กระดานสนทนาวัดบางพระ
หมวด มิตรไมตรี => บทความ บทกวี => ข้อความที่เริ่มโดย: กระเบนท้องน้ำ ที่ 06 ม.ค. 2553, 12:49:19
-
(http://img96.imageshack.us/img96/5065/bfcdjdai9g8aiaajj6bdg.jpg)
การสักลวดลายบนผิวหนังที่เรียกว่าสักลายหรือสักยันต์เป็นวัฒธรรมอย่างหนึ่งของไทยที่มีมาช้านานในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยถานพ.ศ.๒๕๒๕เขียนว่า"สัก" คือการเอาเหล็กแหลมแทงลงด้วยวิธีการหรือเพื่อประโยชน์ต่างๆกันใช้เหล็กแหลมจุ่มหมึกหรือน้ำมันงาผสมว่าน๑๐๘ชนิดเป็นต้นแทงที่ผิวหนังให้เป็นอักขระเครื่องหมายหรือลวดลายถ้าใช้หมึกเรียกว่าสักหมึกถ้าใช้น้ำมันเรียกว่าสักน้ำมัน
ส่วนเหตุผลที่การสักยังคงมีอยู่คือหลายคนยังเชื่อว่าการสักจะทำให้มีโชคและอยู่ยงคงกระพันพ้นอันตรายรูปแบบของการสักแต่ละชนิดจะมีความขลังที่แตกต่างกันลายสักหรือยันต์บางชนิดสามารถช่วยผู้ที่สักให้รอดพ้นจากสถานการณ์ที่ยุ่งยากได้สัญลักษณ์บางอย่างของลายสักสามารถทำให้ผิวหนังเหนียวได้ศัตรูยิงไม่ออกฟันไม่เข้าเชื่อว่าการสักจะช่วยให้รอดพ้นจากสถานการณ์อันเลวร้ายได้ด้วย
นอกจากนี้การสักทางไสยศาสตร์ยังเชื่อมโยงกับการระวังอันตรายและความปลอดภัยทำให้แคล้วคลาดต่ออันตรายต่างๆศิลปะพื้นบ้านประเภทนี้อาจจะกระตุ้นความรู้สึกให้เกิดศรัทธาความเชื่อมั่นเกิดความมั่นใจ
วิธีหรือประเภทของการสักยันต์นั้นเป็นที่ทราบกันดีในหมู่คนนิยมชมชอบการสักยันต์ว่าการสักยันต์ลงอักขระเลขยันต์มีอยู่๒อย่างคือ
๑.การสักหมึกนิยมใช้หมึกจีนมาฝนกับน้ำพระพุทธมนต์สมัยก่อนนิยมหาดีเสือ, ดีหมี, ดีงูเห่าเป็นส่วนผสมและ๒.การสักน้ำมันส่วนมากจะใช้น้ำมันจันทน์หอมแช่ว่านหรือน้ำมันงาขาวบางสำนักจะผสมน้ำมันช้างตกมันน้ำมันเสือโคร่ง
การสักน้ำมันคนสมัยนี้นิยมกันมากเพราะเป็นการสักยันต์โดยร่างกายไม่มีลวดลายให้เห็น
ทั้งนี้การสักหมึกและสักน้ำมันมีขั้นตอนการลงเข็มสักยันต์เหมือนกันคืออาจารย์ผู้สักจะให้ลูกศิษย์กดผิวหนังที่จะสักให้ตึงแล้วใช้เข็มสักแทงตามรูปแบบพิมพ์นั้นปากก็บริกรรมคาถาไปตลอดเวลาที่สักเป็นการส่งกระแสถ่ายทอดพระเวทลงไปในรูปยันต์นั้นระยะเวลาสักยันต์แล้วแต่รูปยันต์ที่สัก
