ผู้เขียน หัวข้อ: อยากทราบว่าปลัดขิกมีพุทธคุณยังไงครับ  (อ่าน 132365 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ soulballza

  • จตุตถะ
  • ****
  • กระทู้: 14
    • ดูรายละเอียด
 
       รบกวนหน่อยนะครับ

              คือผมอยากทราบว่า ปลัดขิกมีพุทธคุณด้านไหนอ่ะครับ

ออฟไลน์ ~เสน่ห์ack01~

  • ผู้คุมกฎ
  • *****
  • กระทู้: 5330
  • เพศ: ชาย
  • " ไม่เมาเหล้าแล้วเรายังเมารัก"
    • ดูรายละเอียด
แล้วแต่คาถาที่ลงไว้ในปลัดครับ...

....ทางด้านเมตตามหานิยม ค้าขายก็มี...เช่นปลัดจิ้งจกคู่ ปลัดกวางเหลียวหลัง ของหลวงปู่เปิ่น วัดบางพระ

...ทางด้านคงกระพัน แคล้วคลาดก็มี... เช่นของหลวงปู่อี๋ วัดสัตหีบ  หลวงพ่อยิด วัดหนองจอก

...ทางด้านกันงูกันเขี้ยวงา สารพัดก็มี ครับ...เช่นของหลวงปู่เมฆ วัดลำกระดาน


...แล้วแต่พระอาจารย์ อาจารย์ ผู้ที่สร้างขึ้น จะเสกไว้ครับ...



ทำบุญ วันคล้ายวันเกิด หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ
วันอาทิตย์ ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๕ 

ออฟไลน์ Pig_Never_Die

  • สัตตมะ
  • **
  • กระทู้: 264
    • ดูรายละเอียด
ตามนี้ครับ  :002:

"ปลัดขิก" เครื่องรางศิลปะอีโรติก
ความเชื่อ ความกลัว และเพศ เป็นสัญชาตญาณพื้นฐานของมนุษย์ จากสัญชาตญาณสามสิ่งนี้ทำให้ท่านไม้ที่ดูแสนจะธรรมดาท่อนหนึ่ง เมื่อผ่านการแกะ เหลา ขัดเกลา สร้างส่วนโค้งเว้า ด้วยอารมณ์และแรงขับตามธรรมชาติ ให้เป็นรูปลักษณ์ของอวัยวะเพศชาย แล้วไม้ธรรมดานี้เมื่อได้ผ่านกระบวนการปลุกเสก ลงคาถาอาคม อักขระเลขยันต์จากเกจิอาจารย์ชื่อดัง ท่อนไม้นี้จึงไม่ธรรมดาอีกต่อไป เพราะมันคือ "ปลัดขิก"

ปลัดขิกถือเป็นหนึ่งในเครื่องรางของขลังที่คนไทยมีติดตัวไว้ จนมีการท่องไล่เลียง "ของดี" หรือของสุดยอดของเครื่องรางที่คู่ควรสะสมไว้ว่า "ปลัดขิกหลวงพ่อเหลือ เสือหลวงพ่อป่าน หนุมานหลวงพ่อซุ่น วัวปั้นหุ่นวัดศรีษะทอง เบี้ยแก้กันของวัดนายโรง ตะกรุดทองหลวงปู่เอี่ยมวัดสะพานสูง"

ตามเรื่องเล่าที่สืบต่อกันมา ปลัดขิกน่าจะมีรากเหง้าความเชื่อมาจากอิทธิพลของอินเดียตะวันออกเฉียงใต้ ช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 1 ซึ่งชาวฮินดูมีการนับถือแท่งหินที่แกะสลับเป็นรูปร่างของอวัยวะเพศชายตั้งอยู่บนฐานโยนี เป็นเครื่องหมายแทนองค์พระศิวะหรือพระอิศวร ในลัทธิไศวนิกาย อันเป็นตัวแทนของธาตุทั้ง 5 คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ อากาศ และเป็นบิดา มารดาของทุกสิ่งในจักรวาล

สำหรับปลัดขิกในประเทศไทยแล้ว ไม่แน่ว่ามีความเป็นมาตั้งแต่สมัยใดแน่ แต่ต่างจากการนับถือศิวลึงค์ของชาวฮินดู เพราะปลัดขิกของคนไทยถูกสร้างและปลุกเสกจากผู้ที่มีวิชาความรู้ทางด้านอาคม และชาวไทยสมัยโบราณนิยมห้อยปลัดขิกไว้ที่เอวหรือคอของเด็ก แทบจะทุกคน

