กระดานสนทนาวัดบางพระ
หมวด มิตรไมตรี => บทความ บทกวี => ข้อความที่เริ่มโดย: กระเบนท้องน้ำ ที่ 15 ม.ค. 2553, 10:34:09
-
(http://img51.imageshack.us/img51/6858/scan10007xxx.jpg)
เมื่อท่านตายแล้วทำยังไง เรื่องของเรื่องมันมีอยู่ว่า
ข่าวเล่าลือในการตายน่ะมันมีเยอะ ถ้าฉันจะไม่นำมาเล่าเสียบ้างมันก็จะลำบาก
ท่านตายในกุฏิของท่าน คนจะเข้ามาเยี่ยมศพก็แสนจะลำบาก
เลยต้องเคลื่อนศพมาไว้ที่ศาลา ทีแรกดำริกันว่าจะใส่หีบศพ จะใส่โลงผีน่ะ
เอาว่ากันอย่างนั้นนะ ก็มาปรึกษากันว่าถ้าใส่หีบศพเข้าแล้ว คนเขามาไหว้ก็ลำบาก
เพราะลูกศิษย์ลูกหาท่านมาก เอาไว้ข้างนอกสัก ๓ วันเป็นยังไง
สมัยนั้นยาฉีดกันเน่ากันเหม็นน่ะมันไม่มีนะลูกหลาน
ก็เลยปรึกษากันว่า ๓ วัน หลวงพ่อคงยังไม่เป็นไร
ก็ช่างเถอะ ถ้าเป็นก็ค่อยเอาใส่หีบศพกัน ก็ทำเตียงเข้าไว้ เอาท่านนอนลงไป
คนทุกคนที่มาก็ให้มีโอกาสสรงน้ำ สรงน้ำก็อนุญาตให้รดแต่เพียงแค่เท้า
ไม่มีอะไรเป็นเครื่องประทังความเหม็นและความเน่า
ท่านนอนอยู่ ๓ วันบนที่นั้น ก็ปรากฏว่ามีอาการเหมือนคนหลับ
กลิ่นสางสักนิดหนึ่งก็ไม่มี เนื้อหนังที่จะผิดปกติอย่างคนตายก็ไม่มี
เขาก็เกิดสงสัยว่า คนเราถ้าตายเอาไว้ในที่แจ้งๆ นี่มันไม่ค่อยเน่า
เขาก็ว่ายังงั้นนะ เขาไม่ว่าเป็นเหตุอัศจรรย์หรอก เขาลือกันว่ายังงั้น
วันนั้นเป็นวันที่ ๓ หลังจากวันที่ ๓ ไปแล้วเป็นวันที่ ๔
ตาเก๊าที่ตลาดบ้านแพนตาย เขาเห็นหลวงพ่อปานเอาไว้ยังงั้นไม่เน่า
พวกลูกหลานเขาก็ดีใจ ว่ายังงั้นเราก็เอาไว้อย่างหลวงพ่อปานบ้าง
พวกนี้พยายามขี้ตามช้างเขาเอาไว้บ้าง พอวันที่ ๓ นะลูกหลานที่รัก
พระไปฉันไม่ได้ สวดก็ไม่ได้ พระบอกว่าอ้าปากไม่ขึ้น
ถามว่าทำไม บอกว่าหูตามันปลิ้นไปหมด ลิ้นจุกมือกางแขนขากางไปเต็มที่เน่าเฟะ
แล้วทีนี้มาดูหลวงพ่อปานครบวันที่ ๖ แล้วยังไม่เป็นไร เป็นปกติ
ร่างกายของท่านน่ะเป็นปกติ เอาไว้กันอย่างนี้ตั้งแต่วันแรม ๑๔ ค่ำ เดือน ๘
จนกระทั่งถึงวันขึ้น ๘ ค่ำเดือน ๙ กี่วันนับไปก็แล้วกัน
ร่างกายของท่านไม่ผิดปกติเลย เมื่อถึงเวลาก็เก็บศพ
ระหว่างเวลาที่ยังเอาศพท่านไว้ ที่เขาเล่าลือกันนะ บอกว่ามีปาฏิหาริย์ต่างๆ
