ผู้เขียน หัวข้อ: พุทธบันเทิง  (อ่าน 763 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ suwatchai

  • การนิ่งเงียบต่อคนโง่คนสามหาว เป็นทางยาวสู่เกียรติที่ใฝ่ฝัน ทั้งรักษาในศักดิ์ศรีเป็นเกราะกัน ไม่หุนหันฉันท์หมาวัดที่จัญไร เราจงดูราชสีห์น่าเกรงขาม ทุกผู้นามเกรงกลัวได้ไฉน ไม่เคยเห่าเคยหอนไล่ผู้ใด แล้วไซร้ใยมีเกียรติเป็นราชันต์...
  • สมาชิกที่ถูกแบน
  • **
  • กระทู้: 241
  • เพศ: ชาย
  • Death Is Beautiful & Sweet ....
    • MSN Messenger - suwatchai.com@windowslive.com
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล
พุทธบันเทิง
« เมื่อ: 02 พ.ย. 2552, 05:51:57 »

คงจะไม่ต้องเกริ่นอะไรกันมากมายถึงปัญหาที่พวกเราประชาชนตาดำๆ ถูกปัญหาหลากหลายประการรุมเร้าทุกวี่ทุกวัน เพราะไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการบ้านการเมือง หรือปัญหาปากท้อง รวมถึงสภาวะว่างงานที่นับวันยิ่งทำให้ผู้คนต้องเผชิญกับความกังวลและความทุกข์ที่รู้สึกแก้กันไม่ตกเสียที

อย่างไรก็ตาม ทุกคนย่อมแสวงหาทางออกให้แก่ตนเอง ไม่ว่าจะเป็นการไปท่องเที่ยว หากิจกรรมเสริม หรือเลือกที่จะเก็บตัวอยู่กับบ้าน ชนิดที่เรียกว่าประหยัดไว้ก่อนอยู่รอดแน่นอน แต่ก็นับว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีเมื่อผู้คนเริ่มวิ่งเข้าหาธรรมะในการดับทุกข์ ดับความกังวล ทั้งในรูปแบบของการพึ่งพาร่มเงาพระพุทธศาสนา จนบางรายคิดไปถึงขั้นต้องการจะนิพพานเลยทีเดียว !!!

ทั้งนี้ เราจะสังเกตได้เลยว่าศาสตร์ทุกแขนงย่อมมีกำแพงขวางกั้นอยู่เสมอ ทำให้ผู้คนต่างเข้าถึงได้อย่างลำบาก นอกเหนือเสียจากว่าจะตั้งหน้าตั้งตาศึกษาเรียนรู้กันอย่างจริงจังถึงจะเข้าใจศาสตร์นั้นๆ ได้

ศาสตร์ของพระพุทธศาสนาก็เช่นกันที่ประชาชนโดยส่วนมากคิดว่าเป็นอะไรที่เข้าถึงได้ยาก ไม่เข้าใจ เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมของสงฆ์ แต่ก็ต้องเรียนตามตรงว่ารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง เพราะไม่ว่าทางพระหรือประชาชนก็ต่างพยายามทำความเข้าใจแก่นแท้ของพระพุทธศาสนา อันมีปรัชญาในการดำเนินชีวิตให้สมดุลด้วยวิธีที่น่าสนใจ โดยการนำส่วนผสมของความบันเทิงมาคลุกเคล้ากับการศึกษา นั่นก็คือ "Eductain ment "

กล่าวคือ เมื่อนำหลักการของพระพุทธศาสนาและหลักธรรมะมาประยุกต์ร่วมกับความบันเทิงเชิงสาระก็กลายเป็นพุทธบันเทิง หรือ " Dhamatainment " ซึ่งต้องเรียนตามตรงเลยว่าไม่เป็นอะไรที่แปลกเลย ไม่ผิดและไม่ไร้สาระ เพราะมีจุดประสงค์ที่ชัดเจน  นั่นก็คือการทำให้ผู้บริโภคข้อมูลข่าวสารสามารถเปิดรับหลักความคิดแนวธรรมะที่ไม่ใช่เป็นการสร้างกำแพงด้วยการนำเสนอข้อมูลที่เข้าใจได้ยาก แต่กลับกลายเป็นการวิ่งเข้าหาผู้คนในเชิงรุก

