ผู้เขียน หัวข้อ: ขโมยของพระกับผู้หญิงหัวขาด  (อ่าน 2184 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ทรงกลด

  • ผู้อาวุโส
  • *****
  • กระทู้: 2199
  • เพศ: ชาย
  • ศิษย์หลวงโด่ง.....
    • ดูรายละเอียด
ขโมยของพระกับผู้หญิงหัวขาด
« เมื่อ: 05 ธ.ค. 2554, 08:34:49 »
ขโมยของพระกับผู้หญิงหัวขาด

หลวงลุงที่เล่าถึงนี้ท่านคือ ‘หลวงปู่ศุข’ คับ…. ง่า…. แต่ไม่ใช่หลวงปู่ศุขวัดปากคลองมะขามเฒ่านะ <<< ถ้าวัดปากคลองฯ ท่านเป็นอาจารย์ของหลวงพ่อที่เรานับถืออยู่ รู้จักเหมือนกัน แต่ไม่ใช่หลวงปู่ศุขที่กำลังกล่าวถึง (เรื่องของเรื่องคือชื่อเหมือนกันไง)

หลวงปู่ศุขหรือที่เราเรียกว่าหลวงลุง  ปัจจุบันยามนี้ท่านมรณะภาพไปนานมากแล้ว  ตอนยังมีชีวิตอยู่นั้นท่านเป็นเจ้าอาวาสอยู่ที่วัดเจริญวราราม (วัดน้อยคลองด่าน) และเรียกได้ว่าเป็นเกจิอาจารย์ที่มีวิชชา มีอภิญญาติดตัว มีญาณมองเห็นภูต ผี วิญญาณ เทพ เทวดา แถมทอล์คกิ้งเซฮัลโหลกันได้สบายๆ (สงสัยเราจะได้รับสืบทอด DNA ส่วนนี้มาอ่ะนะ) นอกจากจะมองเห็นพูดคุยกับสปีชี่ย์ต่างมิติ (ก็คุณผีนั่นแหล่ะ) ได้แล้ว ท่านยังรักษาโรคให้ป่วยได้ด้วย  เก่งแค่ไหนนั้นก็ขนาดรักษาคนเป็นมะเร็งหายได้นั่นแหล่ะ

วิธีการรักษาของหลวงลุงท่านจะใช้วิธีคุยกับเจ้ากรรมนายเวร ขอนุญาตกันก่อนว่าเขาจะยอมให้รักษาหรือไม่ จะยอมอโหสิกรรมให้คนป่วยได้ไหม ถ้ายอมเขาจะเอาอะไรบ้าง บางทีก็ต้องทำพิธีแก้กรรมกันก่อนถึงจะรักษาได้ ก็แล้วแต่ไปเคสไป<<<เก่งกว่าเรามากๆ เพราะข้าพเจ้ามีปัญญาแค่คุยกับเจ้ากรรมนายเวรเฉยๆ

ว่าแล้วก็นึกถึงได้อีกเรื่่องของหลวงลุง เป็นเรื่องก่อนที่เราจะเกิด (สมัยคุณป๋ายังหนุ่ม) คุณป๋าเล่าให้ฟังว่าไอ้คนบ้านข้างๆ มันลื่นล้มหรืออะไรยังไงเนี่ยแหล่ะ  ก็ไปนอนรพ.  หมอบอกว่าป่วยชิวๆ รักษาได้ ไม่ตายยาก  ตอนนั้นหลวงลุงยังไม่ได้บวช ไม่ได้รู้เรื่องอะไรกับเขาเลยนะ ท่านนั่งเล่นอยู่ตรงท่าน้ำ คุณป๋าไปเรียก อยู่ดีๆ หลวงลุงก็บอกว่า

“ไอ้…(ชื่อคนข้างบ้าน)… มันตายคืนนี้แหล่ะ” เสร็จแล้วก็เดินกลับบ้าน คุณป๋าอย่างงงๆ เหวอๆ เลยว่าหลวงลุงรู้ได้ยังไงหว่าว่าเจานั้นอยู่ รพ. <<< แล้วก็นั่นแหล่ะ ไปแช่งเค้า คนนั้นเลยตายเลยในคืนนั้นนั่นแหล่ะ

