ไม่ทราบว่าเป็นผู้ใดกล่าวไว้ ว่าเกิดมาเป็นลูกผู้ชายชาติหนึ่ง ถ้าต้องการรู้ว่าความเป็นลูกผู้ชายที่แท้จริงนั้นเป็นอย่างไร ให้เลือกเอาอย่างใดอย่างหนึ่ง ระหว่างการเป็นทหาร กับการบวชพระ แล้วจะซาบซึ้งว่า รสชาติของชีวิตเป็นอย่างไร...
อาตมาเกิดมาโชคดีเสมอ อะไรที่เพิ่มความมันแก่ชีวิต มักจะได้พบมากกว่าเขา เป็นทหารก็เป็นซะเอียน ตอนนี้ยังบวชพระอยู่อีก ขอให้คำจำกัดความง่าย ๆ ว่า เป็นทหาร ลำบากกาย เป็นพระลำบากใจ ถ้อยคำสั้น ๆ แค่นี้ จะแฝงความหมายสาหัสสากรรจ์เพียงไร ผู้ที่ผ่านมาแล้วเท่านั้น ที่จะซาบซึ้งจนน้ำตาร่วง...
ด้วยเหตุจำเป็นบีบบังคับ ทำให้อาตมาต้องเป็นผู้เสียสละ หลบไปเรียนวิชาทหารและรับใช้ชาติอยู่ระยะหนึ่ง ตั้งแต่วาระแรกที่เหยียบย่างเข้าไป จนเบื่อระบบนายใครนายมัน ออกจากราชการมา บอกได้เลยว่า ไม่เคยพบความสุขใจเลยแม้แต่นิดเดียว...
ท่านลองนึกภาพดู...ว่าถ้าเป็นท่านแล้วจะเป็นอย่างไร ต้องตื่นนอนแต่ตีห้า ภายในสามนาที ต้องอาบน้ำ ล้างหน้า แปรงฟันเข้าส้วม แต่งกายให้เรียบร้อย แล้วลงมาเข้าแถว จัดระเบียบแถวให้เรียบร้อย ขอย้ำ...ภายในสามนาทีเท่านั้น...
หากไม่ทันหรือ...? สารพัดการลงโทษที่ท่านจะได้รับ จากนั้นก็วิ่งไปเถอะ จนกว่าครูฝึกจะพอใจ แล้วมาเล่นกายบริหารอีกเป็นชั่วโมงกว่าจะได้กินข้าวเช้าบางทีเกือบจะได้เวลาเคารพธงชาติ ก่อนจะกินยังพบการทรมานจิตใจสารพัด บางทีให้เวลากินนาทีเดียว ซึ่งท่านไม่มีโอกาสโวย ไม่อย่างนั้นอด...
รีบ ๆ ยัดอาหารลงกระเพาะ แล้วไปตั้งแถวเคารพธงให้ทัน จากนั้นเป็นการตรวจร่างกาย ใครแต่งกายไม่เรียบร้อย ไม่โกนหนวด ไม่ตัดเล็บ รับเละลูกเดียว... แล้วลงสนามฝึก ทั้งระเบียบแถว ท่าอาวุธ ยุทธวิธีในการรบ กว่าจะได้หยุดก็เที่ยงกว่า ยัง...ยังไม่ได้กินหรอก ต้องเดินแถวสวนสนาม จนกว่าครูฝึกจะพอใจ แล้วไปพบกับการกลั่นแกล้งทุกรูปแบบในโรงเลี้ยง จะได้กินแต่ละมื้อแทบน้ำตาร่วง...
เสร็จจากอาหารก็บ่ายโข ไปลงสนามฝึกต่อจนห้าโมงเย็น เวลาจะขึ้จะเยี่ยวยังไม่มี ไปวิ่งออกกำลังยามเย็นต่อ แล้วไปทนทรมานในโรงเลี้ยงอีกรอบ ถึงได้อาบน้ำอาบท่า ไม่ใช่นอนพัก ทฤษฎียังรออยู่อีกบานตะไท ไปเข้าห้องเรียนซะดี ๆ ...
เกือบสามทุ่มเลิกเรียน ให้เวลาจัดที่หลับที่นอน และขัดเครื่องหมาย รองเท้า เข็มขัด ทุกชิ้นต้องเงาวับ สามทุ่มตรงเป๊ะแตรนอนดังต้องหลับทันที ใครขยุกขยิกแม้แต่นิดเดียวถือว่าไม่อยากนอน ต้องลงไปวิ่งอยู่คนเดียว หรือ ถ้าโชคดีก็มีเพื่อนร่วมชะตากรรม ที่หลับนั้นอย่าเพิ่งฝันดี...สี่ทุ่มนกหวีดปลุกดังสนั่นหวั่นไหว ไปฝึกการรบเวลากลางคืน ห้ามชักช้างัวเงีย ไม่เช่นนั้นเจ็บตัว...
