ผู้เขียน หัวข้อ: ประสบการณ์ลี้ลับ…ภาค6…ปาฏิหาริย์ธาตุกายสิทธิ์และพระธาตุเสด็จ (ต่อ)  (อ่าน 3486 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ กระเบนท้องน้ำ

  • สัตตมะ
  • **
  • กระทู้: 275
  • เพศ: ชาย
  • การให้ธรรมะ ชนะการให้ทั้งปวง
    • MSN Messenger - krabentongnam2511@hotmail.com
    • ดูรายละเอียด
    • บ้านกระเบนท้องน้ำ
หลังจากภาคที่แล้ว…เอ๋ผู้จัดการร้าน…ของพี่บัติได้ธาตุกายสิทธิ์แบบลูกแก้วสีขาวใส
ซึ่งแบ่งแยกออกมาจากธาตุกายสิทธิ์ของพี่นวล

ต่อมา….หลังจากที่พี่ต๋อย และพี่นวลกลับกันแล้ว และใกล้จะปิดร้านแล้วก็ได้มี
นายผอม ซึ่งเป็นผู้ช่วยกุ๊กอยู่ในครัวและยังเป็นญาติของท่านอาจารย์ชาเข้ามาขอ
ของดีจากท่านอาจารย์ชาบ้าง

ท่านอาจารย์ชา ตอบว่าได้แต่มีข้อตกลงกันก่อนว่า จะต้องปฏิบัตินั่งสมาธิก่อน
นอนทุกวันๆละห้าถึงสิบนาทีก็ได้ จะทำได้มั้ย นายผอมก็รับคำว่าได้ด้วยความตั้งใจ

หลังจากนั้นท่านอาจารย์ชา ได้ให้นายผอมยื่นมือและให้แบฝ่ามือไว้
หลังจากนั้นท่านอาจารย์ชา ก็ใช้ฝ่ามือของท่านวางคว่ำไว้บนฝ่ามือ
ของนายผอมโดยไม่ติดกัน ซึ่งมีระยะห่างกันประมาณ 2-3 นิ้ว แล้ววนไปวนมา

หลังจากนั้นสักพักนึง เมื่อท่านอาจารย์ชา นำฝ่ามือออกก็มีพระธาตุจำนวน 1 องค์
มาอยู่บนฝ่ามือทำให้นายผอม เกิดอาการตกตะลึงและดีใจมาก

เมื่อหันมาบอกกับข้าพเจ้า และกำลังดีใจอยู่นั้นเมื่อก้มกลับลงมองบนฝ่ามืออีกครั้ง
อัศจรรย์มากกับมีพระธาตุเสด็จเพิ่มมาอีก 3 องค์รวมเป็น 4 องค์ พอรีบจะ
ห่อกระดาษและใส่ในซองพลาสติกใส่ยานั้น กับลดลงอีกเหลือแค่ 3 องค์เท่านั้น

ข้าพเจ้าจึงกล่าวว่ารีบๆ เก็บนะ แล้วอย่าลืม…
ปฏิบัติตัวตามที่ได้สัญญาและรับปากไว้กับท่านอาจารย์ชา และอย่าผิดสัญญาไม่งั้น
พระธาตุเสด็จกลับหมด อย่าลืมว่าเสด็จมาได้ก็เสด็จกลับได้เหมือนกัน

หลังจากนั้นต่อมาเมื่อปิดร้านแล้ว ข้าพเจ้าผู้เขียนก็ได้แยกย้ายกลับบ้านไป และ
เวลาประมาณ 5 ทุ่มกว่าท่านอาจารย์ชา ก็ได้โทรมาหาข้าพเจ้าถามว่า ตอนที่ยก
พานบายศรีบรมครูไปให้ท่านอาจารย์ที่ห้องนั้น เห็นอะไรผิดสังเกตุหรือไม่
ข้าพเจ้าตอบว่าไม่เห็นมี ก็ปกติดี หลังจากนั้นท่านอาจารย์ชาก็ได้เล่า…

