เทวกำเนิดของพระราหูhttp://www.bp.or.th/webboard/index.php?topic=6671.msg53682 (http://www.bp.or.th/webboard/index.php?topic=6671.msg53682)
กำเนิดของพระราหูมีอยู่ด้วยกัน๒ตำนานด้วยกันคือ ๑.พระราหูถูกสร้างขึ้นมาโดยพระอิศวร หรือพระศิวะจากหัวกะโหลก ๑๒ หัว บดป่นเป็นผง ห่อผ้าสีทอง แล้วประพรมด้วยน้ำอัมฤตเสกได้เป็นพระราหู มีสีวรกายสีนิลออกไปทางทองแดง ทรงสุบรรณ (ครุฑ) เป็นพาหนะ มีวิมานสีนิลอยู่ในอากาศ ประจำอยู่ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ(ทิศพายัพ) และแสดงถึงเศษวรรคที่ ๑ (ย ร ล ว) ๒.พระราหูเป็นโอรสของท้าววิประจิตติและนางสิงหิกาหรือนางสิงหะรา เมื่อเกิดมามีกายเป็นยักษ์และมีหางเป็นนาค
พระราหูเป็นเทวดานพเคราะห์ประเภทบาปเคราะห์ ให้ผลในทางลุ่มหลงมัวเมา พระราหูเป็นมิตรกับพระเสาร์และเป็นศัตรูกับพระพุธอันมีเหตุตามนิทานชาติเวร
ในอดีตชาติ พระราหูได้เกิดมาเป็นน้องร่วมท้องเดียวกันกับเทวดานพเคราะห์อีก๒องค์ คือ พระอาทิตย์ และพระจันทร์ โดยพระราหูเกิดเป็นน้องสุดท้อง ครั้งหนึ่ง พระราหูได้ร่วมทำบุญถวายพระที่มารับบิณฑบาตร่วมกับพี่ทั้ง๒คน พระอาทิตย์ตักบาตรในครั้งนั้นด้วยภาชนะทอง พระจันทร์ตักบาตรด้วยภาชนะเงิน ส่วนพระราหูตักบาตรด้วยภาชนะที่ทำมาจากกะลามะพร้าว เมื่อทั้ง๓พี่น้องได้มาเกิดเป็นเทวดานพเคราะห์ พระอาทิตย์จึงมีรัศมีและวรรณะเปล่งปลั่งดุจทองคำ พระจันทร์มีรัศมีและวรรณะเป็นสีขาวสว่างดุจเงิน และพระราหูมีรัศมีและวรรณะเป็นสีนิลออกไปทางทองแดง (แต่ในบางตำราก็ว่ากายของพระราหูนั้นมีสีดำบ้าง สีทองบ้าง แตกต่างกันไป)
สาเหตุที่พระราหูมีกายเพียงครึ่งท่อน
มีเรื่องเล่าว่า เมื่อครั้งที่เหล่าเทวดาได้ทำพิธีกวนเกษียรสมุทรเพื่อให้ได้น้ำอัมฤตนั้นมีทั้งเทวดาและยักษ์ทั้งหลายเข้าร่วมทำพิธี พระราหูได้แอบอยู่ในกลีบเมฆ เมื่อทำพิธีสำเร็จพระราหูจึงรีบลอบดื่มน้ำอัมฤตที่เกิดขึ้นนั้น พระอาทิตย์และพระจันทร์ได้เห็นเข้าจึงรีบเอาความนั้นไปทูลบอกพระนารายณ์หรือพระวิษณุ พระนารายณ์ทราบจึงขว้างจักรตัดไปถูกกลางตัวพระราหูขาดกลายเป็นสองท่อน แต่ด้วยว่าน้ำอัมฤตที่พระราหูได้ดื่มนั้นไหลไปจนถึงกลางตัวพระราหูแล้วพอดี ครึ่งบนของพระราหูที่ถูกตัดออกจึงกลายเป็นอมตะ ส่วนครึ่งร่างนั้นได้กลายมาเป็นพระเคราะห์องค์ที่๙แห่งเหล่าเทวดานพเคราะห์ซึ่งก็คือ พระเกตุ จากนั้นเมื่อครั้งใดที่พระราหูได้พบเจอพระอาทิตย์หรือพระจันทร์ พระราหูก็จะจับมากลืนกินด้วยความโกรธแค้นที่เทวดาทั้งสององค์นำเรื่องไปทูลพระนารายณ์ แต่อมไว้ในปากได้ไม่นานก็ต้องคายออกมาเพราะทนความร้อนและรัศมีของเทวดานพเคราะห์ทั้งสองไม่ได้ เกิดเป็นเหตุของปรากฏการณ์สุริยุปราคาและจันทรุปราคาตามคติความเชื่อของคนโบราณ
ในโหราศาสตร์ไทย พระราหูถูกแทนด้วยสัญลักษณ์ ๘ และด้วยเหตุที่สร้างขึ้นมาจากหัวกะโหลก ๑๒ หัว จึงมีกำลังพระเคราะห์เป็น ๑๒
อ้างอิง
อุระคินทร์ วิริยะบูรณะ และคณะ.พรหมชาติ ฉบับหลวง. กรุงเทพฯ:สำนักงาน ลูก ส.ธรรมภักดี, ม.ป.ป.
