ผู้เขียน หัวข้อ: 'อาหารใจคือสงบ' พระมานะ อตุโล  (อ่าน 2327 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ทรงกลด

  • ผู้อาวุโส
  • *****
  • กระทู้: 2199
  • เพศ: ชาย
  • ศิษย์หลวงโด่ง.....
    • ดูรายละเอียด
'อาหารใจคือสงบ' พระมานะ อตุโล

วันพุธ ที่ 16 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา 0:00 น


'อาหารใจคือสงบ' พระมานะ อตุโล

"หลวงปู่ศรี มหาวีโร”  พระสายกรรมฐานในวัย 94 ปีแห่งวัดประชาคมวนาราม (วัดป่ากุง) อ.ศรีสมเด็จ จ.ร้อยเอ็ด  ศิษย์หลวงปู่มั่นอีกท่าน ถือเป็นศิษย์รุ่นน้องหลวงตาบัว ญาณสัมปันโน  หลวงตาบัวมุ่งให้คนศรัทธาในพุทธศาสนา เรื่องศีล สมาธิ ปัญญา และช่วยเหลือแผ่นดินด้วยการรับบริจาคทองคำช่วยชาติอันเป็นผลงานของพระสาย ปฏิปทาน่าสรรเสริญ  ไม่ต่างจากหลวงปู่ศรี แม้ในวัยนี้ท่านจะอยู่ในวัยชรามากแล้ว แต่ก่อนหน้านั้นท่านมุ่งนำแก่นของศาสนาสู่ผู้คนเฉกเช่นหลวงตาบัว หากแต่การมุ่งแทนคุณแผ่นดินของท่านคือการสร้างป่า  และอนุรักษ์ป่าพร้อม ๆ กับถ่ายทอดแนวคิดสู่พระลูกศิษย์ของท่านเอง
  
พระอาจารย์ มานะ อตุโล ลูกศิษย์หลวงปู่ศรี ผู้ยึดแนวทางของหลวงปู่ศรี ท่านเดินทางนำธรรมะไปให้เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจไม่เฉพาะคนไทยในผืนแผ่นดิน ไทย แม้แต่คนไทยต่างแผ่นดิน  ท่านเผยแผ่ธรรมะอยู่ในฮ่องกง 8 ปี พร้อมกับสร้างวัดตามคำสั่งของหลวงปู่ศรี
  
“ตอนนั้นมีคนบอกว่าจะถวายวัดให้หลวงปู่ศรีที่ฮ่องกง  จึงนิมนต์ท่านไปดู ท่านก็พิจารณาของท่าน  ท่านก็มาหาอาตมาบอกว่าจะพาไปดูวัด  พอวันกลับก็สั่งให้ทุกคนเก็บของ อาตมาก็เตรียมเอากระโถนของหลวงปู่ไปล้าง ท่านก็บอกหยุด ให้เราอยู่ที่นี่ เราก็แปลกใจเพราะภาษาอะไรก็ไม่ได้ กฎหมายก็ไม่รู้ ท่านบอกให้อยู่สร้างวัดเพราะญาติโยมคนไทยเยอะมาก วัดที่อยู่ในฮ่องกงเป็นบ้านเช่าอยู่บนเขา ท่านก็ไม่พูดอะไรมาก บอกให้อยู่เลย เงินที่ญาติโยมทอดผ้าป่า มี 40,000 ท่านให้อาตมา บอกว่าให้สร้างวัด”
  
