กระดานสนทนาวัดบางพระ

หมวด ธรรมะ และ นอกเหตุ เหนือผล => ธรรมะ => ข้อความที่เริ่มโดย: นายธรรมะ ที่ 17 ก.ย. 2553, 09:45:19

หัวข้อ: เรื่องของโสเภณีที่บรรลุโสดาปัตติผล
เริ่มหัวข้อโดย: นายธรรมะ ที่ 17 ก.ย. 2553, 09:45:19
~~ในสมัยพุทธกาล~~

นางสิริมา เป็นสตรีชาวเมืองราชคฤห์ และเป็นน้องสาวของหมอชีวกโกมาร-ภัจจ์ผู้เป็นแพทย์หลวงประจำพระองค์พระพุทธเจ้า นางสิริมา มีรูปร่างสวยงามจนเป็นรู้จักกันไปทั่ว โดยนางสิริมา ได้ประกอบอาชีพเป็นโสเภณีผู้มีค่าตัวรับจ้างเป็นภรรยาชั่วคราว ในคราวละ 1000 เหรียญ

อยู่มาวันหนึ่ง นางได้ถูกว่าจ้างไปปรนนิบัติสามีของนางอุตตราผู้เคร่งครัดในศาสนาพุทธ โดยนางอุตตราได้ขออนุญาตสามีซึ่งนับถือศาสนาอื่น ไปถือศีลทำบุญเลี้ยงพระถวายพระพุทธเจ้าและพระภิกษุสงฆ์เป็นเวลา 15 วัน เมื่อนางไม่มีเวลาที่จะอยู่ปรนิบัติสามี บิดาของนางอุตตราจึงได้จ้างนางสิริมาให้มาเป็นภริยาชั่วคราวในอัตราค่าจ้าง 15000 เหรียญ

ในระหว่างที่นางสิริมารับจ้างเป็นภรรยาชั่วคราวอยู่นั้น นางสิริมาเกิดนึกลืมตัวว่าตนเองเป็นภรรยาจริงๆของสามีนางอุตตรา ครั้นเมื่อนางอุตตราถือศีลได้ครบ 15 วันแล้ว จึงกลับมาควบคุมบ่าวไพร่ให้ช่วยกันทำอาหารเพื่อถวายทานตามปกติ ขณะนั้นเอง ผู้เป็นสามีได้เดินเข้ามาใกล้นางอุตตรา พร้อมทั้งยิ้มให้นางด้วยความเอ็นดู นางสิริมาเห็นเข้า จึงเกิดความหึงหวง มิได้เจียมตนว่าเป็นเพียงนางบำเรอ จึงได้ตรงเข้าตักเนยใสที่กำลังเดือดพล่านสาดใส่นางอุตตรา บ่าวไพร่ของนางอุตตราเห็นดังนั้นจึงตรงเข้ารุมทำร้ายนางสิริมา

อย่างไรก็ดี นางอุตตราไม่ถือโทษ และทำแผลให้นางสิริมาจนหายดี ด้วยความดีของนางอุตตรา นางสิริมาได้สำนึกผิดและกล่าวขอโทษต่อนางอุตตรา นางอุตตราได้ยินเช่นนั้น จึงเกิดความคิดให้นางสิริมาได้พบกับพระพุทธเจ้า เมื่อได้เข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าแล้ว ท่านได้ตรัสเทศนาเรื่องของความดีว่า

"พึงชำนะคนโกรธ ด้วยความไม่โกรธ
พึงชำนะคนไม่ดี ด้วยความดี
พึงชำนะคนตระหนี่ ด้วยความให้ปัน
พึงชำนะคนพูดพล่อยๆ ด้วยคำจริง "


เมื่อนางสิริมาได้ฟังดังนั้น จึงเกิดความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง และทูลขอขมาพระบรมศาสดาในสิ่งที่จนได้กระทำไป จากนั้นจิตใจของนางก็เป็นจิตกุศลสงบเยือกเย็น และได้บรรลุโสดาปัตติผลในที่สุด นับแต่นั้นมา นางสิริมาก็ทำบุญถวายภัตตาหาร แด่พระพระสงฆ์วันละ 8 รูปที่เรือนของตนเป็นประจำมิได้ขาด

อยู่มาวันหนึ่ง พระภิกษุรูปหนึ่งได้ฉันภัตตาหารที่เรือนของนางสิริมาแล้ว เมื่อได้กลับไปยังวิหารที่พัก จึงได้เล่าให้พระภิกษุรูปอื่นๆฟังในความงดงามแห่งรูปโฉมของนางสิริมา

