ผู้เขียน หัวข้อ: วิญญาณยังอยู่  (อ่าน 4612 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ทรงกลด

  • ผู้อาวุโส
  • *****
  • กระทู้: 2199
  • เพศ: ชาย
  • ศิษย์หลวงโด่ง.....
    • ดูรายละเอียด
วิญญาณยังอยู่
« เมื่อ: 13 พ.ค. 2554, 11:27:22 »
วิญญาณยังอยู่

คอลัมน์ ขนหัวลุก
ใบหนาด

"เก่ง" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากบ้านสวนเพชรบุรี ;;; ป้านิด ป้าสะใภ้ใจดีที่สุดในโลกของผมเป็นคนเพชรบุรีครับ เมื่อปิดเทอมใหญ่ที่ผ่านมาผมได้ไปเที่ยวที่นั่นตั้งอาทิตย์หนึ่งแน่ะ สนุกดี แถมไปเจอเรื่องขนหัวลุกที่นั่นด้วย

บ้านของป้าเป็นบ้านสวน มีทั้งมะนาว กระท้อน ชมพู่ มะพร้าว...ลุงผมปลูกไว้เอง แต่ลุงตายไปแล้วเมื่อสิบปีก่อน ตอนนั้นผมยังเล็กมาก ราว 3-4 ขวบเท่านั้น เหมือนพี่จอยกับพี่โจ ลูกของลุงป้าที่แก่กว่าผมแค่ 2-3 ปี

พอลุงตาย ป้านิดก็เลี้ยงลูกๆ ตามลำพัง ซึ่งก็อยู่กันได้สบายมากเพราะป้านิดขยัน แกมีฝีมือด้านตัดเย็บเสื้อผ้าด้วย และมีจักรคู่ชีพอยู่หนึ่งหลัง บรรดาลูกค้าก็เป็นเครือญาติและคนในหมู่บ้าน นอกจากนั้น ยังเก็บผลไม้ต่างๆ ในสวนมาขายริมทางหลวงแทบทุกเสาร์-อาทิตย์

ป้านิดมีญาติชื่อป้าแขกกับ ลุงสิทธิ์ เป็นเจ้าของสวนตาล และมีรถกระบะขนลูกตาลสดๆ มานั่งปอกนั่งเฉาะกันริมทาง เวลารถนักท่องเที่ยวผ่านไปมาก็จะแวะซื้อ บางรายสนิทสนมเป็นขาประจำกันเลยเชียว สินค้าที่ขายเป็นผลไม้ตามฤดูกาลและน้ำตาลสดที่ผมกับน้องแก้มชอบมากที่สุด

จริงๆ แล้วผมไม่เคยไปบ้านสวนของป้านิดหรอกครับ แต่ปีนี้ป้านิดมาเยี่ยมคุณปู่ที่โรงพยาบาลในกรุงเทพฯ พี่จอยพี่โจมาค้างบ้านผมตั้งหลายวัน แล้วก็เลยชวนผมไปเที่ยวทางโน้นบ้าง ผมกับน้องแก้มนึกสนุก น้องแก้มน่ะติดพี่จอยคนสวยมากๆ เลยด้วย

ผลก็ คือเราได้นั่งรถไฟไปบ้านสวนของป้านิดกัน ขากลับพ่อแม่จะไปรับ...เราจะเที่ยวหัวหินต่ออีกสองคืนแล้วค่อยกลับบ้าน นับเป็นปิดเทอมที่สนุกมากจริงๆ

บ้านป้านิดน่าอยู่ครับ อบอุ่นดี ชั้นล่างเปิดโล่งตลอด มีจักรเย็บผ้า ทีวี และโต๊ะกินข้าว มีครัวอยู่ด้านหลัง ป้านิดทำอาหารอร่อยมาก นอกจากป้านิดกับลูกๆ แล้วยังมีครอบครัวของน้ากุ้งอาศัยอยู่ด้วยที่ห้องชั้นล่างนี่ อยู่ด้วยกันสามคนพ่อแม่ลูก น้ากุ้งมีลูกสาวสามขวบน่ารักดี ชื่อน้องเมย์

ผม ได้นอนห้องพี่โจซึ่งเป็นห้องนอนเล็ก ส่วนน้องแก้มนอนกับพี่จอยและป้านิดที่ห้องนอนใหญ่ติดกัน บ้านนี้มีแอร์ด้วยครับ แต่ถ้าไม่ร้อนนักจะเปิดพัดลมกัน เปิดแอร์เฉพาะนอนตอนกลางคืน

วันแรกที่ไปถึง พอเอาเสื้อผ้าขึ้นไปเก็บ ผมมองออกนอกหน้าต่างไปที่บ้านข้างๆ ได้อย่างชัดเจน เป็นบ้านไม้สองชั้นไม่ได้ทาสี มีต้นไม้ร่มครึ้ม มะม่วงต้นใหญ่อยู่ถัดไปไม่ไกล ตอนแรกผมไม่เห็นอะไรผิดปกติหรอกครับ แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งเมื่ออยู่ดีๆ ก็เห็นเด็กผู้ชายนั่งห้อยขาอยู่ที่กิ่งใหญ่ของมะม่วงต้นนั้น

แดดตอน เที่ยงๆ สว่างจ้า แต่ในต้นมะม่วงดูมืดครึ้ม ท่าทางจะไม่ร้อนนัก เด็กคนนั้นนั่งอยู่อย่างน่าเสียวไส้ กิ่งมะม่วงนั่นสูงเอาการ...คือสูงกว่าหน้าต่างชั้นสองที่ผมยืนมองอยู่ซะอีก เด็กคนนี้อายุราวสิบขวบ ผมเกรียน ใส่เสื้อกล้ามสีขาวมอๆ นุ่งกางเกงนักเรียนสีกากี เขานั่งห้อยขาอย่างสบาย มือสองข้างถือมะม่วงกัดกินอย่างอร่อย

เฮ้อ! กินเข้าไปได้ยังไงทั้งเปลือก นั่งไม่นั่งเปล่า แกว่งขาซะด้วย เดี๋ยวก็ตกลงมาหรอก ท่าทางจะทั้งซนทั้งแก่นน่าดู!

