ฐานพระธาตุเจดีย์ศรีมุกดานาคาพิทักษ์ ก่อนบูรณะ
ตถตาอาศรม ริมฝั่งโขง
๓ ตุลาคม ๒๕๕๓
.....รอยทาง.....
ตื่นนอนตั้งแต่ตีสามกว่าๆ ซึ่งเป็นเวลาปกติที่จะตื่นอยู่แล้ว
เขานิมนต์ไปพักที่บ้านโยม ซึ่งห่างจากบ้านที่ตั้งศพประมาณ ๑๐๐ เมตร
รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาแล้ว นอนกำหนดจิตภาวนาดูกายต่อ ไม่สะดวกที่จะลุกขึ้น
มาไหว้พระสวดมนต์ หรือนั่งสมาธิ เพราะสถานที่ไม่อำนวย จึงใช้การนอน
ดูกาย ทำกายคตานุสติ พิจารณาร่างกายแทน ประมาณตีสี่กว่าำ ญาติโยม
พากันตื่น จึงได้เปิดไฟขึ้นมานั่งพิมพ์งาน เสร็จเอาใกล้จะสว่าง ทำภาระกิจ
ส่วนตัวเสร็จแล้ว เจ้าภาพมานิมนต์ไปฉันเช้า แต่ปฏิเสธไปเพราะว่าฉันมื้อเดียว
เอาไว้เพลก็แล้วกัน เจ้าภาพจึงถวายกาแฟ น้ำเต้าหู้กับขนมปังแทน นั่งคุยกับ
ญาติโยมจนกระทั่งใกล้เที่ยงจึงได้ฉันเพล เสร็จแล้วไปเป็นเจ้าภาพสวดมาติกาบังสกุล
จูงศพออกจากบ้านไปวัด เป็นเจ้าภาพถวายกัณฑ์เทศน์หน้าไฟ พิธีฌาปนกิจเสร็จ
เวลาประมาณ ๑๔.๐๐ น. กลับมาเก็บของที่บ้านโยมที่ไปจำวัตร ออกจาก อ.โนนดินแดง
เวลาประมาณ ๑๔.๓๐ น. เปลี่ยนเส้นทางใหม่ ใช้เส้นทาง โนนดินแดง- ประคำ-นางรอง
ประโคนชัย-ปราสาท-สุรินทร์-จอมพระ-ท่าตูม-สุวรรณภูมิ-พนมไพร-ยโสธร-ทรายมูล
กุดชุม-ไทยเจริญ-เลิงนกทา-นิคมคำสร้อย-มุกดาหาร ระยะทาง ๔๐๐กิโลเมตรกว่าๆ
เจอฝนมาตลอดทางและเป็นเวลาเย็น คนเลิกงาน จึงทำความเร็วไม่ได้ ต้องวิ่งมาช้าๆ
ถึงวัดเวลาประมาณสามทุ่มกว่าๆ โยมจากจันทบุรีโทรฯมา บอกว่ากำลังเดินทางมาที่วัด
ซึ่งจะถึงวัดทุ่งเว้าเวลาประมาณตีสองกว่าๆ จึงไม่กล้าจำวัตรเพราะกลัวจะหลับยาวหลับลึก
เพราะนั่งรถมานาน จึงหาอะไรทำไปเรื่อยๆเพื่อที่จะรอโยมจากจันทบุรี โยมมาถึงตีสองตรง
จัดที่พักให้ญาติโยมแล้ว จึงเข้าจำวัตรเวลาประมาณ ตีสองกว่าๆ
.....รอยธรรม.....