อย่างไรก็ตามการสักยันต์ด้วยน้ำมันนั้นยังมีอีกวิธีหนึ่งคือการทาน้ำมันลงบนผิวหนังจากนั้นจะใช้เหล็กจารเขียนยันต์ลงไปเลยซึ่งปัจุบันนี้ไม่พบให้เห็นมากหนัก
อย่างเช่นการลงยันต์น้ำมันของพระครูชัยวงศ์วุฒิคุณหรือหลวงพ่อวงศ์ เจ้าคณะอำเภอพุนพิน และเจ้าอาวาสวัดประชาวงศาราม ต.กรูด อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี
ปีหนึ่งๆหลวงพ่อวงศ์จะลงยันต์น้ำมันให้เพียงครั้งเดียววันเดียวเฉพาะวันไหว้ครูซึ่งตรงกับวันพฤหัสบดีแรกของเดือน๖ไทยในปี๒๕๕๒นี้ตรงกับวันที่๓๐เมษายนขึ้น๗ค่ำเดือน๖โดยเริ่มไหว้ครูก่อนเวลาประมาณ๐๗.๑๙น. ส่วนใหญ่ฤกษ์ลงยันต์จะไม่เกินบ่ายโมง
หากใครพลาดโอกาสต้องรอปีถัดไปการสักยันต์ของหลวงพ่อวงศ์จะไม่มีลูกศิษย์คอยเขียนยันต์ให้ก่อนแล้วไปให้ท่านเป่าทีหลังเหมือนสำนักอื่นๆที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือลูกศิษย์ที่ลงยันต์จะเลือกหรือขอให้หลวงพ่อวงศ์ลงยันต์ตัวหนึ่งตัวใดไม่ได้
(http://img69.imageshack.us/img69/5995/ahah8eia6jk7f8kdbgabf.jpg)
พิธีกรรมลงยันต์ในวันไหว้ครูนั้นหลวงพ่อวงศ์เริ่มจุดเทียนธูปบูชาพระรัตนตรัยบูชาครูบาอาจารย์และทวยเทพเทวาจากนั้นท่านจะอ่านโองการบวงสรวงและกล่าวนำบูชาครูตามตำราของท่านให้พวกเรากล่าวตามอยู่นานพอสมควร
เสร็จพิธีบูชาครูแล้วท่านจะเตรียมโถแก้วใบหนึ่งภายในบรรจุน้ำมันมนต์ที่มีหัวว่านมงคลด้านคงกระพันสารพัดชนิดแช่อยู่เต็มโถออกมาตั้งพร้อมบริกรรมพระคาถา
น้ำมันมนต์โถนี้ท่านทำไว้หลายปีแล้วเพื่อนำมาลงยันต์สักน้ำมันบนแผ่นหลังให้กับศิษย์ที่ต้องการเสร็จจากการบริกรรมพระคาถาในโถน้ำมันท่านจะหันมาบอกว่าเอ้า...ใครจะลงก็เข้ามา"
หลังจากจะใช้น้ำว่านลูบบนแผ่นหลังท่านจะใช้เหล็กจารเขียนยันต์ให้ส่วนจะเป็นยันต์ตัวใดนั้นท่านดูให้เองว่าคนไหนควรลงยันต์อะไร
(http://img69.imageshack.us/img69/9461/kb6kk9dgcbj9d957i8h5i.jpg)
เท่าที่ทราบท่านจะลงยันต์หัวใจต่างๆเช่น๑.พระเจ้า๕พระองค์(นะโมพุทธายะ) ๒.ยันต์มหาลาภประกอบด้วยยันต์หัวใจพระสิวลียันต์หัวใจมนุษย์ยันต์หัวใจพระฉิม๓.ยันต์หัวใจอิติปิโสยันต์หัวใจพระนิพพาน(อะระหัง) ๔.หัวใจยอดศีลคือพุทธะสังมิ๕.หัวใจสัตตะโพชฌงค์คือสะธะวิปิปะสะอุ๖.หัวใจพระรัตนตรัยคืออิสะวาสุ๗. หัวใจพาหุงคือพามานาอุกะสะนะทุ๘.หัวใจพระพุทธเจ้าคืออิกะวิติ๙.หัวใจแม่พระธรณีคือเมกะมุอุและ๑๐.คาถาแคล้วคลาดป้องกันอันตรายต่างๆปราศจากศัตรูเป็นต้น