ทัน ใดนั้น เขาหันมามองผม ฮู้! นัยน์ตาเขาแดงก่ำเห็นชัด...แดงเป็นเลือดเลย! สงสัยไม่สบายหรือไม่ก็เป็นตาแดง แต่แปลกนะ เขาทำให้ผมขนลุกซ่าไปทั้งตัว ขนหัวก็ลุกด้วยเหมือนโดนกระแสไฟฟ้าอ่อนๆ เขายิ้มให้ ผมก็เลยยิ้มตอบ

เสียง ป้านิดเรียกผมลงไปกินก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นที่เป็นรถเข็นผ่านมาหน้าบ้าน...พวก เราสั่งก๋วยเตี๋ยวกินกัน ผมอดไม่ได้ที่จะเหลียวไปมองมะม่วงต้นเดิม...เด็กคนนั้นก็มองเราอยู่ ป้านิดถามว่า ผมมองอะไร ผมก็ตอบตรงๆ ว่าเด็กบ้านนั้นไง! เก่งจัง นั่งกินมะม่วงอย่างสบาย...น่าจะเรียกลงมากินก๋วยเตี๋ยวด้วยกัน

พอผม พูดอย่างนั้นน้ากุ้งก็ทำช้อนตกจากมือ คนขายก๋วยเตี๋ยวสะดุ้งโหยง ร้องเฮ้ย! ไม่ใช่สะดุ้งน้ากุ้งนะครับ เขาสะดุ้งที่ผมพูด แล้วเหลียวไปมองอย่างหวาดกลัวเอาจริงๆ จังๆ

...เด็กที่ผมเห็นไม่ใช่ คนที่ยังมีชีวิตอยู่หรอกครับ! ตายละ...ผมทำให้คนที่นี่ขวัญผวากันไปหมดเลย...เด็กข้างบ้านน่ะตายมาสามเดือน แล้ว ตกต้นมะม่วงลงมาตายคาที่! คนขายก๋วยเตี๋ยวบอกว่าคนที่ผ่านไปมาเห็นอยู่เป็นประจำ แสดงว่าวิญญาณของเด็กยังไม่ไปไหน

พี่โจปิดหน้าต่างที่เปิดออกไปข้าง บ้าน ไม่ยอมเปิด ไม่ยอมให้ผมพูดถึง ผมยอมรับว่าสยองตลอดเวลาที่อยู่บ้านป้านิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนกลางคืน...แต่อย่างน้อยผมก็มีเรื่องผีไปเล่าให้เพื่อนๆ ฟังตอนเปิดเทอมละครับ!

ที่มา
http://www.khaosod.co.th/
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว....ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา...สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา...กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

ออฟไลน์ ทรงกลด

  • ผู้อาวุโส
  • *****
  • กระทู้: 2199
  • เพศ: ชาย
  • ศิษย์หลวงโด่ง.....
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: วิญญาณยังอยู่
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: 13 พ.ค. 2554, 11:28:42 »
ลางมรณะ

ขนหัวลุก
ใบหนาด

"กชวรรณ" เล่า ประสบการณ์ขนหัวลุกของลางร้ายคนโบราณแทบทั้งโลกล้วนแต่เชื่อเรื่องภูตผี ปีศาจ โชคลางต่างๆ นานา เพราะเป็นที่พึ่งทางใจสืบต่อกันมาหลายชั่วอายุคน แต่เมื่อโลกเจริญ วิทยาศาสตร์ก้าวหน้า ผู้คนมีการศึกษามากขึ้น ความเชื่อเก่าๆ ก็ลดน้อยถอยลงไปทุกที

ความเชื่อเรื่องภูตผีกับโชคลาง ของคนสมัยก่อนค่อนข้างจะมากมายหลายประการ ตั้งแต่ธรรมชาติ เช่น ฟ้าร้อง ฟ้าผ่า ลมพายุที่ทำให้เกิดดินถล่ม ต้นไม้หักโค่น น้ำท่วม ก็มักจะเชื่อว่าเกิดจากอำนาจของสิ่งลึกลับที่เรียกรวมๆ กันว่าผี! จนถึงเชื่อโชคลางต่างๆ ที่เกิดจากดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ เป็นต้น

แม้แต่สัตว์ก็นับว่าเป็นโชคลางด้วยเหมือนกัน แต่เป็นลางร้าย!

สัตว์ ที่มนุษย์เชื่อว่าเป็นสื่อ หรือตัวแทนของภูตผี ได้แก่ งู แมวดำ นกที่หากินกลางคืน เช่น นกแสก นกเค้าแมว แม้แต่นกสีดำ เช่น กา ก็เชื่อว่าเป็นตัวแทนของลางร้ายเช่นกัน

พวกฝรั่งที่คนส่วนมากคิดว่าเจริญก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ยิ่งกว่าคนเอเชีย กลับดูเหมือนจะเชื่อถือในโชคลางมากที่สุด

บ้าน ไหนมีคนเจ็บป่วยอยู่ ถ้ามีนกสีดำมาเกาะหน้าต่างก็เชื่อกันว่าคนป่วยนั้นจะต้องตายแน่นอน หรือถ้าตะเกียงเกิดดับแล้วติดเอง 3 ครั้ง เจ้าของบ้านมักจะเสียชีวิตในเร็ววัน

นอกจากนั้น ยังมีการเชื่อถือว่า ถ้าออกจากบ้านแล้วมีแมวดำวิ่งหรือเดินตัดหน้าจะเกิดเคราะห์ร้าย ต้องหันหลังกลับบ้านจะปลอดภัยที่สุด ไหนจะเรื่องการทำไวน์หกรดเพื่อน ทำมีดตก กระจกแตก...เหล่านี้ถือว่าเป็นลางที่บอกเหตุร้ายทั้งสิ้น

กระจกแตกเป็นลางร้ายที่เชื่อถือตรงกันไม่ว่าฝรั่งหรือไทย!