สิ่งสำคัญที่ญาติโยมขาดหายไปนั้น คือความมั่นใจในตนเอง ขาดความเชื่อมั่น
ทุกคนมีพลังอยู่ในตัวเองกันทุกคน เพียงแต่บางครั้งนำมาใช้ไม่เป็น จึงต้องหาที่พึ่งทางใจ
พึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ วัตถุมงคล ครูบาอาจารย์ เพื่อเพิ่มความมั่นใจและสร้างขวัญกำลังใจให้แก่ตน
และสิ่งที่จะเสริมศรัทธา ความเชื่อมั่นให้แก่เขาได้นั้น มันต้องเป็นสิ่งที่จับต้องได้และเห็นได้
ด้วยตาเนื้อ เขาจึงจะเชื่อและศรัทธา จึงจำเป็นต้องใช้พิธีกรรมและวัตถุมงคลเป็นตัวนำ เอามาใช้
เป็นกุศโลบาย ในการสร้างขวัญและกำลังใจให้แก่เขา เพราะการให้ธรรมะล้วนๆนั้นมันเป็นสิ่งที่
ไม่สามารถเห็นผลได้ในทันที่ มันยังเป็นเพียงรูปธรรม ต้องนำไปปฏิบัติให้เป็นรูปธรรมเสียก่อน
จึงจะเห็นผล และบุคคลนั้นต้องมีพื้นฐานในทางธรรมมาก่อนด้วย จึงจะเข้าใจและง่ายต่อการแสดงธรรม
วัตถุมงคลและพิธีกรรมจึงเป็นเบื้องต้นที่จะทำให้คนนั้นสนใจศรัทธาและเข้าหา จึงเป็นสิ่งที่ทิ้งไม่ได้
จำเป็นต้องมีและต้องทำ แต่ต้องไม่เข้าไปยึดติดจนกลายเป็นความงมงาย และไม่ใช้ที่สุดของการปฏิบัติธรรม
ซึ่งเรื่องนี้ได้เคยสนทนาธรรมกับพระสายปฏิบัติสายที่เรียกตัวเองว่า " สายปัญญา " อธิบายให้ท่านเข้าใจ
ว่าทำไมจึงต้องมีพิธีกรรมและวัตถุมงคล จนท่านจำนนด้วยเหตุผลไม่มีข้อโต้เถียงและข้อสงสัย เพราะได้บอกถึงเจตนา
ในการกระทำนั้นๆ เพราะต้องการสร้างขวัญและกำลังใจให้แก่ญาติโยม สร้างความเชื่อมั่นศรัทธาในตัวของเขาเอง
และศรัทธาในบุญกุศลให้แก่เขา เพราะว่าศรัทธานั้นคือบ่อเกิดแห่งความสพเร็จในทุกสิ่ง แม้แต่ มรรคผล นิพพาน
ก็ต้องผ่านและส่งด้วยศรัทธา...
.....รอยกวี.....
นั่งเรียงร้อย ถ้อยคำ นำมาเขียน
ตั้งใจเพียร สืบสาน ซึ่งงานศิลป์
ทั้งกาพย์กลอน จารึกไว้ ในแผ่นดิน
สืบงานศิลป์ คำกวี ที่มีมา
เพื่อความเป็น เอกลักษณ์ ในงานศิลป์
ของท้องถิ่น ในชาติ เชิงภาษา
บทกวี เรียงร้อย ที่เขียนมา
เพื่อรักษา อนุรักษ์ ภาษาไทย
บทกวี ชี้ทาง สว่างจิต
ให้ครวญคิด ปรับจิต ให้คิดใหม่
ถึงแนวทาง ชีวิต ที่เป็นไป
จึงแฝงไว้ ด้วยธรรมะ คละเคล้ากัน
สอนให้มี จิตสำนึก ระลึกรู้
ให้มาดู ต้นเหตุ แห่งปัญหา
เป็นแนวทาง เจริญจิต ภาวนา
เพื่อนำพา ชีวิต ไม่ผิดทาง
เพราะโลกนี้ สับสน และวุ่นวาย
มีมากมาย ปัญหา เป็นตัวอย่าง
สอนให้คิด ปล่อยปละ และละวาง
เพื่อออกห่าง จากทุกข์ ที่วุ่นวาย
ให้ใจนั้น สงบ พบทางสุข
ออกจากทุกข์ นั้นคือ สิ่งมุ่งหมาย
อยากจะให้ ทุกคน นั้นสบาย
ให้ทุกข์หาย หมดโศก หมดโรคภัย
ให้ใจนั้น มีธรรม นำกุศล
จะส่งผล ให้จิต นั้นแจ่มใส
มีความสุข ทั้งภายนอก และภายใน
เพราะสุขใน ทางธรรม ล้ำเลิศเอย....
ด้วยความปรารถนาดีและไมตรีจิต
รวีสัจจะ-สมณะไร้นาม
๓ ตุลาคม ๒๕๕๓ เวลา ๑๐.๔๓ น. ณ ศาลาน้อยริมน้ำโขง ชายขอบประเทศไทย