แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - lovethailand2019

หน้า: [1]
1


ภาคอีสาน วัฒนธรรมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นแหล่งรวมอารยธรรมอันหลากหลาย จากความเลื่อมใสศรัทธาที่สืบทอดต่อกันมาตั้งแต่สมัยโบราณตราบจนกระทั่งตอนนี้ ว่าแต่ว่าทางภาคอีสานจะมีเทศกาลไหน ที่ครั้งหนึ่งคุณควรต้องไปให้ได้สักหนึ่งครั้ง ไปดูกัน!

1. เทศกาลขึ้นเขาพนมรุ้ง จังหวัดบุรีรัมย์

วังหินพนมรุ้ง สร้างด้วยศิลาแลงรวมทั้งหินทรายสีชมพูมหาศาลใหญ่เยี่ยมที่สุด มีการวางแบบแผนผังวังตามความศรัทธาที่สอดคล้องกับลักษณตำแหน่ง ศาสนสถานแต่ละส่วนประดับและก็สลักลวดลายเป็นรูปเทวดาและเรื่องราวทางศาสนาสวยดูดี แล้วก็ทุกปีในวันขึ้น 15 เย็นเดือนคร่าวๆเดือนเมษายน จะมีเทศกาลขึ้นเขาพนมรุ้ง เพื่อมองปรากฎการณ์อันน่าแปลกใจ โน่นเป็นพระอาทิตย์จะสาดแสงไฟตรงเป็นลำทะลุช่องประตูวังทั้งยัง 15 บาน และพิธีกรรมบวงสรวงองค์พระศิวะรวมทั้งสิ่งศักดิ์สิทธิ์บนเขาพนมรุ้ง การแสดง แสงไฟ สี เสียง สุดสวย

2. เทศกาลผีตาโขน

เทศกาลผีตาโขน เป็นการรวมจารีตทั้ง 4 ตามปฏิทินโบราณ ตัวอย่างเช่น บุญเผวสในเดือน 4, บุญวันสงกรานต์ ในเดือน 5, บุญบั้งไฟ ในเดือน 6 และก็บุญซำฮะ ในเดือน 7 มาจัดพร้อมในเดือน 8 ของทุกปี ซึ่งไม่มีการอ้างอิงถึงที่มาแม้กระนั้นมีการจัดขึ้นตั้งแต่อดีตมาจนกระทั่งขณะนี้ มีเป้าหมายเพื่อบูชาบวงสรวงหลักเมืองและก็ดวงวิญญานสิ่งศักดิ์สิทธิ์ บรรยากาศด้านในงานจะเต็มผู้คนทั้งชายแล้วก็หญิงนำหวดนึ่งข้าวเหนียวมาทำเป็นลวดลายเสมือนเทือกเขาผีภูตผีปีศาจ ซึ่งได้รับความนิยมจากนักเที่ยวเป็นจำนวนมาก

3. เทศกาลแห่เทียนเข้าพรรษา จังหวัดอุบลราชธานี

เป็นเทศกาลทุกปีที่หลายคนรู้จักดีกันดี เป็นจารีตสำคัญมาตั้งแต่สมัยจังหวัดสุโขทัย จนกระทั่งมาถึงในช่วงเวลานี้ รวมเวลากว่า 116 ปี ซึ่งแรกเป็นการขุดบั้งไฟแต่มีข้อคิดเห็นว่าทำให้เป็นอันตรายต่อผู้คน โดยข้างในงานมีการจัดขบวนเทียนแกะการแกะสลักขี้ผึ้งเป็นลวดลายต่างๆส่วนมากเกิดเหตุราวเกี่ยวกับประวัติศาสตร์เกือบ 100% แต่ละขบวนจะมีนางรำมีการรำประกอบขบวน กล่าวได้ว่ายิ่งใหญ่หรูสุดๆ