ที่ผ่านมาในยุคสมัยหนึ่งเด็กผู้ชายไทยมักมีปลัดขิกผูกติดตัวไว้เป็นเครื่องรางของขลัง เพื่อป้องกันงูเงี้ยวเขี้ยวขอ ตามความเชื่อที่ผู้ใหญ่บอกไว้อย่างนั้นและก็มีบางส่วนโดยเฉพาะคนทำมาค้าขายก็เชื่อว่า ปลัดขิกช่วยให้เกิดการซื้อง่าย ขายคล่องของขายดีมีกำไร

วัฒนชัย มุตตามระ เซียนพระจากจังหวัดชลบุรี อายุ 49 ปี กล่าวว่า พ่อแม่ผูกปลัดขิกใส่เอวให้เขา จนกระทั่งทุกวันนี้เขายังคงมีเครื่องรางนี้ติดตัวอยู่

"ผมเชื่อในเรื่องของพุทธคุณ แต่มันก็ขึ้นอยู่กับจิตใจเราด้วย ส่วนตัวผมก็เชื่อในตัวหลวงพ่อท่านเป็นเกจิรุ่นเก่าที่ใครๆ ก็รู้จักนับถือ ไม่ใช่เฉพาะคนแบบชายทะเลเท่านั้น "วัฒนชัย ชาวชลบุรี บอกโดยปลัดขิกของเขาเป็นของหลวงพ่ออี๋

ในด้านความเชื่อทางพุทธคุณหรือความขลังนั้น เป็นเรื่องที่เชื่อกันมาช้านานแล้ว พยัพ คำพันธุ์ ผู้รู้ด้านเครื่องรางแห่งวงการพระเครื่องไทย เปิดเผยว่า การสร้างปลัดขิกในเมืองไทยเกิดจากลูกศิษย์ลูกหาศรัทธาในตัวอาจารย์นำไม้ไปให้ท่านปลุกเสกแต่อาจารย์บางท่านก็ตั้งใจทำสิ่งนี้ขึ้นมาอย่างหลวงพ่อเหลือ วัดสาวชะโงก จังหวัดปราจีนบุรี ท่านก็ทำปลัดขิกขนาดใหญ่ตั้งไว้หน้าวัด ส่วนหลวงพ่ออี๋ วัดสัตหีบก็โด่งดังตั้งแต่ครั้งที่ทำแจกให้ทหารเรือออกรบสมัยสงครามอินโดจีน

"ปัจจุบันใครศรัทธาอาจารย์องค์ไหน ก็เอาไม้ไปให้ท่านแกะแล้วทำการปลุกเสก รูปแบบก็แล้วแต่คนแกะซึ่งมันเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ ด้านหนึ่งก็เป็นศิลปะ อีกด้านก็เป็นความเชื่อด้านพุทธคุณ ส่วนวัตถุที่นิยมนำมาแกะในบ้านเราก็จะทำจากไม้จำพวก ไม้รัก ไม้คูณ ไม้มะยม ส่วนทำจากหินนั้น ไม่มี เพราะถ้าเป็นหิน จะเป็นศิวลึงค์ของพราหมณ์ เป็นแบบทางอินเดียมากกว่า"

แต่เดิมปลัดขิกมีรูปแบบเป็นเพียงลักษณะของอวัยวะเพศชาย ต่อมาก็มีการแกะสลักลวดลายเพิ่มรายละเอียดเข้าไปมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นรูปลิง หรือรูปผู้หญิงนอนเปลือยกายในเชิงอีโรติกบนตัวปลัดขิก แต่ละรายละเอียดที่เพิ่มเติมเข้าไปมักมีความหมายในเชิงความเชื่อ เช่น รูปลิง มีคุณด้านความแคล่วคล่อง ทำให้แคล้วคลาดจากภัยอันตราย หรือรูปหญิงเปลือยกายให้ความมีเสน่ห์ เป็นที่รักแก่ผู้อื่น

มนต์เสน่ห์เหล่านี้ทำให้ตัวปลัดขิกเปลี่ยนแปลงไปจากแค่เครื่องรางของขลังที่เด็กผู้ชายชาวไทยใช้เพื่อป้องกันงูเงี้ยวเขี้ยวขอ ไปสู่งานศิลปะราคาแพง และเป็นที่สนใจสะสมของชาวต่างชาติ