มี เหตุผลว่า กระจกเป็นสิ่งสะท้อนภาพเจ้าของ ในกรณีที่เป็นกระจกส่วนตัว เมื่อมีการส่องกระจกดูหน้าตาของตัวเองบ่อยๆ จิตวิญญาณก็จะเข้าไปสิงสู่อยู่ในกระจกนั้น ถ้ากระจกแตกก็เป็นสัญญาณว่าวิญญาณจะต้องออกจากร่างแน่นอน

ดิฉันได้ ประสบกับลางร้ายดังกล่าวจากเพื่อนรุ่นน้องที่ทำงานบริษัทเดียวกัน จะว่าเป็นเรื่องประหลาดก็ได้ค่ะ แต่ที่แน่ๆ คือเป็นความประหลาดที่ทำให้เพื่อนฝูงต่างขนหัวลุกไปตามๆ กัน

"แต้ว" เป็นสาวสวยระดับดาราของพวกเรา ตอนที่เธอเรียนจบมาทำงานใหม่ๆ ยังมีคนทักว่าทำไมไม่ประกวดนางงาม หรือไม่ก็เป็นดาราหนังดาราละครเสียเลย? รับรองว่ารุ่งโรจน์สดใสในวงการบันเทิงแน่ๆ แต่แต้วตอบอย่างมั่นใจว่าไม่ชอบ ไม่อยากเป็นดารา แม้จะมีแมวมองมาทาบทาม 2-3 รายแล้วก็ตาม

"ใจมัน ไม่รักนี่นา หมอดูก็บอกว่าดวงไม่สมพงศ์กับอาชีพนักแสดง แต้วเองก็ไม่อยากดัง ไม่อยากเป็นจุดเด่น กลายเป็นเป้าสายตาใครๆ ชีวิตมันไม่อิสระยังไงก็ไม่รู้"

แต่ทั้งๆ ที่บอกว่าไม่อยากเด่น แต้วกลับชอบแต่งตัวเก๋ไก๋ เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า แบรนด์เนม อินเทรนด์ตลอด แต่งหน้าตาสะสวยทุกวันก็ว่าได้ เล่นเอาพนักงานผู้ชายชอบแวะมาเจ๊าะแจ๊ะที่โต๊ะเธอเป็นประจำ

แต้วยัง ไม่มีแฟนจริงๆ จังๆ นอกจากคบกันแบบเพื่อนฝูง...การที่เธอมีรถยนต์ใช้ มีเสื้อผ้าและของใช้หรูหราก็ไม่น่าแปลกอะไร...พ่อแม่เธอมีฐานะระดับเศรษฐี ค่ะ

วันหนึ่งก็เกิดเรื่องใหญ่...

หลังจากกลับจากกินอาหารกลาง วันใกล้ๆ บริษัทที่สุรวงศ์ แต้วเปิดกระเป๋าหยิบกระจกมาดูหน้าตาตามประสาคนรักสวยรักงาม แต่กระจกหลุดมือลงมาแตกออกเป็นสองเสี่ยง...แต้วหวีดร้องจนเพื่อนฝูงตกอกตกใจ ไปตามๆ กัน

พอรู้เรื่องเข้าก็ซุบซิบกันว่าเป็นลางร้าย แต่หลายๆ คนรวมทั้งดิฉันก็ปลอบว่าอย่าไปคิดอะไรมาก...อีกเดือนสองเดือนเราก็จะยุค จี 3 อยู่แล้ว ญี่ปุ่นเข้า จี 4 จี 5 โน่นแน่ะ...อย่ามัวแต่เชื่อถือโชคลางเป็นคนแก่ไปเลย

แต้วยังหน้า ตาซีดเซียว บ่นแต่ว่ากระจกตกเตี้ยๆ ไม่น่าจะแตกนี่นา! วันต่อมาก็ปรับทุกข์ว่าหมู่นี้ฝันร้าย...ฝันเห็นแต่คนที่ตายไปแล้วทั้งนั้น เลย!

บางคนปลอบว่าการฝันเห็นคนตายหมายถึงผีมาให้พลัง อย่าคิดมากไปเลยเดี๋ยวจะหมดสวยเปล่าๆ แต้วได้แต่กลืนน้ำลาย พยักหน้า แววตาบอกว่ากำลังสับสนหรือเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง...จนกระทั่งเวลาผ่านไป สิบห้าวัน ใครๆ ก็พากันลืมเรื่องลางร้ายของแต้วไปหมดแล้ว แม้แต่เธอเองก็ดูสะสวยสดชื่น กระปรี้กระเปร่าและมีชีวิตชีวายิ่งกว่าเดิมด้วยซ้ำไป

วันหนึ่งพวก เราก็ได้รับข่าวร้าย...แต้วตกบันไดบ้านลงมาคอหักตายคาที่ ขณะที่รีบร้อนจะมาทำงาน...ลางร้ายของเธอกลายเป็นความจริงแทบไม่น่าเชื่อ นึกถึงแล้วขนหัวลุกค่ะ!