ให้ข้าพเจ้าฟังว่าเห็นเหล็กไหลสายฟ้ามาปักเสียบอยู่ข้างเทียน บนยอดของบายศรี
พรุ่งนี้ลองเข้ามาดูว่าใช่ตัวเดิมที่หาย ไปตอนเวียนทักษิณาวัตร รอบองค์พระแก้ว
มรกตหรือไม่





เหล็กไหลสายฟ้ามาปักเสียบอยู่ข้างเทียน บนยอดของบายศรี



วันรุ่งขึ้นที่ 5 กันยายน 2554 ข้าพเจ้าได้เข้าไปดูเหล็กไหลสายฟ้า ที่ร้านรำมะนา
ค๊อฟฟี่ และได้บอกกับท่านอาจารย์ชาว่าใช่ ตัวเดิมแน่นอนเหมือนกันเปี้ยบ

ต่อมา…ตอนเย็น พี่บัติเข้ามาที่ร้าน…ท่านอาจารย์ชาจึงได้ให้พี่บัติดูและได้ถ่ายรูปไว้
เพื่อที่ข้าพเจ้าได้มีรูปภาพประกอบเรื่อง…ในภาคที่2 และภาคที่3
เพราะว่าก่อนหน้านั้นไม่ได้ถ่ายรูปเหล็กไหลสายฟ้าไว้เลย

ต่อมา…คืนนั้นเองมุกภรรยาท่านอาจารย์ชา ได้นั่งสมาธิและได้ส่งจิต ไปหาหลวงปู่
วิไลที่วัดถ้ำพญาช้างเผือก และได้เกิดเห็นนิมิตว่าธาตุกายสิทธิ์ ทุกอย่างทุกชนิด
ของมุกแตกกระจายเป็นผงไม่มีชิ้นดี

มุกตกใจและเสียใจมาก ต่อมา…ได้ยินเสียงของหลวงปู่วิไล ได้เทศน์สอนธรรม
มาว่า “ไม่มีอะไรเที่ยงแท้แน่นอน” เพียงประโยคเดียวแต่กินใจ

ต่อจากนั้นมุกก็มีความรู้สึกว่ามีอะไรหล่นมาบนมือ ที่กำลังนั่งสมาธิอยู่นั้น จึงสงสัย
และได้ถอยออกจากสมาธิและลืมตาก้มลงดู ผลปรากฏว่าเป็นธาตุกายสิทธิ์สีแดง
ขนาดเล็กรูปทรงแบบแฮมเบอร์เกอร์อยู่บนฝ่ามือ และรีบเปิดกระเป๋าดูธาตุกายสิทธิ์
สีชมพูว่ายังอยู่สภาพเหมือนเดิมหรือไม่ เมื่อเห็นว่าอยู่ในสภาพที่ดี และไม่ได้แตก
กระจายเป็นผงเหมือนในนิมิต ทำให้มุกดีใจมาก และกราบขอบพระคุณหลวงปู่วิไล
ที่ได้เมตตาสั่งสอนธรรม เพื่อให้มุกได้คิดและสะกิดใจ



ธาตุกายสิทธิ์สีแดงที่มุกได้ขณะนั่งสมาธิ


และมุกคิดว่าครั้งนี้ธาตุกายสิทธิ์คงมาจากที่พิพิธภัณฑ์ของหลวงปู่…ที่วัดเป็นแน่!!!



วันรุ่งขึ้นวันที่ 6 กันยายน 2554 เอ๋ได้มาเล่าให้ข้าพเจ้าผู้เขียนฟังในตอนเย็นๆว่า
ได้เห็นท่านอาจารย์ชา คว้าลูกแก้วขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ประมาณ 3-4 นิ้วจาก
ในอากาศมาให้ชม เห็นแล้วสวยและงดงามมาก และกำลังตกตะลึงอยู่แทบควบคุม
สติไว้ไม่อยู่ จึงไม่ได้ขอจากท่านอาจารย์ชาไว้ ลูกแก้วจึงได้หายไป…

หลังจากนั้นข้าพเจ้าผู้เขียนจึงได้สอบถามท่านอาจารย์ชาว่า ที่เอ๋เล่ามานั้นจริงเท็จ
ประการใด ท่านอาจารย์ชาเล่าว่า…