กว่าจะจบการฝึกก็ตีสองขึ้นไปนอนได้ แต่พวกเวรยามต้องถ่างตาต่อไป ตีห้าแตรปลุก ให้ลุกไปพบกับระบบนี้ของวันใหม่ ใครทนไม่ได้จะหนีก็เชิญ ถ้าไม่มีค่ารถจะแถมให้ ไปเป็นคนเถื่อนไม่มีชื่อในทะเบียนบ้าน เกิดอะไรขึ้นมีหวังติดคุกหัวโต...
นั่นแค่ภาคที่ตั้งเท่านั้น ภาคป่าและเขานั้น ท่านต้องลุยไปแก้ปัญหาการฝึก ครึ่งเดือนไม่ได้อาบน้ำซักหยด ตัวเหม็นกว่าสกั๊งค์หลายเท่า เดินจนรองเท้าคอมแบ็ทพังเป็นคู่ ๆ กว่าจะแก้ปัญหาแต่ละจุดได้ แทบอ้วกเป็นเลือด...
ภาคที่ลุ่มนั้นระยะทางแค่ ๑๐๐ เมตร ให้เวลาตั้งแต่ ๑ ทุ่มถึงตี ๕ ยังไม่แน่ว่าท่านจะลุยโคลนถึงอกขึ้นฝั่งมาได้หรือไม่... ภาคทะเลนั้นท่านต้องฝึกร่วมกับมนุษย์กบที่มาจากหน่วยทำลายใต้น้ำของราชนาวี แต่ละคนว่ายน้ำอย่างกับปลา ให้เราแบกเรือยางวิ่งจนเม็ดทรายฝังเข้าหนังหัว เอาเราไปทิ้งกลางทะเลให้ว่ายน้ำกลับเอง หรือสามวันทิ้งให้อยู่บนเกาะร้างมีมีดให้หนึ่งเล่มกับน้ำอีกหนึ่งลิตร ทำอย่างไรก็ได้ที่ท่านจะรักษาชีวิตไว้ จนกว่าเขาจะมารับ...
ยังไม่หมดง่าย ๆ หรอก วิ่งเจ็ดไมล์นี่เจอทุกวัน ค้นแผนที่ปัญหาจากศพอย่างนี้ กระโดดร่มจนไส้เลื่อนแทบรับประทาน หรือดิ่งพสุธาจากผาสูงด้วยเชือกเส้นเดียว ท่านจะไม่กระโดดก็ได้ ครูฝึกยินดีช่วยถีบส่งให้... เขาโหดร้ายต่อท่าน เพื่อให้ท่านรักษาชีวิตอันมีค่าไว้ได้ในยามที่เกิดการรบขึ้นมาจริง ๆ ...
ความทุกข์สาหัสทั้งกายทั้งใจของการฝึกทหาร ไม่ได้หนึ่งในร้อยของการบวชพระ ที่มีเงื่อนไขว่า ต้องเอาดีให้ได้ จะไม่เอาดีก็ไม่มีใครว่า ไฟนรกลุกท่วมฟ้ารอท่านอยู่ ไม่ต้องไปเลือกให้เสียเวลา อเวจีมหานรก คือที่ไป...
อาตมาถูกส่งไปเปลี่ยนกำลังพล ที่พื้นที่ชายแดนสามอำเภอของจังหวัดปราจีนบุรี คือวัฒนานคร อรัญประเทศ และตาพระยา หลังเหตุการณ์ที่บ้านโนนหมากมุ่นจบลงใหม่ ๆ มีการปะทะใหญ่ ๆ ย่อย ๆ เกือบสามสิบครั้ง สูญเสียเพื่อนรักและเจ้านายไป ๒๖ คน...
ปกติฐานแต่ละแห่งจะหมุนเวียนเปลี่ยนพื้นที่กัน ฐานละ ๔ เดือน แต่อาตมาติดอยู่ที่ฐานหน้าตาพระยาเกือบครึ่งปี เพราะปะทะติดพันเปลี่ยนกำลังไม่ได้ และที่นี่เอง ที่อาตมาได้พบกับสิ่งมหัศจรรย์ต่าง ๆ มากมาย...