เทพย์ สาริกบุตร และคณะ.พรหมชาติ ฉบับราษฎร์. กรุงเทพฯ:สำนักงาน ลูก ส.ธรรมภักดี, ม.ป.ป.
บางส่วนของกระู้ทู้
"พระนอนจักรสีห์" เป็นพระพุทธไสยาสน์ปางโปรดอสุรินทราหู เป็นพระพุทธรูปขนาดใหญ่ มีพุทธลักษณะที่งดงามองค์หนึ่ง และมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ เป็นที่เคารพศรัทธาของพุทธศาสนิกชนทั่วประเทศ
ตั้งอยู่ที่วัดพระนอนจักรสีห์วรวิหาร ต.จักรสีห์ อ.เมือง จ.สิงห์บุรี ห่างจากตัวเมืองสิงห์บุรีประมาณ 5 กิโลเมตร ไปทางด้านทิศตะวันออก
พระพุทธไสยาสน์ปางโปรดอสุรินทราหู องค์ใหญ่ เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่มีพุทธลักษณะที่งดงามองค์หนึ่งของประเทศ บริเวณวัดยังเป็นที่ปฏิบัติธรรม เป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ทางด้านพุทธศาสนา สำหรับนักธรรม-บาลี และมีพระแก้ว พระกาฬ เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่วัด
ชาวสิงห์บุรี มีความเชื่อว่าหากมีโอกาสได้นมัสการวัดพระนอนจักรสีห์ฯ แล้วเดินชมต้นสาละลังกาใหญ่ที่ปลูกไว้กว่า 100 ต้น ในบริเวณวัดแล้วอธิษฐานปรบมือใต้ต้นสาละ หากดอกสาละร่วงลงมา คำอธิษฐานนั้นจะประสบผลตามที่หวังไว้
ประวัติ "หลวงพ่อพระนอนจักรสีห์" เป็นพระพุทธรูปปางพระพุทธเจ้าทรงไสยาสน์ เทศนาโปรดยักษ์อสุรินทราหู เพื่อลดทิฐิของอสุรินทราหูที่ถือตัวว่ามีร่างกายใหญ่โตกว่ามนุษย์ พระพุทธเจ้าจึงเนรมิตร่างกายให้ใหญ่กว่ายักษ์
"หลวงพ่อพระนอน" จึงเป็นพระพุทธรูปที่ใหญ่และยาว สร้างโดยท้าวอู่ทอง มีความยาว 1 เส้น 3 วา 2 ศอก 1 คืบ 7 นิ้ว (47.40 เมตร) พระเศียรชี้ไปทางตะวันออก หันพระพักตร์ไปทางทิศเหนือ มีความงดงามเป็นอย่างมาก
ภาพ/ข้อมูล : ธรรมะไทย
ภาพ/ข้อมูล : หอมรดกไทย ขอบคุณเป็นอย่างสูงครับ
ในทางพระพุทธศาสนา เชื่อว่า พระราหูคือ พระโพธิสัตย์ และจะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในกัปนี้ ชื่อว่า นารทะที่มา
ในประวัติของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ก็ยังกล่าวไว้ว่า พระราหูนั้นมาช่วยงานท่าน หลวงพ่อถามว่า ทำไมจึงไม่เที่ยวอมจันทร์ ทางบอกว่า ไม่อมหรอกดิน นั้น ก็แสดงให้เห็นว่า คติพุทธกับคติพราหมณ์นั้นแตกต่างกัน
ผมได้ศึกษาตำรายันต์ก็พบว่า มีการบอกวิธีการสร้างยันต์ราหู
เมื่อศึกษาเข้าใจอย่างถ่องแท้ เผอิญได้กะลาตาเดียวมาจากน้องชาย ชึ่งก่อนหน้านั้น น้องชายพกติดตัวไปร้านทุกวัน แต่ยังไม่ได้ปลุกเสก ลงยันต์ แต่อานุภาพของกะลา ก็สามารถเรียกลูกค้าได้
เมื่อผมได้มาจึงสร้างตามตำรา และเชื่อมีอานุภาพของพระโพธิสัตย์ ทำตามสูตรทุกอย่าง ได้แก่
1. เครื่องบูชา
2. ใช้วิชาเรียกเทพ พรหมณ์ พระราหูมาช่วยปลุกเสก
