ตถตาอาศรม ริมฝั่งโขง
๒๑ กรกฎาคม ๒๕๕๓
หยุดพักตอนเที่ยงวัน กลับมาฉันกาแฟและน้ำชาที่กุฏิ
จะกลับลงไปทำงานต่อ ฝนก็ตกลงมา ทำให้มีเวลาเขียนบทกวีและบทความ
ทบทวนความจำ ในฉันทลักษณ์ตัวอักษร เป็นการผ่อนคลายให้หายเหนื่อย...
เรื่อย เรื่อย มา รอน รอน
หยุด พัก ผ่อน ตอน เที่ยง วัน
มอง หา กา แฟ ฉัน
ตอน เที่ยง วัน เพื่อ ผ่อน คลาย
ครืน ครืน เสียง ฟ้า ครวญ
ลม พัด หวล เมฆ สะ ลาย
สาย ฝน ตก ต้อง กาย
มอง เห็น ควาย กลาง ทุ่ง นา
ฝน มา ใบ หญ้า เขียว
ควาย ขบ เคี้ยว เลาะ เล็ม หญ้า
สาย ฝน โปรย ลง มา
ควาย กิน หญ้า เพลิน อา รมณ์
เห็น ควาย มี ความ สุข
แต่ คน ทุกข์ ไม่ สุข สม
แตก ต่าง ทาง อา รมณ์
คน ขื่น ขม ควาย รื่น เริง
คน ทุกข์ เพราะ ความ คิด
ทำ ให้ จิต นั้น ยุ่ง เหยิง
หลาย หลาก มาก ชั้น เชิง
หลง ระ เริง กับ มา ยา
มอง คน แล้ว มอง ควาย
มอง โดน ไร้ ซึ่ง อัต ตา
มอง เห็น และ มอง หา
ใช้ ปัญ ญา มอง หา ธรรม
มอง โลก ใน แง่ ดี
มอง โลก นี้ เป็น เรื่อง กรรม
เกิด จาก การ กระ ทำ
เรียก ว่า กรรม ที่ ทำ มา
กรรม นั้น คือ ที่ เกิด
จึง กำ เนิด เกิด ปัญ หา
บุญ กรรม ที่ นำ พา
ให้ เกิด มา แตก ต่าง กัน....
.................................................
ด้วยความปรารถนาดีและไมตรีจิต
รวี สัจจะ-สมณะไร้นาม
๒๑ กรกฎาคม ๒๕๕๓ เวลา ๑๒.๕๖ น. ณ ศาลาน้อย ริมน้ำโขง ชายขอบประเทศไทย