ฉันไม่อยากจะเล่าให้ฟัง แต่ไม่เล่าให้ฟังเดี๋ยวใครเขามาพูด ลูกหลานจะสงสัย
มันมีอยู่คราวหนึ่งที่ท่านเจ้าคุณพิมลธรรมวัดมหาธาตุ
สมัยนั้นยังดำรงตำแหน่งพระศรีสุธรรมุนี เป็นเจ้าคณะจังหวัดอยุธยา
กำลังเทศน์ กลางวันนะ ก็มีแสงขึ้นไปจับอยู่ที่เพดานตรงกับหลวงพ่อปาน
แล้ววนไปวนมาตลอดเวลาเทศน์ แสงสว่างมากเป็นจุดคล้ายๆกับแสงไฟฉายขนาดใหญ่
กลางวันนี่ ใครจะฉายไฟขึ้นไปเราก็เห็น แต่ว่าเขาไม่ได้ฉายกันเราก็เลยไม่เห็นคนฉาย
อันนี้อย่างหนึ่ง แล้วมีนกกลุ่มหนึ่งมาจับ เข้ามาหาท่านอยู่เสมอ อันนี้ก็ไม่แปลก
อีกอย่างหนึ่งคือเต่า เต่าตัวนี้หลวงพ่อท่านปล่อยที่จังหวัดสิงห์บุรี
ท่านเขียนชื่อท่านไว้ แม่สุ่นแล้วก็ตาเซ่งหลีหรือไงก็ไม่ทราบที่ตลาดบ้านแพน
เขาไปซื้อมาจากคนเมา มันจะแกง แล้วเขาก็มาถวายท่าน
ท่านเขียนไว้ที่อกว่า พระปานปล่อยที่จังหวัดสิงห์บุรี
แม่สุ่นแล้วก็พ่ออะไร ซุ่นหลีอะไรก็ไม่ทราบ ท่านเขียนไว้ที่หน้าอกด้วยตะปู
รอยยังอยู่ แต่ว่าปล่อยหลายปีมาแล้วประมาณว่าสัก ๑๐ ปี
เจ้าเต่าตัวนี้มันโตมาก ขนาดเด็กขี่ได้ ไปกับผักชวา
พอไปถึงหน้าวัดก็ไต่ขึ้นมาบนเขื่อน คนเดินดูกัน ก็ไต่ไปตามถนนของเขื่อน
พอถึงถนนหน้าศาลาแล้วมันก็เลี้ยว เลี้ยวขึ้นไปจะขึ้นบันไดศาลา
คนก็เลยจับขึ้นบันได แล้วไปไหน ก็ปรากฏว่าไปนอนอยู่ใต้ศพหลวงพ่อปาน
ต่อมาเจ้าของชื่อที่เขาเอามาถวายท่านปล่อย
เมื่อเขานำศพไปเก็บแล้วก็เอาไปเลี้ยงไว้จนกระทั่งเต่าตัวนั้นตาย
สงเคราะห์ตลอดไป นี่เรื่องก็มีเท่านี้นะ
ขอบคุณที่มาจาก... ประวัติหลวงพ่อปาน และ http://thaisquare.com/Dhamma/book/pr...n/content.html
-
ขอบคุณครับผมเคยอ่านประวัติดูครับ
-
กราบนมัสการหลวงพ่อปานครับ
...ขอบคุณสำหรับเรื่องเล่าครับ.... :002:
-
ขอกราบนมัสการหลวงพ่อปานครับ
ขอขอบคุณคุณ กระเบนท้องน้ำ
ที่ได้นำประวัติเก่ามาให้เด็กๆ
ได้ศึกษาครับ
-
กราบนมัสการหลวงพ่อปาน
กราบนมัสการหลวงพ่อฤาษีลิงดำ (ผู้ถ่ายทอดความรู้)
ขอบคุณท่านกระเบนท้องน้ำที่นำมาเผยแพร่ เพื่อให้ผู้อ่านได้มีจิตใจฟู เลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนาต่อไป
ชอบมากครับ