3. ใช้วิชาดูดพลังเทพ
4. ใช้วิชาพระอรหันต์เข้านิโรธ
5. แกะสลักเลขยันต์ด้วยสูตรธาตุ และอาการ 32
6. ดูฤกษ์ และ เสกตามฤกษ์ ตลอดเวลากลางวัน และ กลางคืน
วิชานี้ สามารถทำให้บันดาลทรัพย์ สมบัติ แคล้วคลาด อำพรางตา มหานิยม อายุยืนยาวนาน ไม่เจ็บไม่เข้า ข้าทาสบริวารรัก ทำให้คนรักกัน ทำให้คนขโมยไปไหนไม่ได้ ป้องกันศัตรู ค้าขายดี
และวันที่ 24 และ 30 เมษายน นี้ ผมจะนำเข้าพิธีพุทธาภิเษก
นอกจากนี้ผมยังได้สร้างยันต์ราหู สุรุยประภา และ จันทรประภา อีกด้วย 7 คู่ ไว้สักการะบูชาส่วนตัว
ผมได้ลองสาธายายมาแล้ว ปรากฎว่ามีคนนำอาหาร มาให้กินถึงที่พักโดยอัศจรรย์ทั้งๆ ที่ไม่เคยได้รับอาหารจากคนๆ นั้นมาก่อน
คราวหน้ามีเกร็ดความรู้อะไร จะมาเล่าให้ฟังต่อครับ
สวัสดีครับ
ราหูในทางโหราศาสตร์นั้น "ไม่ใช่ดาว" แต่เป็นจุดตัดกันระหว่าง "เส้นระวิมรรค (ทางเดินของพระทิตย์)" และ "เส้นจัทรมรรค(ทางเดินของพระจันทร์)" โดยจุดตัดทางทิศเหนือแทน "พระราหู" และ ทางใต้แทน "พระเกตุ"ขอบพระคุณท่าน สาม เสมา ที่ให้ความรู้ครับ :090:
พระราหูในทางโหราศาสตร์มีอัตราการโคจรราศีละ "ปีครึ่ง" โดยวันที่ ๖ มิ.ย.๕๔ จะยกย้ายจากราศีธนูมาราศีพิจิก โดยราหูจะเดินย้อนจักร (ตามเข็ม) ต่างกับดาวพระเคราะห์อื่นๆที่เดินตามจักร (ทวนเข็ม) อันที่จริงการคำนวณทางโหราศาตร์นั้น ในวันที่ ๖ นี้ จะเป็นการคำนวณแบบค่าเฉลี่ย ทางสากลเรียกว่า Mean Node โดยถ้าเป็นการคำนวณทางดาราศาตร์ที่แท้จริงจะเรียกว่า True Node ซึ่งราหูจะย้ายราศีตั่งแต่วันที่ ๓ พ.ค.แล้ว
ราหูในทางโหราศตร์นั้นจะเกี่ยวข้องกับพระอสุริทรราหูหรือไม่อย่างไรนั้น ยังหาที่มาที่ไปไม่ได้ รู้แต่ว่าเมือราหูจรเข้าไปอยู่ที่ราศีใด และไปต้องกับดวงชาตาของผู้ใด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเกิดคราส (จันทรคราสและสุริยคราส) ความวิบัติมักจะบังเกิดกับชาตาผู้นั้น
ครั้งหนึ่งพระอินทร์ พระพรหม พร้อมด้วยเหล่าเทวดาทั้งหลายและพระราหู ได้ช่วยกันขุดบ่อน้ำทิพย์อันเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ หากใครได้ดื่มกินจะเป็นอมตะ ไม่รู้จักคำว่าตาย แต่พระราหู โดยส่วนตัวแล้วชอบเอาเปรียบผู้อื่นอยู่แล้ว เลยไม่ค่อนได้ช่วย ทั้งที่ตัวใหญ่ และพระอินทร์ได้สั่งไว้ห้ามใครดื่มกินเด็ดขาด เมื่อพระอินทร์ พระพรหม และพระนารายณ์ ขุดจนได้น้ำแล้ว พระราหูแอบไปขโมยกินจนหมดบ่อ พระอาทิตย์และพระจันทร์ได้เห็นเข้าจึงรีบเอาความนั้นไปทูลบอกพระนารายณ์ พระนารายณ์ทราบจึงได้ขว้างจักรใส่พระราหูจนขาดกลายเป็นสองท่อน ท่อนบนหรือส่วนหัวกระเด็นมาติดที่เขาพระราหู ซึ่งเป็นที่ตั้งของวัดสถิตคีรีรมย์(วัดเขาราหู) ส่วนท่อนล่างได้ตกลงบนพื้นดินกลายเป็นพระภูมิเจ้าที่ หรือเรียกว่าท้าวกรุงพาลี