ศุภกิจ ภู่แก้ว วัย 45 ปี เจ้าของร้าน Piece of Art ร้านขายของเก่าและของสะสม ที่ศูนย์การค้าริเวอร์ซิตี้ ผู้ซึ่งคลุกคลีกับปลัดขิกมากกว่า 20 ปี กล่าวว่า ปลัดขิกที่ดีคนเห็นแล้วต้องหัวเราะ ขำ ชอบใจ จากรูปร่างหน้าตาของปลัดขิกนั้นทำให้คนไทยมีความเชื่อว่า การนำปลัดขิกมาพกติดตัว นอกเหนือจากการป้องกันภัยแบบความเชื่อโบราณแล้ว ยังช่วยในเรื่องของความนิยมชมชอบเป็นที่รักของผู้พบเห็น

"อันที่ผมพกติดตัวเป็นพวงกุญแจนี้ ทำมาจากไม้พยุง" ศุภกิจ บอกพร้อมกับดึงออกมาให้ดู "ชื่อไม้ให้ความหมายในทางการพยุง ยกย่อง มีคนคอยช่วยเหลือ และปัจจุบันนี้ปลัดขิกกลายเป็นเครื่องรางที่สำคัญของคนทำการค้า"

สำหรับไม้ที่นำมาแกะสลักเป็นปลัดขิก จะต้องเป็น

ไม้ที่มีชื่อมงคล เช่น ไม้รัก เพื่อให้คนรัก, ไม้สัก หมายถึงศักดิ์ศรี, ไม้มะขาม เพื่อให้ผู้คนเกรงขาม, ไม้มะยมเพื่อให้คนพกได้รับความนิยม ชมชอบ แต่จะไม่ใช้ไม้โพธิ์เด็ดขาดเนื่องจากเป็นต้นไม้ของพระพุทธเจ้า

ลวดลายที่ทำการแกะสลัก ถ้าเป็นสัตว์ นิยมแกะเป็นรูปของลิงขณะประกอบกามกิจ ด้วยความเชื่อว่าลิงเป็นสัตว์ที่มีความคล่องแคล่วว่องไว เฉลียวฉลาด เอาตัวรอดเก่ง นอกจากรูปสัตว์แล้วจะมีรูปหญิงสาวซึ่งให้คุณในเรื่องของความนิยมชมชอบ เป็นที่รักของผู้อื่น

ส่วน ปวิธพล ตรึงจิตรารัตน์ นักสะสมปลัดขิก แนะนำการดูปลัดขิกว่า ต้องใช้ความชำนาญและต้องมีการศึกษาประวัติอย่างดี ต้องดูลวดลายอย่างละเอียดของการแกะสลัก ไม้ที่ใช้ซึ่งก็แตกต่างกันไป นอกจากนี้การดูความเก่า ตาต้องถึงว่าเป็นปลัดขิกของหลวงพ่อองค์ใด

"เราต้องรู้ว่าหลวงพ่อองค์นั้น ทำปลัดขิกในช่วงปีไหน มรณภาพไปกี่ปี ปลัดขิกก็ต้องมีอายุตามนั้น นอกจากนี้ยังมีเรื่องของการลงรัก คาถาอาคม ปลัดขิกบางชิ้นจะมีอักขระ ซึ่งหลวงพ่อแต่ละองค์ก็จะลงอักขระบาลีแตกต่างกันไป" ปวิธพล กล่าว

"กัณหะ เนหะ นี่ของหลวงพ่ออี๋" พยับ อธิบายเพิ่ม "แต่ก็ต้องดูความเก่าและรายละเอียดปลีกย่อยบางอย่างบนตัวปลัดขิกด้วย"

สำหรับการปลอมปลัดขิกออกขายตามสนามพระต่างๆ นั้น

เอ มรดกไทย เซียนพระแห่งสนามพระบางลำพู และงามวงศ์วาน เล่าว่า ของปลอมมีมากมาย เพราะมันเป็นของที่เหลาด้วยไม้ ใครก็เหลาได้ แต่การดูจะดูที่การเหลา ดูความเก่าของไม้กับวัสดุที่สร้างลายจากของหลวงพ่อ
"เปรียบเทียบง่ายๆ ก็เหมือนลายเซ็นต์ของเราปลอมได้ แต่น้ำหนักของเส้นหนัก เส้นเบาจะไม่เหมือนกัน การที่จะดูของปลอมของจริงนี้ ก็ต้องแยกแยะได้ว่าเราจะเล่นของหลวงพ่ออะไร เขาจะมีเอกลักษณ์ของแต่ละหลวงพ่อที่ไม่เหมือนกัน ราคาก็อยู่ราวๆ หลักหมื่นขึ้นไป ซึ่งก็อยู่ที่ความพอใจของผู้ซื้อกับผู้ขาย"