ที่มา
http://www.khaosod.co.th/

ออฟไลน์ ทรงกลด

  • ผู้อาวุโส
  • *****
  • กระทู้: 2199
  • เพศ: ชาย
  • ศิษย์หลวงโด่ง.....
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: วิญญาณยังอยู่
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: 13 พ.ค. 2554, 11:35:49 »
แก้วตาผี!

ขนหัวลุก
ใบหนาด

"คนพิชัย" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกที่โค้งผีสิง

ผมชอบอ่านหนังสือประเภทสยองขวัญ ดูหนังเกี่ยวกับภูตผีปีศาจ เพราะรู้สึกตื่นเต้นเร้าใจดีครับ แต่ผมว่าเหตุการณ์น่าขนพองสยองเกล้าที่ผมเคยเจอะเจอมาน่ะ สุดสยองที่สุดยิ่งกว่าหนังสือและภาพยนตร์เขย่าขวัญด้วยซ้ำไป

เรื่องเป็นอย่างนี้ครับ

สมัยหนุ่มๆ ผมร่อนเร่ขึ้นอีสานตามประสาคนที่ชีพจรลงเท้า ไปทำงานที่อำเภอยางสีสุราช จังหวัดมหาสาร คาม หรือ "ตักสิลานคร" โน่นแน่ะ ที่ได้ชื่อนี้ก็เพราะมีสถานศึกษามากมายที่สุดในอีสานน่ะซีครับ

อ้อ! ลืมบอกไปว่าผมเป็นช่างทำพลอย เมืองไทยเราโด่งดังไปทั่วโลกมานานแล้วในเรื่องอัญมณี ไม่ว่าการออกแบบหรือฝีมือล้วนยอดเยี่ยม กลายเป็นสินค้าออกที่ทำรายได้ปีละเป็นหมื่นๆ ล้าน แม้ว่าเราต้องสั่งวัตถุดิบมาจากต่างประเทศก็เถอะ แต่เรื่องฝีมือแล้วหาคนชาติอื่นมาทาบยาก...ขอคุยซะหน่อยแต่ไม่ได้โม้

เมื่อสิบกว่าปีก่อนนี่งานพลอยรุ่งเรืองมาก พอๆ กับเป็นแหล่งชุมชนคนหนุ่มสาวทั้งหลาย น่าสังเกตว่าหนุ่มสาวที่นั่นชอบ "ขุนแผนญี่ปุ่น" (จักรยานยนต์) มากๆ ด้วย

ข้อสำคัญก็คือชอบซิ่งกันสุดๆ แบบว่าเด็กแว้นทุกวันนี้ต้องซ่อนหน้าอายละกัน!

เด็กแว้นในกรุงเทพฯ มีตำรวจเป็นที่ยึด แต่ที่ยางสีสุราชมีเสาทางโค้งเป็นที่ยึด...คือยึดแบบแตกกระจาย...คน รถ และเสา ไปคนละทิศละทาง ทุกรายรับประกันได้ว่าศพไม่สวย... เละเทะแทบดูไม่ได้ก็แล้วกัน

มีศพสวยอยู่รายนึงครับ แต่คอหัก นัยน์ตากระเด็นออกไป 1 ข้าง! บรื๋อออ...

รายนี้แหละครับคือต้นเหตุที่ทำให้ผมสยดสยองสุดขีดละคุณ

เรื่องมีอยู่ว่า เจ้าหนุ่มศพสวยนั่นละครับ กลับจากเที่ยวงานวัดมาถึงทางโค้งพอดี...คนจะถึงคราวชะตาขาดก็บังเอิญเหลือบ ไปเห็นสาวๆ กลุ่มใหญ่ คงอยากจะอวดสาวตามประสาหนุ่มวัยซ่า ด้วยการบิดขุนแผนอย่างแรง ดังบรื้นๆๆ เล่นเอาสาวๆ หันขวับมามองด้วยความชื่นชมสมใจ

แต่ขุนแผนเสียหลักพุ่งเข้าใส่เสาตรงทางโค้งเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ท่ามกลางเสียงร้องกรี๊ดๆของบรรดาหญิงสาวที่นึกไม่ถึงว่าจะประสบพบเห็นภาพ สยองขวัญเข้าเต็มตาโดยไม่ได้คาดฝันมาก่อน

เสาเหล็กทางโค้งไม่เป็นไร แต่คนขับรถกระเด็นลงมาตายคาที่เพราะความซ่าแท้ๆ

คอหักพับ นัยน์ตาหลุดกระเด็นไปหนึ่งข้าง...สาวๆ ปิดหน้าปิดตากันเป็นแถว แต่พวกผู้ชายใจแข็งช่วยกันหาดวงตาผู้ชาย หาเท่าไหร่ก็ไม่พบ จนอ่อนอกอ่อนใจไปตามๆ กัน

วันรุ่งขึ้น ญาติผู้ตายประกาศว่า ถ้าใครหาดวงตาข้างนั้นพบจะให้รางวัล 1 หมื่นบาท เพราะความเชื่อที่ว่าถ้าไม่มีดวงตามาประกอบพิธีบำเพ็ญกุศล ผู้ตายจะไปเกิดใหม่เป็นคนตาบอด 1 ข้าง!