4. เทศกาลไหลเรือไฟ จังหวัดนครพนม

เทศกาลไหลเรือไฟ จัดขึ้นทุกปีด้านหลังตอนวันออกพรรษา วัตถุประสงค์เพื่อเพื่อบูชาองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ พญานาค รวมทั้งการขอโทษพระแม่คงคา ลักษณะเด่นของงานนอกจากเรือไฟแล้ว ยังมีการรำบูชาองค์พระบรมสารีริกธาตุพนม และมีการจัดงานกาชาด เพื่อจำหน่ายสินค้านานาประเภท สินค้าโอท็อป แล้วก็การแสดงพื้นเมือง จากเจ็ดชนเผ่าของจังหวัดนครพนม

5. เทศกาลท่องเที่ยวทุ่งดอกกระเจียวบาน จังหวัดชัยภูมิ

ทุ่งดอกกระเจียว อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม ตั้งอยู่ในท้องที่อำเภอทวยเทพเทวดาสถิต มีพื้นที่ 62,437.50 ไร่ หรือ 99.9 ตารางกิโลเมตร จะทยอยสดชื่นเป็นระยะเวลา 2 เดือน แล้วหลังจากนั้นก็จะบานสะพรั่งเต็มป่าในตอนไม่.ย.ตราบจนกระทั่งสิงหาคมของทุกปี เวลาที่เหมาะสมเป็นตอนตอนเช้าที่มีสายหมอกบางๆปกคลุม นอกเหนือจากนี้ยังมี ลานหินงาม มีลักษณะเป็นผาหินยื่นออกไปในอากาศ ทิวภาพสวยขนาดนี้จะต้องไปเช็คอินสักหนึ่งครั้ง

6. เทศกาลมองแห่นาคเลวทราม จังหวัดชัยภูมิ

จารีตโบราณที่ปฏิบัติสืบทอดต่อกันมาหลายร้อยปี เพื่อลูกหลานได้บวชตอบแทนคุณบิดามารดา ด้วยการ แห่นาค จากบ้านตนเองรอบหมู่บ้าน โดยจะใช้เด็กหนุ่มที่ยังไม่ได้บวชของแต่ละหมู่บ้าน มาช่วยเหลือซึ่งกันและกันหามแคร่ไผ่ แห่นาคไปรอบหมู่บ้าน และเขย่าโยนนาคอย่างมาก คนไหนกันที่ชื่นชอบความระทึกใจไม่ควรพลาด

7. เทศกาลบุญบั้งไฟ จังหวัดยโสธร

จารีตบุญบั้งไฟ จังหวัดยโสธร จัดขึ้นบ่อยๆทุกปีในวันเสาร์แล้วหลังจากนั้นก็อาทิตย์ที่ 2 ของพ.ค. เป็นประเพณที่เกี่ยวข้องกับความเชื่อใจในหัวข้อการขอฝนด้วยแนวทางทำบั้งไฟจุดขึ้นไปบนฟ้าเพื่อขอฝนจากพญาแถน ก่อนถึงฤดูทำการกสิกรรม ภายในงานมีการแสดงด้านวัฒนธรรม การแสดงตำนานของพญาคันค้างก มองการตกแต่งบั้งไฟ อื่นๆอีกมากมาย ส่วนที่เป็นไฮไลท์ เป็นการชิงชัยกองเชียร์ของแต่ละบั้งไฟนับสิบแผนก

https://www.lovethailand.org/travel/th/46-นครราชสีมา/15787-ประเพณีภาคอีสาน-วัฒนธรรมภาคอีสาน-ประเพณีไทยที่สำคัญ.html

2


จารีตประเพณีภาคใต้ วัฒนธรรมไทยที่สำคัญ จารีตหลวงและก็ขนบธรรมเนียมประเพณีราษฎร์ต่างมีการเลียนแบบยืมวัฒนธรรมซึ่งกันและกัน ขนบประเพณีหลวงในประเทศไทยจับตัวได้อย่างของขนบประเพณีราษฏร์มาประสมประสานกับวัฒนธรรมต่างประเทศจนกระทั่งแปลงเป็นจารีตหลวงโดยบริบูรณ์ แล้วหลังจากนั้นก็มีอำนาจส่งกลับไปสู่จารีตราษฎร์อีก ทำให้จารีตราษฎร์เบาๆแปรไปตามขนบธรรมเนียมประเพณีหลวง

