กระดานสนทนาวัดบางพระ

หมวด มิตรไมตรี => บทความ บทกวี => ข้อความที่เริ่มโดย: รวี สัจจะ... ที่ 28 พ.ค. 2554, 10:34:51

หัวข้อ: เรื่องเล่าจากเขาเรดาร์ "ตถตาอาศรม "บทที่แปด
เริ่มหัวข้อโดย: รวี สัจจะ... ที่ 28 พ.ค. 2554, 10:34:51
ตถตาอาศรม เขาเรดาร์ บ้านบึง ชลบุรี
 เสาร์ที่๒๘ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๕๔
....บางครั้งในสิ่งไม่อยากจะทำก็ต้องทำและในสิ่งที่อยากจะทำก็ไม่ได้ทำซึ่งทุกอย่างนั้น
 มันขึ้นอยู่กับ จังหวะ เวลา โอกาส สถานที่และตัวบุคคล เป็นเหตุและปัจจัยให้เกิดสิ่งนั้น
พิจารณาเป็นธรรมะ มันก็อยู่ในฐานเวทนาหนึ่งในสติปัฏฐาน ๔ คือความยินดีและไม่ยินดี
ถ้าเราได้กระทำในสิ่งที่เรายินดี ในสิ่งที่ชอบ ในสิ่งที่ใช่  ใจของเราก็จะมีความยินดีพอใจ
ในสิ่งที่กระทำนั้น แต่ในทางกลับกัน ถ้าเราฝืนทำในสิ่งที่เราไม่ชอบไม่พอใจ ใจของเรานั้น
ก็จะเกิดความไม่ยินดี คืออิฏฐารมณ์ อนิฏฐารมณ์ ความยินดีและไม่น่ายินดี สิ่งนี้เกิดขึ้น
เพราะว่าเราไปยึดติดกับความคิดและจริตของตัวเราจนเกินไป ปฏิเสธในสิ่งที่ใจนั้นไม่ชอบ
ซึ่งสิ่งนั้นอาจจะประกอบด้วยกุศลและมีผลที่ดี ทำให้เสียโอกาศอันดีไปเพราะใจเราปฏิเสธ
มันเป็นกิเลสที่ประกอบไปด้วยอัตตาและทิฏฐิมานะ ซึ่งเป็นสิ่งที่ควรลด ควรละและควรเลิก
แต่ถ้าเราได้หมั่นฝึกฝนจิตของเรา ให้อยู่เหนือเหตุและผล ปฏิบัติตนไปตามบทบาทและหน้าที่
ทำทุกอย่างให้มันดี ให้มันเต็มที่เสมอกัน มันก็จะไม่มีสิ่งนั้น คือสิ่งที่ชอบและสิ่งไม่ชอบ
เพราะทุกอย่างประกอบไปด้วยกุศล ถ้าเราค้นหาและพิจารณาโดยโยนิโสมนัสสิการ....
.....เรื่องเล่าจากเขาเรดาร์ " ตถตาอาศรม " บทที่แปด.....
...กาพย์ยานี ๑๑...
.....มากมายหลายเรื่องราว    ซึ่งข่าวคราวที่ส่งมา
ร้อยเรื่องร้อยปัญหา             ทำให้คิดและติดตาม
ทางโลกและทางธรรม          จิตน้อมนำมิมองข้าม
เฝ้าดูอยู่ทุกยาม                 เฝ้าดูจิตที่คิดไป
ผัสสะมากระทบ                 และมันจบลงที่ใจ
บางครั้งจิตหวั่นไหว             ต่อผัสสะที่มีมา
คล้อยตามกระแสโลก          จึงทุกข์โศกกับปัญหา
เพราะจิตมีอัตตา                 ชี้ถูกผิดด้วยจิตตน
พลั้งเผลอใช่พลั้งพลาด        มีโอกาศจะฝึกฝน
เผลอไปให้รู้ตน                  เตือนสติให้กลับมา
วางจิตอยู่ในกาย                ไม่เสาะส่ายออกไปหา
ดูจิตดูกายา                       ไม่ส่งจิตออกนอกกาย
จิตที่ส่งออกนั้น                  รู้ให้ทันอย่าให้หาย
เป็นเหตุสมุทัย                   ทำให้ทุกข์นั้นเกิดมา
จิตรู้จิตเห็นจิต                    เห็นความคิดรู้ปัญหา
สิ่งนั้นคือมรรคา                  ที่จะดับทุกข์นั้นไป
ผลจากการเห็นจิต               ดับสนิทสิ้นสงสัย
สว่างขึ้นในใจ                    เป็นนิโรธที่ดับลง
วางจิตไว้ในกาย                 อย่างมั่นหมายมิไหลหลง
ตั้งจิตให้มั่นคง                   โดยเอาธรรมมานำทาง
นำทางสร้างชีวิต                 และนำจิตสู่สว่าง
เดินในทางสายกลาง            ตามมรรคแปดควบคุมตน
.....ชีวิตอิสระ                    ไร้พันธะเพราะหลุดพ้น
หลุดออกจากวังวน               ในวัฏฏะที่เป็นมา
เข้าสู่กระแสธรรม                 บุญหนุนนำให้ล้ำค่า
ก่อเกิดซึ่งปัญญา                 ตาสว่างเพราะทางธรรม...
.........ด้วยความปรารถนาดีและไมตรีจิต.........
.........รวี สัจจะ-สมณะไร้นาม-วจีพเนจร........
๒๘ พฤษภาคม ๒๕๕๔ เวลา ๑๐.๒๘ น. ณ ตถตาอาศรม บ้านบึง ชลบุรี
หัวข้อ: ตอบ: เรื่องเล่าจากเขาเรดาร์ "ตถตาอาศรม "บทที่แปด
เริ่มหัวข้อโดย: ทรงกลด ที่ 28 พ.ค. 2554, 01:30:23
กราบนมัสการท่านพระอาจารย์ฯ  :054:
ขออนุญาตนำภาพบนเขามาลงประกอบครับ