คราวนี้ช่วยกันค้นหาแทบป่าราบ แต่ก็ไม่มีใครพบเห็นนัยน์ตาข้างนั้นเลย

เวลาผ่านไปราว 6-7 วัน ผม (ขยันแต่จน) ปั่นจักรยานคู่ใจไปอาบน้ำที่อ่างเก็บน้ำประจำหมู่บ้าน และบังเอิญไปเจอสาวจากหมู่บ้านใกล้ๆ เกิดถูกชะตากันก็เลยปักหลักคุยกันติดลมจนมืดค่ำกว่าจะปั่นรถกลับ...มาถึง "โค้งศพสวย" เข้าพอดี

ใกล้จะพ้นทางโค้งอยู่แล้ว แต่เหมือนมีอะไรมาดลใจให้เหลือบไปดูข้างทาง...พบกับลูกแก้วขนาดลูกปิงปองแต่มีแสงสว่างเรืองออกมา...

ด้วย ความอยากรู้อยากเห็น ผมเลยจอดรถลงไปหยิบขึ้นมาดู...เล่นผงะหน้า แทบจะช็อกคาที่อยู่นั่นเอง เพราะสิ่งนั้นคือแก้วตาผีชัดๆ แก้วตาที่เขาค้นหากันแทบลมประดาตายนั่นแหละครับ แต่ไม่มีใครพบ

ผมร้องเฮ้ย! โยนสิ่งสยองทิ้งแล้วกระโจนอ้าวเป็นลมพัด โดยลืมจักรยานคู่ยากเสียสนิท...วิ่งรวดเดียวมาถึงโรงงาน พวกเพื่อนๆ ถามกันว่ามึงไปเจออะไรมาเรอะ? ผมหอบฮั่กๆ บอกว่ากูเจอแล้ว แก้วตาผี! เพื่อนๆ บอกว่าดีละ! กูจะพาไปเอา 1 หมื่น เล่นเอาผมหายเหนื่อยร้องว่า...ต่อให้ 1 แสนกูก็ไม่เอา แต่ช่วยพากูไปที่วัดให้หลวงพ่ออาบน้ำมนต์หน่อยเถอะวะ

เช้าวัน รุ่งขึ้น ผมก็ทำบุญใส่บาตร อุทิศส่วนกุศลไปให้ "ศพสวย" แต่อดสงสัยไม่ได้ว่า...เขาคิดว่าผมจน ปั่นแต่จักรยาน ไม่มีขุนแผนซิ่งอวดสาว เลยอยากให้ผมได้เงิน 1 หมื่นละมั้ง? ก็เลยเอานัยน์ตามาให้ไปแลกกับเงิน

ถึงจะจนยังไงก็เอาไม่ลงหรอก...ขอให้เจ้าของแก้วตานั้นจงไปที่ชอบๆ เถอะครับ!

ที่มา
http://www.khaosod.co.th/

ออฟไลน์ ทรงกลด

  • ผู้อาวุโส
  • *****
  • กระทู้: 2199
  • เพศ: ชาย
  • ศิษย์หลวงโด่ง.....
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: วิญญาณยังอยู่
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: 13 พ.ค. 2554, 11:40:49 »
สองวิญญาณ

คอลัมน์ ขนหัวลุก
ใบหนาด

"นันทินุช" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากโทรศัพท์สยอง

เช้า วันอาทิตย์กลางเดือนพฤศจิกายนนี่เอง จู่ๆ ขณะซักผ้าอย่างเพลิดเพลิน เปิดวิทยุฟังเพลงไปด้วยนั้น ฉันก็คิดถึงโสภิตาขึ้นมาอย่างรุนแรง!

โสอยู่กลุ่มเพื่อนของฉัน ตอนเรียนมหาวิทยาลัยเมื่อ 20 กว่าปีก่อน เมื่อเรียนจบต่างคนก็ต่างไป เราไม่เคยติดต่อกันเลยหลังจากนั้น จริงอยู่ ฉันไม่เคยลืมเธอ แต่ก็ไม่เคยคิดถึงแม้แต่นึกถึง แล้วทำไมวันนี้ฉันเกิดคิดถึงเธอจังเลย

ภาพเก่าๆ ผุดขึ้นมาชัดเจนราวกับวันวาน ฉันถึงกับวางมือจากเครื่องซักผ้า เงยหน้ามองฟ้าที่เป็นสีน้ำเงินใส...ป่านนี้เธอทำอะไรและอยู่ที่ไหนนะ? แต่งงานหรือว่าโสด มีลูกกี่คน?

วูบหนึ่งฉันใจหายนิดๆ คุณเคยเป็นอย่างฉันหรือเปล่าไม่ทราบ เวลาที่เราคิดถึงใครสักคนทั้งๆ ที่ไม่เคยคิดถึงมาตั้งนาน เขาคนนั้นมักมีอันเป็นไป ฉันเคยมีประสบการณ์แบบนี้มา 3-4 ครั้งแล้ว นึกได้อย่างนี้ฉันก็รู้สึกไม่ค่อยดี โสภิตาเป็นอะไรไปรึเปล่านะ? เอ...เห็นจะต้องหาทางติดต่อถามข่าวคราว ซึ่งคงต้องถามกับสมาคมศิษย์เก่าละมัง? เขามีที่อยู่แน่ๆ

...และแล้วเสียงโทรศัพท์ในบ้านก็ดังขึ้น ฉันรีบเช็ดมือกับผ้าแห้ง ขณะที่ลูกชายวัยรุ่นโผล่หน้ามาบอกว่า เป็นโทรศัพท์ของฉันเอง

ใช่แล้วค่ะ คุณเดาถูก! โสภิตาโทร.มา น่าอัศจรรย์ไหมล่ะคะ กระแสจิตคนเราช่างแรงจริง ฉันบอกถึงความอัศจรรย์นี้กับโสภิตาทันที