เวลาว่างเว้นจากการรบ ฝ่ายหมอเสนารักษ์ก็ทำการรักษา ทั้งชาวบ้านทั้งทหาร ที่บาดเจ็บ ฝ่ายกำลังพลก็ตรวจตราการวางกำลัง ต้องพร้อมรบอยู่ทุกขณะจิต อาตมาอยู่กับส่วนบัญชาการกองร้อย เมื่อว่างจากเวรยาม ก็ตรวจตราอาวุธ และซักซ้อมการใช้เพื่อความคล่องตัว ที่ชอบเป็นที่สุด คือ การซ้อมขว้างดาบปลายปืน...
ตั้งแต่ระยะห่าง ๗ ก้าว ถึง ๑๒ ก้าว เป็นระยะที่อาตมาแม่นยำที่สุด เป้าหมาย คือ ต้นไม้ใหญ่ที่สมมุติเป็นตัวคน เพื่อนก็ช่วยกันขว้างจนพรุนไปเป็นต้น ๆ พอเบื่อก็เปลี่ยนต้นใหม่ วันหนึ่ง...เพิ่งเปลี่ยนไปขว้างต้นใหม่กัน พอเที่ยงคืนเพื่อนก็มาปลุกไปเข้าเวร...
ตีหนึ่งกว่า อาตมานั่งถ่างตาอยู่คนเดียว ที่ด่านตรวจหน้าฐาน เห็นหญิงสาวคนหนึ่งตรงมาหา อาตมาคิดว่าเป็นชาวบ้าน ที่มาตามหมอไปช่วยรักษาคนป่วย แต่แปลกที่ถามอะไรเธอไม่ยอมตอบซักคำ พอเพ่งดูถนัด อตามาก็เย็นวาบไปทั้งตัว...
ในความมืดสนิทนั้น อาตมากลับเห็นเธออย่างชัดเจน เธอใส่ผ้าถุงสีดำ สวมเสื้อแขนกระบอกสีดำ ปล่อยผมดำสนิทยาวถึงเอว อะไรก็ไม่ร้ายเท่ากับดวงตาคู่นั้น มันไม่มีแววของคนมีชีวิตเลยแม้แต่น้อย ซ้ำจ้องอาตมาอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ..ผีนี่หว่า...
นางผีร้ายไม่พูดพล่ามทำเพลง เอื้อมมือคว้าหมับเข้าที่คอ อาตมาเผ่นวูบไปสุดช่วงแขน เกือบจะพลัดตกจากป้อมลงไปคอหักตาย มันยังเดินทื่อเข้ามาอีก พ่อแก้วแม่แก้วช่วยลูกด้วย...
ชะยาสะนากะตาพุทธา...พระคาถาชินบัญชรที่ท่องจำขึ้นใจ กระหึ่มขึ้นมาทันเวลา ร่างนั้นหายวับไปเหมือนถูกกระชาก อาตมาถอนใจเฮือกทั้งที่เหงื่อท่วมตัว มันเรื่องอะไรกัน มาถึงก็ไม่พูดไม่จา จะฆ่ากันท่าเดียว...
นั่งคิดทบทวนอยู่จนออกเวร เราไม่เคยฆ่าผู้หญิงนี่หว่า...บรรดาศพที่ถูกพวกเขมรฆ่าตายเกลื่อนทุ่ง เราก็ช่วยฝังให้แท้ ๆ แล้วยายผีนี่มาจากป่าไหน... ป่า... เฮ้ย...! มาจากต้นไม้ละมั้ง...
ใช่แล้ว...นางไม้แน่ ๆ เลย...
รุ่งเช้า...อาตมาไม่ได้บอกใคร กลัวจะทำให้เพื่อน ๆ เสียขวัญ แอบเอาข้าวปลาอาหารไปขอขมาต่อเธอ เราไม่ได้เจตนาล่วงเกินเธอเลยสิ่งที่แล้วมาจงอภัยแก่เรา และเพื่อน ๆ ด้วยเถิด...
ยอมรับผิดก็หมดปัญหา เพราะบรรดาภูติผีปีศาจ เขามีเหตุมีผลอยู่แล้ว เรายอมขอขมา เขาก็ยินดีให้อภัย การขอโทษเป็นการขอที่ไม่น่าละอาย การให้อภัยเป็นการให้ที่ไม่สิ้นเปลือง ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา อาตมาเลิกขว้างดาบปลายปืนโดยเด็ดขาด กลัวเจอแจ๊คพ็อตอีกนะซิ...
๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๓
พระเล็ก สุธมฺมปญฺโญขอขอบพระคุณที่มา...เว็บธรรมะสาธุ