ช่วงฝนตกปรอยๆ
(http://bp.or.th/uploads/data/image/llw7e6-d2d433.jpg)
หัวข้อ: ตอบ: เรื่องเล่าจากเขาเรดาร์ "ตถตาอาศรม "บทที่แปด
เริ่มหัวข้อโดย: saken6009 ที่ 28 พ.ค. 2554, 07:14:21
ขอน้อมนำเอาไปปฏิบัติครับ 17; 17;
 
กราบนมัสการ พระอาจารย์ มา ณ.ที่นี้ด้วยครับ :054: :054:   รักษาดูแลสุขภาพด้วยนะครับ :054: :054:
 
กราบขอบพระคุณ สำหรับ บทความ บทกวี อันทรงคุณค่ายิ่งที่นำมาให้พี่น้องศิษย์วัดบางพระได้อ่านครับ
                                                                                                                                                                 
(ขออนุญาตเข้ามาอ่าน เพื่อเป็นความรู้ ขอบพระคุณมากครับ) :054: :054:
 
  
หัวข้อ: ตอบ: เรื่องเล่าจากเขาเรดาร์ "ตถตาอาศรม "บทที่แปด
เริ่มหัวข้อโดย: ทรงกลด ที่ 28 พ.ค. 2554, 10:11:56
กราบนมัสการท่านพระอาจารย์ฯ :054:
ขออนุญาตขยายความของคำว่า....โยนิโสมนสิการ...เพื่อการศึกษาเพิ่มเติมครับ :054:
ดังนี้

โยนิโสมนสิการ
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

โยนิโสมนสิการ (ปัญจาบ: yonisomanasikāra; คำอ่าน: โยนิโสมะนะสิกาน) หมายถึง การทำในใจให้แยบคาย กล่าวคือ การพิจารณาอย่างรอบคอบถี่ถ้วน ทางพุทธศาสนาถือว่ามีคุณค่าเท่ากับความไม่ประมาทหรือ "อัปมาท" ซึ่งเป็นแหล่งรวมแห่งธรรมฝ่ายดีหรือ "กุศลธรรม" ทั้งปวง ดังปรากฏในพระไตรปิฎก เล่ม ๑๙ สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค ข้อ ๔๖๔ หน้า ๑๒๙ นอกจากนั้น ยังจัดเป็นธรรมะข้อหนึ่งในกลุ่มธรรมที่เป็นไปเพื่อความเจริญด้วยปัญญา และเป็นธรรมะมีอุปการะมากแก่มนุษย์ดังพรรณาในพระไตรปิฎก เล่ม ๑๒ อังคุตตรนิกาย จตุกกนิบาต ข้อ ๒๖๘-๙ หน้า ๓๓๒[1]
การใช้ความคิดถูกวิธี ความรู้จักคิด คิดเป็น คือ ทำในใจโดยแยบคาย การใช้ความคิดถูกวิธี คือ การกระทำในใจโดยแยบคาย มองสิ่งทั้งหลายด้วยความคิดพิจารณาสืบค้นถึงต้นเค้า สาวหาเหตุผลจนตลอดสายแยกแยะออกพิเคราะห์ดูด้วยปัญญาที่คิดเป็นระเบียบและโดย อุบายวิธีให้เห็นสิ่งนั้นๆ หรือปัญหานั้นๆ ตามสภาวะและตามความสัมพันธ์แห่งเหตุปัจจัย [2]เช่น

คิดจากเหตุไปหาผล
คิดจากผลไปหาเหตุ
คิดแบบเห็น ความสัมพันธ์ต่อเนื่อง เป็นลูกโซ่
คิดเน้นเฉพาะจุดที่ทำให้เกิด
คิดเห็น องค์ประกอบที่มา ส่งเสรีมให้เจริญ
คิดเห็น องค์ประกอบที่มา ทำให้เสื่อม
คิดเห็นสิ่งที่มา ตัดขาดให้ดับ
คิดแบบ แยกแยะองค์ประกอบ
คิดแบบ มองเป็นองค์รวม
คิดแบบ อะไรเป็นไปได้ หรึอเป็นไปไม่ได้


ที่มา
http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%82%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B9%82%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3
หัวข้อ: ตอบ: เรื่องเล่าจากเขาเรดาร์ "ตถตาอาศรม "บทที่แปด
เริ่มหัวข้อโดย: โบตั๋นสีขาว ที่ 29 พ.ค. 2554, 10:10:11
กราบนมัสการพระอาจารย์คะ ขอบพระคุณ สำหรับ บทความ บทกวี บทกาพย์ บทกลอน คะ :090: :054: :090:
หัวข้อ: ตอบ: เรื่องเล่าจากเขาเรดาร์ "ตถตาอาศรม "บทที่แปด
เริ่มหัวข้อโดย: derbyrock ที่ 30 พ.ค. 2554, 09:44:28
กราบนมัสการพระอาจารย์ครับ