนเสด็จกลับ เห็น ช้าง ตัวหนึ่งนอนหันหัวไปทางทิศตะวันตก พระวิศวกรรมเลยตัดเอาหัวช้างนั้นไปถวายพระอิศวร จึงต่อเศียรนั้นเข้ากับองค์พระพิฆเนศ? ทำให้พระพิฆเนศมีเศียรเป็นหัวช้าง และด้วยคตินี้ จึงเกิดความเชื่อที่ว่า การนอนเอาศีรษะไปทางทิศตะวันตก เป็นเสนียดอัปมงคล

 ส่วนอีกตำนานกล่าวไว้ว่า พระนางอุมา มเหสีของพระอิศวร ทรงเห็นว่า คนใกล้ชิดพระนางทรงมีแต่เป็นบริวารของพระอิศวรทั้งสิ้น จนคราวหนึ่ง เมื่อนางทรงสรงน้ำ จึงนำเอาเหงื่อไคลของพระนางมาสร้างเป็นบุรุษรูปงาม

 ลำดับนั้นจึงทรงให้เฝ้าหน้าทวาร ห้ามมิให้ใครเข้ามาโดยมิได้รับอนุญาต วันหนึ่งพระอิศวรทรงเสด็จมา ขณะพระนางอยู่ในห้องสรงน้ำพอดี บุรุษรูปงามนั้นจึงขวางหน้าทวาร

 พระอิศวรจึงพิโรธ ทรงให้เทวภูต และคณะของพระองค์สังหารทวารบาลผู้นั้น แต่ไม่มีใครเอาชนะได้เลย จึงต้องอัญเชิญพระวิษณุมาช่วย จนสามารถตัดเศียรของนายทวารผู้นั้นได้

 ทราบถึงพระนางอุมา จึงทรงพิโรธเข้าทำการรบพุ่งกับฝ่ายเทวะจนร้อนระอุไปทั่ว ในที่สุดพระฤษีนารัท ต้องมาอ้อนวอนให้พระนางอุมาเยือกเย็นลง พระอิศวรจึงมีเทวบัญชาให้นำศีรษะของสิ่งมีชีวิตสิ่งแรกที่พบทางทิศเหนือ ซึ่งได้เป็นช้าง มาต่อเข้ากับพระศอของบุตรพระนางอุมา

 หลังจากนั้น พระองค์ทรงประสาทพรให้พระพิฆเนศ มีอำนาจเหนือภูตเทวดาทั้งหลาย จนพระพิฆเนศมีหลายพระนาม เช่น คชานนะ เอกทันตะ คณปติ ฯลฯ

?

 จากตำนานอันมหัศจรรย์ และความศักดิ์สิทธิ์ของพระพิฆเนศวร จึงให้เกิดรูปเคารพของท่านมาช้านาน ตั้งแต่ในแบบของอินเดียยุคต้น อายุหลายพันปี แต่ที่มาพบมากในบ้านเรา มักเป็นยุคของขอมบายน มักจะทำด้วยสัมฤทธิ์ มีสนิมเป็นสีเขียว หรือที่เรียกว่า สัมฤทธิ์สนิมหยก หรือที่เราเรียกกันในวงการพระว่า "สมัยลพบุรี"

 สมัยลพบุรีนั้นได้รับอิทธิพลช่างขอม จากกัมพูชา มีพบมากในท้องถิ่น ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ของไทย แต่มากสุดเป็นภาคกลาง ในจ.ลพบุรี, สุพรรณบุรี ซึ่งคาดว่า ลพบุรีน่าจะเป็นราชธานีของอุปราชจากเมืองเขมร

 พระพิฆเณศ ที่สร้างในยุคนี้ มีทั้งแบบทรงเครื่อง ตามแบบฉบับศิลปะของลพบุรี และไม่ทรงเครื่อง วงการพระเราเรียกว่า "ตัวเกลี้ยง" แต่ไม่ว่าแบบไหน เรามักพบว่า สร้างจากเนื้อสัมฤทธิ์ สนิมหยก ทั้งสิ้น