พระอาจารย์มานะเล่าว่า เงิน 40,000 ที่มีอยู่น้อยมากหากคิดว่าจะซื้อที่สร้างวัดที่ฮ่องกง โดยพยายามหาวัดอยู่  4 ปี ดำรงชีวิตอยู่อย่างประหยัดที่สุดเงินที่หลวงปู่ศรีให้ไว้ไม่เคยนำออกมาใช้ แม้กระทั่งนำไปซื้ออาหาร หากไม่มีคนมาใส่บาตรให้ ก็ไม่ฉัน คิดว่าตอนสมัยธุดงค์ไม่ฉัน 15 วันก็ไม่ตาย เรื่องหาวัด ได้รับความช่วยเหลือจากท่าน รัฐกิจ มานะทัต เอกอัครราชทูตไทย จนมาได้เจอวัดร้าง เป็นวัดเต๋าปล่อยทิ้งไว้ 20 ปี  ได้กลุ่มแม่บ้านไทยที่ไปทำงาน    ที่นั่นมาช่วยบูรณะทำความสะอาด จึงเป็นวัดขึ้นมา ชื่อว่า “วัดพุทธธรรมาราม” หลวงปู่ศรีท่านเป็นคนตั้งให้ ตอนนี้มีอายุ 10 ปีแล้วในฮ่องกง
  
“ท่านกงสุลก็พยายามประสานรัฐบาลฮ่องกงให้หาที่สร้างวัดให้ เพื่อจะเป็นศูนย์รวมใจ เพราะเราเห็นชีวิตคนไทยที่โน่นแล้วสลดใจ โยมคนไทยส่วนมากไปทำงานเป็นแม่บ้าน แต่พอวันหยุด เขาจะไปรวมตัวกันที่สะพาน บนสะพานมีคนไทยรวมกันอยู่เป็นหมื่น ทั้งเล่นไฮโล เล่นการพนัน  เพราะไม่มีที่ไป วันอาทิตย์เป็นวันที่เจ้านายอยู่บ้าน คนไทยที่ไปทำงานก็ต้องออกจากบ้านด้วย รัฐก็หาที่ให้อยู่บนตึก แต่เราบอกว่าไม่ได้เพราะคนมาทำบุญเยอะตึกรับไม่ไหว หามา 4 ปี บอกบุญไปเรื่อย ๆ จนมาเจอวัดร้าง” พระอาจารย์มานะย้อนถึงประสบการณ์การสร้างวัด
  
เมื่อวัดไทยในฮ่องกง สำเร็จ พระอาจารย์มานะได้เดินทางไปมาระหว่างฮ่องกงกับ จ.เชียงราย มาสร้างวัดป่า ใน อ.แม่จัน ราว 300 ไร่ ใน จ.ขอนแก่น ก็เช่นกัน  ได้สร้างวัดป่ามหาลัย หรือวัดป่าโนนม่วง ซึ่งติดกับมหาวิทยาลัยขอนแก่น แต่เดิมเป็นไร่มันสำปะหลัง   ต้องเข้าเป็นแนวร่วมเชิญชวนชาวบ้านมาช่วยปลูก ใช้เวลา 4 ปี พื้นที่นั้นเริ่มเขียว เต็มไปด้วยไม้มะค่า ไม้ประดู่  ซึ่งแต่ละที่เป็นคำสั่งของหลวงปู่ศรี เมื่อเห็นว่าพื้นที่อยู่ตัวแล้ว จะเรียกพระที่เป็นนักบุกเบิกพื้นที่กลับ แล้วให้พระท่านอื่นไปรักษาการแทน  ปัจจุบันพระลูกศิษย์สายหลวงปู่ศรีมีนับ 1,000 รูป
  
“วัดสายหลวงปู่ศรี มีสาขาประมาณ 150 วัด วิธีการสร้างป่าเอาชาวบ้านมาปลูกป่ามารับผิดชอบร่วมกัน  เมื่อรักษาแล้วลูกหลานเห็นเขาจะภูมิใจว่านี่คือผลงานที่รุ่นพ่อแม่สร้างไว้  ญาติโยมเขามากันเองเราไม่มีค่าจ้างให้ มาด้วยศรัทธาทำด้วยใจ วัดสร้างป่าได้ พระกับผีเท่านั้นที่จะรักษาป่า ที่ไหนผีดุคนไม่กล้าตัดต้นไม้ พระก็ช่วยปลูกฝังให้คนเข้าช่วยกันปลูกต้นไม้ เมื่อปลูกแล้วเขาก็จะรักษา เงินที่ญาติโยมถวายมา เราก็นำไปปลูกต้นไม้หมด” พระอาจารย์มานะบอกถึงวิธีการสร้างป่า
    