ส่วนค่าขันบูชาครูนั้นไม่มีและไม่ต้องใช้เครื่องบูชาครูเหมือนสำนักอื่นๆสุดแล้วแต่ใครจะศรัทธาทำบุญ
สำหรับข้อปฏิบัติและข้อห้ามของคนลงยันต์ไปแล้วนั้นนอกจากต้องถือศีล๕แล้วข้อห้ามอย่างหนึ่งคือห้ามกินมะเฟืองเพราะจะไปล้างว่านและคาถา
สำหรับชาติภูมิของหลวงพ่อวงศ์ท่านเกิด เมื่อวันที่๖มีนาคม ๒๔๗๒ที่ต.บางมะเดื่ออ.พุนพินจ.สุราษฎร์ธานี ชื่อเดิมวงศ์ตาลประสิทธิ์เ ป็นบุตรนายเขียนนางบุญมาก
(http://img199.imageshack.us/img199/3521/8aia59dhkeed5g797ee9j.jpg)
อุปสมบท เมื่อวันที่๒๐มิถุนายน ๒๔๙๙เมื่ออายุ๒๖ปีที่วัดทองนพคุณ กทม. มีหลวงพ่อพระสังวรวิมลเป็นพระอุปัชฌาย์เจ้าคุณหลวงพ่อภัทรมุณีเป็นพระกรรมวาจาจารย์หลวงพ่อพระกิตติสารโสภณเป็นพระอนุสาวนาจารย์
หลังจากบวชได้๒พรรษาท่านได้เริ่มออกธุดงค์เมื่อวันที่๖มีนาคม๒๕๐๑ก่อนออกธุดงค์ท่านได้ไปกราบพระประธานในอุโบสถพร้อมอธิษฐานต่อหน้าพระในใจว่าขอมอบกายถวายชีวิตนี้ให้แก่ชาติศาสนาพระมหากษัตริย์จะขอยึดเอาเพศบรรพชิตไปตลอดชีวิตจะไม่สิกขาลาเพศออกไปครองเรือนตลอดชีวิต
ทั้งนี้หลวงพ่อวงศ์ออกธุดงค์ไปทางภาคเหนือประมาณ๗-๘ปีพบอาจารย์ทั้งที่เป็นพระเกจิและฆราวาสจอมขมังเวทหลายท่าน
ในจำนวนนี้มีอยู่ท่านหนึ่งที่ขึ้นชื่อว่าเป็นฆราวาสจอมขมังเวทแห่งปากน้ำโพคือปู่โทนรำแพนซึ่งมีชื่อเสียงในการเสกกระดาษเป็นธนบัตร
โดยท่านได้ขอให้ปู่โทนเสกกระดาษให้ดูเพื่อให้เห็นด้วยตาจริงๆจากนั้นท่านก็ฝากตัวเป็นศิษย์เรียนวิชากับปู่โทน
นอกจากนี้ยังเรียนวิชากับจากพระอาจารย์ชาวเขมรอีกหลายรูป...
ขอบคุณที่มา: คมชัดลึก
__________________
-
โอว...เห็นแล้วเจ็บแทนจริงๆครับ จารลึกมากเลย :075:
...ขอบคุณสำหรับเรื่องราวพิธีกรรมการลงจารน้ำมัน หลวงพ่อวงศ์ วัดประชาวงศารามครับ...
-
ขอคุณครับสำหรับข้อมูล มานี่ไม่ผิดหวังเลย
-
เห็นแล้วเสียวครับ หลวงพ่อท่านจารเต็มหลังเลย
เลือดไหลซิบๆ :073:
-
โอ้ ..... ทนไปได้ ของดีนะครับ มีใครบ้างไม่อยากได้ ยอมรับเลย หวาดเสียวแทน ... :016: