ตถตาอาศรม ริมฝั่งโขง
๔ สิงหาคม ๒๕๕๓
........รอยทาง.......
เมื่อวานเป็นวันพระแรม ๘ ค่ำ เดือนแปดหลัง ไม่ต้องออกไปบิณฑบาตร
เพราะญาติโยมจะมาใส่บาตรที่วัด ตื่นตามปกติร่วมกันทำกิจ กวาดวิหารลานวัด จัดเสนาสนะ
มีญาติโยมมาทำบุญกันประมาณ ๓๐ กว่าคน ยังอยู่ในช่วงดำนามีบางส่วนที่ยังปักดำไม่เสร็จ
ทำกิจวัตรของสงฆ์ในวันพระเสร็จประมาณ ๐๙.๓๐ น. กลับที่พักมาถอดแบบรถลากเรือยาว
คำนวนเหล็กและอุปกรณ์ในการต่อรถลากบรรทุกเรือยาว ออกแบบคำนวนการรับน้ำหนักเรือ
เสร็จประมาณบ่าย ลงไปขนทรายมาถมพื้นที่ลานวัดที่เป็นหลุมเป็นบ่อทำให้เกิดน้ำขังจนเสร็จ
สรงน้ำเตรียมตัวทำกิจวัตรของสงฆ์ในภาคค่ำต่อ ประมาณ ๒ ทุ่มครึ่งญาติโยมแห่ต้นกัณฑ์มา
ถวาย เพื่อให้พระได้มีปัจจัยใช้จ่ายระหว่างอยู่จำพรรษา ได้มาประมาณ ๕,๐๐๐บาท แบ่งเฉลี่ย
ถวายพระรูปละ ๔๐๐ บาท ที่เหลือเข้ากองกลาง
......รอยธรรม......
ได้บอกกับหมู่คณะเพื่อนสหธรรมิกก่อนแล้วว่า วัดทุ่งเว้า เป็นวัดป่าอยู่ชายแดน
ไม่มีเอกลาภใดๆ อาศัยการบิณฑบาตร ซึ่งได้เพียงอาหารเท่านั้น บางปีตลอดพรรษามีกิจนิมนต์
เพียงครั้งเดียวเท่านั้น ของกืินของใช้เครื่องดื่มทั้งหลายมีให้ที่ส่วนกลาง อยู่กันอย่างแบบพอเพียง
พระคุณเจ้าทุกรูปรับรู้และเข้าใจ จึงง่ายแก่การดูแลและปกครอง อยู่กันแบบพี่น้อง ปกครองกันด้วย
ธรรมวินัย " ร่วมมือ ร่วมแรง ร่วมใจ กันทำกิจวัตรของสงฆ์ เพื่อธรรม เพื่อวินัย " เพราะพระคุณเจ้า
ทุกรูปเป็นพระผู้ใหญ่ รู้ธรรมรู้วินัย ดูแลตนเองได้ ไม่ต้องสอนอะไรกันมาก ปฏิบัติกันเองได้แล้วทุกรูป
และถ้ามีปัญหาอะไรก็มาพูดคุยแลกเปลี่ยน ชี้แนะแก้ไขกัน ในเรื่องการปฏิบัติ เมื่อทุกรูปรู้บทบาทและ
หน้าที่ของตนเองแล้ว การอยู่ร่วมกันก็ไม่มีปัญหา เพราะได้กล่าวกับหมู่คณะเสมอว่า การใช้ชีวิตรวมหมู่นั้น
เราต้อง " แสวงหาจุดร่วม สงวนจุดต่าง " อะไรที่จะทำให้เกิดความขัดแย้งกันไม่นำมากล่าวเป็นหัวข้อสนทนา
และอะไรที่ไปกันได้ มีความเห็นที่คล้ายกัน นำสิ่งนั้นมาเป็นหัวข้อสนทนา ปัญหาก็จะไมาเกิดขึ้น
........รอยกวี......
โลกธรรม นำมา ซึ่งสะสม
ค่านิยม สังคม ในยุคใหม่
เพื่อโอ้อวด แข่งขัน กันเรื่อยไป
ต่างกอบโกย กำไร ไม่ระวัง
ทั้งลาภยศ สรรเสริญ เพลินในสุข
ทำให้ทุกข์ ตามมา ในภายหลัง
เมื่อเสื่อมยศ เสื่อมลาภ ให้ล้มพัง
มีคนชัง ไม่สรรเสริญ และเยินยอ
กินกามเกียรติ กอบโกย และโหยหา
ให้ได้มา ในสิ่ง ที่ร้องขอ
เพราะความที่ อยากได้ ไม่รู้พอ
จึงเกิดก่อ ความทุกข์ ไม่สุขใจ
ความสำเร็จ ของชีวิต ที่คิดหา
คือทรัพย์สิน เงินตรา นั้นหาไม่
ความสำเร็จ ของชีวิต อยู่ที่ใจ
บอกว่าพอ เมื่อไหร่ ก็ใช่เลย
เมื่อมุ่่งหวัง มาเป็น สมณะ
เพื่อลดละ ทุกสิ่ง ไม่นิ่งเฉย
ทั้งอัตตา ตัวตน ที่คุ้นเคย
กิเลสเอย ตัณหาเอย ควรละวาง
อยู่กันแบบ พอเพียง ก็เพียงพอ
การร้องขอ เกินไป ออกให้ห่าง
เดินตามธรรม มีธรรม เป็นแนวทาง
ตามแบบอย่าง พระอาจารย์ ท่านทำมา
ทำให้ดู อยู่ให้เห็น เป็นตัวอย่า่ง
ท่านได้สร้าง แบบไว้ ให้ศึกษา
ตามหลักธรรม ขององค์ พระสัมมา
ใช้ปัญญา มีสติ และตริตรอง
" คุณ...คิดดี แล้วหรือ ที่กระทำ
มา...ถลำ ทำชั่ว ให้มัวหมอง
ทำ...เพื่อใคร โปรดคิด ด้วยจิตตรอง
อะไร...ถูก อะไรต้อง จงตรองดู "
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
ด้วยความปรารถนาดีและไมตรีจิต
รวี สัจจะ-สมณะไร้นาม
๔ สิงหาคม ๒๕๕๓ เวลา ๐๘.๔๕ น. ณ ศาลาน้อย ริมน้ำโขง ชายขอบประเทศไทย