ความกตัญญู
หลวงพ่อสอนว่า "ใครทำดีกับเรา ๑ % เราจะตอบสนอง ๑๐ % เขาทำดีกับเรานิดหนึ่ง เราจะตอบสนอง ๑๐ เท่าที่เขาทำ"
เพราะฉะนั้นวันหนึ่งที่มีโอกาสติดรถเข้ากรุงเทพฯ มางานศพกับท่าน ก่อนออกเดินทางเพิ่งทราบว่าพ่อของเพื่อนสนิทคนหนึ่งตาย ตั้งศพไว้ที่วัดชลประทานฯ ใจอยากจะไปเยี่ยมศพที่วัด แต่เกรงใจหลวงพ่อเพราะจะทำให้ท่านเสียเวลาออกนอกเส้นทาง พอดีพอรถมาถึงรังสิตจราจรติดขัดมาก ท่านจึงบอกกับหลานชายซึ่งขับรถให้ว่าให้เลี้ยวเข้าทางปทุมธานี แล้วออกทางเมืองนนท์ดีกว่า เลยเรียนท่านว่า "ออกทางนั้นแล้วก็ให้คิดถึงเพื่อนซึ่งพ่อเขาตายตั้งศพไว้วัดชลประทานฯ เพื่อนคนนี้เป็นคนที่เคยฝากเกสรผึ้งจากเชียงใหม่มาให้หลวงพ่อไงล่ะคะ" เปรยเพียงเท่านี้แต่ไม่กล้าขอให้ท่านแวะให้ ในใจคิดว่าไว้ให้ใกล้ ๆ ถึงก่อนแล้วจะลองขอโอกาสท่าน แต่ก็นึกเกรงใจท่านมาก ปรากฏว่าพอไปถึงใกล้วัด ท่านหันมาถามเอาว่า "เมื่อกี้บอกว่าอยากจะไปไหนนะ" เรียนท่านว่า "อยากไปเยี่ยมศพพ่อเพื่อนที่วัดชลประทานฯ แต่ก็ไม่ทราบว่าเขารดน้ำศพหรือยัง อยู่ศาลาไหนก็ไม่ทราบ" ท่านจึงบอกให้หลานชายชิดซ้ายเลี้ยวรถเข้าวัด ไปวน ๑ รอบ หาศาลาตั้งศพไม่พบเข้าใจว่าอาจจะปิดอยู่รอเวลาสวดกลางคืน คิดว่าจะเรียนท่านว่าให้ไปได้เลย แต่ยังไม่ทันได้เรียน ท่านบอกว่า "เดี๋ยวลองวนดูอีกรอบ เพราะตรงหลังเมรุมีที่ตั้งศาลาอีกเมื่อกี้เรายังไม่ได้ผ่านไปทางนั้น" ท่านให้รถวนไปจนพบศาลาซึ่งกำลังจะเตรียมรดน้ำศพ ทันทีที่ลงจากรถท่านตรงดิ่งไปที่ศพยืนแผ่เมตตาให้อยู่นาน แล้วมานั่งพักบอกว่า "เดี๋ยวเรารดน้ำก่อนนะแล้วค่อยไป"
ความเมตตาของท่านครั้งนี้ยังความปลาบปลื้มให้ครอบครัวผู้ตายเป็นอย่างมาก ความปีติทำให้คลายทุกข์จากการจากไปของผู้เป็นบิดาเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ในวันฌาปนกิจศพท่านยังรับเป็นประธานในพิธีให้ด้วย
ในความรู้สึกของผู้เขียน เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นตัวอย่างหนึ่งที่แสดงถึงคุณธรรมเรื่องความเมตตาและความกตัญญูของท่านดังที่ท่านเคยสอนไว้ว่า ใครทำความดีกับเรา ๑ เท่า เราจะตอบแทนเขา ๑๐ เท่า อาจเป็นคำพูดของผู้เขียนที่ว่า "เพื่อนคนนี้แหละเขาเคยฝากเกสรผึ้งมาถวายหลวงพ่อจากเชียงใหม่" จึงทำให้ท่านเมตตาไปโปรดเพื่อให้ครอบครัวผู้ตายได้คลายทุกข์