ผู้เขียน หัวข้อ: " กสิน " ไม่จำเป็นสำหรับทุกคนที่ต้องการ นิพพาน  (อ่าน 1587 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ NaMaPaTa

  • ปัญจมะ
  • *****
  • กระทู้: 90
  • เพศ: ชาย
  • { ลูกหลวงพ่อบ้านแหลม }.....(((ศิษฐ์หลวงพ่อเปิ่น)))
    • MSN Messenger - SIT1802@hotmail.com
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล
กสินไม่จำเป็นสำหรับทุกคนที่ต้องการนิพพาน แต่จำเป็นสำหรับบางคน
กสินไม่ได้เป้นเครื่องมือช่วยให้เกิดฤทธิ์เท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องมือช่วยปรับคนที่มีจริตต่างๆที่ยังไม่พร้อมสำหรับงานวิปัสนา
ให้ข่มกิเลส นิวรณ์และ สังโยชน์ต่างๆ ให้พร้อมสำหรับวิปัสนากรรมฐาน เพื่อบรรลุมรรคผล


ในสมัยพุทธกาล ก็มีพระอรหันต์หลายองค์ ที่ต้องใช้ กสิน เป็นตัวทำ สมถกรรมฐานก่อน แล้วค่อยเจริญวิปัสนา เพื่อบรรลุอรหัตตผล
เช่น ลูกนายช่างทอง พระสารีบุตรฝึกให้อยู่พรรษาเต็มๆ ยังไม่ก้าวหน้า
เพราะจริตไม่อำนวย พระพุทธเจ้าจึงเป็นผู้ฝึกให้โดยเนรมิต ดอกบัวสีแดง สำหรับฝึกโลหิตกสิน
เป็นเบื้องต้นสำหรับแก้จริต เมื่อพระรูปนั้นเจริญกสินจนเกิดอุคหนิมิต สามารถเห็นภาพติดตา บังคับเล็ก ใหญ่ได้ดังใจ
พระพุทธเจ้าก็เนรมิตให้ดอกบัวเหี่ยวเฉาลง พระรูปนั้นก็ได้สติ พิจารณาถึงไตรลักษณ์ ก็สามารถบรรลุอรหันต์ ได้ภายในวันเดียว


วิธีฝึกกรรมฐาน แนววิธี กสิณ 10
กราบระลึกถึง พระพุทธเจ้า
กราบระลึกถึง พระธรรม
กราบระลึกถึง พระสงฆ์
กราบระลึกถึง คุณพ่อ คุณแม่ (ทุกภพทุกชาติ)
กราบระลึกถึง ครูอาจารย์ (ทุกภพทุกชาติ - ผู้ชายให้ กราบครูอุปัชฌาย์ด้วย)
นั่งหลับตา ทำจิตให้สงบ เพ่งตรงฝ่าความมืดไกลออกไปข้างหน้า ปฏิบัติรอบละ 20 นาทีแล้วพัก
(ถ้าหากปวดเมื่อย สามารถเปลี่ยนท่านั่งได้)


ผลแห่งการฝึกกรรมฐานแนวกสิณปฏิบัตินี้ บังเกิดผลขึ้นตามที่พระพุทธองค์ได้ตรัสไว้
และเป็นทางหนึ่งที่นำไปสู่ฤทธิ์อำนาจอภิญญา แต่การอภิญญาในขั้นโลกียอภิญญานี้
ไม่สามารถหลุดพ้นทุกข์ได้ จักต้องเจริญวิปัสนากรรมฐาน พิจารณาความเป็นไปแห่งอารมณ์
และหลุดพ้นจิตใจกาย กายในธรรม สุดท้ายย่อมดับไปสิ้นแล ...


แสดงจริต 6
พึงทราบการรวบรวมจริต โดยมี 6 อย่าง ดังนี้ คือ ราคจริต, โทสจริต, โมหจริต, สัทธาจริต, พุทธิจริต, วิตกจรติ
จริต หมายถึง ความประพฤติ, พื้นนิสัย หรือพื้นเพแห่งจิตของคนทั้งหลาย
ที่หนักไปด้านใดด้านหนึ่ง แตกต่างกันไปคือ......?
ราคจริต คือ ผู้มีราคะเป็นความประพฤติปกติ (หนักไปทางรักสวยรักงาม มักติดใจ)
โทสจริต คือ ผู้มีโทสะเป็นความประพฤติปกติ (หนักไปทางใจร้อน ขี้หงุดหงิด)
โมหจริต คือ ผู้มีโมหะเป็นความประพฤติปกติ (หนักไปทางเหงาซืม งมงาย)
สัทธาจริต คือ ผู้มีศรัทธาเป็นความประพฤติปกติ (หนักไปทางน้อมใจเชื่อ)
พุทธิจริต คือ ผู้มีความรู้เป็นความประพฤติปกติ (หนักไปทางคิดพิจารณา)
วิตกจริต คือ ผู้มีวิตกเป็นความประพฤติปกติ (หนักไปทางคิดจับจดฟุ้งซ่าน)




หลวงพ่อพระราชพรหมยาน ( หลวงพ่อปานเรียกว่า ? ฤาษีลิงดำ ? วัดท่าซุง )
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03 พ.ย. 2549, 11:38:57 โดย NaMaPaTa »
อิติปิโสวิเสเสอิ�� � � อิเสเสพุทธะนาเมอิ
อิเมนาพุทธะตังโสอิ� � � อิโสตังพุทธะปิติอิ

ออฟไลน์ ~EN13~

  • สัตตมะ
  • **
  • กระทู้: 301
  • เพศ: ชาย
  • รักและเคารพ ศิษย์วัดบางพระทุกคนครับ^ ^
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล
ตอบ: มีอะไรดีในประเทศลาว
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: 01 พ.ย. 2549, 07:31:22 »
มีรูปป่ะครับ อยากเหนอ่ะ เพชรพญานาคอ่ะ


สิ่งสำคัญที่สุดของชีวิต

ออฟไลน์ ผู้น้อยขออาศัย

  • ทุติยะ
  • **
  • กระทู้: 28
  • เพศ: ชาย
  • เสืออยู่ที่ไหนก็คือเสือ
    • MSN Messenger - konickky@hotmail.com
    • AOL Instant Messenger - ไม่มี
    • Yahoo Instant Messenger - ไม่มี
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: มีอะไรดีในประเทศลาว
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: 01 พ.ย. 2549, 09:24:17 »
ไม่เคยเหนอ่ะ ถ้าให้ดีอยากดูรูป (แท้ๆ)  ;D
ผู้น้อยขอแค่อาศัยไม่เรื่องมาก� ทุกคนในนี้ถือว่าเปนผู้ที่มีความดีในตัว

ข้าพเจ้าจึงได้โปรดขอความรู้ของท่าน และแบ่งปันในความรู้ของกระผม