"ภิกษุทั้งหลาย!เราประพฤติพรหมจรรย์นี้
มิใช่เพื่อหลอกลวงคน เพื่อให้คนบ่นถึง
เพื่อผลคือลาภสักการะและชื่อเสียง
เพื่อเป็นเจ้าลัทธิ เพื่อให้คนทั้งหลายรู้จักเรา
ก็หามิได้ แต่ที่แท้จริงแล้ว เราประพฤติพรหมจรรย์นี้
เพื่อความสังวรระวัง เพื่อละกิเลส
เพื่อคลายกิเลส และเพื่อดับกิเลสเท่านั้น"
"นยิทํ ภิกขเว พฺรหฺมจริยํ วุสฺสติ
ชนกุหนตฺถํ น ชนลปนตฺถํ
น ลาภสกฺการสิโลกานิสํสตฺถํ
น อิติวาทปฺปโมกฺขานิสํสตฺถํ
น อิติ มํ ชโน ชานาตูติ
อถโข อิทํ ภิกฺขเว พฺรหฺมจริยํ วุสฺสติ
สํวรตฺถํ ปหานตฺถํ วิราคตฺถํ นิโรธตฺถนฺติ"
พุทธสุภาษิต พรหมจริยสูตร ๒๑/๒๙
...........................................
"กิเลสย่อมพอกพูนแก่ผู้ที่ชอบเพ่งโทษของผู้อื่น
ให้ความสนใจในการเพ่งโทษของผู้อื่นเป็นนิตย์
บุคคลผู้ประพฤติดังนั้น ย่อมสิ้นอาสวะช้า"
"ปรวชฺชานุปสฺสิสฺส นิจฺจํ อุชฺฌานสญฺญิโน
อาสวา ตสฺส วฑฺฒนฺ อารา โส อาสวกฺขยา"
พุทธสุภาษิต ธรรมบท ๒๕/๔๑
...................................
"ความเป็นอิสระ ย่อมมีแก่นักบวชทุกเมื่อ"
"สมณานํ โภชิสิยํ สทา"
พุทธสุภาษิต อรณสูตร ๑๕/๖๒
.....................................
วันนี้เป็นวันพระขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑
เป็นวันปวารณาออกพรรษาของพระภิกษุสงฆ์
หลังจากอธิษฐานอยู่จำพรรษาครบสามเดือน
เปิดโอกาศให้ว่ากล่าวตักเตือนกันได้ตามธรรม ตามวินัย
แต่ให้เป็นไปโดยชอบซึ่งประกอบด้วยกุศลไม่มีอคติต่อกัน
เพราะว่าวันเวลาที่อยู่ร่วมจำพรรษากันนั้น อาจจะมีข้อผิดพลาด
ในการประพฤติปฏิบัติ ข้อกิจวัตร และธรรมวินัย หรือมีความไม่สบายใจต่อกัน
จึงได้เปิดโอกาศให้มีการว่ากล่าวตักเตือนกัน ปรับความข้าใจกันในปวารณาออกพรรษา
เพราะว่าหลักจากนี้อาจจะต้องแยกย้ายจากกัน ไปตามภาระและหน้าที่ของแต่ละท่าน
เพื่อไม่ให้ค้างคาใจซึ่งกันและกัน ซึ่งมีผลเป็นวิบากกรรมต่อกันนั้น ท่านจึงอนุญาตให้ว่ากล่าวตักเตือนกัน
สำหรับฤดูกาลพรรษานี้มีพระอยู่ร่วมกันจำนวนหกรูป ซึ่งทุกรูปนั้นคุ้นเคยกันเพราะอยู่ร่วมกันมานาน
จึงไม่มีปัญหาในการที่จะอยู่ร่วมกันเพราะรู้ใจ เข้าใจกันและรู้บทบาทหน้าที่ของแต่ละท่านกันดี
จึงไม่มีอะไรต้องชี้แนะและว่ากล่าวตักเตือนกัน เพราะทุกท่านทำหน้าที่ของตนสมบูรณ์ดีอยู่แล้ว
นับว่าเป็นความโชคดีของเราที่มีหมู่คณะที่ดีมาอยู่ร่วมกันและช่วยเหลือซึ่งกันและกันด้วยดีตามบทบาทและหน้าที่
.........ส่วนการเขียนบันทึกธรรมนั้น............
ก็ทำมาจนครบ ๙๐ วันตลอดพรรษา ตามที่ตั้งใจไว้ว่าบันทึกไว้เพื่อเป็นแนวทางต่อผู้ที่สนใจ
เพื่อเป็นข้อคิด สะกิดเตือนใจ ในการดำเนินชีวิต ทั้งในทางโลกและทางธรรม โดยไม่ขัดกัน
ความคิดเห็นและมุมมองทั้งทางโลกและทางธรรมที่บันทึกไว้นั้น มาจากประสพการณ์ของชีวิต
ที่สะสมมาตั้งแต่เป็นฆราวาส จนเข้ามาสู่ความเป็นสมณะและเกิดจากการที่ได้ปฏิบัติธรรมมา
จากการที่ได้ค้นคว้าศึกษาจากในตำราและจากชีวิตจริง ถึงสิ่งที่ได้เรียนรู้และประสพมา
การเขียนบันทึกธรรมนั้น เพื่อเป็นการย้ำเตือนตนเองในสิ่งที่ได้ผ่านมาในวันเวลาที่ผ่านไป
เราได้ทำอะไรที่ไหน เมื่อไหร่ ความรู้สึกนึกคิดในขณะนั้นเป็นอย่างไร เมื่อวันเวลาผ่านไป
เราเปิดอ่านบันทึกเหล่านั้น เราจะได้เห็นความก้าวหน้าหรือความเสื่อมถอยของเรา เมื่อวันเวลามันผ่านไป
และขอขอบคุณเวปบอร์ดวัดบางพระที่เปิดโอกาศให้ได้ใช้พื้นที่ในการเขียนบันทึกธรรมตลอดพรรษา
และขออนุโมทนากับทุกท่านที่ได้เข้ามาอ่านและร่วมแสดงความคิดเห็นในบทความแห่งการบันทึกธรรมทุกท่าน
การเขียนบันทึกธรรมคงต้องหยุดพักไว้เพียงเท่านี้....แต่จะมีบทความต่อๆไปในหัวข้อใหม่มาให้ท่านได้อ่านกัน
สุดท้ายนี้...ขอความสุขสวัสดี ความมีศิริมงคลทั้งลาภและผลสำเร็จจงบังเกิดมีแก่ทุกท่านทุกคน........
เชื่อมั่น-ศรัทธา- ด้วยความปรารถนาดีและไมตรีจิต
รวี สัจจะ-สมณะไร้นาม
๕ ตุลาคม ๒๕๕๒ เวลา ๐๕.๐๒ น. ณ ศาลาน้อยริมน้ำโขง ชายแดนประเทศไทย