ยันต์ออมน้ำ
ตถตาอาศรม ริมฝั่งโขง
๒๔ ตุลาคม ๒๕๕๓
....รอยทาง....
ตื่นเช้ากว่าปกติ เพราะเป็นพระใหญ่และเป็นวันปวารณาออกพรรษา ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑
ไหว้พระสวดมนต์ทำวัตรเช้าที่บนศาลาที่พักเสร็จแล้ว ลงไปช่วยกันจัดสถานที่ในโบสถ์ในศาลาการเปรียญ
ช่วยกันกวาดวิหารลานวัด เวลา๐๗.๓๐ น. เริ่มพิธีนำญาติโยมไหว้พระสวดมนต์ทำวัตรเช้าเสร็จแล้วไหว้พระ
รับศีล สวดบทถวายพรพระให้ญาติโยมตักบาตรกัน แล้วจึงถวายสังฆทาน นำญาติโยมกล่าวคำอธิษฐานจิต
อุทิศทาน แผ่เมตตา ขอขมา ขออโหสิกรรม กล่าวสัมโมทนียกถา เสร็จแล้วจึงให้พร แล้วจึงฉันภัตราหาร
เป็นอันเสร็จพิธีในภาคเช้า ตอนสายๆลงไปซักผ้าจีวร สบง อังสะและผ้าห่มเพื่อเตรียมไว้ต้อนรับลมหนาว
ที่ใกล้จะมาถึง ซักผ้าตากผ้าเสร็จ ลงไปช่วยกันขุดหลุมเสาที่สรงน้ำพระ ผสมปูนเทรองพื้นก้นหลุมซึ่งกว่า
จะเสร็จก็เวลาใกล้ค่ำ สรงน้ำเสร็จตีระฆังไปรวนกันที่ใพระอุโบสถ สวดมนต์ทำวัตรเย็น เสร็จแล้วจึงสวดบท
บุพรกิจปวารณาออกพรรษา ว่ากล่าวตักเตือนกันตามธรรมตามวินัย นำขอขมา ขออโหสิกรรมซึ่งกันและกัน
เสร็จแล้วจึงกลับขึ้นศาลาที่พักมาเจริญจิตตภาวนาต่อ จนถึงเที่ยงคืน จึงได้จำวัตรพักผ่อน
.....รอยธรรมบทอำลา.....
เขียนบันทึก รอยทางและรอยธรรม มาครบ ๙๐วัน คือตลอดทั้งพรรษาโดยมิได้ว่างเว้น
เขียนไว้เพื่อเป็นบันทึกเตือนความทรงจำของตนเอง ว่าในเวลาที่ผ่านมานั้น เราทำอะไรมาบ้าง คิดอย่างไร
มีความรู้และความเข้าใจในขณะนั้นเป็นอย่างไร เพราะเมื่อวันเวลาผ่านไป สิ่งที่เราได้บันทึกไว้มันคือตำนาน
ให้คนรุ่นหลังได้เอามาเป็นแบบอย่าง ในการดำเนินชีวิต ในการคิดและการกระทำ เพื่อจะได้นำไปปรับใช้กับ
ชีวิตประจำวันของตน ขอขอบคุณและอนุโมทนากับทุกผู้ทุกคนที่ได้เข้ามาอ่านบทบันทึก รอยทางและรอยธรรม
ซึ่งบางท่านก็ได้ติดตามงานเขียนนั้นมาโดยตลอดตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ปี ๒๕๕๒ ซึ่งได้เขียนบทความ บทกวี
และตอบคำถามต่างๆมามากมายรวมแล้วพันกว่าครั้ง ซึ่งงานเขียนที่ผ่านมานั้นได้เขียนครอบคลุมไว้เกือบทุกเรื่อง
ไม่ว่าจะเป็นธรรมะเพื่อการปฏิบัติ การดำเนินชีวิต หลักการคิดทั้งในทางโลกและทางธรรม หรืออีกหลายเรื่องทั่วๆไป
