ในสมัยหนึ่ง พระพุทธองค์ทรงพิจารณาเห็นอุปนิสัย แห่งพระอรหัตของนักบวชนอกพระ
พุทธศาสนานามว่า อัคคิทัต จึงรับสั่งให้พระโมคคัลลานะเถระไปอบรมสั่งสอนให้ลดทิฏฐิ
มานะ ละการถือลัทธินั้นเสีย
พระโมคคัลลานะเถระรับพระพุทธบัญชาแล้ว ไปยังสำนักของอัคคิทัต นั้น เมื่อไปถึง ได้กล่าวขอที่พัก
อาศัยสักราตรีหนึ่ง แต่อัคคิทัต ปฏิเสธว่าไม่มีสถานที่ให้พัก พระโมคคัลลานะเถระจึงกล่าวต่อไปว่า
อัคคิทัต ถ้าอย่างนั้น เราขอพักที่กองทรายนั่นก็แล้วกัน
ก็ที่กองทรายนั้นมีพญานาคตัวใหญ่ มีพิษร้ายแรงอาศัยอยู่ อัคคิทัต เกรงว่าพระโมคคัลลานะเถระจะได้
รับอันตรายจึงไม่อนุญาต แต่เมื่อพระโมคคัลลานะเถระรบเร้าหนักขึ้นจนต้องยอมอนุญาต พระโมคคัลลา
นะเถระจึงเดินไปที่กองทรายนั้น
พญานาคเห็นพระโมคคัลลานะเถระเดินมาจึงรู้ว่าไม่ใช่พวกของตนจึงพ่นควันพิษเข้าใส่พระเถระฝ่าย
พระโมคคัลลานะเถระก็เข้าเตโชกสิณบังหวนควันไฟให้กลับไปทำอันตรายแก่พญานาคทั้งพระโมคคัลลานะ
เถระและพญานาคต่างก็พ่นควันพ่นไฟเข้าใส่กันจนเกิดแสงรุ่งโรจน์โชตนาการ พิษควันไฟไม่สามารถทำอัน
ตรายพระโมคคัลลานะเถระได้เลย แต่ทำอันตรายแก่พญานาคฝ่ายเดียว อัคคิทัต กับบริวารมองดูแล้วคิดตรง
กันว่า พระเถระคงจะมอดไหม้ในกองเพลิงเสียแล้ว พร้อมทั้งคิดว่า สาสมแล้ว เพราะเราห้ามแล้วก็ไม่ยอมเชื่อฟัง
รุ่งเช้า อัคคิทัตกับบริวารเดินมาดู ปรากฏว่าพระเถระนั่งอยู่บนกองทราย โดยมีพญานาค
ขดรอบกองทรายแล้วแผ่พังพานอยู่เหนือศีรษะ พระเถระจึงพากันคิดว่า น่าอัศจรรย์ สมณะนี้มี
อานุภาพยิ่งนัก
ขณะนั้น พระผู้มีพระภาคเสด็จมาถึง พระมหาโมคคัลลานเถระ จึงลงจากกองทรายแล้ว
เข้าไปกราบบังคมทูลอาราธนาให้เสด็จปะทับนั่งบนกองทรายแล้วกล่าวกับอัคคิทัตว่า พระพุทธ
องค์ เป็นศาสดาของข้าพเจ้า ๆ เป็นสาวกของพระพุทธองค์
ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาค ทรงแสดงพระธรรมเทศนาให้อัคคิทัต พร้อมทั้งบริวารเลิกละ
การเคารพบูชาภูเขา ป่า ต้นไม้ และจอมปลวก เป็นต้น ที่พวกตนพากันเคารพบูชาว่าเป็นที่พึ่ง
อันเกษมสูงสุด ให้หันมาระลึกถึงพระรัตนตรัยคือ พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ อันเป็น
สิ่งประเสริฐสุดนำไปสู่การพ้นทุกข์ทั้งปวง
เมื่อจบพระธรรมเทศนา อัคคิทัต และบริวารได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ด้วยกันทั้งหมด
แล้วกราบทูลขอบรรพชาในพระพุทธศาสนา พระบรมศาสดาได้ประทานให้ด้วยวิธีเอหิภิกขุ
อุปสัมปทา
ขอขอบคุณที่มา...http://www.84000.org/