ปัจจุบัน พระอาจารย์มานะได้มาบุกเบิกพื้นที่สวนมะขามร้างกว่า 312  ไร่ในบ้านสวนปอ ต.แก่งศรีภูมิ อ.ภูหลวง จ.เลย  ให้เป็นวัดป่าอีกแห่งมาตั้งแต่เดือน ก.พ.ในปี 2553 หลังจากผู้มีจิตศรัทธาชาวฮ่องกงบริจาคเงินซื้อที่ดินถวาย  แม้ยังไม่ประกาศเป็นวัดอย่างเป็นทางการ แต่ชาวบ้านก็ขึ้นชื่อป้ายให้ว่า “วัดป่าศรีภูหอ” ขณะนี้ก่อสร้างอาคารที่พักสงฆ์ และศาลาปฏิบัติธรรมต่าง ๆ เสร็จสิ้นหมดแล้ว รวมทั้งการปลูกต้นไม้บนพื้นที่กว่า 312 ไร่เดินหน้าไป 100 กว่าไร่ โดยมีญาติโยมจากที่อื่น ๆ มาร่วมปลูก นำต้นไม้มาถวาย ซึ่งคาดว่าภายใน 3 ปี พื้นที่สวนมะขามร้างจะแน่นขนัดไปด้วยต้นไม้
  
พระอาจารย์มานะบอกว่า พระสายกรรมฐานจะต้องใช้พื้นที่ป่า หลวงปู่ศรีท่านก็บอกว่าพระพุทธเจ้าท่านก็ประสูติอยู่ในป่า บวชอยู่ในป่า ปรินิพพานอยู่ในป่า เพราะอะไร เพราะป่าเป็นสถานที่สงบ มีบัญญัติไว้เป็นข้อ 1. ภิกษุที่อุปสมบทแล้วอยู่ในป่าต้องอาศัยบิณฑบาต 2. ถือผ้าจีวร ผ้าบังสุกุลที่เขาห่อคนตาย  เอามาตัดย้อมต้องตัดเอง เย็บเอง 3. ภิกษุทั้งหลายอาศัยอยู่ในป่าไม้เป็นวัด อาศัยเรือนร้าง ไม่ต้องสวยงาม เน้นให้ความสงบ ห่างจากหมู่บ้าน  พระพูดอะไร ๆ ไม่ให้ชาวบ้านได้ยิน ชาวบ้านพูดอะไรไม่ให้พระได้ยิน  คือทางที่ถูก ยิ่งห่างจากหมู่บ้านยิ่งดี  วัดนี้อยู่ห่างจากหมู่บ้าน 5 กิโล
  
ตลอดการจำพรรษาอยู่ที่วัดป่าแห่งนี้ สิ่งที่พระอาจารย์มานะพยายามสอนให้ชาวบ้านเห็นธรรมะแล้วนำไปปรับใช้ในวิถี ชีวิตด้วย  นั่นเพราะบ่อยครั้งที่ปรากฏภาพงานบุญแต่เน้นหนักเรื่องมหรสพ  เน้นเรื่องกินเป็นเรื่องใหญ่ มากกว่าที่จะทำจิตใจให้สงบ
  