วันนี้ช่วงกลางวัน ไม่มีแขกที่ร้าน…และอยู่กับเอ๋เพียงสองคน จึงรู้วาระจิตของเอ๋
ว่าที่ทำพิธีแยกธาตุกายสิทธิ์ให้เอ๋ ครั้งก่อนนั้น เอ๋ยังไม่เชื่อเต็มร้อยเปอร์เซนต์
และเห็นว่าเป็นคนนอกศาสนาพุทธ จึงได้แสดงให้เอ๋ดูว่า ของเหล่านี้มีอยู่จริงและ
เห็นต่อหน้าต่อตาแบบนี้คงจะปฏิเสธยาก

และหวังเพื่อที่จะสอดแทรกธรรมะให้เอ๋ ได้เข้าใจเพื่อจะได้ไม่เชื่ออะไรผิดๆ แบบ
งมงาย และไม่มีเหตุผลและยังบอกกับเอ๋อีกว่าไม่ได้ให้เอ๋ เลิกนับถือศาสนาอิสลาม
หรือเปลี่ยนศาสนา มานับถือศาสนาพุทธ เพราะทุกศาสนา ต่างก็สอนให้คนเป็น
คนดีเพียงแต่ได้ชี้ให้เห็นว่าส่วนไหน และสิ่งไหนที่จะนำไปสู่ความหลุดพ้นและ
ความสุขที่แท้จริงของมนุษย์เท่านั้น

ต่อมา…ในวันที่ 7 กันยายน 2554 ข้าพเจ้าผู้เขียน ได้เข้ามาที่ร้านรำมะนา
ซึ่งเป็นร้านของพี่บัติและพี่บัติได้มอบให้ท่านอาจารย์ชาดูแล และบริหารจัดการอยู่

ได้นั่งสนทนา กับท่านอาจารย์ชาและพี่บัติ จนกระทั่งข้าพเจ้าได้เอ่ยถึงเจ้าเหล็กไหล
สายฟ้าว่าเป็นยังไงบ้าง เพื่อที่จะขอชมบารมีอีก ท่านอาจารย์ชาจึงได้บอกว่า
“มันไปเสียแล้ว” ท่านจึงได้สื่อถามเจ้าเหล็กไหลว่าเป็นเพราะอะไรถึงได้ไป มัน
ตอบมาว่าไม่อยากกลับไปที่เดิม แล้วหลังจากแยกตัวออกมา และตอนนี้มันเป็นตัว
ของตัวเองแล้ว จะไปเที่ยวที่ไหนก็ได้ และไม่มีใครเป็นเจ้าของแล้ว

เมื่อถึง…ตอนค่ำๆ ของวันนั้นเอง ได้มีพี่อู๊ดกับพี่ปุ๊ก เพื่อนที่ทำงานสมัยอยู่โตโยต้า
กับพี่เต่าเข้ามาที่ร้าน…มานั่งสนทนาและปรึกษาอยู่กับท่านอาจารย์ชา

สักพักพี่เต่าได้ตามเข้ามาที่ร้าน…และได้นั่งสนทนากัน
จนมาถึงเรื่องที่พี่เต่าได้ของดีคือธาตุกายสิทธิ์และได้เล่าเรื่องคร่าวๆที่พวกเรา…ไปได้
ของเหล่านี้มา จึงทำให้พี่อู๊ดอยากจะได้บ้าง

หลังจากนั้นข้าพเจ้ารู้สึกแปลกประหลาดคือรู้สึกเมตตาและสงสารอยากจะให้ธาตุกาย
สิทธิ์กับพี่อู๊ดมาก จึงได้ออกปากถามท่านอาจารย์ชาว่า ผมอยากจะให้ธาตุกายสิทธิ์
สีม่วงของผมแบ่งแยกให้กับพี่คนนี้จะได้มั้ย

ท่านอาจารย์ชา บอกว่าต้องลอง ให้เขาอธิษฐานจิตขอต่อธาตุกายสิทธิ์สีม่วงดู
ซึ่งข้าพเจ้าได้ตั้งชื่อธาตุกายสิทธิ์สีม่วงนี้แล้วว่า ” แก้วไชยสิทธิ์ รัตนมณี “