ทางด้านความนิยมของชาวไทยกลับพบว่าผู้ที่นิยมสะสมปลัดขิกนั้นมีไม่ถึง 20% เทียบกับนักเลงพระเครื่องแล้วถือว่าน้อยมาก และแนวโน้มของปลัดขิกนั้นต่อไป ก็จะยิ่งหายากมากขึ้น เพราะเกจิอาจารย์ที่ปลุกเสกปลัดขิกออกมานั้นแทบจะไม่มีแล้ว เกจิอาจารย์ที่ดังๆ เช่น หลวงพ่ออี๋ วัดสัตหีบ จ.ชลบุรี ที่เชื่อและกล่าวขานกันจากปากต่อปากว่าของแท้ที่หลวงพ่อปลุกเสก ลงคาถาอาคมไว้นั้น เมื่อปล่อยลงน้ำแล้วท่องคาถาที่หลวงพ่อให้ไว้ก็จะว่ายน้ำได้เอง หรือของหลวงพ่อฟัก วัดนิคมประชาสวรรค์ จ.ประจวบคีรีขันธ์ แต่ทั้งสองเกจิอาจารย์ก็ได้มรณภาพไปหลายสิบปีแล้ว

นอกจากเกจิอาจารย์ที่มีชื่อด้านการปลุกเสกปลัดขิก 2 ท่านที่กล่าวมาแล้วยังมีหลวงพ่อยิด หลวงพ่อเฮง หลวงพ่อเหลือ หลวงพ่อซ่วน ซึ่งศุภกิจขายปลัดขิกไปแล้วหลายร้อยตัวก็น่าเป็นห่วงว่าต่อไปปลัดขิกมีแนวโน้มที่จะสูญหายไปจากสังคมไทย เนื่องจากปัจจุบันก็ไม่ค่อยมีเกจิอาจารย์ชื่อดังทำปลัดขิกออกมา คนรุ่นใหม่ก็ให้ความสนใจกับปลัดขิกน้อยลง ส่วนปลัดขิกของเก่าที่มีคุณค่า ราคาก็สูง ผู้ที่ซื้อหาไปก็เป็นคนต่างชาติ

ต่อไปไม่แน่ใจว่าคนรุ่นหลังที่เอวเหน็บเพจเจอร์กับโทรศัพท์มือถือถ้าอยากเห็นปลัดขิกอาจต้องบินไปดูในพิพิธภัณฑ์หรือแกลลอรี่ในยุโรปก็เป็นได้

อ้างอิงจาก http://www.pantown.com/board.php?id=119&area=4&name=board1&topic=301&action=view

ออฟไลน์ umpawan

  • ก้นบาตร
  • *****
  • กระทู้: 3112
  • เพศ: ชาย
  • ศิษย์วัดบางพระ
    • ดูรายละเอียด
ในความคึดผมนะครับ

ปลัดขิกสามเกลอ

หลวงพ่อฟู วัดบางสมัคร พระเกจิอาจารย์แนวหน้ายุคปัจจุบันที่โดดเด่น ชื่อเสียงโด่งดังมากโดยเฉพาะเรื่องของ
ปลัดขิก อาจจะเป็นเพราะหลวงพ่อเกิดท่ามกลางพระเกจิอาจารย์ที่โด่งดังเชี่ยวชาญวิชาด้านนี้ ทั้งหลวงพ่อเหลือ วัดสาว
ชะโงก จ.ฉะเชิงเทรา, หลวงพ่ออี๋ วัดสัตหืบจ.ชลบุรี และจากประสบการณ์กับตัวท่านเองสมัยยังเด็กที่พบเห็นและเจอ
ปาฏิหารย์จากปลัดขิกมานับไม่ถ้วน ทำให้เกิดมีศรัทธามาก และท่านก็ร่ำเรียนวิชาทางด้านนี้จากพระเกจิอาจารย์หลายรูป
ทั้งสายหลวงพ่อเหลือ หลวงพ่ออี๋ แต่ไม่เรียนโดยตรงเพราะอาจารย์เหล่านั้นมรณภาพก่อน แต่เป็นการเรียนต่อจากลูกศิษย์
ทั้งสายหลวงพ่อคง วัดวังสรรพรส, หลวงพ่อเริ่ม วัดจุกกะเฌอ, อาจารย์ฆราวาส ที่สำคัญองค์หลวงพ่อดิ่ง วัดบางวัวซึ่ง
เป็นพระอุปัชฌาย์ที่ถ่ายทอดวิชาต่างๆ และฝึกฝนจนเชี่ยวชาญมีพลังพุทธาคม ทั้งเมตตาบารมีจากองค์หลวงพ่อฟูด้วย
จึงทำให้วัตถุมงคลของท่านเปี่ยมล้นด้วยพุทธาคมไสยเวทย์ไม่เป็นสองรองใครในปัจจุบัน
ก็เมตตารักษาให้ด้วยการขจัดปัดเป่าความอัปมงคล ไล่เสนียดจัญไร


