อาโปกสิณ
การเพ่งนํ้า
นํ้าเป็น1 ในธาตุ 4 คือ ดิน นํ้า ลม ไฟ
นํ้านั้นเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับสิ่งมีชีวิต เพราะนํ้านั้นช่วยต่ออายุให้กับสิ่งมีชีวิตและยังความชุ่มชื้น สดชื่นมาให้กับโลก
ดังนั้น
นํ้ามีธาตุเย็นอยู่ในตัวโดยธรรมชาติ
นํ้าจึงสามารถดับความกระหาย
ระบายผ่อนคลายความร้อนได้
หน้า150
เมื่อเพ่งกสิณไฟแล้วเกิดอาการร้อนใน ตาแดง และมีอาการไข้ขึ้นแล้ว ก็อาจจะอาศัยการเพ่งกสิณนํ้าเป็นอารมณ์ ก็จะช่วยบรรเทาอาการร้อนในนั้น ผ่อนคลายลดเบาบางลงได้
วิธีเพ่งนํ้าทำดังนี้
ตักนํ้าสะอาดบริสุทธิ์ใส่ลงในขันหรือบาตรทรงกลมแล้วนำมาตั้งห่างจากตัวเราประมาณ 1 ศอก
ผู้ฝึกนั่งในท่าขัดสมาธิ เพ่งมองลาดตํ่าในลักษณะตาจ้องมองนํ้าทั้งวงกลมที่บรรจุอยู่ในภาชนะเพื่อจับเป็นนิมิต โดยตาเราจับจ้องที่นํ้านั้น ให้นึกถึงนิมิตนั้น คือ นํ้าและให้นึกถึงสภาพของนํ้านั้นมีความเย็นเป็นธาตุแท้ เมื่อเราเพ่งมองจนจำนิมิตได้แล้ว ก็พยายามเอาตัวเรากลมกลืนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน นํ้าคือตัวเรา เราคือตัวนํ้า นํ้านั้นก็จะชะล้างจิตของเราให้คลายจากความเร่าร้อนได้ แล้วความเย็นของนํ้ายังแผ่ซ่านทั่วกายตั้งแต่ศีรษะจรดเท้าให้เย็นสบายสดชื่น
หน้า151
นิมิตกสิณนํ้าที่ได้นี้
ใหม่ๆจะเห็นเป็นวงกลมที่มีนํ้ากระเพื่อมๆไหวๆ เหมือนมีคลื่นแผ่มาเป็นระลอกๆอยู่พักใหญ่
แต่เมื่อจับจ้องเพ่งมองไปมากๆเข้า
นํ้าที่มีคลื่นนั้นจะค่อยๆนิ่งสงบลง
แต่ยังมีประกายระยิบระยับคล้ายลมเป่าผิวนํ้า
ต้องปรับจิตจับจ้องเพ่งพิจารณาให้นํ้าสงบมากขึ้น
ต่อมาผิวนํ้านั้นก็จะสงบเรียบเป็นสีขาวสนิท
ใสสะอาดดังนํ้าทิพย์จากฟากฟ้าแดนสุขาวดี
ผู้ฝึกถึงภาวะนี้จะมีจิตใจสงบแช่มชื่น
เหมือนดังนํ้าทิพย์นั้นได้ชโลมกายทั้งใจให้ปลอดโปร่ง
เป็นที่ร่าเริงสุขใจยิ่งนักท่ามกลางความสงบสุขนั้น
หลวงปู่ท่านหนึ่งท่านได้กรุณาเล่าให้ฟังว่า
ท่านได้บรรลุฌานญาณขั้นสูงด้วยการเพ่งกสิณนํ้า คือ เมื่อได้เพ่งกสิณนํ้าจนได้นิมิตเป็นรูปฌานในระดับ
หน้า152
ปฐมฌานเจริญถึงจตุตถฌานแล้วก็เข้าพิจารณาสภาวะของนํ้าว่าที่เกิดที่ดับ ตั้งแต่ละอองนํ้ามีอยู่ในอากาศรวมตัวเป็นก้อนเมฆจนตกลงมาเป็นฝนรวมตัวเป็นลำธาร แม่นํ้า ทะเล มหาสมุทร แล้วก็ระเหยขึ้นไปเป็นละอองนํ้าอีกครั้งหนึ่งที่ลอยๆอยู่ในอากาศเป็นการพิจารณามองเห็นวงจรของนํ้าที่ไม่ยั่งยืนจีรัง ทนอยู่ในสภาพเดิมไม่ได้ ไม่เป็นบุคคลตัวตนเราเขาที่จะให้ยึดมั่นถือมั่นได้
การได้พิจารณาเช่นนี้
ผู้ปฏิบัติย่อมมองเห็นวัฏฏะของนํ้า แล้วเมื่อมองเข้ามาพิจารณาตน ก็จะเห็นร่างกายก็เป็นไปดังเช่นนํ้าที่เมื่อเกิดขึ้นก็เดินไปสู่การดับ จิตก็สามารถคลายจากการยึดมั่นถือมั่นในตนที่เคยหลงว่าเที่ยงแท้
จิตจึงสามารถลอยอยู่เหนือสังขารที่เกิดมา
สามารถพัฒนาจิตเข้าสู่สภาวะนิ่งสงบอย่างสมบูรณ์