มีบางคนยังสงสัยว่าที่เขาเรียกกันเสาร์ ๕ มันมาจากไหน นับกันอย่างไร ส่วนตัวผมก็พอจะทราบหลักการนับแต่ถ้าจะถามประวัติก็คงไม่ทราบแน่นอนครับ แต่ที่พอจะทราบได้ก็คือ เลข ๕ นั้นเป็นเลขมงคลที่บางท่านจะเขียนย่อจากพระนามของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้ง ๕ พระองค์ในกัปปนี้คือ "ปัญจพุทธา" หรือ "นะโมพุทธายะ" ส่วนวันเสาร์ก็เป็นวันแข็ง วันดีครับ
เราในฐานะพุทธศาสนิกชน จึงนับวันกันตามข้างขึ้นข้างแรม โดยยึดการนับตามหลักจันทรคติ ซึ่งนับมาตั้งแต่ครั้งพุทธกาลแล้ว ซึ่งจะพูดว่าชาวตะวันออกหรือชาวเอเซียนับวันตามหลักจันทรคติ และชาวตะวันตกหรือชาวยุโรปนับวันตามหลักสุริยคติ ก็ไม่ผิดครับ
และที่เรียกกันว่า "เสาร์ ๕" นั้นเพราะวันนั้นตรงกับวันขึ้น ๕ ค่ำหรือวันแรม ๕ ค่ำ เดือนใดเดือนหนึ่งในสิบสองเดือนครับ
โดยเสาร์ ๕ จะแบ่งออกเป็นหลายลักษณะเช่น เสาร์ ๕ ใหญ่ ,เสาร์ ๕ เล็ก ,เสาร์ ๕ ข้างขึ้น , เสาร์ ๕ ข้างแรม ครับ
โดยปีนี้จะมีเสาร์ ๕ มีอยู่ ๓ วันคือ
๑. เสาร์ ๕ ใหญ่ คือวันที่ตรงกับขึ้น ๕ ค่ำเดือน ๕ หรือปีนี้ที่ตรงกับวันที่ ๒๐ มีนาคม ตามที่หลายๆท่านทราบกันดี
๒. เสาร์ ๕ เล็ก (ข้างแรม) ตรงกับแรม ๕ ค่ำ เดือน ๘-๘ (แปดหลัง) หรือปีนี้ที่ตรงกับวันที่ ๓๑ กรกฎาคม ครับ
๓. เสาร์ ๕ เล็ก (ข้างขึ้น) ตรงกับขึ้น ๕ ค่ำ เดือน ๑ หรือหรือปีนี้ที่ตรงกับวันที่ ๑๑ ธันวาคม ครับ
บางครั้งเราก็อาจจะเห็นบางคนนับวันเสาร์ ๕ ที่ตรงกับวันเสาร์แต่เป็นวันที่ ๕ (ตามสากล) ไม่ได้เป็นวันเสาร์ข้างขึ้นหรือข้างแรม ๕ ค่ำ เช่นปีนี้ก็มีวันแบบนี้คือวันเสาร์ที่ ๕ มิถุนายน ๒๕๕๓ ซึ่งวันนั้นไม่ถือว่าเป็นวันเสาร์ ๕ เพราะตามจันทรคติแล้วตรงกับแรม ๘ ค่ำเดือน ๗ ครับ เสาร์ ๕ แบบนี้ผมศึกษาตำรับตำราหลายที่แล้วไม่ปรากฏเจอในพงศาวดารไทยหรือตำราตามพระพุทธศาสนาหรือศาสนาพราหมณ์เลยครับ อาจจะเป็นการเข้าใจผิด แต่ถ้าจะเอาเป็นฤกษ์ดี วันดี เพื่อทำความดี สร้างบุญสร้างกุศล อันนี้ผมก็ขออนุโมทนาบุญด้วยครับ