"ฉันกำลังคิดถึงเธออยู่ แปลกนะอยู่ดีๆ ก็คิดถึง" ฉันบอก เธอหัวเราะเสียงใส...อย่างน้อยฉันก็โล่งอกล่ะค่ะที่โสภิตายังสบายดี ไม่ได้มีอันเป็นไปร้ายแรงอะไร เธอบอกเล่าเก้าสิบว่าหลังจากเรียนจบก็ไปต่างประเทศ มีสามีเป็นชาวฝรั่งเศสก็เลยปักหลักอยู่ทางโน้น นานๆ จะกลับมาเยี่ยมเมืองไทยซะที คราวนี้เธอเพิ่งกลับมาได้สองอาทิตย์แล้ว และจะอยู่ถึงปีใหม่...เธอคิดถึงเพื่อนเก่าๆ เพราะจัดบ้านเจออัลบั้มภาพสมัยเรียนหนังสือ

"เมื่อกี้โทร.ไปบ้านอ้อม เขายังใช้เบอร์เก่าอยู่เลยนะ" โสภิตา บอกด้วยเสียงร่าเริง

อ้อมไหน? อ้อมวนิดาน่ะเหรอ?! ฉันใจหายวาบ ก็เธอตายไปแล้วนี่นา! ตายไปเมื่อสองปีก่อน ฉันยังไปงานศพเลย!

"คุยกันสนุกเชียว อ้อมบอกว่าคิดถึงเธอมาก ฝากบอกด้วย เธอสองคนไม่ได้เจอกันเหรอจ๊ะ?"

ฉันอึกอัก มือเย็นเฉียบ นี่โสภิตาล้อฉันเล่นรึเปล่า? แรงไปหน่อยนะ!

"โส...อ้อมไม่อยู่แล้วนะ! เป็นมะเร็งที่ปอด เสียไปเมื่อสองปีก่อน..."

"อยู่สิ เขายังไม่ไปไหนสักหน่อย เรานัดกันจะไปหาเธอที่บ้านค่ำนี้!"

โทรศัพท์แทบหลุดจากมือ ฉันตกตะลึง ขณะเดียวกันสายก็หลุดไปซะงั้น...ปลายทางเงียบกริบ ไม่มีแม้แต่เสียงแมวกรน ฉันขยับปลั๊ก เสียงครืด...ยาวๆ กลับมา แต่ไม่มีเสียงแจ้วๆ ของโสภิตาอีกต่อไป

ฉันสับสน งงงัน แล้วสักพักก็มือไม้สั่นเทา ขณะหยิบมือถือมากดเบอร์ของแหววเพื่อนรักอีกคนที่พบกันในงานศพอ้อมนั่นแหละเป็นครั้งสุดท้าย

...ข่าวที่ได้จากแหววทำให้ฉันเข่าอ่อนยวบ หน้ามืดจะเป็นลมซะให้ได้

โสภิตาที่ฉันพูดด้วยตะกี้น่ะ แหววบอกว่าเป็นไปไม่ได้หรอก เพราะเพื่อนอีกคนเพิ่งส่งข่าวร้ายมาบอกว่า เธอรถคว่ำตายที่ฝรั่งเศสพร้อมสามีเมื่อไม่กี่วันก่อนนี้เอง!

แหววตื่นเต้นตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นกับฉันหยกๆ เธอขนลุกไปหมดแล้ว

ไม่อยากจะเชื่อ แต่มันเกิดขึ้นจริงๆ ฉันรู้สึกเหมือนหลับวูบแล้วละเมอฝันไป...แต่ฉันไม่ได้หลับ ลูกชายที่รับโทรศัพท์เป็นพยานได้

เราวุ่นวายกันทั้งบ้านเลยค่ะ ทั้งฉันเอง ลูกชาย สามีและคุณแม่สามี เราถกเถียงกันเรื่องนี้ และสันนิษฐานว่าอาจมีใครแกล้ง แต่มันเป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ เรื่องเป็นเรื่องตายนี่ถ้าแกล้งหลอกแกล้งอำกัน มันก็ใจร้ายใจดำ อำมหิตไปหน่อยล่ะ!

คืนนั้น...ทันทีที่พลบค่ำ ตะวันตกดิน ฉันถึงกับจับไข้ รู้สึกหนาวจนตัวสั่น...คำที่ว่าโสภิตากับอ้อมนัดกันจะมาหาฉันยังแว่วอยู่ใน หู...

คุณแม่สามีให้ฉันจุดธูปบอกกล่าวเพื่อนให้ไปสู่สุคติ ไม่ต้องมาหา จะทำบุญไปให้

ฉันจุดธูปบอกศาลพระภูมิด้วยความหวาดกลัว ว่าอย่าให้วิญญาณ ทั้งสองนี่เข้ามานะ! ถึงจะเป็นเพื่อนแต่ฉันก็กลัวใจจะขาด ไม่เป็นอันทำอะไรเลยค่ะ กลัวกันทั้งบ้าน...แต่คืนนั้นก็ผ่านไปด้วยดี...

ไม่มีแม้แต่ความฝันที่น่าสะพรึงกลัวใดๆ

อย่างไรก็ตาม นึกถึงทีไรดิฉันก็สยองจนขนหัวลุก ไม่น่าเชื่อว่าประโยคธรรมดาๆ ที่ว่าจะมาหาที่บ้าน มันจะน่าหวาดหวั่นขนาดนี้...น่ากลัวที่สุดในชีวิตฉันเลยละค่ะ!