ทีนี้ตอนที่หลวงลุงท่านมาอยู่บ้านเรา เป็นประมาณช่วงที่เรนอยู่ ป.3 หรือ ป.5 ได้ ความทรงจำไม่ค่อยเที่ยงตรงเท่าไหร่(<<ออกแนวเที่ยงบ่ายเป็นส่วนใหญ่) แต่คิดว่าน่าจะ ป.3 มากกว่า (ถ้าจำไม่ผิดนะ) คือช่วงนั้นหลวงลุงท่านอาพาธ ต้องเข้ามารักษาตัวในกรุงเทพฯ คุณป้าท่านก็เลยรับหลวงลุงเข้ามาให้มาอยู่ในบ้านหลังเดียวกัน แล้วก็เลยสร้างบ้านหลักเล็กๆ อีกหลังให้หลวงลุงท่านอยู่โดยเฉพาะ

บ้านหลังนั้นตอนที่สร้างจะไปติดกับต้นมะม่วงต้นใหญ่อยู่หนึ่งต้น (ที่บ้านโรงเรียนตอนนั้นมีต้นมะม่วงเยอะมาก  คุณปู่ปลูกเอาไว้เกือบครบทุกสายพันธุ์มะม่วงเลย<<ปัจจุบันโดนคุณป้าตัดออกไปเกือบหมด วันที่ตัดตรงมะม่วง<<ทั้งที่เราห้ามแล้วนะ เพราะแต่ละต้นมีคนคุ้มครองอยู่ แล้ววันที่ตัดนั่นแหล่ะ หลังคาห้องน้ำำถล่ม แถมคุณป้ายังลื่นล้ม เจ็บรอบเอวผ่ากลางลำตัวเลย<<กรรมดีแท้ ห้ามแล้วแต้ๆ เลย เฮ้อ—) ตอนสร้างบ้านตอนนั้นคุณป้าก็จะตัดต้นมะม่วงต้นนี้ออกไปทีแล้ว แต่หลวงลุงท่านไม่ยอม บอกให้สร้างเว้นๆ ไปเพราะต้นมะม่วงมีเทวดาคุ้มครองอยู่ ดังนั้นบ้านเล็กๆ ที่สร้างขึ้นมาก็เลยมีรูให้ต้นมะม่วงอยู่ด้วย 1 รู

ช่วงนั้นหลังจากที่หลวงลุงท่านมรณะภาพไปแล้วบ้านหลังเล็กนี้เลยเกิดอาการน้ำท่วมยามฝนตก ก็สืบเนื่องมาจากรูที่ต้นมะม่วงนี้แหล่ะ แต่น่าแปลก เพราะตอนที่หลวงลุงท่านยังมีชีวิตและพักอยู่ที่นี่กลับไม่มีฝนรั่วลงมาเลย

บ้านหลังเล็กพอสร้างเสร็จหลวงลุงท่านก็ทำพิธี ให้บ้านหลังนั้นเป็นเขตวัดเสีย พวกเรา (คือเรนและพวกญาติๆ) ก็เลยเรียกบ้านเล็กหลังนั้นว่า ‘ กุฏิ ’

หลังจากกุฏิสร้างเสร็จก็เป็นเรื่องของการย้ายศาลพระภูมิ  (จุดเริ่มของการย้่ายศาลแต่ดันลืมย้ายบริวารไปด้วยไง) ศาลพระภูมินี่ทีแรกอยู่ส่วนหน้าบ้านค่ะ แต่พอหลวงลุงท่านมาสงสัยพระภูมิท่านจะเฮฮา (พระภูมิบ้านโรงเรียนท่านเฮอาปาร์ตี้ดีมากเลย) อยากมีเพื่อนคุย ท่านก็เลยขอย้ายมาอยู่หน้ากุฏิหลวงลุง (ท่านบอกผ่านมากับหลวงลุง<<คนเอ๊ย! พระที่ฟังท่านพูดรู้เรื่องอ่ะ) พอย้ายศาลมาที่ดินตรงศาลเดิมก็ว่างเป็นหลุม เลยเอาต้นพลับพลึงมาปลูกไว้ (ก็คือเรื่องผีมันอยู่ในต้นพลับพลึงค่ะ)

