วันที่ ๕ ของการเข้ากรรมฐาน...
ทบทวนอารมณ์สภาวะธรรมของกรรมฐานผ่านมาหลายกอง
จิตเริ่มคล่องในกองกรรมฐานที่ผ่านมาเพราะว่าได้ทบทวน
จิตละเอียดยิ่งขึ้นรู้และเข้าใจในสภาวะธรรมของกรรมฐานแต่ละกองเพิ่มขึ้น
อุปมาเหมือนเราอ่านหนังสือเรื่องที่เคยอ่านมาแล้วอ่านซ้ำอีกหลายๆครั้ง
แต่ละครั้งก็จะมีมุมมองที่แตกต่างไปจากเดิมทุกครั้งและเข้าใจเนื้อหามากขึ้นทุกครั้ง
เมื่อก่อนนั้นสมัยปฏิบัติธรรมใหม่ๆพอรู้และเห็นก็เข้าใจว่าเรารู้หมดแล้วเข้าใจหมดแล้ว
แต่เมื่อวันเวลาผ่านไปจึงได้เข้าใจว่าที่เรารู้ที่เราเห็นและเข้าใจนั้นมันยังไม่หมด
สิ่งที่เรารู้เราเห็นและเข้าใจนั้นมันเป็นไปตามภูมิธรรมของเราในขณะนั้น
เมื่อวันเวลาผ่านไปเราได้สั่งสมอินทรีย์ให้มีกำลังมากขึ้น จิตละเอียดขึ้น
การวิเคราะห์พิจารณาก็จะละเอียดขึ้น ได้เห็นได้รู้ในสิ่งที่เรายังไม่รู้ไม่เห็นเพิ่มขึ้น
ใจที่เคยส่งออกไปนอกกายก็กลับมาอยู่กับเนื้อกับตัวมากขึ้น รู้จักตัวเองมากขึ้น
เหมือนเราดูหนังดูละครแล้วย้อนกลับมาดูเรา มาดูกายดูจิตดูความคิดดูการกระทำของเรา
ความรู้ในสิ่งนอกกายนั้นไม่มีวันสิ้นสุด เพราะความรู้นั้นเกิดจากตัณหาคือความอยากรู้อยากเห็น
รู้เห็นสิ่งนี้แล้วมันก็อยากจะรู้เห็นในสิ่งอื่นต่อไปไม่มีที่สิ้นสุดขยายออกไปเรื่อย
แต่ความรู้ที่ดูจากภายในกายและจิตของเรานั้นมันมีวันสิ้นสุด เมื่อจิตของเราหลุดพ้นจากอัตตา ตัณหา อุปาทาน
เมื่อไหร่ที่เราเข้าใจกายและจิตของเรา เห็นกายและจิตของเรา เราย่อมที่จะเข้าใจและเห็น กายและจิตของผู้อื่น
เพราะว่าเราจะเข้าใจในสภาวะธรรมที่ว่า"ตถตา...มันเป็นเช่นนั้นเอง"มันเป็นธรรมชาติของโลกและธรรมที่เป็นอยู่
เรียนรู้ทุกอย่างจากกายและจิตของเรา เพียรเผาให้กิเลสที่มันซ่อนอยู่ในจิตของเราให้มันแสดงออกมาให้เห็น
ซึ่งเราต้องรู้ต้องเห็นและทำความเข้าใจกับมันเสียก่อน จึงจะเข้าไปจัดการ ลด ละ เลิก ทำลายมันลงได้
ต้องพิจารณาให้เห็นทุกข์ เห็นภัย เห็นโทษ เห็นประโยชน์และมิใช่ประโยชน์ของสิ่งเหล่านั้น
จนจิตเกิดธรรมสังเวช ไม่ยึดติดยึดถือ เกิดเบื่อหน่ายในสิ่งนั้นเป็นนิพพาญาณ จิตจะถอยห่าง ลด ละ เลิกและวางในสิ่งนั้น
เพียง"รู้ธรรม เห็นธรรม เข้าใจธรรม"แต่ยังไม่ได้อยู่ในธรรมและยังไม่มีธรรมเป็นเครื่องอยู่ จึงได้เพียงรู้และเข้าใจ
แต่ยังไม่ได้อยู่ในธรรม เราต้องอยู่และรักษาสภาวะธรรมนั้นให้ตลอด เมื่อเรารักษาธรรม ธรรมนั้นจะรักษาเรา...
:059:แด่การดูกายดูจิตดูความคิดดูการกระทำของตัวเราเอง
เชื่อมั่น-ศรัทธา-ปรารถนาดี-ด้วยไมตรีจิต
รวี สัจจะ-สมณะไร้นาม
๒๔ กันยายน ๒๕๕๒ เวลา ๐๗.๑๒ น. ณ ศาลาน้อยริมน้ำโขง ชายแดนประเทศไทย