กระดานสนทนาวัดบางพระ

หมวด มิตรไมตรี => รวมสมาชิก (มิตรไมตรี) => ข้อความที่เริ่มโดย: คนรักษ์พระ ที่ 07 ก.ค. 2552, 02:50:47

หัวข้อ: ปลัดขลิก จากหนังสือพิมพ์คมชัดลึก
เริ่มหัวข้อโดย: คนรักษ์พระ ที่ 07 ก.ค. 2552, 02:50:47



                   ในบรรดาเครื่องรางของขลัง ที่โบราณาจารย์นิยมจัดสร้างขึ้น มีเครื่องรางประเภทหนึ่ง มีลักษณะรูปร่างแปลกตาไปจากวัตถุมงคลประเภทอื่น กล่าวคือ จะมี

สัณฐานเป็นรูป "ลึงค์" หรืออวัยวะเพศชาย โดยจัดสร้างขึ้นมามากมาย หลายขนาด ตั้งแต่เล็กจิ๋วกว่าปลายนิ้วก้อย ไปจนถึงขนาดเท่าของจริง และขนาดใหญ่โตมโหฬาร

สูงท่วมหัว เครื่องรางชนิดนี้ได้รับความนิยมพกติดตัว ตลอดจนเคารพบูชากันเป็นที่เอิกเกริก ซึ่งเรารู้จักกันในชื่อของ "ปลัดขิก"    ด้วยความนิยมใช้ปลัดขิก ถึงขนาดที่ว่ามี

การท่องไล่เลียง "ของดี" หรือของสุดยอดของเครื่องราง ที่คู่ควรสะสมไว้ว่า
     
                      "ปลัดขิกหลวงพ่อเหลือ เสือหลวงพ่อป่าน หนุมานหลวงพ่อสุ่น วัวปั้นหุ่นวัดศรีษะทอง เบี้ยแก้กันวัดนายโรง ตะกรุดหลวงปู่เอี่ยมวัดสะพานสูง"

              ความเป็นมาของ "ปลัดขิก" ค่อนข้างเกี่ยวพันกับคติความเชื่อดั้งเดิมในเรื่องความอุดมสมบูรณ์ โดยเชื่อว่า"ลึงค์"หรืออวัยวะเพศชาย เป็นบ่อเกิดแห่งสรรพสิ่งมีชีวิตใน

จักรวาล อันเป็นรากฐานมาจากคติการบูชา "ศิวลึงค์" หรือลึงค์ของพระศิวะ ในลัทธิไศวนิยาย ที่บูชาพระศิวะเป็นใหญ่ อันเป็นที่มาของการเรียก "ลึงค์" ว่า "เจ้าโลก" ซึ่ง

แตกต่างจากอีกนิกายหนึ่งในศาสนาฮินดูที่เคารพบูชา "โยนี" หรือ อวัยวะเพศหญิง ในลัทธิศักติ ที่เชื่อว่าสรรพสิ่งต่างๆ จะเกิดขึ้นได้ต้องประกอบด้วยโยนี การบูชาลึงค์

ค่อยๆ เผยแพร่ในสยามประเทศ เนื่องมาจากขอมเคยมีอิทธิพลอยู่ในบริเวณเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งไทยเราก็รับคติดังกล่าวมาประยุกต์ดัดแปลงและกำหนด

เอกลักษณ์เฉพาะตัวขึ้น  มีบางคนตั้งข้อสังเกตว่า เหตุใดความเชื่อของฮินดูจึงเข้ามาผูกพันกับพุทธศาสนา โดยเฉพาะในกรณีของปลัดขิก สาเหตุก็คือพุทธศาสนานั้นได้ปรับ

เปลี่ยนและดัดแปลงเอาความเชื่อดั้งเดิมในวิถีชีวิตมนุษย์ตลอดจนความศรัทธาอื่นๆเข้ามาด้วยกัน เพื่อประโยชน์ในการเข้าถึงรากเหง้าดั้งเดิม ตลอดจนเป็นกุศโลบายในการเผย

แพร่ศรัทธาที่ไม่ขัดแย้งกับความเชื่ออื่นๆ เช่น ประเพณีบุญบั้งไฟของชาวอีสาน เพื่อเป็นการบูชาแทนขอฝนให้ตกต้องตามฤดูกาล เหมือนกับการแห่นางแมวของคนภาคกลาง

