1
รวมสมาชิก (มิตรไมตรี) / ตอบ: ถามอะไรหน่อยครับ เรื่องการกินฟัก
« เมื่อ: 20 เม.ย. 2549, 07:28:27 »เนอ ความคิดเห็งหน่อยคับ เรื่องการกินนี้เท่าที่ผมสอบถามคนเฒ่าคนแก่ เค้าจะห้ามกินของจำพวก น้ำเต้า ฟัก บวบ ซึ่งท่านจะบอกว่าของพวกนี้เป็นพืชที่มีมือ คนเล่นของเค้าไม่ค่อยกินกัน ซึ่งพืชมีมือก็มีอีกหลายชนิดนอกจาก น้ำเต้า ฟักฯ ?
เรื่องการห้ามลอดตำลึง อย่างที่คุณ potato ว่า ตัวผมไม่เคยได้ยินจากคนเฒ่าคนแก่ เพิ่งจะเคยได้ยินจากคุณ และเคยได้ยินก่อนหน้านี้ 1ครั้งซึ่งได้ยินจากใครก็จำไม่ได้แร้ว รวมเป็น 2ครั้ง ซึ่งถ้าเค้าห้ามลอดกันจริงๆก็คงจะรวมพืชมีมือทุกชนิด ซึ่งถ้าถือกันจริงๆก็คงจะลำบาก เพราะสมัยก่อนป่าและต้นไม้มันเยอะ พืชที่มีมือ พวกนี้ก็คงจะเลื้อยไปทั้วเวลาเดินไปไหนก็ต้องสังเกตกันตลอดลำบากน่าดู
ส่วนเรื่องการลอดไม้ค้ำต้นกล้วย สพานหัวเดียวก็ได้ยินมานานแล้วคงจะถือกันทุกสำนัก แต่ก็มีเกจิอาจารย์บางองค์ในสมัยก่อนเปรียบวัตถุมงคลของท่านเสมือนทองคำหรืองู ซึ่งทองคำตกไปที่ไหนก็ยังเป็นทองคำไม่มีวันที่จะแปรเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นไปได้ และงูพิษเมื่อลอดใต้หว่างขา ไม่ค้ำต้นกล้วย สะพานหัวเดียวเมื่อไปกัดคุณ คุณตายไหมครับ
เรื่องไสยศาสตร์นี้ผมว่าคนที่จะเข้าใจมันมากที่สุดก็คือตัวมันเอง ส่วนข้อห้ามแต่ละอาจารย์จะถือไม่เหมือนกัน ให้ถือตามแบบที่อาจารย์เราให้ถือก็พอ
เพราะ อ. แต่ล่ะ อ. ก็เรียนมาไม่เหมือนกัน ข้อห้ามก็อาจจะไม่เหมือนกันก็ได้ บางอาจารย์วัตถุมงคลของท่านไม่ถืออะไรเลยถือแค่ห้ามผิดลูกเค้าเมียใคร ห้ามว่าบุพการี จะไปลอดนู้นรอนนี้ก็ไม่ถือ อาจารย์บางองค์ก็ถือแค่ห้ามว่าบุพการี ห้ามรอดไม้ค้ำต้นกล้วย สพานหัวเดียว สุดแล้วแต่ตัวอาจารย์
การสักยันต์ หรือวัตถุมงคลที่ปลุกเสก ก้อเหมือนกัน เพียงแต่ว่าการสักนั้นจะติดตัวเราไปตลอดกันการลืมหรือคนที่ไม่ชอบพกวัตถุมงคลกลัวจะลืมหรือทำหาย สุดแล้วแต่คุณจะเลือกแบบไหน การสักหรือเสกวัตถุมงคลจะขลังหรือไม่อยู่ที่ตัวอาจารย์ว่าญาณท่านถึงไหม ถ้าตัวอาจารย์ญาณท่านถึงมีศีลบริสุทธิ์ จะจับจะเสกอะไรก็คลัง พระอาจารย์บางองค์สมัยก่อน
ปลุกเสกวัตถุแล้วท่านก็จะบอกว่าของๆท่านไม่มีวันเสื่อมไม่ว่าจะไปลอดไปทำอะไรก็ตาม แต่วัตถุมงคลของท่านช่วยได้เฉพาะคนดีและไม่ใช่วิบากกรรม? ใช่ว่าจะไปปล้นฆ่าเค้าแล้วจะหวังว่าให้สิ่งศักดิ์จากวัตถุมงคลคุ้มครอง อาจจะช่วยได้เฉพาะช่วงแรกๆเท่านั้น
ผมจะเล่าอะไรให้ฟัง แม่ผมสมัยที่เป็นวัยรุ่น บ้านก็อยู่ใกล้กับวัด มีคนตายแล้วที่ตัวก็สักยันต์แล้วก็นำร่างไปเผาปรากฎว่าเผาไม่ได้เผายังไงก็ไม่ไหม้คราวนี้ให้ลองนำผ้าถุงที่ผู้หญิงเคยนุ่งตอนมีประจำเดือนมาคลุมร่างศพ(ก็เหมือนกับการลอดราวตากผ้า) แล้วนำไปเผาใหม่ก็ยังไม่ไหม้ ก็ลองอีก
หลายวิธี จนสุดท้ายต้องนำประจำเดือนผู้หญิงมาป้ายที่ตัวจึงจะเผาไหม้แล้วเหม็นมากๆๆ
งั้นแสดงว่าคุณคนนี้เค้าพูดไม่ดีงั้นสิ