พระอาจารย์มานะบอกว่า  คำสอนของพระพุทธเจ้าถ้าจะทำบุญต้องเว้นจากการฆ่าสัตว์ เว้นจากการกินเหล้า แค่ละศีล 5 ได้ก็เป็นบุญแล้ว เพราะเรื่องพิธีรีตองที่สืบต่อกันมาไม่ใช่บุญและไม่ใช่คำสอนของพระพุทธเจ้า แต่น่าเสียดายพระสงฆ์ ไม่ว่าจะอยู่เมืองนอกหรือประเทศไทย ติดอยู่ที่ประเพณีมากเกินไป นำหน้าทุกที่ เป็นเรื่องแก้ยาก เพราะทำกันมาแต่บรรพบุรุษแนวทางการทำบุญจริง ๆ คือการทำสมาธิ จะได้บุญทันตาเห็น ต่อให้ทานสัก 100 ครั้ง 1,000 ครั้งก็ไม่เท่ากับรักษาศีล 5 ได้ รักษาศีล 5 สัก 100 ครั้ง 1,000 ครั้ง ก็ไม่เท่าจิตสงบ สงบคือการวางจากความคิดปรุงแต่งทั้งหมด เท่านี้ก็ได้บุญมหาศาลแล้ว บุญมันจะเกิดขึ้นในใจของเราคือความปีติ และความสุขที่มันจะเกิดขึ้นเมื่อเราสงบ นี่แหละเรียกว่าอาหารใจ เมื่อใจมีอาหารก็มีพลัง มีความคิด มีปัญญาดี ช่วงนี้จะเกิดสติมา สติเป็นเรื่องสำคัญ เพราะมันควบคุมดูแลหัวใจของเรา เหล่านี้คือ “อาหารใจ” ของทุกคนทำได้ ไม่ว่าผู้หญิง ผู้ชาย
  
“ธรรมดาใจของเราต้องการอาหารชนิดหนึ่งแต่ส่วนใหญ่คนมองแค่อาหารของร่างกาย ก็วิ่งเต้นเพื่ออาหารร่างกายอย่างเดียว แต่ไม่นึกถึงอาหารใจ อาหารใจคือความสงบ ถ้าใจสงบเท่ากับมีอาหารที่ดีของใจ ถ้าเราทำใจให้สงบได้สักนิดก็มีค่ามหาศาล ใจสงบแค่ดูลมหายใจเข้าออก หยุดความคิด ไม่ต้องคิดว่าจะเป็นอย่างนั้นจะเป็นอย่างนี้ ไม่ต้องไปคาดหวังอะไรทั้งนั้น มีหน้าที่ดูลมอย่างเดียว คือจิตมันจะอยู่ตรงนั้นที่ดี” พระอาจารย์มานะบอกถึงวิธีให้อาหารใจ อันเป็นวิธีเดียวในการตรัสรู้ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะการดูลมหายใจเป็นหลัก.

พรประไพ เสือเขียว
article@dailynews.co.th

http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryID=671&contentID=121340
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17 ก.พ. 2554, 06:30:40 โดย ทรงกลด »
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว....ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา...สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา...กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

ออฟไลน์ ทรงกลด

  • ผู้อาวุโส
  • *****
  • กระทู้: 2199
  • เพศ: ชาย
  • ศิษย์หลวงโด่ง.....
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: 'อาหารใจคือสงบ' พระมานะ อตุโล
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: 02 มี.ค. 2554, 12:15:46 »
ในหนังสือ  ยิ่งกว่าสุขเมื่อจิตเป็นอิสระ ของ ดร.สนอง  วรอุไร
กล่าวถึง อุบายทำให้จิตสงบ 10 ประการ  ดังนี้


1. มักน้อย 
ในฐานะที่เป็นผู้ปฏิบัติเราต้องมักน้อย  ปรารถนาน้อย
เหมือนพระที่พอใจในอัฐบริขารเพียง 8 ประการ 
เมื่อมักน้อยแล้วจิตจะนิ่งง่าย 
เพราะสิ่งกระทบใจให้เกิดความโลภ โกรธ หลงลดน้อยลง 

ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือการกิน  หากรู้จักกินอย่างพอดี
เพียงแค่พอให้ร่างกายนี้อยู่ได้เพื่อปฏิบัติธรรม 
ความอิ่มที่พอดีย่อมจะเกื้อกูลการปฏิบัติ 
ไม่ใช่สร้างความง่วงเหงาหาวนอนมาขัดขวาง 
เหมือนกับการกินจนพุงกางด้วยความมักมาก 
หรือติดใจในรสชาติแล้วกินมากจนเกินอิ่ม