             ปลัดขิก "สามเกลอ" ดีตลอด                       แสนเยี่ยมยอด ศิษย์สาย ล้วนใฝ่หา
    เกลอที่หนึ่ง "โชคลาภแสนเมตตา"                       ใครพกพา ผู้คนรัก ทรัพย์เนืองนอง
    เกลอที่สอง "แคล้วคลาดนิรันตราย                       ไพรีหาย พินาศไป ปลอดภัยสิ้น
    เกลอที่สาม คมศัสตรา มิอาจกิน                            มลายสิ้น "คงกระพันเรื่องชาตรี"
            "หลวงพ่อฟู. ตั้งใจสร้าง มอบให้ศิษย์           อิทธิฤทธิ์ เวทย์มนตร์ บรรจุสิ้น
    ใครมีไว้ ไม่ต้องห่วง เรื่องอยู่กิน                          ทั้งทรัพย์สิน เงินไหลนอง ทองไหลมา
            หลวงพ่อขาน"ขิกสามเกลอ"เออ!หัวแข็ง       อาคมแกร่ง แรงเวทย์ วิเศษสรร
    ผู้ใดได้ บูชา ค่าอนันต์                                          ศิษย์ของฉัน ทุกคนต้อง "เงิน



อ้างอิงจาก www.google.co.th



ออฟไลน์ tum72

  • อัฏฐมะ
  • ***
  • กระทู้: 2246
  • ณ ตลาดพลู
    • ดูรายละเอียด
ข้อมูลมาแน่ๆกันหมดเลยครับ ผมก็ได้แต่แอบอ่านครับ ขอบคุณครับ
โอม ราศีกูเอ๋ย  จงมาเป็นอาสน์  สีธาวาส  มาเป็นเกียรติ  ศรีชายมาเป็นช่วง
หญิงชายทั้งปวง รักกูมิรู้วาย  ด้วยราศีกูงามคือฟ้า  หน้ากูงามคือพรหม
หญิงเห็นหญิงรัก  ชายเห็นชายทัก  กูอยู่ทุกเมื่อ  ไม่เบื่อแต่สักวัน
โอม หญิงชายทั้งหลายเอ๋ย  มา

ออฟไลน์ อชิตะ

  • อัฏฐมะ
  • ***
  • กระทู้: 3218
  • เพศ: ชาย
    • MSN Messenger - aston_25@hotmail.com
    • ดูรายละเอียด
แล้วแต่คาถาที่ลงไว้ในปลัดครับ...

....ทางด้านเมตตามหานิยม ค้าขายก็มี...เช่นปลัดจิ้งจกคู่ ปลัดกวางเหลียวหลัง ของหลวงปู่เปิ่น วัดบางพระ

...ทางด้านคงกระพัน แคล้วคลาดก็มี... เช่นของหลวงปู่อี๋ วัดสัตหีบ  หลวงพ่อยิด วัดหนองจอก

...ทางด้านกันงูกันเขี้ยวงา สารพัดก็มี ครับ...เช่นของหลวงปู่เมฆ วัดลำกระดาน


...แล้วแต่พระอาจารย์ อาจารย์ ผู้ที่สร้างขึ้น จะเสกไว้ครับ...