 พระพิฆเนศสมัยลพบุรีนี้ ยังส่งผลให้ศิลปกรรมพระพิฆเนศในยุคของสุโขทัย และอยุธยา ได้รับอิทธิพลของการทรงเครื่องต่อเนื่องมาอีกด้วย

 ส่วนวัตถุมงคลขนาดห้อยคอได้ ที่พบเห็น และนิยมในวงการพระเครื่อง ได้แก่ พระบูชาพระพิฆเนศ ขนาดหน้าตักเล็กๆ ขนาด ๑-๒ นิ้ว ทั้งแบบลอยองค์ และแบบครึ่งซีก พบมากในสมัยลพบุรี และอยุธยา

 - พระรูปลอยองค์ พระพิฆเนศ หลังดอกจัน เนื้อโลหะ ของ จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นพระเครื่องที่ขุดพบที่เมืองนครศรีธรรมราช และบริเวณใกล้เคียง

 - พระรูปลอยองค์พระพิฆเนศ ของเจ้าคุณศรีฯ (สนธ์ ยติธโร) วัดสุทัศนฯ สร้างเมื่อ พ.ศ.๒๔๘๕ เนื้อสัมฤทธิ์ออกสีเหลือง มีทั้งแบบ ๔ กร และแบบ ๒ กร

 และที่เป็นที่น่าสนใจในขณะนี้อีก ๒ รุ่น คือ ๑.ของบริษัท เวิร์คพอยท์ คุณปัญญา นิรันดร์กุล เป็นเหรียญ และรูปหล่อยืนแบบลอยองค์? ๒.พระพิฆเนศ ที่กำลังจัดสร้างโดย บริษัทเอเชียเทเลวิชั่น แอนด์มีเดียจำกัด ของ คุณยุวดี บุญครอง ซึ่งมีทั้งขนาดบูชา ขนาดเล็กห้อยคอ และพระผง ทั้ง ๒ รุ่นนี้กำลังเป็นที่สนใจของวงการพระเครื่องในเวลานี้เป็นอย่างมาก

 สุดท้าย ขอนำเสนอบทสวดขอพรจาก พระพิฆเนศให้กับท่านผู้อ่านทุกๆ ท่าน ดังนี้ 


"โอม คะชาชะมัน ภูตะคะณาธิเสวิตัม กะปิตะถะชัมพูผะละ จารุภักษะณัม อุมาสุตัม โสกะวินาศะการัมกัม นะมามิ วิฆเนศวะระปาทะปัมกะชัม"
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09 ก.ค. 2550, 05:46:34 โดย หนอนแดก »
ช.อ.ก. 40

ออฟไลน์ เต้

  • สัตตมะ
  • **
  • กระทู้: 115
  • เพศ: ชาย
  • บารมีหลวงปู่ไปล่ วัดกำแพง
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: ชั่วโมงเซียน : 'พระพิฆเนศ' ในวงการพระ
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: 25 ก.ค. 2550, 10:06:16 »
สาธุ

ออฟไลน์ 7day

  • จตุตถะ
  • ****
  • กระทู้: 98
  • เพศ: ชาย
  • KMITNB~~ [--cc37 ™--]
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: ชั่วโมงเซียน : 'พระพิฆเนศ' ในวงการพระ
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: 01 ก.ย. 2550, 11:38:51 »
แล้วเทพแห่งความสำเร็จ คือพระพิฆเณศ  ด้วยป่าวคับ
-----  อยู่ได้เพราะยอม  ยอมได้เพราะรัก -----

ออฟไลน์ นิว

  • ตติยะ
  • ***
  • กระทู้: 46
  • เพศ: ชาย
    • MSN Messenger - new_retrospec@msn.com
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล
ตอบ: ชั่วโมงเซียน : 'พระพิฆเนศ' ในวงการพระ
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: 24 ต.ค. 2550, 10:01:57 »
ใช่ครับ..เค้าเชื่อกันว่าพระพิฆเนศ เป็นเทพเจ้าเเห่งความสำเร็จ
ทำดีไว้ก่อน  พ่อสอนไว้