2. สันโดษ 
หากต้องการให้จิตสงบต้องสันโดษ  คือ รู้จักพอ 
พอใจในสิ่งที่ตนเป็น ตนมี ตนได้รับ  ทำเต็มที่เท่าที่จะทำได้ 
แต่พอใจกับผลที่ได้รับ แล้วจิตจะสงบ  มีความสุข ไม่ว้าวุ่น ไม่ดิ้นรน




3. ความสงัด   
พยายามหาโอกาสอยู่ในที่ที่สงบเงียบ  สงัดกาย สงัดใจ 
เหมาะแก่การประพฤติปฏิบัติ  แล้วจะทำให้จิตสงบได้ง่ายขึ้น 
ด้วยเหตุนี้  พระธุดงค์จึงเลือกที่จะออกไปสู่ป่าเพื่อหาที่สงัด 
เหมาะแก่การปฏิบัติธรรม



 ...   
4. ปลีกตัวออกจากหมู่คณะ 
ที่บางคนเรียกว่าการปลีกวิเวกนั้น 
สามารถสร้างความสงบให้เกิดขึ้น 
และช่วยเพิ่มพลังสติ สมาธิ 
และปัญญาให้มากขึ้นได้ 
หากต้องการประพฤติปฏิบัติธรรม
ให้ได้มรรคผลก้าวหน้า 
จึงต้องพยายามปลีกตัวอยู่ห่างจากหมู่คณะ 
เพื่อจะได้ไม่ต้องพูดคุยและทำในเรื่องที่ไร้สาระ 
กระตุ้นให้เกิดกิเลสตัณหา
ที่จะทำให้พลังจิตอ่อนลง 
จิตจึงสงบยาก



5. ความเพียร 
เป็นตัวการสำคัญที่นำไปสู่ความสำเร็จทุกประเภท 
ความเพียรจึงเป็นองค์ประกอบของหลักธรรมที่เกี่ยวข้องกับความสำเร็จ
อย่างอิทธิบาท 4 สัมมัปปธาน 4 และพละ 5 
ซึ่งเป็นหลักธรรมสำคัญที่ผู้ปฏิบัติพึงนำมาใช้ในการฝึกฝนตนเอง 
ฉะนั้น  หากต้องการให้จิตสงบเพื่อความก้าวหน้าในมรรคผล 
จึงต้องเจริญความเพียรให้มาก


6. ศีล
อย่างที่กล่าวไปแล้วว่า ศีลเป็นพื้นฐานของความสงบนิ่ง
และเป็นปกติของจิต



 ...    
7. สมาธิ 
เมื่อฝึกฝนจนเกิดเป็นสมาธิแล้ว 
ต้องรู้จักนำสมาธิแต่ละชนิด
ไปใช้ให้เกิดประโยชน์และเกื้อกูล
ต่อการประพฤติปฏิบัติ 
เช่น  ใช้ขณิกสมาธิเป็นพื้นฐาน
ในการศึกษาเล่าเรียน   
การทำกิจการงาน 
การสร้างสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง 

และใช้อุปจารสมาธิเป็นพื้นฐานของ
การฝึกวิปัสสนากรรมฐาน
จนเห็นสรรพสิ่งเป็นไปตามกฎไตรลักษณ์ 
และเกิดปัญญาเห็นแจ้งในที่สุด



8. ปัญญา 
เมื่อเกิดสมาธิขึ้นแล้ว  ต้องรู้จักนำปัญญาที่เกิดจากสมาธิมาพิจารณาสิ่งกระทบ
จนปัญญาญาณเห็นแจ้งเกิด  เพื่อให้จิตปล่อยวางสิ่งที่เป็นอนัตตา
ไม่มีตัวตน และสงบนิ่งอย่างแท้จริงด้วยอุเบกขา