แน่นอนว่าวันนี้คนรุ่นใหม่ใช้ชีวิตท่ามกลางความบันเทิง ทั้งในรูปแบบแสงสีและเสียงที่มอบความสุขให้กับพวกเขาในลักษณะวันต่อวัน มิได้มอบแก่นสารหรือขัดเกลาให้ผู้คนมีคุณภาพทางความคิด  แต่พุทธบันเทิง คือการเปิดอก เปิดใจ เปิดหู และเปิดรับให้คนเข้าถึงได้ง่ายยิ่งขึ้น นอกจากจะได้สาระและทำให้พวกเขามีส่วนร่วมแล้ว ยังถือเป็นการพัฒนาสุขภาพจิตในระยะยาวด้วยเช่นกัน

ดังนั้น การศึกษาธรรมะกลายเป็นอะไรที่ไม่ยากเลยสักนิด และยังทำให้ให้ผู้คนสามารถลดทิฐิได้ด้วย ซึ่งนับว่าสุดยอดไม่เบาทีเดียว ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นท่านพระมหาสมปอง ตาลปุตฺโต ภิกษุนักเทศน์หรือท่าน ว.วชิรเมธี ภิกษุนักเขียน ตลอดจนกลุ่ม Faith Group ที่นำเสนอหนังสือชุดทางออก (The Exit) ที่นำเสนอภาษาชิลๆ พร้อมด้วยเพลงแนวโมเดิร์นป๊อปร็อค ต่างมีเนื้อหาสาระที่เน้นเรื่องธรรมะเป็นพิเศษ   และอีกหลากหลาย กลุ่มคน อาทิ ผู้ที่ผลิตการ์ตูนพระพุทธศาสนาหรือหนังที่เน้นความบันเทิงเชิงสาระอย่างเรื่องหลวงพี่เท่ง ต้องยอมรับเลยว่ามนุษย์กลุ่มนี้คือกลุ่มที่ผลักดันสังคมไปสู่ความมีคุณธรรมอย่างแท้จริง เพราะไม่ว่าจะเป็นการใช้หนังสือที่เป็นสื่อกลาง การทำเพลง หรือการทำกิจกรรมเชิงพระพุทธศาสนาในทิศทางที่ถูกต้อง นับว่าเป็นแบบอย่างที่ก่อให้เกิดแรงปรารถนาในการทำให้ผู้คนเห็นคุณค่าและเข้าใจหลักธรรมะ  จนสามารถนำไปประ ยุกต์กับชีวิตประจำวันได้อย่างลงตัว

ผมเองนั้นก็เป็นผู้ที่คอยติดตามเรื่องราวที่เกี่ยวกับธรรมะอยู่เสมอ แต่ต้องเรียนตามตรงเลยว่า ในสมัยที่ยังเป็นเด็กก็ได้เรียนวิชาพุทธศาสนา แต่ตัวเองกลับรู้สึกว่าไม่ได้รับประโยชน์อะไรเลย เพราะไม่รู้ว่าทำไมต้องเรียน ทำไมต้องมานั่งสวดมนต์ให้เป็น ทำไมต้องสวด แล้วเก็บมาเป็นคะแนนในการสอบ เพราะถ้าสวดไม่ครบไม่ถูกก็ไม่ต้องจบชั้น

ประเด็นสำคัญอยู่ที่ว่ามันไม่มีสิ่งที่กระตุ้นให้เราเปิดรับนั่นเอง จนเป็นเหตุว่าจะทำอย่างไรให้ผู้คนสามารถเปิดรับและเข้าใจจนพร้อมที่จะศึกษาต่อ

การที่พวกเราเห็นพัฒนาการของพระพุทธศาสนาในรูปแบบพุทธบันเทิง  ต้องพูดเลยว่าวันเบิกบานของพุทธศาสนากำลังมาถึงกันอีกครั้งแล้ว...