ตถตาอาศรม เขาเรดาร์ บ้านบึง ชลบุรี
อามิตย์ที่ ๑๗ กรกฎาคม พ.ศ๒๕๕๔
พบปะพูดคุย ต้อนรับมิตรสหายผู้มาเยือนคณะต่างๆตั้งแต่เช้าจนค่ำ
สนทนากันทั้งในเรื่องทางธรรมและเรื่องทางโลก ทั้งที่เป็นสาระและไร้สาระ
ธรรมะไร้รูปแบบและกาลเวลา ไม่มีสภาวะแห่งการแปลกแยกและแตกต่าง
ทำให้ทุกอย่างลื่นใหลในการสนทนา จนลืมเรื่องของระยะเวลาที่ผ่านไป
ในความมีสาระและไม่มีสาระ แฝงด้วยธรรมะตามเหตุและปัจจัยไปตามกาล
ทุกอย่างจึงพ้นผ่านไปด้วยดี
มองโลกแล้วปรับเข้าหาธรรม นำมาปรับใช้ให้เข้ากับ จังหวะ เวลา
โอกาศ สถานที่และบุคคล ตามเหตุและปัจจัย องค์ประกอบที่มีในขณะนั้น
ให้เหมาะสมกับพื้นฐานจริตและความรู้สึกนึกคิดของแต่ละบุคคลที่สนทนา
มีสติระลึกรู้ในสิ่งที่กำลังพูดและกำลังกระทำ เสนอนำความคิดเรื่องจิตอาสา
เพื่อตอบแทนคุณค่าให้เป็นประโยชน์แก่สังคม ช่วยกันกระจายความคิดเพื่อ
สร้างจิตสำนึกไปยังบุคคลรอบข้าง สร้างจิตสำนึกและความรู้สึกที่ดีงาม
โลกและธรรมนั้นต้องก้าวเดินไปพร้อมกัน ไม่มีการกีดกั้นเรื่องเพศ
เรื่องวัย เรื่องสถานะ ไม่มีสภาวะแห่งข้อจำกัด ไม่มีการผูกมัดให้เขากระทำ
เพราะสภาวะธรรม ภูมิธรรมของแต่ละคนนั้น แตกต่างกันด้วยธาตุและอินทรีย์
จึงต้องมองหาความพอดีและความเหมาะสมให้กับบุคคลนั้นๆ ในการกระทำ
ซึ่งความดีทั้งหลาย เพื่อให้เขากระทำได้ในทันที โดยไม่มีอาการเคอะเขิน
มีความเพลิดเพลินและพอใจในสิ่งที่ได้กระทำ น้อมนำเอาธรรมมาสงเคราะห์
ให้เหมาะสมกับจังหวะ เวลา สถานที่และตัวบุคคล
ทุกอย่างอยู่ที่การเริ่มต้นที่ถูกที่และถูกทาง แล้วทุกอย่างมันก็จะเดิน
ไปตามทางด้วยตัวของมันเอง...
...ด้วยความปรารถนาดีและไมตรีจิต...
...รวี สัจจะ-สมณะไร้นาม-วจีพเนจร...
๑๗ กรกฎาคม ๒๕๕๔ เวลา ๐๖.๕๖ น. ณ ตถตาอาศรม บ้านบึง ชลบุรี