สองพิธีกรรมที่อยู่คนละภาคนี้ มีความคล้ายคลึงกันในเรื่องของสัญลักษณ์ที่ใช้ส่อไปทางเพศสัมพันธ์ เช่น การใช้ไม้มาแกะสลักเป็นอวัยวะเพศชาย เรียกว่า "บักแบ้น"

หรือ "ปลัดขิก" ในอีสานหรือ "ขุนเพ็ด" ประเพณีแห่ผีตาโขน ของชาว อ.ด่านซ้าย จ.เลย ผีทุกตัวจะถืออาวุธในมือ ซึ่งทำด้วยทางมะพร้าว โดยทำด้ามเป็นลักษณะเหมือน

ปลัดขิก นอกจากนี้ ปลัดขิกยังถูกนำไปใช้เป็นเครื่องรางป้องกันอาถรรพณ์อีกหลายอย่าง เช่น ในช่วง ๔-๕ ปี ที่ผ่านมา ชาวบ้านร้อยเอ็ด กลัว ผีแม่ม่าย จะมาเอา

ชีวิต ผู้ชายในหมู่บ้านจึงแก้เคล็ดด้วยการ ทำปลัดขิกขนาดใหญ่ ติดหน้าบ้านของผู้ชายที่มีชื่อขึ้นต้นด้วยอักษร "ส" และ "ย" อันเป็นเป้าหมายของผีแม่ม่าย ส่วนการนำ

ปลัดขิกมาใช้เป็นเครื่องรางสำหรับพกพาติดตัวนั้น จากหลักฐานที่ปรากฏ จะพบว่า ปลัดขิกยุคเริ่มแรก สร้างจากแก่นไม้ที่มีสรรพคุณทางรักษา และป้องกันโรค เช่น แก่น

ของต้นคูณ ซึ่งมีชื่อทางพฤกษศาสตร์ว่า "CASSIAFISTULA, LINN" ผู้คนพกพาติดตัวเดินทางไกล เมื่อจะกินน้ำตามห้วยหนองคลองบึงต่างๆ ก็จะใช้ปลัดขิกฝนผสมเข้าไป

เพื่อป้องกันเชื้อโรคที่สะสมอยู่ในน้ำ ต่อมาเมื่อกิตติศัพท์ทางแคล้วคลาดรอดพ้นจากโรคภัยและอันตรายต่างๆ ขจรขจายออกไป ก็เกิดความนิยมในการเสาะแสวงหา บรรดาพระ

เกจิอาจารย์ต่างๆ จึงพากันจัดสร้างปลัดขิกตามตำรับของตน จนเป็นที่แพร่หลายในเวลาต่อมา

          เมื่อพระเกจิอาจารย์เริ่มสร้างปลัดขิก ท่านก็รวบรวมเอาความรู้ต่างๆ ดำเนินการปลุกเสก และจัดสร้าง มีการเลือกไม้หรือวัสดุอันเป็นมงคลตลอด จนจดจาร

พระคาถา เพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นใจให้ผู้คนมากยิ่งขึ้น ดังนั้นอานุภาพของปลัดขิกจึงมิได้จำกัดอยู่เพียงการรักษาป้องกันโรคแต่เพียงอย่างเดียว หากแต่ได้กลายสภาพเป็นเครื่องราง

ของขลัง (Charm and Talismans) โดยมีความเชื่อว่ามีอานุภาพทางด้านป้องกันอันตราย มีเสน่ห์เมตตามหานิยม โชคลาภ การทำมาค้าขาย หรืออื่นๆ อีกด้วย

          ในความเป็นจริงแล้ว ปลัดขิกถูกใช้เป็นสัญลักษณ์ของเพศชายมาแต่โบราณ ปลัดขิกดอกน้อยๆ จะถูกผูกไว้ที่สะเอวของเด็กเพศชาย ซึ่งนอกจากความเชื่อ

ในด้านป้องกันอันตรายแล้ว ยังเป็นเครื่องมือที่บ่งชี้ในเรื่องเพศอย่างเด่นชัด อย่างไรก็ตาม มีผู้คนสงสัยมากมาย ถึงชื่อและความหมายของ "ปลัดขิก" บางคนก็ถามแบบยั่ว