ทีนี้ก็ช่วงนั้นนั่นแหล่ะ ช่วงที่หลวงลุงท่านมาพักรักษาตัวอยู่ที่กุฏิ ตอนนั้นที่บ้านมีคนขับรถมาอยู่ด้วยคนหนึ่ง เป็นคนขับรถโรงเรียน (เหตุที่เรื่องผีในบ้านเค้าโดนจัดอยู่ในหมวด เรื่องผีในโรงเรียน ก็เพราะว่าบ้านเค้าเป็นโรงเรียนนี่แหล่ะค่ะ) คนขับรถก็มีลูกด้วยอีกหนึ่งคน  ปกติแล้วเรื่องดูแลหลวงลุงท่านตอนกลางวันๆ คุณม่ามี๊เราท่านจะเป็นผู้ดูแลรับใช้ใกล้ชิด ขาดเหลืออะไรก็จะจัดหาให้ แต่ตอนกลางคืนไม่ได้ ก็หลวงลุงท่านเป็นพระอ่ะ จะให้ผู้หญิงไปค้างด้วยได้ยังไง ตอนกลางคืนท่านก็เลยต้องอยู่รูปเดียวไปตามระเบียบ

และแล้ว… (เออวุ้ย!… ร่ายมาตั้งยาวเพิ่งจะเริ่มเข้าเรื่อง) คืนวันหนึ่งที่ไม่มีพระอาทิตย์ขึ้น (ก็แน่ล่ะ ประเทศไทยนะ พระอาทิตย์จะขึ้นตอนกลางคืนได้ยังไง เดี๋ยวปั๊ด!!) สรุปคือในคืนหนึ่งอยู่ๆ ก็มีเหตุการณ์ประหลาดเกิดขึ้น…

 

ที่มา
http://ghost.renrengang.com/ghost76-
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว....ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา...สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา...กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

ออฟไลน์ ทรงกลด

  • ผู้อาวุโส
  • *****
  • กระทู้: 2199
  • เพศ: ชาย
  • ศิษย์หลวงโด่ง.....
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: ขโมยของพระกับผู้หญิงหัวขาด
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: 05 ธ.ค. 2554, 08:37:23 »
ขโมยของพระกับผู้หญิงหัวขาด(จบ)

ในคืนหนึ่งอยู่ๆ ก็มีเหตุการณ์ประหลาดเกิดขึ้น…

คืนนั้นไม่รู้เป็นอะไร หนูเรนนอนไม่ค่อยจะหลับทั้งคืน นอนไม่หลับเท่านั้นไม่พอ ไอ้คุณหมาที่บ้านก็ดันอนไม่หลับพอกัน เป็นอะไรก็ไม่รู้ หอนห๊อนหอนเสียงดังลั่นตลอดคืน  ทุกคนก็ได้ยินกันหมดเลยนะ เสียงหมาหอนอ่ะ แต่ไม่มีใครสนใจ คาดว่าคงชินกันเสียแล้วเพราะที่นี่มีเรื่องประหลาดเกิดขึ้นบ่อยดีเหลือนเกิน

ทีนี้ก็อย่างที่ว่า เรานอนไม่หลับง่ะ พอไม่หลับแล้วก็เลยลุกขึ้นมาเข้าห้องน้ำกลางดึก หันไปดูนาฬิกาก็ตีสามพอดิบพอดี คือทางไปห้องน้ำมันจะผ่านระเบียงด้านทิศตะวันออกของตัวตึกด้วย… คือจริงๆ แล้วห้องน้ำก็อยู่ตรงระเบียงทิศตะวันออกนั่นแหล่ะ (ทำไมไปสร้างห้องน้ำไว้ที่ทิศตะวันออกทางนี้ก็ไม่เข้าใจคนสร้างเหมือนกัน) จากระเบียงตรงนั้นมองลงไปที่ชั้นล่างจะเป็นสนามเด็กเล่นอนุบาล และส่วนหนึ่งของสนามก็คือกุฏิของหลวงลุงท่านนั่นล่ะ