ต่อมา…หลังจากที่พี่อู๊ดได้ทำการอธิษฐานจิต ต่อแก้วไชยสิทธิ์แล้วนั้น ก็ได้ยื่น
ส่งให้ท่านอาจารย์ชา
ท่านอาจารย์ชา ได้นำธาตุกายสิทธิ์ลูกแก้วสีเหลือง และบอกให้นำธาตุกายสิทธิ์สี
ชมพูของมุกมาช่วยกันด้วยเพราะกำลังไม่พอ

จากนั้นท่านอาจารย์ชาได้ให้พี่อู๊ดยื่นและแบฝ่ามือไว้ ต่อจากนั้นได้นำธาตุกายสิทธิ์
ทั้งสามชนิดวางลงบนฝ่ามือของพี่อู๊ด และได้ทำลักษณะเหมือนกับทุกๆครั้งที่ผ่านมา
ต่อมาสักพักนึง เมื่อพี่อู๊ดค่อยๆ แง้มมือออกเพื่อลุ้น ผลปรากฏว่า ธาตุกายสิทธิ์สี
ม่วงได้คลอดหลานออกมาสีม่วง มีขนาดเล็ก รูปร่างลักษณะกลมแบบลูกแก้ว



ธาตุกายสิทธิ์สีม่วงที่พี่อู๊ดได้


ทำให้พี่อู๊ดทั้งตื่นเต้น อัศจรรย์ใจ และดีใจเป็นอย่างมาก ข้าพเจ้าจึงได้ข้อสังเกต
ว่าธาตุกายสิทธ์ทุกชนิดที่ผ่านมาเมื่อเวลาแบ่งแยก หรือคลอดหลานออกมาแล้วนั้น
จะมีลักษณะรูปร่างไม่เหมือนกับตัวแม่และตัวลูกเลย

ต่อมาพี่ปุ๊กเพื่อนพี่อู๊ด อยากจะได้บ้าง ท่านอาจารย์ชาจึงบอกว่าจะให้เป็นพระธาตุ…
จะเอามั้ย พี่ปุ๊กจึงได้บอกว่าเอาค๊ะ แต่จะขอให้พี่ชายไปบูชา 1 องค์ และ
สำหรับตัวเองหนึ่งองค์

ท่านอาจารย์ชา จึงให้แบฝ่ามือไว้ และได้ทำลักษณะเหมือนเมื่อครั้งที่เคยทำให้พี่
หมูและผอม หลังจากที่พี่ปุ๊กได้พระธาตุแล้ว ก็ได้ถามว่าเป็นพระธาตุขององค์ไหนค๊ะ
ท่านอาจารย์ชาเมื่อดูแล้วได้บอกว่าเป็นของพระอัญญาโกญฑัญญะ



พระธาตุที่พี่ปุ๊กได้ 2 องค์


หลังจากนั้น…เมื่อได้เวลาพอสมควรแล้ว พี่อู๊ดพี่ปุ๊กและพี่เต่า ก็ได้กราบลาท่าน
อาจารย์ชากลับบ้านไป

ต่อจากนั้นข้าพเจ้าได้สอบถามท่านอาจารย์ชาว่าข้าพเจ้าผู้เขียนมีความเกี่ยวพันอะไร
กับพี่อู๊ดในอดีตชาติหรือไม่

ท่านอาจารย์ชาได้ตอบว่าเกี่ยว ในชาติที่เจ็ดนั่นแหละที่ข้าพเจ้าเป็นขุนพลแม่ทัพอยู่
พี่อู๊ดก็อยู่ภายในเมืองและใกล้ชิดกับข้าพเจ้าพอสมควร

หลังจากนั้นท่านอาจารย์ชาได้กล่าวอีกว่าเรื่องราวทั้งหมดที่พวกเราได้มาพบเจอกัน
และได้ประสบเหตุการณ์ต่างๆที่ผ่านมานั้น    ล้วนเป็นเพราะกรรมเชื่อมโยงกันทั้งสิ้น





โปรดคอยติดตามอ่านกันต่อไปใน

ประสบการณ์ลี้ลับ…ภาค7…เหล็กไหลสายฟ้า…กลับมา
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01 ต.ค. 2554, 08:36:08 โดย กระเบนท้องน้ำ »