โทสะว่า ทำไมไม่เรียก "นายอำเภอขิก" หรือ "ผู้ว่าขิก" บางท่านสันนิษฐานว่า คนแขวนคนแรกคงเป็นปลัดขิก ซึ่งจริงๆ แล้วเป็นการพ้องเสียงมาจากคำว่า "ปราศวะ" ใน

ภาษาสันสกฤษ ซึ่งแปลว่า "เคียงข้าง" ในขณะที่ภาษาไทยเราจะเรียกผู้อยู่เคียงข้างนายอำเภอว่า "ปลัดอำเภอ" ผู้อยู่เคียงข้างผู้ว่าราชการจังหวัดว่า "ปลัดจังหวัด"

เหตุที่ให้ความหมายว่าเคียงข้าง หรือผู้อยู่เคียงข้าง เนื่องจากเวลาแขวนปลัดขิกนั้น ผู้ใช้ไม่ได้คล้องคอ หากแต่ผูกอยู่ที่สะเอว หรือบริเวณสีข้าง เรียกว่าไปไหนไปด้วยกัน

และสมัยก่อนก็นิยมแขวนให้ห้อยออกมานอกร่มผ้า เมื่อสาวแก่แม่ม่ายเห็นรูปอวัยวะเพศชายห้อยออกมา ก็พากันหัวเราะหัวใคร่ "คิกคิกคักคัก" กันเป็นที่สนุกสนาน ผู้คนก็เลย

เรียกกันว่า "ปลัดคิก" ก่อนจะเพี้ยนมาเป็น "ปลัดขิก" ในปัจจุบัน

                           โบราณาจารย์ในสยามประเทศ นิยมสร้างเครื่องรางชนิดนี้กันอย่างแพร่หลาย บ้างก็ลงอักขระเลขยันต์ เช่น อะ อุ มะ หรือ โอม อันเป็นการ

สรรเสริญ พระพรหม พระวิษณุ และพระศิวะ ในศาสนาฮินดู บ้างก็จารจารึกอักขระอื่นๆ พระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงทางด้านการสร้างปลัดขิกก็คือ หลวงพ่อเหลือ วัด

สาวชะโงก จ.ฉะเชิงเทรา หลวงพ่ออี๋ วัดสัตหีบ จ.ชลบุรี เป็นต้น

                            ปัจจุบันแม้โลกจะเจริญก้าวหน้าด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ แต่ผู้คนก็ยังนิยมบูชาเครื่องรางที่เรียกว่า "ปลัดขิก" กันอย่างแพร่หลาย ตามกระเป๋าพ่อค้าแม่

ขายจะใส่ปลัดขิกดอกน้อยไว้เพื่อให้ทำมาค้าขึ้น บางคนก็ตั้งไว้หน้าร้าน ปิดทองอย่างสวยงาม นัยได้ว่า "ปลัดขิก" กลับแหวกกระแสของความเจริญเข้ามาอยู่ในความศรัทธา