9. ความหลุดพ้น 
เมื่อปฏิบัติแล้วต้องโยนิโสมนสิการจนกระทั่งจิตสามารถเห็นแจ้ง
ถึงความไม่เที่ยง เป็นทุกข์  และเป็นอนัตตาของสรรพสิ่ง 
แล้วความหลุดพ้นจากสิ่งเศร้าหมอง  คือกิเลสใหญ่ทั้ง 3 ตัว
คือโลภ โกรธ หลง  จึงจะเกิด  และสามารถนำจิตพ้นไปจากกิเลสที่เหลือได้



10.  ความรู้ความเห็นว่าหลุดพ้น
นั้นมีด้วยกันมากมายหลายแนวความเชื่อ 
บ้างเชื่อว่าบุคคลสามารถหลุดพ้นได้ด้วยศรัทธา 
หากศรัทธาในพระพุทธเจ้ามากพอจะหลุดพ้นได้
ก่อนตายจึงกอดพระพุทธเจ้าไว้แน่น   
เพราะเชื่อว่าตายแล้วจะได้ไปอยู่กับพระพุทธเจ้า 
โดยลืมพิจารณาไตร่ตรองให้ถี่ถ้วนว่า  จริง ๆ แล้วศรัทธาแบบนั้น
ไม่ได้ทำให้ความโลภ  ความโกรธ  ความหลง หมดไปได้เลย 
แต่กลับเป็นศรัทธาที่อยู่บนพื้นฐานของความหลงเสียเอง 
จึงยังห่างไกลนักจากความหลุดพ้น 

ในขณะที่บ้างก็เข้าใจว่า  สมาธิจะทำให้หลุดพ้นได้เหมือนอาจารย์ทั้งสองของเจ้าชายสิทธัตถะ 
คือ อุทกกดาบสและอาฬารดาบส  ซึ่งตายในอรูปฌาณสมาบัติ  ด้วยเข้าใจผิดว่านั่นคือนิพพาน



ความเข้าใจที่ผิด ๆ เกี่ยวกับความหลุดพ้น 
จึงสามารถสร้างความเสียหายที่ยิ่งใหญ่แก่ผู้ปฏิบัติ 
เพราะฉะนั้นก่อนจะเชื่ออะไร  จึงต้องอาศัยปัญญาโยนิโสมนสิการพิจารณาให้ถ่องแท้เสียก่อน 
อย่าเชื่อโดยไม่ได้พิสูจน์ด้วยการประพฤติปฏิบัติจนเห็นจริงด้วยตนเอง


ออฟไลน์ ทรงกลด

  • ผู้อาวุโส
  • *****
  • กระทู้: 2199
  • เพศ: ชาย
  • ศิษย์หลวงโด่ง.....
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: 'อาหารใจคือสงบ' พระมานะ อตุโล
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: 02 มี.ค. 2554, 12:17:42 »
วิธีทำสมาธิแบบง่ายๆ

              ทำสมาธิ   เพื่อให้จิตใจสงบ มีพลัง มีประโยชน์ในปัจจุบันคือทำให้ใจสบาย คลายทุกข์ (ไม่ต้อง ใช้เงิน)
หนักแน่น มั่นคง อารมณ์แจ่มใสเบิกบาน สมองแจ่มใส ความจำดี ทำงานมีประสิทธิภาพ สุขภาพดี นอนหลับสบาย
รักษาโรคได้หลายอย่าง เรียนหนังสือเก่ง ที่สำคัญคือ " ได้บุญมาก "

ทำสมาธิเช้ามืดดีมาก

    วิธีทำสมาธิ  ทำได้หลายวิธี สะดวกที่สุดคือวิธีกำหนดลมหายใจ (อาณาปาณสติ)
เพราะเรา หายใจอยู่แล้ว ทำได้ทุกเวลา ทุกสถานที่ ทุกอริยาบท แม้ยืน-นั่ง-นอนบนรถ