ที่มา
http://www.khaosod.co.th/

ออฟไลน์ ทรงกลด

  • ผู้อาวุโส
  • *****
  • กระทู้: 2199
  • เพศ: ชาย
  • ศิษย์หลวงโด่ง.....
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: วิญญาณยังอยู่
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: 13 พ.ค. 2554, 11:48:05 »
ผีรัสเซีย

ขนหัวลุก
ใบหนาด

อเล็กซ์ ณ บางใหญ่ เล่าเรื่องขนหัวลุกจากดินแดนคอมมิว นิสต์ในอดีต

เป็น ที่รู้กันทั่วไปว่าคนเราส่วนมากมักจะกลัวผี ไม่ว่าจะเป็นคนชาติไหน ภาษาใดก็กลัวผีทั้งสิ้น จะมีแตกต่างกันก็ตรงที่กลัวน้อยกลัวมากเท่านั้น ว่ากันว่า คนที่ชอบประกาศว่าตนไม่กลัวผี มักจะเป็นคนกลัวผีมากที่สุด!

นอกจากผีใกล้ๆ ตัวอย่างผีจีน ผีญี่ปุ่น ก็มีผีของฝรั่งอั้งม้อเช่นอังกฤษและอเมริกา เป็นต้น

ผี สองแห่งหลังนี้ค่อนข้างจะเป็นที่คุ้นเคยกับไทยเราดี เพราะมีทั้งนิยายและภาพยนตร์เกี่ยวกับภูตผีปีศาจ เช่น เคานต์แดร๊กคูล่า, ผีดิบแฟรงเก้นสไตน์ จนถึงผีหมาป่า และผีที่สิงสู่ตามบ้านเรือนตั้งแต่สมัยสงครามระหว่างฝ่ายเหนือกับฝ่ายใต้ เป็นต้น

แม้แต่ในทำเนียบขาวก็ถือว่าเป็นแหล่งผีดุแห่งหนึ่ง เนื่องจากมีผู้พบวิญญาณประธานาธิบดีลินคอล์นผู้โดนลอบสังหาร ปรากฏกายอยู่ในห้องทำงานเป็นประจำ

ส่วนในอังกฤษที่ถือว่าเป็นประเทศเก่าแก่ยาวนานนั้น ดูเหมือนว่าจะเป็นเมืองหลวงแห่งเรื่องผีของโลกก็ว่าได้!

การ ชิงรักหักสวาทในราชสำนักทำให้เกิดการฆ่าฟัน ประหารชีวิต จนล้มตายเป็นเบือ วิญญาณอันเจ็บปวด ทนทุกข์ทรมานเหล่านั้นยังสิงสู่อยู่ วันดีคืนดีก็ออกมาหลอกหลอนผู้คนให้อกสั่นขวัญแขวนเสียทีหนึ่ง

ตรงกัน ข้ามกับประเทศขนาดใหญ่ในยุโรป คือ รัสเซีย กลับมีเรื่องผีๆ สางๆ ปรากฏขึ้นน้อยที่สุด ทั้งๆ ที่มีการปฏิวัติ เข่นฆ่าผู้คนจนล้มตายมากมาย แม้แต่กษัตริย์และราชวงศ์ก็โดนคณะปฏิวัติบอลเชวิกล้างผลาญจนแทบไม่เหลือซาก ก็ว่าได้

อย่ากระนั้นเลย วันนี้นำเรื่องผีรัสเซียที่ได้รับการยืนยันว่ามีจริง มาเล่าสู่กันฟังดีกว่า

"เบ เรีย" คือหัวหน้าตำรวจลับของจอมพลสตาลิน ผู้นำแห่งดินแดนค้อน-เคียว มีอำนาจล้นฟ้าล้นดิน สั่งจับใครไปคุมขังหรือทรมาน แม้แต่ประหารชีวิตได้ตามใจชอบ คนรัสเซียทั้งเกลียดทั้งกลัวกันทั้งประเทศ แต่ก็ไม่มีใครกล้าแตะต้อง หรือท้าทายอำนาจอันไร้ขอบเขตของนายเบเรียแม้แต่คนเดียว!

นายเบ เรียได้กระทำกรรมเวรเอาไว้เป็นอันมาก จนกระทั่งจอมพลสตาลินตายไปแล้ว นายเบเรียก็พลอยหมดบุญวาสนาไปตามเจ้านาย ต่อมานายครุสชอฟได้เป็นนายกรัฐมนตรีได้ไม่นานก็สั่งให้จับนายเบเรียไปประหาร ชีวิต เรียกว่ากรรมสนองกรรม หรือ "กรรมติดจรวด"

แต่เมื่อนายเบเรียตายไปแล้ว ชาวรัสเซียก็ต้องกลัวผีนายเบเรียต่อไปอีก!

บ้าน นั้นกลายเป็นที่ชุมนุมของแมวดำนับร้อยๆ ตัว พวกฝรั่งถือว่าแมวดำเป็นสิ่งใกล้ชิดกับผี จึงทั้งเกลียดทั้งกลัวแมวดำ ชาวรัสเซียยิ่งหวาดกลัวและเชื่อแน่ว่าบ้านนี้มีผีสิงอยู่

ชาวรัสเซีย และชาวต่างชาติที่เคยเข้าไปอยู่ในบ้านนั้น หรือใกล้บ้านนั้น แม้แต่ผ่านบ้านนั้น ล้วนแต่เล่าเป็นเสียงเดียวกันว่าในบ้านนั้นมีปรากฏการณ์แปลกๆ เกิดขึ้นทุกคืน

บางทีมีเสียงโหยหวนน่าขนลุกดังออกมาชัดเจน!

บางคืนก็มีแสงประหลาดลอยอยู่บนหลังคาบ้าน...วิ่งหนีกันเตลิดเปิดเปิงไป!