คำว่า นะ โม พุท ธา ยะ ดำเนินความตามโบราณคัมภีร์ ตั้งแต่ต้นปฐมกัป โลกนี้ยังว่างเปล่า เพราะเหตุไฟประลัยกัลป์ไหม้โลกจนหมดสิ้น แล้วฝนก็ตกลงมาจนน้ำท่วมโลก ชำระสิ่งต่างๆให้หมดไป ครั้งกระนั้นยังเหลือแต่พรหมโลกที่รอดพ้นจากภัยภิบัติ ขณะที่น้ำท่วมโลกลดลง และได้เกิดแผ่นดินขึ้นมา ก็เผอิญให้เกิดดอกบัวขึ้นมา ๕ ดอก ท้าวสะหะบดีพรหม ท้าวสะหะบดีพรหม ซึ่งประทับอยู่บนพรหมโลก จึงได้แลพระญาณลงมายังโลกนี้ ได้มองเห็นดอกบัว ๕ ดอก แต่ละดอกมี อักขระ นะโม พุท ธา ยะ กำกับอยู่ดอกละอักขระ จึงได้ทรงทำวันทนาการ แล้วตรัส พยากรณ์ว่า กัปป์ที่เกิดขึ้นใหม่นี้ชื่อว่า ภัทรกัปป์จะมีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้ ๕ พระองค์ แล้วท้าวสะหะบดิพรหมจึงได้ทรงเอาหญ้าคาทิ้งลงมาบนโลก จึงได้เกิดแผ่นดิน มนุษย์ และสัตว์โลกจนทุกวันนี้
ฉะนั้น นะ โม พุท ธา ยะ จึงเป็นอักขระที่แสดงให้รู้ถึงพระพุทธเจ้า ๕พระองค์ เป็นอักขระที่แสดงให้รู้ถึงพระพุทธเจ้า ๕พระองค์ เป็นอักขระที่เกิดขึ้นมาเองที่วิเศษ โดยไม่ได้ตบแต่ง หากใครได้ภาวนาไว้ก็เหมือนได้พบกับพระพุทธเจ้า ๕พระองค์ และคณาจารย์ทุกสำนักก็ต้องเรียนอักขระนี้มาก่อนทั้งสิ้น
การบูชาพระราหู ผู้บูชาจะต้องมีศีลมีธรรมและมีความดี มีคุณธรรมสูง และทำบุญกุศลอยู่เสมอ ความร่ำรวยหรือโชคลาภใหญ่ก็จะเกิดขึ้นได้
สวดด้วยพระคาถาบูชาพระราหู12จบว่าดังนี้ -
คาถาสุริยะบัพภา การบูชากลางวัน
กุสเสโตมะมะ กุสเสโตโต ลาลามะมะ โตลาโม โทลาโมมะมะ โทลาโมมะมะ
โทลาโมตัง เหกุติมะมะ เหกุติฯ
คาถาจันทรบัพภา การบูชากลางคืน
ยัดถะตังมะมะ ตังถะยะ ตะวะตัง มะมะตัง วะติตัง เสกามะมะ กาเสกัง
กาติยังมะมะ ยะติกาฯ
ด้านอาจารย์ภิญโญ พงศ์เจริญ นายกสมาคมโหราศาสตร์นานาชาติ กล่าวว่า เมื่อเวลา 17.15 น. ของวันที่ 24 พฤษภาคม พระราหูซึ่งเป็นโมหจริตได้ย้ายจากราศีธนูเข้าสู่ราศีพิจิกซึ่งเป็นภพมรณะของดวงเมือง ในทางโหราศาสตร์เมื่อดาวร้ายไปอยู่ในภพมรณะจะทำให้ความชั่วร้ายต่าง ๆ ถูกสยบลงไป ส่วนดาวพฤหัสบดีซึ่งเป็นดาวที่แสดงถึงคุณธรรม จริยธรรม เคลื่อนไปทับลัคนาเมืองที่ราศีเมษจะยิ่งส่งผลดี ทำให้กลุ่มคนที่ลุ่มหลงมัวเมากลับมามีสติรู้สึกตัว และเข้าใจความเป็นจริงมากขึ้น เพราะความลับต่าง ๆ จะถูกเปิดเผยออกมามากขึ้น:016: :015:
ในการบูขานั้น บูชาอะไรก็ไม่เท่าบูชาพระรัตนตรัย บูชาบิดามารดา บูชาครูบาอาจารย์ ดั่งบทที่ว่า "ปูชาจะปูชนียานัง" คือบูชาสิ่งที่ควรบูชา
ส่วนเทพเทวดาทั้งหลาย เราก็บูชาได้ ส่วนจะเป็นอามิสบูชา หรือปฏิบัติบูชานั้น ก็แล้วแต่ละท่านจะพิจารณากันเอง