...   ท่านั่งดีที่สุด

- นั่งขัดสมาธิแบบพระพุทธรูป
 
- เท้าขวาทับซ้าย มือขวาทับซ้าย ตัวตรง หน้าตรง

- มีสติสัมปชัญญะ หลับตาตาม สบาย ไม่ต้องเกร็ง ไม่ต้องข่มตา ทำใจให้สบายที่สุด

- รวมความรู้สึกทั้งหมดไปอยู่ที่ปลายจมูก

- พยายามรู้ที่ลม หายใจ ลมหายใจเข้าก็รู้ ลมหายใจออกก็รู้ เพียงแต่รู้เฉยๆ

- ไม่ต้องปรับแต่งลมปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ

- สิ่งที่ทำหน้าที่รู้คือ ให้จิตรู้เฉยๆ   [/b]   

ทำดังนั้นเรื่อยไปตามปรารถนา 5 - 10 - 20 นาที     
หมั่นทำบ่อยๆ   ถ้า จิตบริสุทธิ์จะเกิดสมาธิได้เร็ว   
เด็ก 6 - 12 ขวบสามารถทำให้เกิดสมาธิได้ใน 10 - 15 นาที

             เมื่อจิตเริ่มสงบลง มือจะรู้สึกอุ่นขึ้น จะรู้สึกกายเบา มือเบา
จะรู้สึกเริ่มสว่างขึ้น อาจรู้สึกขนลุกชันขึ้น
บางคนจะรู้สึกหลับ (เพราะสติตามไม่ทัน) เมื่อจิตสงบมากขึ้นจะรู้สึกตัวลอย
บางคนจะรู้สึกตัว โยกโคลง อาจรู้สึกน้ำตาไหล บางคนอาจรู้สึกตัวพองหรือตัวเล็ก
คือจิตเกิดปีติหรือขั้นอุปจารสมาธิ จิตสงบ ขึ้นไปอีก
บางคนจะรู้สึกลมหายใจน้อยลงๆ คือลมละเอียดขึ้น จนที่สุดเหมือนไม่ได้หายใจ
และจะรู้สึกกาย ที่อยู่นั้นหายไป นั่นคือสมาธิถึงขั้นอัปปนาสมาธิ
อย่าสนใจภาพหรือสิ่งใดที่เกิดขึ้น สนใจแต่เพียงลมหาย ใจเท่านั้น
...
  ...   หมายเหตุ
ถ้ามึนศีรษะหรือปวดศีรษะ เอาจิตไปไว้ที่ท้ายทอยหรือสะดือ (นึกถึงท้ายทอย)
ถ้านอนไม่หลับเอาจิตไปไว้ที่ลำคอใต้ลูกกระเดือก
ถ้าต้องการเสริมสร้าง (ไอคิว) เอาจิตไปไว้ที่กลางกระหม่อม

                  * นึกถึงพุทโธบ่อยๆ โดยเฉพาะเมื่อออกนอกบ้านจะแคล้วคลาดปลอดภัย

ออฟไลน์ ทรงกลด

  • ผู้อาวุโส
  • *****
  • กระทู้: 2199
  • เพศ: ชาย
  • ศิษย์หลวงโด่ง.....
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: 'อาหารใจคือสงบ' พระมานะ อตุโล
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: 02 มี.ค. 2554, 12:46:36 »
การนอนเจริญวิปัสสนาสมาธิ - Lying meditation
[youtube=425,350]2WfgPv-bD9A[/youtube]

ออฟไลน์ ทรงกลด

  • ผู้อาวุโส
  • *****
  • กระทู้: 2199
  • เพศ: ชาย
  • ศิษย์หลวงโด่ง.....
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: 'อาหารใจคือสงบ' พระมานะ อตุโล
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: 10 มี.ค. 2554, 01:42:22 »
ดูง่าย ฟังง่าย เข้าใจง่ายและปฏิบัติได้เลย
[youtube=425,350]TeAodVZtXq4[/youtube]