คุณค่าของวันเวลาที่ผ่านไป ๒๑ กค. ๕๔...
ตถตาอาศรม เขาเรดาร์ บ้านบึง ชลบุรี
ศุกร์ที่ ๒๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๔
ฝนพรำตั้งแต่เมื่อวานตอนเช้าจนถึงเช้าวันนี้ ซึ่งยังไม่มีท่าทีว่าจะหยุด
ฟ้ายังปิด หมอกปกคลุมไปทั้งภูเขา อากาศหนาวทั้งวันและคืนประมาณ ๒๒ องศา
ใช้เวลาเกือบตลอดอยู่กับการฟังธรรมของครูบาอาจารย์หลายๆท่าน เพื่อฟังโวหาร
การบรรยายของแค่ละท่านในเรื่องเดียวกัน นำมาวิเคราะห์ พิจารณาในเนื้อหาของ
ธรรมแต่ละบทที่ท่านบรรยาย มุมมองของแต่ละท่านในความเหมือนและความแตกต่าง
กำหนดจิตตามเมื่อยามที่เราฟังธรรม ได้รู้ถึงสภาวะอารมณ์ของแต่ละท่านที่บรรยาย
ว่ามาจากการท่องการจดจำหรือเกิดจากสภาวธรรมที่กำลังลื่นใหล บรรยายในเชิง
ปริยัติเนื้อหาตามตำราหรือว่าบรรยายมาจากสภาวธรรมที่ท่านได้พบประสพมา
นำมาพิจารณาสงเคราะห์เข้ากับหลักธรรมทั้งหลาย ว่ามีความขัดแย้งกันบ้างหรือไม่
ในหลักธรรมทุกหมวดหมู่ ทุกอย่างต้องสงเคราะห์เข้าหาหลักธรรม ความเห็นที่ถูกต้อง
นั้น จะไม่มีความขัดแย้งกันในหลักธรรมทุกหมวดหมู่ จะสงเคราะห์ อนุเคราะห์ เป็นเหตุ
เป็นปัจจัยเกื้อกูลซึ่งกันและกัน ธรรมที่เข้าใจนั้นจึงจะถูกต้องตามหลักของพุทธศาสานา
และเมื่อมีความเห็นที่ขัดแย้งกัน ต้องหันมาพิจารณาที่ความคิดของตัวเรา ว่าทำไมจึงมี
ความเห็นที่แตกต่างไม่ตรงกับหลักธรรม อะไรเหตุของความเห็นที่แตกต่าง มันคลาดเคลื่อน
ตรงจุดไหน มีอะไรเป็นเหตุและปัจจัย ทำให้เรามีความคิดเห็นอย่างนั้น พิจารณาที่ตัวเรา
อย่าได้ไปพยายามตีความขยายความในหลักธรรม เพื่อให้มารองรับความคิดเห็นของเรา
อย่าไปปรับหลักธรรมเข้าหาตัวเรา จงปรับตัวเราเข้าหาหลักธรรม เพราะว่าหลักธรรมนั้น
มันเป็นสิ่งที่มีมาคู่กับธรรมชาติ เป็นสิ่งที่มีมาก่อนแล้ว แต่ความคิดของเรานั้นเป็นสิ่งที่เกิด
ขึ้นมาใหม่ จึงต้องมาปรับที่ความคิดเห็นของเรา ให้ถูกต้องสอดคล้องกับหลักธรรมทั้งหลาย
หลักธรรมทั้ง ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์นั้น จัดเรียงกันอย่างเป็นระเบียบเป็นหมวด เป็นหมู่
เป็นแถวเป็นแนวตรงกัน ไม่มีการขัดแย้งกัน สงเคราะห์อนุเคราะห์เกื้อกูลรองรับซึ่งกันและกัน
เราไม่อาจจะไปปรับหลักทั้ง ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ ให้มาตรงกับความคิดเห็นของเราได้
แต่เราสามารถที่จะย้ายจุดยืนของเราให้ไปตรงกับหลักที่วางไว้ตั้งไว้ได้ เพียงเราปรับความคิด
และมุมมองของเราเสียใหม่ เพื่อให้สอดคล้องรองรับกับหลักธรรม “ เพียงคุณเปลี่ยนความคิด
ชีวิตคุณก็จะเปลี่ยน “ น้อมจิตเข้ามาพิจารณาตัวของเราเอง ให้เห็นกาย เห็นจิต เห็นความคิด
เห็นการกระทำ โดยการมีสติและสัมปชัญญะที่เป็นสัมมาทั้งหลายคุ้มครองกายจิตอยู่ วางจิต
ให้เป็นกลางไม่เข้าข้างอัตตา แล้วดวงตาเห็นธรรมก็จะเกิดขึ้นแก่ตัวคุณ...
เชื่อมั่น-ศรัทธา-ปรารถนาดี-ด้วยไมตรีจิต
รวี สัจจะ-สมณะไร้นาม-วจีพเนจร
๒๒ กรกฎาคม ๒๕๕๔ เวลา ๐๗.๐๐ น. ณ ตถตาอาศรม บ้านบึง ชลบุรี