ของสังคมไทย และก้าวไปพร้อมความเจริญ โดยมิได้ตกยุคตกสมัยแต่อย่างไร

                                                                                                      ขอบคุณครับ

               ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยนะครับ
หัวข้อ: ตอบ: ปลัดขลิก จากหนังสือพิมพ์คมชัดลึก
เริ่มหัวข้อโดย: ณ.อยุธยา ที่ 07 ก.ค. 2552, 03:01:38
ขอบคุนสำหรับข่าวสารครับผม :114:
หัวข้อ: ตอบ: ปลัดขลิก จากหนังสือพิมพ์คมชัดลึก
เริ่มหัวข้อโดย: ~เสน่ห์ต้นน้ำ~ ที่ 07 ก.ค. 2552, 08:53:57
ขอบคุณพี่เจมส์ครับ
 ชอบตรงที่แต่ก่อนชื่อ ปลัดคิก แต่เพี้ยนมาเป็น ปลัดขิก ในปัจจุบัน
:005:
หัวข้อ: ตอบ: ปลัดขลิก จากหนังสือพิมพ์คมชัดลึก
เริ่มหัวข้อโดย: derbyrock ที่ 07 ก.ค. 2552, 08:56:05
ขอบคุณ คุณเจมส์ครับที่นำเรื่องราที่มีเนื้อหาสาระดีๆมาให้อ่านกันครับ
หัวข้อ: ตอบ: ปลัดขลิก จากหนังสือพิมพ์คมชัดลึก
เริ่มหัวข้อโดย: รวี สัจจะ... ที่ 07 ก.ค. 2552, 10:54:20
 :054:พระอาจารย์ของหลวงพ่อเหลือ วัดสาวชะโงก ผู้สอนวิชานี้ ท่านชื่อหลวงปู่" ขลิก "(มีเจดีย์บรรจุอัฎฐิท่าน อยู่ที่วัดสาวชะโงกไปพิสูจน์ได้) ซึ่งหลวงพ่อเหลือและหลวงพ่ออี๋ ต่างก็เรียนวิชานี้มาจากท่าน  และจะแลกเปลี่ยนวิชากันในงานเข้ากรรม(ปริวาสกรรม) หลังออกพรรษารับกฐินแล้ว (แรม ๗ค่ำ เดื่อนอ้าย)ที่ป่าช้าเก่า วัดสาวชะโงกครับ เพื่อชำระศีล ก่อนออกเดินธุดงค์ ไปไหว้พระพุทธบาทที่สระบุรีครับ หรือไปที่อื่นครับ (ซึ่งเรื่องนี้ ถ้าไม่ใช่คนสายตรง วงใน จะไม่รู้กันครับ ) ประวัติที่มาของคำว่า "ปลัดขลิก "ส่วนใหญ่ที่ว่ากันมา เป็นเรื่องสัณนิฐาน ตามความเข้าใจของตนเอง ซึ่งส่วนใหญ่ไม่รู้จริงในเรื่องนี้  (สมัยหลวงพ่อเหลือท่านยังมีชีวิตอยู่ ถ้าท่านได้ยินใครเรียก " ศิวลึงค์ "ว่า " ปลัดขลิก " คนๆนั้นจะโดนท่านดุเอาครับ  ท่านไม่ให้เรียกว่าปลัดขลิก เพราะเป็นชื่อของครูบาอาจารย์ท่าน
หัวข้อ: ตอบ: ปลัดขลิก จากหนังสือพิมพ์คมชัดลึก
เริ่มหัวข้อโดย: ~@เสน่ห์เอ็ม@~ ที่ 07 ก.ค. 2552, 11:44:50
ขอบคุณข้อมูลจากพี่เจมส์มาก ครับ
ขอบคุณ ความรุ้ดีๆ จากพระอาจารย์โด่งด้วย ครับ

 :054: :054:
หัวข้อ: ตอบ: ปลัดขลิก จากหนังสือพิมพ์คมชัดลึก
เริ่มหัวข้อโดย: porpar ที่ 07 ก.ค. 2552, 12:34:46
ขอบคุณสำหรับข่าวสารครับผม ............. :015: :114:
หัวข้อ: ตอบ: ปลัดขลิก จากหนังสือพิมพ์คมชัดลึก
เริ่มหัวข้อโดย: yout ที่ 07 ก.ค. 2552, 07:52:27
ขอบคุณครับคุณเจมส์............ :114: :114: :114:................
หัวข้อ: ตอบ: ปลัดขลิก จากหนังสือพิมพ์คมชัดลึก
เริ่มหัวข้อโดย: ~เสน่ห์ack01~ ที่ 09 ก.ค. 2552, 06:52:30
กราบนมัสการขอบพระคุณพระอาจารย์

...ขอบคุณพี่เจมส์...


...ที่ให้ความรุ้เกี่ยวกับเรื่องปลัดขิก นะครับ....


(http://img44.imageshack.us/img44/3595/dsc01550re.jpg)
หัวข้อ: ตอบ: ปลัดขลิก จากหนังสือพิมพ์คมชัดลึก
เริ่มหัวข้อโดย: umpawan ที่ 09 ก.ค. 2552, 09:20:21
ขอบคุณฯทุกๆความรู้ครับ  :016:
หัวข้อ: ตอบ: ปลัดขลิก จากหนังสือพิมพ์คมชัดลึก
เริ่มหัวข้อโดย: @ZeRo@ ที่ 09 ก.ค. 2552, 10:22:41
ขอบคุณที่นำความรุ้มาเล่าสู่กันฟังครับ ชอบสะสมปลัดขิกเหมือนกันครับ