ยังมีพระภิกษุรูปหนึ่งได้ฟังความตามนั้น จึงประสงค์จะได้เห็นนางสิริมา ครั้นรุ่งเช้าจึงได้รีบครองจีวร และถือบาตรเดินไปยังเรือนของนาง เมื่อไปถึง นางสิริมาเป็นไข้ ไม่สามารถถวายอาหารได้ด้วยตนเอง จึงได้สั่งพวกคนรับใช้ทำข้าวยาคู และอาหารอันโอชารสอื่นๆถวายแทนนาง เมื่อพระภิกษุได้ฉันอาหารเสร็จแล้ว บ่าวไพร่ก็พยุงนางสิริมาที่กำลังจับไข้ออกมาไหว้พระเพื่อขอรับพร พระภิกษุรูปที่มารับบาตรแต่เช้า เมื่อได้เห็นนางก็รำพึงว่า "นางผู้กำลังเป็นไข้นี้ สวยงามนัก หากเวลาที่สบายดี และตกแต่งด้วยอาภรณ์ทุกอย่างจะสวยงามสักเพียงไหน"

เมื่อภิกษุรูปนั้นได้กลับไปยังวิหารแล้ว กิเลสในใจที่สั่งสมไว้ทำให้ ไม่สามารถฉันอาหารได้ มีความทุกข์ใจเป็นอย่างมาก เอาแต่นอนซมไม่ยอมทำกิจอันใด เฝ้าคิดถึงแต่จะได้กลับไปยลโฉมนางสิริมาอีกครั้ง

ในเย็นวันนั้นเอง นางสิริมาได้ถึงแก่กรรม เมื่อพระพุทธเจ้าทราบเรื่องจึงแจ้งข่าวไปยังพระราชาแห่งกรุงราชคฤห์ ให้นำศพนางสิริมาวางนอนไว้เป็นเวลา 8 วัน เมื่อนั้น ศพนางก็ขึ้นอืดเน่าเฟะ มีหนอนไต่ออกจากปาก ดูเป็นที่น่าสมเพชยิ่งนัก ลำดับนั้น พระองค์จึงได้บอกกล่าวแก่พระภิกษุทั้งหลายว่า พระองค์จะเสด็จไปทอดพระเนตรนางสิริมา พระภิกษุที่หลงใหลนางเมื่อทราบข่าวดังนั้น ก็ดีใจ และขอติดตามไปด้วย

เมื่อไปถึง พระพุทธเจ้าได้ประทับอยู่ข้างศพของนางสิริมา และประกาศว่า "ผู้ใดต้องการรับเอานางสิริมาไปอยู่ด้วย ให้บริจากทรัพย์พันหนึ่ง" ประกาศเท่าใดก็ไม่มีผู้ได้สนใจ แม้จะลดราคาลงเหลือ 1 กะหาปนะ หรือ แม้ให้เปล่าๆก็ไม่มีใครอยากได้ไป พระภิกษุที่เคยชื่มชมความงามของนางก็เกิดความสังเวชใจ กิเลสที่คุกรุ่นอยู่จนจิตเศร้างหมอง ก็สะอาดขึ้น จนมองเห็นถึงความไม่เที่ยงแท้ของรูปภายนอก

เมื่อนั้นพระพุทธเจ้าจึงได้ตรัสสอนว่า
"เธอทั้งหลายจงดูอัตภาพนี้ ที่ไม่มีความยั่งยืน หรือความมั่นคงเลย มีแต่ความแตกสลายไปเป็นธรรมดา"

คติเตือนใจ: คุณค่าที่แท้จริงของการเป็นมนุษย์อยู่ที่ความดี หรือคุณธรรมภายในใจ ส่วนรูปกายภายนอกเป็นสิ่งปรุงแต่ง ที่เปลี่ยนแปลงไปและเสื่อมสลายไปในที่สุด

เราจึงต้องหัด แต่งใจ ให้มากกว่าแต่งรูปกาย
เราจึงต้องสนใจ ผู้ที่มีใจงาม มากกว่าผู้ที่มีเพียงรูปงาม
ความดี จึงเป็นความงามที่ยั่งยืนโดยแท้

จากหนังสือประวัติอุบาสิกา

ขอขอบคุณที่มากจาก เว็บบอร์ดพลังจิต
หัวข้อ: ตอบ: เรื่องของโสเภณีที่บรรลุโสดาปัตติผล
เริ่มหัวข้อโดย: ~เสน่ห์ack01~ ที่ 17 ก.ย. 2553, 11:34:06
ขอบคุณสำหรับบทความครับ

รู้โฉมภายนอก เป็นสิ่งไม่เที่ยงแท้...