วันศุกร์ที่ ๒๖ มีนาคม พ.ศ.๒๕๕๓
วัดทุ่งเว้าริมฝั่งโขง ชายขอบประเทศไทย
รับรู้และรับฟังข่าวสารของบ้านเมือง คิดและพิจารณาตามจนทำให้เกิดธรรมสังเวช
คือความสลดใจ คิดถึงคำกล่าวสอนของหลวงพ่อพุทธทาสขึ้นมาทันที ที่ท่านได้กล่าวไว้ว่า
" เมื่อศีลธรรมไม่กลับมา โลกาจะวินาศ " ซึ่งในเวลานี้ก็เริ่มจะเห็นขึ้นมาแล้ว ว่ามันเป็นเช่นไร
การเมืองไทยเปลี่ยนแปลงไป เมื่อใช้ระบบธุรกิจการเมืองเข้ามาบริหาร เพราะธุรกิจนั้นมันต้อง
ได้มาซึ่งผลประโยชน์กำไรของผู้บริหารเป็นหลัก ประชาชนคือผู้บริโภค ย่อมเป็นผู้ถูกเอาเปรียบในสังคม
และธุรกิจนั้นมันต้องมีการโฆษณาชวนเชื่อ ซึ่งบางครั้งอาจจะเกินจริงและเป็นไปไม่ได้ แต่มันเป็นการตลาด
ที่ผู้ประกอบการธุรกิจที่ต้องกระทำ เพื่อให้ผู้บริโภคได้รู้จักธุรกิจที่ตนกระทำ รู้จักสินค้าที่นำมาเสนอ
ดั่งที่เคยกล่าวไว้ว่า "ความสำเร็จของชีวิต อยู่ที่จิตคิดว่าพอ" ถ้าเราเข้าใจธรรมะและปฏิบัติตามธรรม
ปัญหาทั้งหลายก็จะไม่เกิดขึ้น แต่ในโลกนี้ดั่งที่ท่านสัญชัยปริพาชกอดีตอาจารย์ของพระโมคคัญลาและ
พระสารีบุตรได้ถามท่านทั้งสองที่มาชักชวนให้ไปเฝ้าพระพุทธเจ้าว่า "ในโลกนี้คนโง่กับคนฉลาดใครมี
มากกว่ากัน" พระสารีบุตรตอบว่า" คนโง่มีมากกว่า " ท่านสัญชัยจึงบอกว่า"เธอเป็นผู้มีปัญญาจงไปหา
พระพุทธเจ้าเถิด เราจะอยู่กับคนโง่เหล่านี้เอง" ทั้งที่ท่านรู้ว่าผิดแต่ความมีทิฏฐิท่านเลยไม่ยอมทำตาม
คำชักชวนของพระโมคคัญลาและพระสารีบุตร ทำให้คิดถึงสุภาษิตบทหนึ่งขึ้นมา เป็นโพธิสัตว์คาถาที่ว่า
" อนยํ นยติ ทุมฺเมโธ อธุรายํ นิยุญํํชติ
ทุนฺนโย เสยฺยโส โหติ สมฺมา วุตฺโต ปกุปฺปติ
วินยํ โส น ชานาติ สาธุ ตสฺส อทสฺสนํ "
แปลความว่า " คนพาลชอบชักนำในทางที่ผิด
คนพาลมักทำในสิ่งที่ไม่ใช่ธุระ
คนพาลมักเห็นผิดเป็นชอบ
คนพาลแม้พูดดีๆก็โกรธ
คนพาลไม่ยอมรับระเบียบวินัย
ดังนั้น การไม่พบเห็นคนพาลจึงเป็นการดี "
โพธิสัตว์คาถา อกิตติชาดก ๒๗/๓๓๗
ฉะนั้นในการรับฟังข่าวสารทั้งหลาย จงใช้จิตพิจารณา ใคร่ครวญไตร่ตรองเสียก่อน จึงจะเชื่อหรือปฏิเสธ
" ถ้าเชื่อทันที เรียกว่างมงาย
ถ้าปฏิเสธทันที เรียกว่าขาดประโยชน์
ควรพิจารณา ไตร่ตรอง ให้รอบคอบ
ควรทดลองพิสูจน์ฝึกฝนที่ใจตน
ให้เกิดความกระจ่างชัดเจนขึ้นด้วยใจตน
แล้วจึงเชื่อ หรือปฏิเสธ ในสิ่งที่รับรู้นั้น
มันจะทำให้เราไม่งมงายและไม่ขาดประโยชน์ "
จึงขอฝากไว้ให้เป็นข้อคิดในการรับฟังข่าวสาร เหตุการณ์บ้านเมืองในยุคปัจจุบันนี้
ทำใจให้มีธรรมคุ้มครองจิตเสียก่อน จึงจะคิดและพิจารณา เสพในข่าวสารเหล่านั้น
เมื่อวางใจเป็นกลางไม่มีอคติกับทั้งสองฝ่าย ใจเราก็จะสบายไม่เป็นทุกขืกับข่าวสารนั้น
เพราะว่าโลกนี้มันเป็นเช่นนั้นเอง...กมฺมุนา วตฺตติโลโก สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม...
ด้วยความปรารถนาดีและไมตรีจิต
รวี สัจจะ-สมณะไร้นาม
๒๖ มีนาคม ๒๕๕๓ เวลา ๐๘.๔๔ น. ณ ริมฝั่งแม่น้ำโขง ชายขอบประเทศไทย
อาฮุยลูกศิษย์จากสิงคโปร์ถ่ายกับสามเณรฤดูร้อนรุ่นแรกของวัดทุ่งเว้า