ได้เขียนไว้และเป็นคำตอบให้แก่ผู้ที่สงสัยได้มากมาย ถ้าท่านต้องกลับไปย้อนอ่านดู เพราะบทความธรรมะนั้น
จะเดินไปข้างหน้าเรื่อยๆ ท่านต้องไปดูที่มาของธรรมะนั้น ว่ามีเหตุมีปัจจัยเป็นมาอย่างไร จึงได้มีทัศนะความคิดเห็น
อย่างเช่นทุกวันนี้ เพราะว่าหลังจากออกพรรษาแล้ว จะต้องเดินทางบ่อยครั้ง ซึ่งอาจจะทำให้ไม่สะดวกในการที่จะเขียน
บทความบทบันทึกต่่างๆ อาจจะเว้นว่างไปตามจังหวะเวลาและโอกาส เท่าที่สามารถจะทำได้ และสำหรับผู้ที่สนใจใน
การประพฤติปฏิบัติหรือมีปัญหาข้อสงสัยในเรื่องต่างๆ ทั้งในทางโลกและทางธรรม ในชีวิตครอบครัว ในธุรกิจการงาน
ก็สามารถที่จะฝากคำถามไว้ที่ข้อความส่วนตัวได้ ซึ่งเมื่อมีเวลาก็จะมาตอบให้ แต่บางครั้งอาจจะช้าไปบ้างแล้วแต่โอกาส
(ถามได้ทุกเรื่อง ตอบได้ทุกเรื่องที่ไม่ผิดธรรมวินัย ) สุดท้ายนี้ขอความสุขสวัสดี ความมีสิริมงคล ทั้งลาภและผล ความสุข
ความสำเร็จ ความเจริญทั้งหลาย ขอให้บังเกิดแก่ท่านและครอบครัวตลอดไปเทอญ...
.....รอยกวี.....
วันเวลา ผ่านไป ไม่หยุดนิ่ง
สรรพสิ่ง เกิดดับ และลับหาย
ผ่านเรื่องราว หลายหลาก และมากมาย
บทสุดท้าย งานเลี้ยง ย่อมเลิกลา
ชีวิตเรา มีทั้งเศร้า และทั้งสุข
บางครั้งทุกข์ เพราะใจ นั้นใฝ่หา
หลงผิดไป ในกิเลส และอัตตา
เพราะตัณหา ความอยาก ที่มากมาย
เมื่อพบทุกข์ ควรหันมา เข้าหาธรรม
เพื่อจะนำ จิตสู้ สู่ความหมาย
เพื่อวางจิต วางใจ ให้ผ่อนคลาย
จิตสบาย กายสุข ก็เห็นทาง
เมื่อจิตโปร่ง โล่งเบา เอาจิตรู้
และตามดู จิตนั้น อยู่มิห่าง
เมื่อเห็นกาย เห็นจิต ก็เห็นทาง
เมื่อจิตว่าง ก็เห็นธรรม กำหนดไป
รู้อะไร ไม่สู้ รู้กายจิต
รู้ความคิด ของตน ตั้งต้นใหม่
มาดูกาย มาดูจิต มาดูใจ
ทำอะไร คิดอะไร ให้รู้ทัน
มีสติ ระลึกรู้ อยู่ทั่วพร้อม
แล้วก็น้อม นำจิต คิดสร้างสรรค์
อยู่กับธรรม ให้รู้ ปัจจุบัน
เมื่อรู้ทัน ก็ไม่หลง มั่นคงไป
จงศรัทธา ในความดี ที่มีอยู่
และเรียนรู้ พัฒนา หาสิ่งใหม่
เพื่อให้ธรรม ก้าวหน้า ยิ่งขึ้นไป
แล้วจะได้ พบสุข ไม่ทุกข์ทน
สุขในธรรม ล้ำค่า หาใดเปรียบ
ไม่อาจเทียบ กับสุข ในทุกหน
เป็นความสุข ที่รู้ได้ เฉพาะตน
ต้องฝึกฝน ภาวนา หาให้เจอ...
...............................................
ด้วยความปรารถนาดีและไมตรีจิต
รวี สัจจะ-สมณะไร้นาม
๒๔ ตุลาคม ๒๕๕๓ เวลา ๑๑.๑๗ น. ณ ศาลาน้อยริมน้ำโขง ชายขอบประเทศไทย