เช่นพิธีการที่ทำในราชสำนักมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ก็คือสิ่งที่ได้โครงเรื่องมาจากจารีตราษฎร์ ซึ่งเป็นขนบประเพณีที่ทำมานานรวมทั้งเป็นพิธีกรรมที่เกี่ยวข้องกับขั้นตอนการทำมาหากินหรือการกสิกรรมอยู่หลากหลายประเภท ได้แก่ พิธีการพระราชพิธีจรดพระนังคัล ของพลเมืองเป็นการเซ่นสังเวยตาแฮกหรือผีทุ่งข้าวหรือเจ้าที่เจ้าทางนาให้คุ้มครองรักษาป้องกันข้าวในท้องทุ่งไม่ให้มีอันตราย เป็นการประกอบพิธีเป็นกลเม็ดเพื่อหมดความวิตกกังวลก่อนจะลงมือไถทุ่งนา การพระราชพิธีจรดพระนังคัลในระยะเริ่มต้นก็เลยเป็นจารีตราษฎร์ ต่อมาก็เลยแก้ไขแปลงเป็นขนบประเพณีหลวงเป็นพระราชพิธีจรดพระนังคัล พระราชพิธีจรดพระนังคัลที่มีมาจากวัฒนธรรมอินเดียเพื่อนำไปสู่การยินยอมพร้อมใจรับ หรือแม้แต่การประลองเรือของสามัญชนตามหมู่บ้านต่างๆเพื่อความสนุกสนานรื้นเริงในเทศกาลที่เกี่ยวกับความศรัทธาทางศาสนาของชุมชนนั้นๆมีการแต่งจากราชสำนักให้เป็นการชิงชัยเรือเพื่อเสี่ยงทาย เพื่อรู้ล่วงหน้าว่าเรื่องเรื่องน้ำจะเป็นยังไง ซึ่งพระเจ้าแผ่นดินจะเสด็จเพื่อเสี่ยงทาย ดังที่ปรากฏในกฎมนเทียรบาล

ด้วยเหตุนั้น นอกเหนือจากการปฏิบัติขนบธรรมเนียมประเพณีในรอบปีของราชสำนักแล้ว ประชากรแต่ละดินแดนก็มีงานขนบประเพณีในรอบปีด้วยเหมือนกัน ซึ่งจะมีความเหมือนและก็แตกต่างกันไป จารีตที่เกิดขึ้นในรอบปี ก็เลยไม่ได้มีเฉพาะขนบธรรมเนียมประเพณีหลวงเท่านั้นเอง แม้ว่ายังมีจารีตราษฎร์หรือจารีตของแต่ละชายแดนอีกด้วย ซึ่งประเพณีของพรมแดนนั้นจะแตกต่างตามลักษณะทางภูมิศาสตร์ ลักษณะทางกายภาพ แล้วหลังจากนั้นก็สภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ รวมทั้งประวัติศาสตร์ของดินแดน ขนบธรรมเนียมประเพณีในรอบปีของแต่ละภาคก็เลยมีลักษณะเฉพาะของประเทศนั้นๆอย่างไรก็แล้วแต่ ในจารีตของประเทศก็ส่งผลของศูนย์กลางอยู่ด้วย เนื่องจากว่าระบบการบ้านการเรือนการปกครองกระตุ้นให้เกิดการปฏิสัมพันธ์กันของแต่ละภูมิภาค

ในระดับภูมิภาคหรือประเทศ มีความรุ่งโรจน์ด้านการเมืองเกิดเป็นเมืองสำคัญของแต่ละภูมิภาค เช่น ภาคเหนือมีหริภุญชัยรวมทั้งล้านนา ภาคอีสานมีศรีสัตนาคนหุต ภาคกลางมีจังหวัดสุโขทัยแล้วก็อยุธยา ส่วนภาคใต้มีศรีวิชัยและก็ตามพรลิงค์ เมืองกลุ่มนี้มีความรุ่งเรืองและก็เติบโตเป็นเมืองศูนย์กลางของแต่ละแว่นแคว้นรวมทั้งมีอิทธิพลต่อชุมชนหมู่บ้านต่างๆที่อยู่พรมแดนเดียวกัน ทำให้วัฒนธรรมรวมทั้งประเพณีของแต่ละอาณาเขตมีลักษณะที่เหมือนกันหรือมีแบบแผนที่คล้ายคลึงกัน ในขณะเดียวกันก็มีความไม่เหมือนที่เกิดจากความมากมายของหมู่ชนที่มาอยู่รวมกัน