บ้าน นั้นเคยเป็นบ้านร้างพักหนึ่ง แล้วใช้เป็นโรงเรียนอนุบาล แต่พอเปิดเรียนได้ไม่นาน ผู้ปกครองก็เอาเด็กออกจากโรงเรียนให้ไปเรียนที่อื่น เมื่อนักข่าวไปสัมภาษณ์ก็ได้ความว่าเด็กของตนกลายเป็นโรคประสาท เป็นโรคขี้กลัว หวาดหวั่นไปต่างๆ นานา

อีกคนหนึ่งบอกว่าลูกสาวเล็กๆ ไปเรียนกลับมาถึงบ้าน กลางคืนนอนสะดุ้งขวัญผวา ละเมอทุกคืน จนในที่สุดเด็กไม่ยอมไปโรงเรียน บอกว่าไปถึงแล้วหวาดกลัว คล้ายกับว่ามีผีสางคอยเล่นรังแกอยู่ที่โรงเรียนนั้น พ่อแม่ก็ต้องไปหาที่เรียนใหม่ให้ลูก

ในที่สุดก็ต้องปิดโรงเรียนอนุบาล ต่อมากลายเป็นสถานทูตตูนิเซียประจำมอสโก

ลือ กันว่าท่านทูตและภริยาโดนผีหลอกจนหวิดจับไข้หัวโกร๋นทั้งคู่ ภริยาท่านทูตตกใจกลัวจนถึงกับเจ็บไข้อาการหนักปิ่มว่าจะเอาชีวิตไม่รอด และเคยเล่าให้เพื่อนฝูงในกลุ่มภริยาทูตฟังว่า ในเวลากลางคืนไม่อาจจะนอนหลับได้เพราะมีเสียงแปลกๆ มาคอยรบกวนประสาทอยู่เสมอ ทำให้หวาดกลัวจนต้องนอนครึ่งหลับครึ่งตื่นอยู่คืนยังรุ่ง

...เสียง สยองนั้นเป็นเสียงของคนร้องไห้คร่ำครวญ หรือบางทีมีเสียงฝีเท้าคนเดินโดยไม่มีคนจริงๆ ตลอดเวลา บางคืนก็มีเสียงเปิด-ปิดประตูดังปึงปังทั่วไปหมดทั้งบ้าน ใครไม่ประสาทกินก็ใจเย็นเต็มที

น่าแปลกตรงที่ เมื่อมีเอกอัครราชทูตคนใหม่ของตูนิเซียย้ายเข้ามาอยู่บ้านผีสิงหลังนี้ กลับไม่ปรากฏวี่แววของภูตผีมาหลอกหลอนใดๆ เลย หรือวิญญาณร้ายของนายเบเรียเพิ่งจะโดนยมบาลลากลงนรกไปเรียบร้อยแล้วก็เป็น ได้...ขนหัวลุกนะครับ!


ที่มา
http://www.khaosod.co.th/

ออฟไลน์ saken6009

  • อย่ากลัวคนจะมาตำหนิ แต่จงกลัวว่าตัวเองจะทำผิด อย่ากลัวที่จะรับรู้ความบกพร่องของตน แต่จงกลัวว่าตนจะเป็นคนที่ดีได้ไม่จริง
  • ก้นบาตร
  • *****
  • กระทู้: 893
  • เพศ: ชาย
  • ชีวิตของข้า เชื่อมั่นศรัทธา หลวงพ่อเปิ่น องค์เดียว
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: วิญญาณยังอยู่
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: 14 พ.ค. 2554, 06:08:21 »
ห้าเรื่อง ห้ารส ผีไทย ผีฝรั่ง 11; 11;
                                               
ผี หรือ วิญญาณ ถ้ามาดีก็อุ่นใจปลอดภัย แต่ ถ้ามาร้ายก็ตกใจตัวใครตัวมัน นะครับ :075: :075:
                                                                                                                                               
ขอขอบคุณท่าน ทรงกลด ที่นำเรื่องผี-วิญญาณมาให้พี่น้องศิษย์วัดบางพระได้อ่านครับ :053: :053:
 
ติดตามอยู่ครับ อ่านแล้วเพลินดีมากๆครับ และ ได้ความกลัวแถมมาครับผม :016: :053: :015:
     
(ขออนุญาตเข้ามาอ่าน ขอบคุณครับ) :054: :054:
 
   

กราบขอบารมีหลวงพ่อเปิ่น คุ้มครองศิษย์ทุกๆท่าน ให้แคล้วคลาด ปลอดภัยจากอันตรายทั้งปวง สาธุ สาธุ

ออฟไลน์ โบตั๋นสีขาว

  • ไม้คดใช้ทำขอ เหล็กงอใช้ทำเคียว แต่คนคดเคี้ยวใช้ทำอะไรไม่ได้เลย
  • สัตตมะ
  • **
  • กระทู้: 146
  • เพศ: หญิง
  • จะสูงจะต่ำอยู่ที่เราทำตัวจะดีจะชั่วอยู่ที่ตัวเราทำ
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: วิญญาณยังอยู่
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: 14 พ.ค. 2554, 07:20:25 »
ขอบคุณมากคะ สำหรับเรื่อง ผี - วิญญาณ ปรกติชอบอ่านมากคะ แต่ก็กลัวคะ  :090: :075: :090:
เคารพ กตัญญู บูชา หลวงพ่อเปิ่น ฐิตคุโณ ทั้งครอบครัวคะ

ออฟไลน์ sfrien16

  • ปฐมะ
  • *
  • กระทู้: 8
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล
ตอบ: วิญญาณยังอยู่
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: 26 ส.ค. 2554, 11:42:29 »
 :100:อ่านแล้วกลัวเลย
บริษัทบริการทัวร์เชียงรายท่องเที่ยวภาคเหนือ