สำเนาชัดเจนถูกต้องทุกท่าน รับรองตามนั้นครับ

อย่างที่พี่เอ๊กนำเรียน  อานุภาพของปลัดอยู่ที่แต่ละสำนักจะปลุึกเสกเน้นไำปทางไหน 

เท่าที่ได้มีโอกาสสอบถามและเรียนรู้จากพระเกจิอาจารย์ที่เคารพนับถือ ถามท่านว่า ปลักขิกใช้ดีทางไหน

คำตอบก็คือ  "ใช้ได้ทุกทางแล้วแต่จะอธิษฐานกันเอง จะให้เป็นเมตตาหรือแคล้วคลาด-คงกระพัน กันเขี้ยวงา "

ออฟไลน์ mawin_14

  • สัตตมะ
  • **
  • กระทู้: 1210
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล
ขอบคุณที่ให้ความรู้เพิ่มเติมครับ  :054:

ออฟไลน์ gottkung

  • จะหมึกหรือน้ำมันไม่สำคัญ จงตั้งมั่นให้อยู่ในความดี
  • เด็กวัด
  • *****
  • กระทู้: 4088
  • เพศ: ชาย
  • "จะลูกใครนั้นไม่สำคัญ เป็นศิษย์ฉันเท่ากันทุกคนไป "
    • ดูรายละเอียด
    • www.gottkung.multiply.com
ปลัดขิกส่วนมากจะเน้นๆไปทางเมตตามหาเสน่ห์ซื้อง่ายขายคล่อง
แม่ค้าพ่อค้าชอบพกกันมาก นอกจากนี้ยังดีทางคงกระพัน
กันเขี้ยงาสัตว์มีพิษกัดต่อยได้อีกด้วยครับ (แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่าผู้สร้างท่านเน้นๆลงคาถาไปทางไหนอย่างที่พี่เอ็กบอกครับ) :001:
เราเป็นศิษย์คิดมีครูดูก่อนเถิด อย่าละเมิดคำครูที่พร่ำสอน
ปุถุชนคนธรรมดาพึงสังวรณ์ ครูท่านสอนมอบสิ่งดีแก่เราๆ

ออฟไลน์ ชาญ

  • ผู้อาวุโส
  • *****
  • กระทู้: 570
  • เพศ: ชาย
  • นะ เมตตา โม กรุณา พุธ ปราณี ธา ยินดี ยะ เอ็นดู
    • ดูรายละเอียด
ที่รู้ๆ  ปลัดขิก  ก็คือเครื่องหมาย ของเมตตา  อย่างหนึ่งครับ  โดยทั่วๆไป จะเน้นอย่างนั้นครับ

แต่อยู่ที่ว่า  อ. องค์ไหน จะเน้นอะไร ลงไปเพิ่มเติม ก็เท่านั้นครับ

มีเรื่องเล่า กันมาเป็นทอดๆ  ปลัดขิก  หลวงพ่อยิด  วัดกุยบุรี จ.ประจวบ (รุ่นแรก)นี่  ปลุกเศก ถึงขนาดบินคู่ กับเครื่องบิน ที่บินผ่านวัดเลยครับ

ข่าวดังครึกโครม  หลวงพ่อยิด ท่านจะ  สงน้ำ  ปีละครั้งครับ  โดยมีลูกศิษลูกหา มาช่วยขัดถู  แบบว่า  เอาแปลงทองเหลืองขัดตัวนั่นละครับ

ปลัดขิกของท่านแต่ละดอก นี่ต้องบอกใว้เลยครับ  ต้องรับกับมือครับ ถึงจะเห็นกับตา

ประเภท ปลุกให้ตั้ง คามือ นั่นละครับ  ผมใด้กับมือ ท่านมาแล้วครับ  ตอนที่ท่าน  มาปลุกเศก พิธีที่  วัดเทพลีลา  กทม  นั่นละครับ

จาร อย่างสวยครับ แถม อุกกริ่งด้วย

เขาบอกว่า  ถ้าปลุกแล้วไม่ขึ้นตั้ง  ไม่ต้องเอาไปครับ

เสียดายครับ  ท่านมรณภาพ ไปแล้ว

สาธุ  หลวงพ่อ คุ้มครอง  ผมติดตัวใว้ ตลอดครับ เวลา ไปทำงาน

ใว้ว่างๆ จะถ่ายภาพ มาให้ดูชม กันครับ :090:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19 พ.ค. 2552, 01:45:31 โดย ชาญ »

ออฟไลน์ soulballza

  • จตุตถะ
  • ****
  • กระทู้: 14
    • ดูรายละเอียด
 
     ต้องขอขอบคุณทุกท่านมากนะครับ

      ที่ช่วยเเนะนำครับ

           ไม่งั้นคงไม่รู้ว่าปลัดขิกเด่นด้านไหน

               :054: :054: :054:    ขอบคุณครับ  :054: :054: :054: