กระดานสนทนาวัดบางพระ

หมวด ธรรมะ และ นอกเหตุ เหนือผล => สนทนาภาษาผู้ประพฤติ, กฎแห่งกรรม และ ประสบการณ์วิญญาณ => ประสบการณ์วิญญาณ => ข้อความที่เริ่มโดย: ทรงกลด ที่ 15 มี.ค. 2554, 10:59:58

หัวข้อ: วิญญาณแม่ (ข่าวสด)
เริ่มหัวข้อโดย: ทรงกลด ที่ 15 มี.ค. 2554, 10:59:58
วิญญาณแม่ (ข่าวสด)

          "พัชรา" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากวันสอบพิเศษ ดิฉันเป็นครูโรงเรียนประถมแห่งหนึ่งกลางกรุงเทพฯ นี่เองค่ะ เป็นโรงเรียนเอกชนแต่ค่าเทอมไม่แพงเลย ดังนั้น จึงมีผู้คนทุกระดับพาลูกหลานมาเรียน แม้จะมีแค่ชั้นอนุบาลถึงประถมศึกษาปีที่ 6 เท่านั้นก็ตาม

          ผู้ปกครองล้วนวางใจในการเรียนการสอนที่นี่ ซึ่งเป็นที่เลื่องชื่อว่าวิชาแข็งและเข้มข้น เด็กที่จบ ป.6 จะเป็นเด็กเก่งพร้อมเรียนต่อระดับมัธยม ไม่ว่าจะไปสอบเข้าที่ไหนก็ไม่ผิดหวัง

          ดิฉันเป็นครูสอนวิชาภาษาไทย และทำหน้าที่ประจำชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ด้วยค่ะ เด็กห้องดิฉันอยู่ระดับปานกลางแต่นิสัยดี ไม่เครียดและก็ไม่ดื้อ เกือบทุกคนจะเรียนพิเศษตอนเย็น ซึ่งปกติโรงเรียนจะเลิกสามโมงครึ่ง แต่พวกเรียนพิเศษจะเลิกตอนห้าโมงเย็น จะว่าไปแล้วสิ่งที่สอบก็คือการบ้านนั่นเองค่ะ

          เด็กพวกนี้จะทำการบ้านเสร็จที่โรงเรียนเรียบร้อยเลย คุณพ่อคุณแม่ไม่ต้องเหนื่อยเคี่ยวเข็ญเองที่บ้าน ได้ข่าวว่าถ้าให้ไปทำการบ้านเองละก็กว่าจะได้นอนก็โน่น...ไม่สองยามก็ตีหนึ่ง คุณพ่อคุณแม่จึงยินดีให้ลูกเรียนพิเศษกันทั้งนั้น

          ถึงแม้จะมีกำหนดเวลาว่า การสอนพิเศษตอนเย็นนั้นเลิกห้าโมง แต่ก็มีนักเรียนหลายคน โดยเฉพาะห้องที่เรียนอ่อน ทำการบ้านไม่เสร็จ คุณครูบางคนก็ขยันกวดขัน ทั้งเด็กทั้งครูบางห้องจึงกลับเย็นย่ำค่ำมืด อย่างห้อง ป.6 ของครูติ๊ก ห้องที่เด็กเรียนอ่อนที่สุด คะแนนต่ำและบางคนมีปัญหา

          ครูติ๊กเป็นครูที่หวังดีต่อเด็กๆ อย่างยิ่ง ดิฉันรับประกันได้ เธอสู้อุตส่าห์เสียสละเวลาอยู่สอนเด็กๆ อย่างอดทน ส่วนมากกว่าจะกลับได้ก็เกือบทุ่มแน่ะค่ะ ถ้าเป็นฤดูร้อนก็ค่อยยังชั่วเพราะฟ้าจะเริ่มมืดพอดี แต่ถ้าเป็นฤดูหนาวละก็ ห้าโมงครึ่งก็มืดตึ๊ดตื๋อแล้ว

          เรื่องขนหัวลุกของเราเกิดขึ้นในตอนค่ำของเดือนธันวาคมปีกลาย! วันนั้นดิฉันมีงานเยอะ แม้เด็กนักเรียนห้องดิฉันจะกลับไปหมดแล้ว แต่ดิฉันก็นั่งตรวจงานต่อ ทั่วทั้งตึกปิดไฟหมดแล้ว แต่ดิฉันรู้ว่าห้องครูติ๊กซึ่งอยู่ชั้นบนของดิฉันยังมีนักเรียนเหลืออยู่อีก 2-3 คน ครูติ๊กบอกว่า ถ้าเสร็จแล้วจะมาตามดิฉันเองเพื่อกลับบ้านด้วยกัน บ้านเราไปทางเดียวกันค่ะ บางทีเราอาจจะแวะไปกินข้าวแถวๆ นี้ก่อนก็ได้

          หนึ่งทุ่มสิบห้านาทีครูติ๊กเดินลงมา สีหน้าท่าทางเธอเหนื่อยไม่เบาเลย ดิฉันรีบเก็บข้าวของแล้วหยิบกระเป๋าเดินออกจากห้อง โดยปิดไฟและปิดประตูเรียบร้อย จากนั้นก็ลงบันไดกันมาสองคน ลานตึกข้างล่างโล่งยาวตลอด ดูมืดสลัวเพราะเปิดไฟนีออนไว้แค่ดวงเดียว
หัวข้อ: ตอบ: วิญญาณแม่ (ข่าวสด)
เริ่มหัวข้อโดย: ทรงกลด ที่ 15 มี.ค. 2554, 11:01:21
ทันใดนั้น ดิฉันเหลือบไปเห็นผู้หญิงคนหนึ่งรูปร่างท้วมๆ ผมดัดสั้นพองฟู สวมชุดทำงานแบบราชการ นั่งอยู่ที่เก้าอี้ ซึ่งเป็นที่นั่งของบรรดาผู้ปกครอง เธอนั่งเพียงลำพังในบรรยากาศเงียบเหงาวังเวง เราต้องเดินผ่านเธอในระยะใกล้ และขณะที่กำลังจะถึงตัวเธอ ครูติ๊กก็สะดุ้งโหยง ชะงักฝีเท้าอย่างตกใจ สีหน้าเหมือนถูกผีหลอก ปากสั่นระริก ดิฉันนึกว่าเธอตกใจที่จู่ๆ ก็เห็นผู้ปกครองมานั่งอยู่อย่างนั้น

          "คุณแม่ยังไม่กลับหรือคะ? ลูกอยู่ไหนล่ะคะ?" ดิฉันถามแต่ครูติ๊กกระตุกมืออย่างแรง เธอหลับตาปี๋แล้วฉุดดิฉันรีบเดินจนแทบวิ่ง มีอาการสติแตก ร้องหวีดแล้ววิ่งเตลิดไปถึงหน้าประตูแล้วล้มลงกองกับพื้นถนน...

          คุณพระช่วย! ครูติ๊กหายใจหอบและเริ่มร้องไห้ แต่ก็ยังละล่ำละลักให้ดิฉันรีบเรียกแท็กซี่ ดิฉันประคองเธอลุกขึ้น พอดีแท็กซี่แล่นมาคันหนึ่ง...ไม่ช้าเราก็นั่งรถออกจากหน้าโรงเรียน อาการครูติ๊กค่อยดีขึ้นหน่อย เธอขอให้ดิฉันตามไปส่งถึงบ้าน ดิฉันก็ไม่ขัดข้อง

          เมื่อถึงบ้านครูติ๊ก เธอกินยาลมและนั่งสงบสติอารมณ์พักใหญ่ จากนั้นก็เล่าให้ฟัง "ผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่คน! เขาตายแล้ว..." ครูติ๊กเสียงระโหยเต็มที่...

          เรื่องมีอยู่ เธอผู้นั้นเป็นคุณแม่ของเด็กนักเรียนชั้น ป.6 เมื่อสองปีก่อน เด็กคนนี้มีปัญหาทางบ้าน พ่อแม่แยกกัน เด็กซึมเศร้า ไม่เรียน ไม่ทำการบ้าน ครูติ๊กจึงเชิญเธอมาในเย็นวันหนึ่งเพื่อคุยกันเรื่องนี้ แต่เธอถูกรถชนตายคาที่ ครูติ๊กจึงรู้สึกผิดมาตลอด... ถ้าไม่ใช่เพราะเชิญเธอมา เธอก็คงไม่ตายสยองอย่างนี้หรอก ครูติ๊กจำได้แม่น เพราะตอนยังมีชีวิตอยู่ได้คุยกันเสมอ

          ดิฉันฟังแล้วทั้งกลัวทั้งสงสาร มันสะเทือนใจอย่างบอกไม่ถูก สิ่งที่เราเห็นแสดงว่าเธอยังห่วงลูกของเธออย่างมาก จิตใจเธอผูกพันกับการมาคอยรับลูกอยู่เสมอ แม้จะเหลือเพียงวิญญาณ... เธอจะรู้ไหมนะว่าลูกเธอได้เข้าโรงเรียนมัธยมแล้ว และกำลังเรียนอยู่ชั้น ม.2

          ดิฉันกับครูติ๊กเป็นไข้สูงกันทั้งคู่ในวันรุ่งขึ้น และจากนั้นมาเราไม่ยอมกลับบ้านค่ำๆ มืดๆ อีกเลย ห้าโมงปุ๊บปิดหนังสือ บอกเด็กๆ กลับบ้านทันที และอย่างเคร่งครัดเชียวล่ะค่ะ!



ขอขอบคุณข้อมูลจาก ข่าวสด
คอลัมน์ ขนหัวลุก โดย ใบหนาด
http://hilight.kapook.com/view/37709
(ลอกเค้ามาต้องอ้างอิงที่มา)
หัวข้อ: ตอบ: วิญญาณแม่ (ข่าวสด)
เริ่มหัวข้อโดย: ทรงกลด ที่ 15 มี.ค. 2554, 11:14:30
นั่งสมาธิพบวิญญาณแม่เปรตผู้บรรลุโสดาบัน
 
ข้าราชการสาวซีเจ็ดสาวกผู้เลื่อมใส่ศรัทธานักบวชผู้สอนวิปัสสนากรรฐาน
ยึดมั่นในคำสอนและปฏิบัติตามท่านอาจารย์ผู้อ้างตนว่าบรรลุพระอรหันต์แล้ว
ทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างเพราะหวังจะได้บรรลุธรรมวิเศษเป็นพระโสดาบันตามแม่
ซึ่งได้ไปสู่พุทธภูมิไปอยู่กับพระพุทธองค์แล้ว
หลังจากที่แม่ได้ละและสละสังขารไปเมื่อสามปีที่แล้ว
เจ้าสำนักสอนวิปัสสนากล่าวรับรองและยืนยันว่าแม่ได้บรรลุโสดาบันแล้ว
เธอจึงพยายามดำเนินรอยตามแม่
เพื่อหวังจะได้ไปสู่ดินแดนพุทธภูมิพบความสงบสุขชั่วนิรันดร
ทรัพย์สินที่มีอยู่ส่วนใหญ่ครอบครัวของเธอ
ทุ่มเทไปให้กับการสร้างทานบารมีบริจาคให้กับสำนักนั้น
แต่ทุกครั้งที่จิตของเธอเป็นสมาธิจะต้องเกิดภาพนิมิตเป็นฝูงเปรตมาห้อมล้อมรอบตัว
กรีดร้องส่งเสียงโหยหวนน่าสยดสยองยิ่งนัก
เจ้าสำนักบอกกับเธอว่าบารมีทานของเธอยิ่งใหญ่นัก
แต่ก็ยังไม่เพียงพอกับฝูงเปรตที่มาขอส่วนบุญ
ให้เธอเพิ่มการทำบุญบริจาคทาน ( ให้เจ้าสำนัก ) มากขึ้น
เพราะเธอจะได้บรรลุเป็นพระโสดาบันเร็วขึ้น
แต่ ... ที่เธอเกิดความหวั่นไหวและหวาดกลัวมากที่สุดคือ
นางเปรตตนหนึ่งพยายามที่จะผลักร่างเธอให้กระเด็นออกไป
นางเปรตตนนั้นส่งเสียงร่ำไห้คร่ำครวญโหยหวน
ใช้มือจิกกระชากทึ้งผมตนเองแสดงความโกรธแค้นและเสียใจสุดขีด
ตีอกชกตัวแบบคลุ้มคลั่ง
เสมือนกับกำลังพยายามที่จะบอกอะไรบางสิ่งบางอย่างกับเธอ
เจ้าสำนักบอกว่านางเปรตตนนั้นเป็นเจ้ากรรมนายเวรในอดีตชาติของเธอ
ให้เธอเพิ่มการทำบุญให้มากยิ่งขึ้นเพื่ออุทิศทานให้แก่นางเปรตจะได้เลิกมารบกวนเธอ
แต่ยิ่งทำทานนางเปรตก็ยิ่งมารบกวนเธอหนักมากขึ้นทุกที
จนเธอเกิดอาการทางประสาทต้องปรึกษาจิตแพทย์เพราะนอนไม่หลับ
เห็นแต่หน้านางเปรตตนนั้นตลอดเวลา
เจ้าสำนักช่วยเธอได้เพียงแค่การให้คำแนะนำให้เธอเพิ่มการทำทานให้หนักมากขึ้น
จนนางเปรตพอใจจะได้หยุดรบกวนเธอ
หลายครั้งที่นางเปรตหอบสิ่งของที่เธอทำทานอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลไปให้
ทั้งสิ่งของและข้าวปลาอาหารเครื่องสังฆทานมาทุ่มลงกับพื้นต่อหน้าเธออย่างไม่สนใจใยดี
บ่อยครั้งที่นางเปรตชี้หน้าตนเองและชี้หน้าเธอ
คล้ายกับจะพยายามบอกบางสิ่งบางอย่างแก่เธอ
เมื่อไม่สามารถสื่อให้เธอเข้าใจได้ก็หันกลับไปทำร้ายตนเองด้วยความโกรธแค้น
มีผู้หวังดีแนะนำให้เธอเปลี่ยนสำนักเปลี่ยนตัวอาจารย์ใหม่
เธอจึงได้พบแสงสว่างแห่งชีวิตที่แท้จริง
ท่านอาจารย์ผู้รู้จริงให้เธอเข้าสมาธิตามรูปแบบที่เธอเคยศึกษามา
กำหนดจิตตั้งเป้าหมายไปที่นางเปรตตนนั้นเพียงอย่างเดียว
เมื่อนิมิตภาพของนางเปรตปรากฏขึ้น
ท่านอาจารย์ผู้รู้จริงให้เธอทิ้งภาพนิมิตนางเปรต
กลับไปยึดเป้าหมายของแม่แทน
