ตถตาอาศรม ริมฝั่งโขง
๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๓
เป็นการนำประสพการณ์ของครั้งหนึ่งในชีวิต มาเล่าสู่กันฟัง เพื่อให้เป็นข้อคิด คติเตือนใจ
ไม่ได้มีเจตนาที่จะกล่าวล่วงเกินท่านผู้ใดหรือทำให้ใครต้องเสียผลประโยชน์ แต่เป็นเรื่องที่เรา
ท่านทั้งหลายควรจะฟังไว้ แล้วนำไปคิด วิเคราะห์ เพื่อผลประโยชน์ของตัวท่านเอง....
ครั้งหนึ่งในชีวิต...ที่ได้เข้าไปรู้เห็นในกระบวนการ " ปั่นราคา "พระเครื่องและวัตถุมงคล
เพื่อผลประโยชน์กำไร โดยกระทำกันเป็นขบวนการ มีการวางแผนที่แยบยล เป็นขั้นเป็นตอน
เพื่อปั่นราคา" พระหลักร้อยให้เป็นพระหลักล้าน " ซึ่งขั้นตอนมีดังนี้
๑.ระดมเงินทุนให้ได้เป็นหลักล้าน เพื่อใช้ในการดำเนินการ
๒.แบ่งงานกันทำ ใช้ทุนตะเวณเช่าซื้อมาเข้าคอก ( ภาษาเซียน )
๓.ออกราคาเช่าซื้อ เพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ ตามกำลังทุน
๔.เมื่อกักตุนของได้ตามเป้าที่วางไว้ ก็ใช้ออกสื่อ
๕.ลงปกหนังสือ เขียนบรรยาย ความขลังความศักดิ์สิทธิ์
๖.สร้างอิทธิ ปาฏิหารย์ สร้างประสพการณ์ออกมาให้เห็น เช่นบูชาแล้วถูกล๊อตเตอรี รางวัลที่ ๑ (ซึ่งไปซื้อจากผู้ที่ถูกรางวัล )
ไปถ่ายภาพหน้ารถที่ชนยับ พร้อมกับโชว์วัตถุมงคล จ้างคนดังมาเป็นนายแบบ นางแบบ ฯลฯ
๗.ปล่อยกระแสออกสื่อ ซื้อเข้าขายออก ( บอกว่ามีออร์เดอร์สั่งจอง )
๘.ทะยอยออกของที่เก็บกักตุนไว้ ( ปล่อยออกไปทีละชิ้น ) พร้อมบอกว่า ช่วงนี้หายากมาก ไม่มีคนปล่อย
๙.ค่อยๆถอยเมื่อคืนทุนและได้กำไรตามเป้าหมายที่วางไว้ ปล่อยให้ราคาเป็นไปตามกระแสค่านิยม
๑๐.นั่งรอชมแมงเม่าที่บินเข้ากองไฟ หลงเข้ามาในวังวนของผลประโยชน์ ด้วยความโลภทั้งหลาย
แต่ผลสรุปสุดท้ายของผู้ที่กระทำ คือรอรับผลกรรมที่จะส่งผล ซึ่งอาจจะมาเร็วหรือมาช้านั้น ขึ้นอยู่กับบุญเก่าของเขา
เงินทองทรัพย์สินที่ได้มา จากการ "ปั่นราคา"พระเครื่องนั้น ก็จะมีอันหมดไปด้วยสาเหตุต่างๆ ซึ่งมีตัวอย่างให้เห็นกันอยู่มากมาย
ฉะนั้นอย่าได้สะสมตามกระแสนิยม ให้สะสมพระเครื่องและวัตถุมงคลด้วยใจศรัทธา อย่าไปยึดติดอยู่กับราคาค่านิยม
ให้สะสมด้วยความเคารพศรัทธาและคุณค่าทางจิตใจ " ท่านจึงจะไม่เป็นแมงเม่าที่บินเข้ากองไฟ " เป็นเหยื่อของนักปั่นราคาทั้งหลาย
ผู้อาศัยความเชื่อและความศรัทธาของพุทธบริษัท นำมาหากิน หาผลประโยชน์ โดยไม่กลัวซึ่งบาปกรรม
เคารพและศรัทธาในครูบาอาจารย์ " พระอุดมประชานาถ (หลวงพ่อเปิ่น ฐิตคุโณ )และศิษย์วัดบางพระทุกท่าน
ที่ไม่มีขบวนการอย่างนี้ เกิดที่วัดบางพระและกับศิษย์หลวงพ่อเปิ่น ตั้งแต่เริ่มต้นจนมาถึงทุกวันนี้ ด้วยคุณงามความดีและบารมี
ของหลวงปู่หิ่นและหลวงพ่อเปิ่น ความเจริญแห่งพลังศรัทธาจึงนับวันจะเพิ่มขึ้น ไม่เสื่อมสลายลดน้อยถอยลง มีแต่จะเพิ่มขึ้น
คิดถึงภาพก่อนงานไหว้ครูวัดบางพระปี พ.ศ.๒๕๔๖ หลังสิ้นหลวงพ่อ ก่อนวันงานเงียบเหงาจนน่าใจหาย กลางคืนก่อนงานนั้น
ผู้คนมากันน้อยมาก นั่งมองทางกันอยู่บนกุฏิทรงไทยชายน้ำ ว่าลูกศิษย์หลวงพ่อเก่าๆใครจะมาบ้าง ตั้งแต่เช้าจนดึก ยังไม่มีใครมา
ตีสี่กว่าๆผู้คนเริ่มทะยอยมามากขึ้นเรื่อยๆ จนถึงเวลาทำพิธี ลานวัดหน้าประรำพิธีแน่นจนไม่มีที่จะยืน ตื่นเต้นกันจนน้ำตาใหล
ด้วยความปลื้มปิติในใจ ที่ศิษย์หลวงพ่อเปิ่นทั้งหลายไม่ได้ลืมครูบาอาจารย์ แม้ว่าท่านจะละสังขารไปแล้ว ศิษย์ทุกคนยังเคารพศรัทธา
ไม่เสื่อมคลายและเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ สืบสานเจตนารมณ์ของหลวงพ่อเปิ่นและวัดบางพระมาจนเท่าถึงทุกวันนี้ นี้คือความดีและ
ของดี ที่ไม่ได้มาจากการสร้างกระแส แต่มาด้วยจิตศรัทธาที่แท้จริง เป็นสิ่งที่เราท่านทั้งหลายได้รู้และได้เห็นในวันนี้
จึงขอฝากไว้เพื่อเป็นข้อคิดสะกิดเตือนใจ ศิษย์หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระทั้งหลาย ขอให้ยึดมั่นในคุณงามความดีที่มีหลวงพ่อ
ท่านเป็นแบบอย่างและที่ท่านได้วางไว้ดีแล้ว เป็นแนวทางของชีวิต รักษาสืบทอดกันต่อไป เพื่อให้เป็นการปฏิบัติบูชาต่อครูบาอาจารย์...
ด้วยความปรารถนาดีและไมตรีจิตแต่มวลมิตรทุกผู้คน
รวี สัจจะ-สมณะไร้นาม-วจีพเนจร
๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ เวลา ๑๑.๓๗ น. ณ ศาลาน้อยริมน้ำโขง ชายขอบประเทศไทย