:054:จิตเกิดปฏิฆะก็รู้ว่าปฏิฆะ มองหาสาเหตุที่ทำให้เกิดปฏิฆะ จิตขุ่นมัวและเศ้ราหมอง ตัดบทเดินหนี ไม่ต่อปากต่อคำ ไปกำหนดสติ
ปรับธาตุในกายให้มันเย็นลง โดยใช้วิธีการหายใจเข้าออกอย่างช้าๆ เพื่อให้มีสติกลับคืนมา ซึ่งใช้เวลาไม่เกิน๓ นาทีธาตุในกายก็สงบลงได้
สติและสัมปชัญญะกลับคืนมา เพราะขณะที่เกิดปฏิฆะนั้น หัวใจมันจะเต้นแรง การสูบฉีดของเลือดลมก็เร็วขึ้น ทำให้เกิดความร้อนในร่างกาย
ความร้อนเกิดขึ้นบริเวณทรวงอก ใกล้กับหัวใจ และจะเคลื่อนตัวขึ้นมาสู่เบื้องบน เพราะธาตุลมเมื่อโดนความร้อนจะลอยตัวขึ้นมา ทำให้รู้สึก
มึนศีรษะ และถ้าปล่อยให้มันเป็นไปเลือดลมก็จะสูบฉีดแรงขึ้น ทำให้เส้นเลือดขยายตัว เกิดอาการปวดหัวจี๊ดขึ้นมา เพราะว่าเส้นเลือดมันเล็ก
ต้องขยายตัวอย่างมาก เมื่อเลือดลมมันมามากเกินไปที่เส้นเลือดจะรับได้ ก็จะเกิดการแตกของเส้นเลือดที่จะไปเลี้ยงสมอง และเมื่อเส้นเลือดแตก เลือดลมก็ไม่สามารถที่จะไปหล่อเลี้ยงสมองได้ เมื่อสมองขาดเลือดลมที่จะไปหล่อเลี้ยง มันก็จะหยุดทำงานและตามไป เมื่อสมองส่วน
สั่งการและควบคุมร่างกายไม่ทำงานร่างกายเราก็จะเป็นอัมพฤกษ์ ไม่สามารถที่จะสั่งให้มันเคลื่อนไหวได้และจะทำให้กลายเป็นคนพิการไป
เห็นทุกข์ เห็นโทษ เห็นภัย ของอารมณ์ปฏิฆะความโกรธ เพราะเกิดจากการที่ฝึกจิต ให้มีสติสัมปชัญญะอยู่ตลอดเวลา ไม่ให้ความโกรธ
เข้ามาครอบงำ และตั้งอยู่ได้นาน เพียงผ่านเข้ามาแล้วดับไป โดยใช้เวลาไม่นาน""กิเลสที่จรมายังจิตนี้ให้เศร้าหมอง"" เพราะเราไปรับเอา
อารมณ์ของผู้อื่นที่มากระทบจิตเรา แล้วเราเข้าไปส้องเสพปรุงแต่งในอารมณ์เหล่านั้น มันก็จะทำให้เราทุกข์กายทุกข์ใจ เพราะจิตของเราไป
ยึดติดอยู่กับอารมณ์เหล่านั้น และให้มันมีอำนาจมาครอบงำจิตเรา ให้เผลอสติคล้อยตามมัน..
:054:แด่จิตปฏิฆะที่สอนธรรมให้มีสติสัมปชัญญะรู้เท่าทันอารมณ์เหล่านั้น
เชื่อมั่น-เคารพ-ศรัทธา-ในสติมหาปัฏฐานทั้งหลาย
รวี สัจจะ-สมณะไร้นาม
๒๐ กรกฎาคม ๒๕๕๒ เวลา ๐๗.๒๔ น. ณ กุฏิน้อยริมน้ำโขง ชายแดนประเทศไทย