เมื่อเธออธิษฐานจิตและเรียกชื่อของแม่
หัวของนางเปรตเปลี่ยนไปกลายเป็นหัวของแม่
ร้องไห้คร่ำครวญอย่างน่าสงสารปานจะขาดใจตายไปต่อหน้าเธอ
“...ออกไปลูก...ออกไป...พาพ่อแก  พี่แก  น้องแก  รีบออกไปกันให้หมด...
มันไม่ใช่พระอรหันต์...มันเป็นพวกผีห่าซาตาน..มันไม่ใช่วิปัสสนาจารย์...
...มันหลอกลวงพวกเรา...แม่เสียใจที่แม่เป็นคนชักนำพวกเรามาหามัน...
แม่หลงผิด...ลืมไปว่า
โมหะเป็นตัวหลงเป็นเส้นทางที่จะนำพาวิญญาณแม่ให้ตกอยู่ในสภาพของเปรต
วิญญาณแม่ไม่ได้อดอยากหิวโหยไม่ต้องทำบุญทำทานให้แม่...
แม่แค่ต้องการมาเตือนลูกเตือนผัวเท่านั้น.
กล่าวจบนางนางเปรตก็หายวับไป
ตั้งแต่นั้นมานางเปรตก็ไม่มาปรากฏร่างให้เธอได้เห็นอีก
ภารกิจของนางเปรตเสร็จสิ้นบรรลุเป้าหมายแล้ว
แท้จริงแล้วนางเปรตตนนั้นแหละคือแม่ของเธอเอง
ที่ใครๆพากันหลงคิดว่าได้บรรลุโสดาบันไปอยู่ในดินแดนพุทธิภูมิแล้วนั่นเอง
นางเปรตผู้เป็นแม่มาเพื่อโปรดให้เธอกับคนในครอบครัวหลุดพ้นจากโมหะหรือตัวหลง
ท่านอาจารย์ผู้รู้จริงเป็นผู้จุดประทีปแห่งปัญญาให้เธอ
และปลอบเธอว่า
บัดนี้วิญญาณของแม่คุณ
ได้ปลดเปลื้องตัวโมหะหรือตัวหลงตัวห่วงหาอาลัยออกไปได้หมดสิ้นแล้ว
เมื่อปราศจากตัวโมหะหรือตัวหลงปราศจากตัวห่วงหาอาลัยแล้ว
จิตวิญญาณของแม่คุณจะพ้นจากสภาพของเปรต
จะเดินทางไปสู่สุคติภพตามกรรมดีและหรือกรรมชั่วที่ได้เคยกระทำมาแล้วต่อไป
การทำบุญทำทาน
มิใช่ทำด้วยการทุ่มเททรัพย์สินเงินทองเพื่อซื้อหรือแลกเปลี่ยนผลบุญเพียงอย่างเดียว
การถ่ายทอดพลังแห่งความเมตตาและพลังแห่งปัญญาเพื่อเป็นวิทยาทาน
สามารถทำได้โดยไม่ต้องใช้ธนบัตรเป็นบัตรผ่านประตูสวรรค์
ผลทานที่คุณแม่และพวกคุณทำด้วยการบริจาคทานเป็นทรัพย์สินเงินทองให้สำนักนี้
ดุจสร้างสำนักเปรตให้พวกภูตผีปีศาจเปรตและอสูรกายอยู่
เมื่อพวกคุณตายไปแล้วพวกคุณคงไม่มีผู้ใดปรารถนาที่จะมาเสวยสุขอยู่ ณ สถานที่นั้นแน่
ถ้าจะให้เลือกเอาว่า
เมื่อพวกคุณสิ้นอายุขัยแล้ว
พวกคุณจะเลือกมาเสวยสุข ณ เปรตสถานแห่งนั้น
กับการ
ให้ผลแห่งกรรมที่คุณบริจาคทานเป็นทรัพย์สินให้แก่สำนักนั้นเป็น โมฆะกรรม
พวกคุณจะเลือกแบบไหน?
 
องค์มหาพรหมนุษยักษ์ธรรมบาลท่านกล่าวว่า
ผู้ที่มีความลุ่มหลงมัวเมาตกอยู่ภายใต้อำนาจแห่งโมหะจริต
ถึงสังขารจะยังไม่ทันตาย
จิตวิญญาณผู้นั้นจะเป็นจิตวิญญาณของเปรตในร่างมนุษย์
 
 
องค์มหาพรหมนุษยักษ์ธรรมบาลท่านกล่าวว่า
ผู้ที่มีความลุ่มหลงมัวเมาตกอยู่ภายใต้อำนาจแห่งโมหะจริต
ถึงสังขารจะยังไม่ทันตาย
จิตวิญญาณผู้นั้นจะเป็นจิตวิญญาณของเปรตในร่างมนุษย์

หัวข้อ: ตอบ: วิญญาณแม่ (ข่าวสด)
เริ่มหัวข้อโดย: ทวีศักดิ์ ที่ 16 มี.ค. 2554, 09:19:13
อนุโมทนา ครับ