เพราะการได้รับอิทธิพลของกรุงศรีอยุธยา ซึ่งถือว่าเป็นเมืองจังหวัดราชบุรีเป็นศูนย์กลางทางการเมือง สังคม และก็วัฒนธรรม ทำให้ตั้งครรภ์ถิ่นรับอิทธิพลจากศูนย์กลางในลักษณะที่ช่วยเหลือเกื้อกูลและเป็นปฏิกิริยาโต้ตอบกันจนกระทั่งแปลงเป็นจารีตไทยในแต่ละดินแดนอันเกิดขึ้นได้เนื่องมาจากความเคลื่อนไหวจารีตหลวงให้มีความเหมาะสม สอดคล้องกับเงื่อนไขทั้งยังด้านกายภาพและสังคมของตนเอง รวมทั้งความจำกัดของความแตกต่างของสังคมใหญ่ การบ้านการเรือน การปกครอง ระบบเศรษฐกิจ สภาพสังคม โน่นเป็นแต่ละอาณาเขตจะไม่รับจารีตหลวงมาทั้งผองหรือเปล่าสารภาพจารีตหลวงทั้งปวง แต่พลเมืองหรือแว่นแคว้นจะมีวิธีการ กลไก แล้วก็กรรมวิธีที่จะเปลี่ยนจนกว่าเกิดเป็นขนบประเพณีของอาณาเขตขึ้นมา

ชุมชนหมู่บ้านต่างๆนั้นไม่ได้อยู่อย่างสันโดษ ก็เลยมีการแลกเปลี่ยนปัจจัยสี่หรืออาหารที่จำเป็นต้อง ตัวอย่างเช่น เกษตรกรก็จำเป็นจะต้องเปลี่ยนเกลือหรือสินค้าอื่นๆรวมทั้งความเกี่ยวเนื่องแบบวงศ์ญาติที่เกิดจากการแต่งงานหรือการเกี่ยวเนื่องกันแบบอื่นๆทำให้มีขนบประเพณีและพิธีกรรมของแต่ละชุมชน ผสมผสานกัน มีความคล้ายคลึงกันหรือไม่เหมือนกันได้ เหมือนกันกับในแต่ละภูมิภาคหรือพรมแดนไม่ได้อยู่อย่างสันโดษเช่นเดียวกัน จะต้องมีการปฏิพบปะสนทนาเพื่อเปลี่ยนแปลงกลุ่มสินค้าที่อยากได้ในชีวิตประจำวัน ทำให้แต่ละชายแดนมีการแพร่ไปหรือยืมวัฒนธรรมของกันและกัน ไปเปลี่ยนเพื่อเหมาะสมกับอาณาเขตของตัวเอง ฉะนั้น การผสมผสานทางวัฒนธรรมก็เลยเกิดขึ้นอีกทั้งในระดับชุมชน แล้วก็ระดับดินแดน

ประเพณี ๑๒ เดือน ในสังคมไทยก็เลยสำเร็จผลิตขึ้นมาจากศูนย์กลางและจากนั้นก็ดินแดนหรือจากหลวงและก็ราษฎร์ โดยมีวัดซึ่งเป็นศูนย์กลางของชุมชนเป็นอุปกรณ์ที่สำคัญในการส่งผ่านอิทธิพลของจารีตหลวงหรือขนบธรรมเนียมประเพณีราษฎร์ที่ได้รับการปรุงแต่งแล้วกลับไปยังชุมชน ประเพณี ๑๒ เดือน ซึ่งปฏิบัติกันก็เลยใช้วัดเป็นศูนย์กลางหรือเป็นสถานที่สำหรับการประกอบพิธีบาป

https://www.lovethailand.org/travel/th/65-นครศรีธรรมราช/15783-ประเพณีภาคใต้-วัฒนธรรมภาคใต้-และประเพณีไทย.html

หน้า: [1]