ที่สนามเด็กเล่นก็จะมีเครื่องเล่นเด็กอนุบาลอยู่เต็มไปหมด เครื่องเล่นบ้านเราซึ่งก็สงสัยมานานว่ามันอาจจะมีระบบออโตเมติกบ้างอ่ะนะ เพราะวันดีคืนดีบางทีเครื่องเล่นมันก็สามารถเล่นได้ด้วยตัวเอง อย่างชิงช้านี่ไม่ต้องมีคนไปนั่ง ลมก็ไม่ต้องพัด อยู่ๆ ก็แกว่งไกวได้เอง หรือบางทีไม่แกว่งเองก็มีเสียงเอี๊ยดๆ ที่เหมือนกับว่ากำลังคนแกว่งชิงช้าดังขึ้นเอง ไม่รู้ว่าเพราะอะไร หาสาเหตุทางวิทยาศาสตร์ไม่เจอเหมือนกัน

อ้าวเฮ้ย! นอกเรื่องซะงั้น มาเข้าเรื่องต่อก่อน…!!
ก็คือกลางดึกระหว่างที่เราเดินไปที่ห้องน้ำนั่นแหล่ะ  อยู่ๆ ให้มีเหตุจูงใจ (เหตุอะไรไม่รู้อาจเป็นแค่แรงบรรดาลใจก็ได้) ให้ชะโงกหน้าลงไปดูที่สนาม
บอกก่อนว่าถ้าเป็นปกตินี่ไม่กล้ามองลงไปนะคะ  เห็นอย่างนี้ตอนเด็กๆ ก็ผ่านช่วงเวลาที่เคยกลัวผีมาแล้วเหมือนกัน (ก่อนจะเห็นผีเป็นตัวเป็นตนได้อย่างทุกวันนี้อ่ะนะ) ยังรู้จักกลัวอยู่ เพราะสนามบ้านเรา… ตอนนั้นนะ  เวลามองลงไปที่สนามตอนดึกๆ ทีไรก็จะเห็นมีผู้หญิงชุดดำ ไม่มีหัว มานั่งอยู่ที่ชิงช้าเรื่อยเลย   <<< ไม่ได้ล้อเล่น  เธอมาจริงๆ เป็นใครมาจากไหนก็ไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ ไม่ได้มีแค่เราคนเดียวที่เห็น คนอืนๆ (อาทิเช่น ท่านพี่) ที่บางทีตื่นมาเข้าห้องน้ำ มองลงไปก็เห็นเหมือนกัน (ไอ้พี่เรามันไม่เชื่อเรื่องผีทั้งๆ ที่เคยเจอผี สาเหตุเพราะมันกลัวผีเลยไม่เชื่อเรื่องผีไปซะงั้น)
อยากจะบอกว่าเรื่องคุณหัวขาดเนี่ย… ความจริงแล้วไม่กลัวหรอก ที่กลัวคือเดี๋ยวพอรู้ว่าเราดูอยู่ ศีรษะที่ขาดหายไปของคุณเธอจะโผล่มายิ้มให้ก็เท่านั้นเอง มานนนนหลอนนนน!!

แต่คืนนั้นก็ไม่รู้ว่าเพราะผู้หญิงศีรษะหายคนนี้เธอเรียกเรารึเปล่าอ่ะนะ เพราะจากหลอนๆ อยู่ดีๆ ก็อยากชะโงกหน้าลงไปมองซะงั้น  ซึ่งพอชะโงกหน้าลงไปดูก็ปรากฏว่าเห็นที่กุฏิหลวงลุงท่านมีไฟเปิดสว่างอยู่ จ้าเลยอ่ะ
ก็ว่าเอ๊ะ… แปลกๆ แฮะ เพราะปกติตอนกลางคืนหลวงลุงท่านจะนอนปิดไฟตลอด นอกจากจะมีเหตุฉุกเฉินอะไรเท่านั้นท่าถึงจะเปิดไฟแล้วกดออดเรียกคนให้ไปหาท่าน

และแล้ว… สายตาเจ้ากรรมนั่นมันดันไม่อยู่สุข กะว่าจะชะโงกไปมองกุฏิหลวงลุง แต่หัวเด็ดตีนขาดก็จะไม่เหลือบไปยังชิงช้าอันเจ้ามีที่อยู่แน่นอน  แต่ก็นั่นล่ะ โลกนี้เขาว่ายิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ ไอ้ลูกกะตาอยู่ไม่สุขดันเหลือบไปมองตรงชิงช้าอีกล่ะ แล้วก็ฟอร์มเดิม…. จ๊ะเอ๋คุณผีคุงพอดิบพอดี

ณ. ชิงช้าในสนามบ้านเรา… หึ หึ หึ หึ หึ ยังมีพี่สาวหัวขาดเจ้าเดิมนั่งประจำอยู่ที่เดิมเลยขอรับ แต่คราวนี้มีเพิ่มอ็อปชั่น ชิงช้าแกว่งไกวเล็กน้อย

มันฮะแหม… เห็นอย่างนั้นแล้วเด็กที่ไหนจะมามีเวลาไปสนใจเรื่องไฟสว่างที่กุฏิหลวงลุงกันเล่า!  ถึงเป็นเราก็เผ่นเป็นเหมือนกันนะเฟ้ย!!  แล้วก็นั่นแหล่ะ รีบเผ่นก่อนแหงอยู่แล้น!!  รีบดิ่งตรงเข้าห้องนอนเลย  แต่ที่ไหนได้พอตื่นเช้ามา…

 

พอตื่นมาก็ได้เรื่องเลยคับทั่น คุณม่ามี๊รีบเล่าให้ฟังก่อนเลย (มารดาของเราเป็นเจ้ากรมข่าวลือ ผู้สื่อข่าวประจำครอบครัว) ว่าเงินของหลวงลุงที่ท่านใส่ไว้ในอังสะหายไป รู้สึกว่าน่าจะประมาณ 300 กว่าบาทได้ <<< สรุป!! เมื่อคืนมีโจรขึ้นกุฏิหลวงลุง กริ๊ดดดดด!!!

พอเป็นอย่างนั้นก็เลยเล่าให้คุณม่ามี๊ฟังเรื่องที่เราตื่นขึ้นมากลางดึก ก็เดาๆ เอาอ่ะนะตอนที่โจรขึ้นกุฏิคงจะเป็นตอนที่เราเห็นไฟเปิดสว่างอยู่แน่ๆ เลย <<แล้วเลยสงสัยว่าสงสัยพี่สาวหัวขาดเขาจะฟ้องเราให้รู้นั่นแหล่ะว่ามีโจรขึ้นกุฏิพระ (ก็ดันฟ้องผิดคน ตูซื่อบื้อจะตาย จะไปรู้อะไรกับเค้าเล่า!)

ซึ่งก็ไม่รู้เป็นไงมาไงล่ะนะ สืบไปสืบมาเขามารู้กันที่หลังว่าคนขับรถนั่นแหล่ะเป็นคนขโมยไป แต่หลวงลุงท่านก็ไม่ได้ว่าอะไรนะคะ ก็เป็นพระนี่น่า ก็เลยใจดี กรวดน้ำให้ไป
แต่อีกนั่นแหล่ะ… ไม่รู้ว่าทำไม ต่อมาเพราะว่าคนขับรถคนนี้สุดท้ายก็ต้องลาออกไปซะงั้นเลย  ไม่ได้มีใครเชิญออกนะคะ ออกไปเองจริงๆ บอกว่าอยู่ที่นี่ไม่ได้ ไม่รู้ว่าเพราะอะไรสิ (เพราะมันขโมยของไง นิสัยไม่ดีอ่ะ) แต่เบื้องลึกเบื้องหลังจะไปถามพี่สาวหัวขาดเอาตอนนี้… ก็ไม่รู้ว่าเธอหายไปไหนแล้วล่ะ เพราะว่าไม่เจอเธอเลย รู้สึกตั้งแต่ช่วงที่เราขึ้นชั้น ม.ปลาย อยู่ดีๆ พี่สาวคนนี้เธอก็หายไปเฉยเลย (หายไปล่ะดีแล้ว ไม่งั้นบ้านตูมานนนจาหลอนนนน!!) สงสัยคงจะไปเกิดแล้วล่ะมั้ง (เดาเอานะ) ก็อนุโมทนากับพี่สาวหัวขาดด้วยก็แล้วกันนะคับพ้ม!!


ที่มา
http://ghost.renrengang.com/ghost76-